เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 252: สุนัขดำตัวใหญ่มาช่วยไว้
ผ่านวันที่หนึ่งไปแล้ว มาถึงวันที่สอง วันที่สองเป็นวันที่ต้องกลับบ้านภรรยา
ซินห้าวและเฉินเยี่ยนจะไปบ้านเฉิน
แต่ไป๋ซิ่วเหมยไม่กลับ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ลูกสาวเธอซินฮุ่ยจะกลับบ้าน เธอต้องอยู่บ้านต้อนรับ อีกอย่างซินหงก็จะพาลูกและลูกเขยกลับมาด้วย เธอต้องทำอาหาร เธอจึงต้องกลับบ้านวันที่สาม
ซินห้าวและเฉินเยี่ยนหยิบของไป ขี่จักรยานไปบ้านเฉินด้วยความดีใจ
เพิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน บังเอิญเจออวี๋เหวยหมินและภรรยาเขาซุ่ยชิวเหมยพอดี มืออวี๋เหวยหมินหิ้วตะกร้า ข้างบนมีผ้าคลุมอยู่ ดูท่าแล้วน่าจะกลับไปเยี่ยมบ้านภรรยาเหมือนกัน
ซุ่นชิวเหมยเห็นซินห้าวและเฉินเยี่ยน ก็ได้ยินเธอพูด “บอกว่าคุณไม่มีปัญญาคุณก็ไม่เชื่อ ดูสิคนอื่นเขากลับไปเยี่ยมบ้านภรรยาก็ขี่จักรยานมา คุณล่ะ? ให้ฉันเดินไปกับคุณ ของนี้ก็เอามานิดเดียว ฉันไม่มีหน้ากลับไปหมู่บ้านแล้ว คนในหมู่บ้านจะหัวเราะเยาะเอา หัวเราะเยาะว่าฉันได้สามีจน ฉันอยู่กับคุณนี่เงยหน้าไม่ได้เลย ตอนแรกบอกว่าคุณไม่ต้องการผู้หญิง ฉันว่าผู้หญิงไม่ต้องการคุณมากกว่า ไร้ความสามารถ”
เฉินเยี่ยนได้ยินชัดเจน เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าภรรยาอวี๋เหวยหมินจะกล้าว่าอวี๋เหวยหมินแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น
หน้าอวี๋เหวยหมินเปลี่ยนเป็นสีเหมือนตับหมูแล้ว โดนภรรยาว่าต่อหน้าเฉินเยี่ยนและซินห้าวแบบนี้ เขายิ่งขายหน้า เขาเหวี่ยงตะกร้าที่ถืออยู่ในมือลงพื้นทันที ข้าวของในตะกร้ากลิ้งออกมา
มีผักหลายอย่าง แล้วยังมีเนื้อที่ต้มสุกแล้ว เนื้อชิ้นไม่ใหญ่ เป็นเนื้อประเภทมันเยอะเนื้อน้อย
เนื้อกลิ้งตกลงบนพื้น เปื้อนฝุ่น ทั้งอวี๋เหวยหมินและซุ่ยชิวเหมยต่างก็ไม่เก็บ
“คุณยังกล้าทิ้งของอีก? ฉันว่าคุณผิดเหรอ? คุณมันไม่ได้เรื่อง แต่งงานกับคุณ ถือว่าฉันซวยไปแปดชาติ คุณหยิบขึ้นมาเลยนะ วันนี้จะบอกคุณให้ ถ้าคุณไม่ทำให้ฉันกลับบ้านอย่างประทับใจ ฉันก็จะไม่กลับมาแล้ว คุณอยู่เป็นโสดไปเถอะ!”
ซุ่ยชิวเหมยชี้จมูกอวี๋เหวยหมิน น้ำลายแทบจะพ่นใส่หน้าอวี๋เหวยหมินแล้ว
“ผมไม่เก็บ! รังเกียจผม ผมต่างหากที่รังเกียจคุณ คุณมันหญิงปากร้าย ไม่มีมารยาท วันๆ เอาแต่กินขี้เกียจทำงาน เฉินเยี่ยนนั่นยังดีกว่าคุณเลย เธอทำอาหารอร่อย เธอดูแลสามี ดูแลบ้าน คุณทำเป็นไหม? บอกว่าขายหน้า งั้นคุณก็กลับไปเลย ไม่ต้องกลับมาอีกชั่วชีวิต”
อวี๋เหวยหมินก็โมโหเหมือนกัน ชาติที่แล้วเฉินเยี่ยนแต่งงานกับเขา ปรนนิบัติเขาดีมาก ไม่เคยทำให้เขากังวลใจเลย ถึงแม้จะเป็นเฉินเวย เธอก็พูดจาหวานเอาใจเขาทั้งวัน เขาไม่เคยมาเจออารมณ์โมโหแบนี้เลย
ซินห้าวกับเฉินเยี่ยนดูอย่างสนุก
สายตาซินห้าวเป็นประกาย อวี๋เหวยหมินบอกว่าเฉินเยี่ยนดี เขาไม่คัดค้าน เพียงแต่อวี๋เหวยหมินรู้ได้ยังไงว่าเฉินเยี่ยนทำอาหารอร่อย? รู้ได้ยังไงว่าเฉินเยี่ยนดูแลบ้าน ดูแลสามี?
