เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 246: ซุนหม่านเซียงมาที่บ้าน
พี่สะใภ้เหลียนจือพาเฉินเยี่ยนไปบ้านอื่นอีก
“คิดไม่ถึงว่าวันนี้อาเฉียวเฟิ่งจะใจกว้าง ให้มาตั้งสิบสตางค์แหน่ะ”
“ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วให้หนึ่งสตางค์เอง”
“คิดไม่ถึงว่าภรรยาซินห้าวคนนี้จะคุมอารมณ์ได้ ไม่ยอมคุกเข่าด้วย”
“คนเขาไม่อยากได้เงินไง”
หลายคนที่ตามมาด้านหลังต่างวิจารณ์กัน
อาเฉียวเฟิ่งปิดประตูกระแทก เสียงดังมาก ทำเอาคนที่วิจารณ์กันอยู่เบะปาก
จนทำความรู้จักครบหมดแล้วก็กลับบ้าน พี่สะใภ้เหลียนจือก็ตามกลับมาบ้านซินด้วย เธอปูเสื่อ จากนั้นเอาเงินที่แต่ละบ้านให้มานับ แล้วเอาเงินให้คุณย่าซิน
เดิมทีเงินนี้ควรจะเป็นแม่สามีเฉินเยี่ยนเก็บไว้ สุดท้ายอยากจะให้เฉินเยี่ยนก็ให้ ไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็แล้วแต่น้ำใจของแม่สามี
แต่ซุนหม่านเซียงไม่อยู่ จึงให้คุณย่าแทน
เฉินเยี่ยนนับถือพี่สะใภ้เหลียนจือมาก บ้านหลายหลังขนาดนี้ แต่ละบ้านให้เงินมาเท่าไรเธอจำได้แม่น สมองดีมาก
ขอบคุณพี่สะใภ้เหลียนจือเสร็จ เธอกลับไปแล้ว ก็เหลือแต่คนครอบครัวซิน
“อาเฉียวเฟิ่งไม่ได้ทำให้เธอลำบากใช่ไหม?”
ไป๋ซิ่วเหมยถามอย่างกังวล
คนที่เหลือต่างก็มองเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนไม่ปิดบัง เล่าเรื่องราวให้ฟัง
“เฮ้อ พูดขึ้นมาเฉียวเฟิ่งนี่ก็เป็นคนที่น่าสงสาร”
คุณย่าถอนหายใจ
“ทำไมเหรอคะ?”
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราว เธอคิดว่าอาเฉียวเฟิ่งนั้นเกิดมาก็นิสัยแบบนี้
“ปีนั้นที่อาเฉียวเฟิ่งของเธอเพิ่งแต่งงานมา เป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีเลย ครอบครัวเธอโชคไม่ดี เธอไปทำความรู้จักญาติ คนอื่นต่างให้เธอคุกเข่าก้มคำนับ ถ้าไม่คุกเข่าคำนับก็จะจัดการบ้านเธอ เธอทำอะไรไม่ได้ คำนับบ้านนี้ไปจนถึงบ้านนั้น บางบ้านก็ไม่ให้เงิน แล้วยังถุยน้ำลายใส่เธอด้วย ช่วงนั้นเธอลำบากไม่น้อยเลย ผ่านไปไม่ถึงสองปีสามีก็เกิดเรื่อง ทะเลาะต่อสู้กัน คนหนึ่งคิดสั้นผูกคอตาย สามีกินยา แม่สามีร้องไห้จนตาเสีย ลูกชายคนเดียวของเธออายุยังไม่ถึงห้าขวบ เป็นโรคร้ายแรง เสียชีวิต แม่สามีเธอรู้ว่าหลานชายเสียแล้ว คืนวันนั้นตัวเองก็โขกกำแพงจนตาย น้องชายของสามีเธอคิดว่าเธอคือตัวซวย เลยตัดการไปหามาสู่กับเธอ หลายปีมาแล้ว เธออยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ง่ายเลย”
คุณย่าเล่าเรื่องของอาเฉียวเฟิ่งให้ฟัง
เฉินเยี่ยนถอนหายใจ ยุคนั้นนี่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เรื่องราวมากมายที่พูดไม่ได้ แต่โชคชะตาของอาเฉียวฟิ่งก็ไม่ดีจริงๆ มิน่าเธอถึงเป็นแบบนี้ มีสาเหตุนี่เอง
“เธอไม่ยอมไปมาหาสู่กับใคร ยังไงพวกเราก็ไม่ได้ติดต่อกันมากอยู่แล้ว ถ้ายอมได้ก็ยอมไป เยี่ยนจื่อ เธอก็อย่าไปคิดมา เพราะตอนที่เธอไปทำความรู้จักญาติก็โดนให้คุกเข่า ดังนั้น ตอนนี้ใครมาหาทำความรู้จักกับเธอ เธอก็เรียกให้คุกเข่าเหมือนกัน”
ไป๋ซิ่วเหมยกลัวว่าเฉินเยี่ยนจะรู้สึกอะไร