ก็ใช่ เฉินเยี่ยนกับอวี๋เหวยหมินเคยหมั้นหมายกันมาก่อน รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อวี๋เหวยหมินเลิกกับผู้หญิงที่ดีอย่างนี้ ตาบอดจริงๆ
แต่เขาตาไม่บอด ตัวเองจะไปหาภรรยาที่ดีอย่างเฉินเยี่ยนได้ที่ไหน
ตัวเองต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ
เฉินเยี่ยนก็คิดไม่ถึงว่าอวี๋เหวยหมินจะพูดแบบนี้ออกมา ถึงกับยอมรับว่าเธอดี ดูเหมือนเธอจะชอบการเปรียบเทียบ ถ้าไม่เทียบก็ไม่รู้
แต่จะยังไงอวี๋เหวยหมินก็ไม่อยากมีความสัมพันธ์กับเธอแล้ว
มองดูอวี๋เหวยหมินและซุ่ยชิวเหมยสองคนต่างชี้จมูกต่อว่ากัน เฉินเยี่ยนรู้สึกยินดีเหลือเกิน ที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ตัวเอง
และในขณะเดียวกันตอนนี้ไม่รู้ว่ามีสุนัขตัวใหญ่สีดำตัวหนึ่งวิ่งมาจากไหน สุนัขตัวใหญ่สีดำอ้าปากคาบเนื้อจากพื้นไป
อวี่เหวยหมินอึ้ง เนื้อนี้ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะหามาได้ เพื่อที่จะเอากลับไปให้ที่บ้านภรรยา ตอนนี้โดนสุนัขคาบวิ่งหนีไปแล้ว เขาจะไปหาเนื้อมาจากที่ไหนได้อีก!
“ไอ้หมาบ้า แกกล้าคาบเนื้อของฉัน ฉันจะทุบแกให้ตาย”
ซุ่ยชิวเหมยพูดแล้วหยิบก้อนดินมาเขวี้ยงใส่สุนัข
มีดินก้อนหนึ่งเขวี้ยงโดนขาสุนัขจริง สุนัขร้องออกมา เนื้อหล่นลงไปบนพื้น สุนัขหันหน้ากลับมาแยกเขี้ยวใส่ซุ่ยชิวเหมย ร้องขู่ หมายความว่าถ้าเธอเขวี้ยงใส่มันอีก มันจะกัดเธอ จากนั้นคาบเนื้อบนพื้นแล้ววิ่งออกไป
เฉินเยี่ยนหัวเราะ เจ้าสุนัขดำนี่เจ๋งจริง ถือว่าเป็นพระเจ้ามาช่วยเลย
ซุ่ยชิวเหมยเท้าสะเอวด่าฉอดๆ
อวี๋เหวยหมินหน้าบึ้ง อยู่ๆ เขาก็พบว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาคนนี้ช่างแปลกหน้าเหลือเกิน ถึงแม้จะสวย แต่หยาบคาย ขี้เกียจ ทำให้เขารู้สึกรังเกียจมาจากข้างใน นี่คือภรรยาที่เขาต้องการหรือ? นี่คือชีวิตที่เขาต้องการหรือ? ทำไมชีวิตเขาถึงได้กลายเป็นอย่างนี้? ในชั่วขณะอวี๋เหวยหมินรู้สึกสงสัยชีวิตตัวเอง
“รีบไปเถอะค่ะ”
เฉินเยี่ยนตีเอวซินห้าว เพราะเธอเห็นซุ่ยชิวเหมยตรงมาทางพวกเขา พวกเขาแค่มาดูละคร แต่ไม่อยากจะโดนหางเลขไปด้วย
“นางหน้าด้าน มีสามีอยู่แล้วยังมาจ้องสามีคนอื่นไม่ละสายตาอีก”
ซุ่ยชิวเหมยด่าไล่หลัง ซินห้าวอยากจะหยุดรถ แต่เฉินเยี่ยนไม่ให้ หยุดรถไปทะเลาะกับซุ่ยชิวเหมยแล้วยังไง ยังไงซุ่ยชิวเหมยก็ไม่กลัวขายหน้าคนอื่น แต่เธอไม่อยากให้ซินห้าวเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ คนแบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจดีที่สุด
“โชคดีที่ตอนนั้นคุณไม่ได้แต่งงานกับเขา”