“วางใจได้ค่ะ”
เฉินเยี่ยนยิ้ม ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบอาเฉียวเฟิ่ง แต่เธอกับอาเฉียวเฟิ่งไม่ได้เป็นศัตรูกัน เธอไม่ใส่ใจ อีกอย่างอาเฉียวเฟิ่งคนนี้ก็น่าสงสาร
คุณย่าจะให้เงินที่รู้จักญาติกับเฉินเยี่ยนทั้งหมด เฉินเยี่ยนไม่ต้องการ เธอกับซินห้าวไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แต่งานแต่งของลูกสาวในหมู่บ้านต้องใช้สินสอด เงินนี้ให้คุณย่าหรือป้ารองเก็บไว้ก็ได้
เห็นเฉินเยี่ยนยืนหยัด คุณย่าเลยไม่ได้พูดอะไร
เรื่องนี้ถือว่าแล้วไป
ชีวิตของเฉินเยี่ยนถือว่ากลับมาสู่ปกติ ตอนกลางวันไปทำงาน มีเวลาก็ไปเยี่ยมบ้านเฉิน จากนั้นเธอจะรอซินห้าวเลิกงานมาหาเธอที่โรงงาน แล้วกลับบ้านซินพร้อมกัน
เดิมทีเฉินเยี่ยนคิดว่าตัวเองจะทำกับข้าวกินกันกับซินห้าว เพราะพวกเขากินข้าวเช้าค่อนข้างสาย ตอนเย็นกลับมาก็มืด ทุกครั้งคนบ้านซินต้องรอพวกเขา
แต่ซินต้าฉุยไม่เห็นด้วย บอกว่าถ้าพวกเขายังอยู่ที่นี่ ก็ต้องกินข้าวที่นี่ ขอแค่ได้เห็นพวกเขา ถึงแม้เขาจะหิวก็ยอม
เฉินเยี่ยนเข้าใจความหวังดีของคุณปู่คุณย่า ดังนั้นเลยไม่ดึงดัน
ช่วงเวลานี้ ซินชานก็กลับมาบ่อย บางครั้งดึกแล้วก็อยู่ค้างบ้านซิน แต่ซุนหม่านเซียงไม่ได้มาเลย ไม่รู้ว่าเพราะครั้งที่แล้วเธอตบซินห้าว รู้สึกผิด เลยไม่กล้ากลับมาแย่งของพวกนั้นกับคุณย่าหรือเปล่า
ตอนที่เฉินเยี่ยนคิดว่าซุนหม่านเซียงจะไม่กลับมาแล้ว เธออยู่ในโรงงานกำลังทำยาเส้นอยู่ ก็โดนคนเรียกกลับบ้านซิน
เฉินเยี่ยนขี่จักรยานกลับมาถึงบ้านซิน
ประตูหน้าบ้านซินมีคนอยู่ไม่น้อย พอเห็นเฉินเยี่ยนกลับมา ผู้คนก็เริ่มหลีกทางให้
เฉินเยี่ยนเห็นอาเฉียวเฟิ่งด้วย คิดไม่ถึงว่าเธอก็จะมามุงดูเหมือนกัน
เฉินเยี่ยนจ้องมองเธออีกสองครั้ง อาเฉียวเฟิ่งฮึดฮัด แล้วถอยออกไปจากฝูงคน
เฉินเยี่ยนยิ้ม เข็นจักรยานตัวเองเข้าไปในลานบ้าน
ในลานบ้านก็มีคนอยู่ เป็นคนครอบครัวซิน และครอบครัวป้ารองอยู่หลายคน
นี่เป็นหมู่บ้านเกษตรกร ปกติเวลามีเรื่องอะไร ก็จะรู้เรื่องกันทันที มีคนมามุงดู ถ้าอยู่ในเมืองจะปิดประตูทะเลาะกัน น้อยคนที่จะยุ่งเรื่องคนอื่น
“ฉันทำอะไรเหรอ? มีอะไรที่น่าละอาย! ฉันทำเรื่องดีต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ซินชานจะได้มีหน้ามีตาถึงตอนนี้เหรอ? ฉันก็แค่ตบซินห้าวไปฉาดเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือไง? เฉินเยี่ยนนั่นยังกลับมาฟ้องอีก ทำไมฉันถึงตบซินห้าว นั่นก็เพราะเขาผลักน้าเขา เขาแต่งงานกับเฉินเยี่ยนนั่นแล้ว ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย เขาแยกแยะไม่ได้ ฉันเป็นแม่เขา ฉันตีเขาไม่ได้หรือ? เห็นแก่หน้าฉันบ้างสิ”
นี่ยังไม่ได้เข้าไปในบ้านเลย เฉินเยี่ยนก็ได้ยินเสียงของซุนหม่านเซียงแล้ว
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า แม่สามีคนนี้ทำไมโง่แบบนี้ เพราะว่ากลัวคุณปู่คุณย่าเสียใจ ดังนั้นเธอกับซินห้าวเลยไม่มีใครพูดเรื่องซินห้าวโดนตบเลย ซุนหม่านเซียงนี่กลับยอมรับเอง นี่ยิ่งทำให้คนเกลียดเข้าไปใหญ่!
“เธอว่าอะไรนะ! เธอตบหลานชายคนโตของฉันหรือ? พูดมาอีกทีสิ”
เสียงซินต้าฉุยดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเริ่มฉุนเฉียว
คนข้างนอกที่ได้ยินก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน
ซุนหม่านเซียงอึ้งไป เห็นท่าทางของพ่อแม่สามี น้องชายสามีและพี่น้องสะใภ้แล้วยังไม่รู้เรื่องที่เธอตบซินห้าว? งั้นเฉินเยี่ยนไม่ได้กลับมาฟ้องหรือ?
“ก็ครั้งที่แล้วเขาพาเฉินเยี่ยนไปทำความรู้จักญาติพี่น้อง เฉินเยี่ยนนั่นไม่รู้เรื่อง ให้เธอคุกเข่าก้มคำนับฉัน คำนับคุณยาย คุณลุงและน้าสะใภ้ เธอก็ไม่ยอม ให้เธอทำอาหาร เธอก็ทำอะไรไม่เป็น ไม่ได้เรื่อง แล้วยังต่อปากต่อคำกับคุณยาย กับคุณน้า เธอออกไปซื้อของ กลับมายังพูดจาแย่ๆ กับน้าเธออีก น้าเธอบอกว่าขอดูว่าซื้ออะไรมา ให้เธออย่าซี้ซั้วใช้เงิน จากนั้นเธอกับซินห้าวก็ลงมือผลักน้า ทำเธอล้มจนไปไร่ไม่ได้หลายวัน ฉันเลยตบเขาไปทีหนึ่ง นี่ยังจะโทษฉันอยู่อีกหรือ”
ซุนหม่านเซียงอธิบาย แต่เธอผลักความรับผิดชอบไปให้เฉินเยี่ยน
“เธออย่ามาพูดมั่วๆ เยี่ยนจื่อไม่รู้เรื่องตรงไหน? เธอทำกับข้าวอร่อยจะตาย เทียบกับร้านอาหารแล้วยังอร่อยกว่าอีก ยังมาบอกว่าเธอทำอาหารไม่เป็น มีแม่สามีอย่างเธอที่ไหน? บอกว่าเยี่ยนจื่อซื้อของมั่วซั่ว? เธอหาเงินเอง ทำไมจะซื้อไม่ได้? เธอก็แค่ซื้อของให้ฉัน ให้ย่าเธอ ให้ลุงสอง ป้ารองแล้วยังมีน้องสาวสองคนกับซินห้าว ซินเหวยไม่ใช่หรือ? เธอไม่ชิน ก็คิดเสียว่าเธอใช้เงินให้พวกเราไม่ได้หรือไง? บอกว่าเธอตีน้าจนลงจากเตียงไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนที่ใส่ความลูกชายกับลูกสะใภ้ตัวเอง แล้วเธอยังตบซินห้าว เธอเป็นแม่นะ เธอคิดว่าไม่เห็นจะเป็นไร ได้ งั้นวันนี้ฉันก็จะตบเธอหนึ่งฉาด ฉันเป็นพ่อ ฉันก็ตีเธอได้เหมือนกัน”
ซินต้าฉุยฟังคำพูดของซุนหม่านเซียงจนระเบิดความโกรธออกมา