ในใจซินห้าวยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ สามีภรรยาต่างด่ากันต่อหน้าคนอื่น โทษกัน ทะเลาะกันแบบนี้ ยังจะใช้ชีวิตต่อได้หรือ? เขาคิดไม่ออกเลยว่าถ้ามีวันหนึ่งเขากับเฉินเยี่ยนเป็นแบบนี้ เขาจะเป็นอย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาและเฉินเยี่ยนไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน
“ใช่แล้ว ฉันต้องขอบคุณที่เขาไม่ขอแต่งงาน ถึงทำให้ฉันได้พบคนที่ดีอย่างคุณ ถ้าให้ฉันกับอวี๋เหวยหมินมีชีวิตแบบนี้ ฉันยอมไม่มีดีกว่า”
เฉินเยี่ยนเห็นด้วย จากนั้นพิงศีรษะไปที่หลังซินห้าว
ซินห้าวยิ้มกว้าง เทียบกับอวี๋เหวยหมินและเฉินเวยแล้ว เขาและเฉินเยี่ยนถือว่ามีความสุขมาก
พวกเขามาถึงบ้านเฉิน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
แต่เฉินกุ้ยและหลัวเหมยกลับบ้านภรรยาไปแล้ว เฉินกุ้ยก็ซื้อจักรยาน แต่เขาไม่กล้าขี่ หลัวเหมยใกล้คลอดแล้ว เขาจูงรถเข็นพาหลัวเหมยกลับบ้าน
คุยกันสักพัก เฉินหู่เรียกร้องให้ซินห้าวสอนมวยเขา เฉินเยี่ยนหัวเราะแล้วทำอาหารเป็นเพื่อนหวางนิว
จะเที่ยงแล้ว เจ้าอ้วนกับหวางจวนก็มา หวางจวนบอกว่าเธอถือว่าครอบครัวเฉินเป็นบ้านเธอ ดังนั้นวันกลับไปเยี่ยมบ้านเธอเลยกลับมา
แน่นอนเจ้าอ้วนก็ยินดีที่จะมาที่นี่ เพราะที่นี่มีซินห้าว เขาไม่ชอบคนบ้านหวาง
เจ้าอ้วนก็จูงหวางจวนมา คิดเหมือนเฉินกุ้ย ด้วยกลัวว่าขี่จักรยานจะทำให้หวางจวนล้ม
ต้อนรับพวกเขาเข้ามาในบ้านแล้ว ประคองให้หวางจวนนั่ง พูดคุยกันไม่กี่คำ ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว
อาหารเต็มโต๊ะไปหมด
พ่อตาเฉินจงนั่งดื่มเหล้ากับซินห้าวและเจ้าอ้วน หวางนิวเรียกให้เฉินเยี่ยนและหวางจวนกินข้าว บางครั้งเฉินหู่ก็ฟังเฉินจงและซินห้าวพูดคุยกัน ดื่มไปแก้วหนึ่ง แล้วก็ไปอยู่ฝั่งหวางนิวและเฉินเยี่ยน ฟังเขาพูดคุยกันหลายประโยค แลดูครึกครื้น
ชีวิตแบบนี้ทำให้หวางนิวอดคิดถึงเฉินเวยไม่ได้ แต่เธอก็รู้ว่าถ้าพูดถึงเฉินเวยขึ้นมาตอนนี้จะทำให้เสียบรรยากาศ ดังนั้นเลยไม่ได้พูดถึง
“ใช่แล้ว เยี่ยนจื่อ พ่อลูกบอกว่าหลิวอี้ยังไปที่โรงงานสืบเรื่องลูกอยู่เลย”
อยู่ๆ เหมือนหวางนิวก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยบอกเฉินเยี่ยน
หลิวอี้?
เฉินเยี่ยนคิดอยู่สักพักแล้วค่อยนึกออกว่าคนนี้คือใคร
“ใช่ พี่ เรื่องนี้ฉันก็ได้ยินมา”
หวางจวนพยักหน้า ตอนนี้เธอยังทำงานอยู่ที่โรงงาน คิดว่าตอนใกล้คลอดแล้วค่อยขอลา
“เขามาสืบฉันเรื่องอะไร”
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจ ครั้งนั้นที่เจอหลิวอี้ เขาใกล้จะแต่งงานอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?