เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 272+273: ของพิเศษ
ทั้งสองคนอยู่ที่ปักกิ่งอีกหลายวัน จากนั้นออกเดินทางไปเซี่ยงไฮ้
เซี่ยงไฮ้ยังไม่เจริญเท่ากับยุคหลัง ยังไม่มีตึกสูงใหญ่มากขนาดนั้น ไปที่ไหนก็เจอแต่ตอกซอกซอย
เฉินเยี่ยนถือว่าคุ้นเคยกับอาหารที่นี่ รสชาติที่นี่ออกหวาน แต่เธอเป็นผู้หญิง เดิมทีก็ชอบของหวานอยู่แล้ว ดังนั้นเลยกินอย่างมีความสุข
แต่ซินห้าวปรับตัวไม่ค่อยได้ เขาชอบกินเผ็ดกว่านี้ รสชาติเข้มข้นกว่านี้ แต่อาหารที่นี่ไม่เข้ากับลิ้นเขาเลย
แต่เห็นเฉินเยี่ยนกินอร่อย เขาก็อดทน ขอแค่ภรรยาชอบก็พอแล้ว
ทั้งสองคนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ระยะหนึ่ง ซื้อร้านค้าปลีกเล็กๆ ร้านหนึ่งและบ้านหลังเล็กในซอยอีกหลังหนึ่ง เงินพวกเขาก็หมดแล้ว
เฉินเยี่ยนไม่เพียงแต่ทอดถอนใจ เงินนี่ใช้ไปง่ายจริงๆ เธอกับซินห้าวสองคนลำบากมาสามปีกว่า กว่าจะเก็บสะสมได้เยอะขนาดนี้ คนในหมู่บ้านอิจฉาพวกเขา บอกว่าเงินที่พวกเขาหาได้ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่แล้ว แต่หลังจากมาได้กี่วันเอง ตัวก็โล่งแล้ว
ถ้ากลับไปแล้วคนที่บ้านรู้ ต้องโดนด่าว่าพวกเขาล้างผลาญแน่
แต่พอคิดว่าร้านเล็กๆ และบ้านหลังเล็กจะนำรายได้มาให้เธอเท่าไร เฉินเยี่ยนก็ยิ้มขึ้นมา
ไม่มีเงินแล้ว เฉินเยี่ยนก็ไม่ทำอะไรแล้ว กลับไปกับซินห้าว
ระหว่างทางที่มาพวกเขาหอบหิ้วกระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ แต่ในกระเป๋านั้นเต็มไปด้วยเงิน
ขากลับพวกเขาก็หอบกระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่เช่นกัน แต่ในกระเป๋านั้นเต็มไปด้วยของกิน ของฝากและเสื้อผ้า เป็นของขวัญเอามาฝากคนที่บ้าน
ลำบากมาตลอดทาง จนกระทั่งฟ้ามืด ทั้งสองคนถึงกลับมาถึงบ้านซิน
มาถึงบ้าน ไป๋ซิ่วเหมยรองน้ำมาให้ทั้งสองคนล้างหน้าล้างตา ล้างหน้าเอาฝุ่นออกแล้ว เฉินเยี่ยนค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมา
แบ่งของฝากให้ทุกคน ดูซินห้าวเล่าเรื่องที่พวกเขาออกไปเที่ยวมาคร่าวๆ ให้ทุกคนฟัง นานๆ ทีเฉินเยี่ยนจะพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง เพราะว่าเหนื่อยเกินไป
กินข้าวเสร็จ เฉินเยี่ยนและซินห้าวไม่ได้อยู่ต่อ กลับไปที่บ้านพวกเขาเลย พอเข้าบ้าน เฉินเยี่ยนหัวถึงหมอนก็หลับ นั่งรถนี่เหนื่อยมากจริงๆ
เห็นเฉินเยี่ยนนอนหลับสนิทไปแล้ว ซินห้าวลูบผมเธอด้วยความรัก และจูบลงไปที่หน้าผากเฉินเยี่ยน แล้วค่อยล้มตัวลงนอนข้างๆ เฉินเยี่ยน เขาเป็นผู้ชาย ฝึกวรยุทธ์มา เลยมีพละกำลังแข็งแรงกว่าเฉินเยี่ยน ระหว่างทางไปกลับส่วนใหญ่เป็นเขาที่แบกของ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเฉินเยี่ยนจะไม่เหนื่อย
ถ้ารู้ว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ก็จะไม่ไปแล้ว แต่มาคิดดูช่วงเวลาที่ออกไปเที่ยวเฉินเยี่ยนมีความสุขมาก เหมือนเยี่ยนจื่อได้ออกจากกรง ดี๊ด๊า มีชีวิตชีวามาก เขาคิดว่าคุ้มค่า
จนเฉินเยี่ยนตื่นขึ้นมา ด้านนอกสว่างแล้ว พอขยับ ร่างกายปวดเมื่อยไปหมด เหมือนว่าโดนคนซ้อมมาเป็นชุด
การเดินทางครั้งนี้ลำบาก เกรงว่าต้องใช้เวลาสองวันกว่าจะฟื้นฟูกลับมา
เฉินเยี่ยนนอนพิงหมอนอย่างขี้เกียจ ดูเหมือนจะเหมาะกับการนอนอยู่ที่บ้านจริงๆ
จนซินห้าวตื่นแล้ว เฉินเยี่ยนถอนหายใจลุกขึ้นจากเตียง
ไปกินข้าวที่บ้านซินฝั่งนั้นเสร็จแล้ว ซินห้าวไปบ้านเฉินเป็นเพื่อนเฉินเยี่ยน พวกเขากลับมาแล้ว ต้องไปทักทายบ้านเฉิน เอาของที่ซื้อกลับมาไปให้ด้วย
“ลูกสาวฉันคนนี้นี่อยู่ไม่สุขเลย บอกมาสิเป็นภรรยาเขาแล้ว ยังจะวิ่งไปไหนมาไหนอีก”
หวางนิวบ่นอย่างไม่พอใจ แต่หลังจากนั้นก็บ่นว่าเฉินเยี่ยนดูผอมลงไป ให้เฉินจงไปหั่นเนื้อมา เอาให้เฉินเยี่ยนบำรุง
เฉินจงไม่โต้แย้งอยู่แล้ว ขี่รถออกจากบ้านไป ลูกสาวกับลูกเขยกลับมา วันนี้ต้องซื้อกับข้าวเยอะหน่อย ให้พวกเขาได้กินดีๆ สักมื้อ
ยังไงอยู่ที่บ้านก็ดีกว่า คนที่บ้านบ่นนั้นสำหรับเฉินเยี่ยนแล้วถือว่าสนิทกัน เฉินเยี่ยนดื่มน้ำไปก็คิดไป
“พี่ ครั้งหน้าพวกพี่ไปเที่ยวอีกพาผมไปด้วยได้ไหม?”
เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เฉินหู่อยู่ที่บ้าน เขาอิจฉาที่เฉินเยี่ยนและซินห้าวออกไปเที่ยวมาก เขาก็อยากจะออกไปเห็นโลกข้างนอกเหมือนกัน
“ได้สิ แต่พี่คงไม่ได้ไปในเวลาอันใกล้นี้ นั่งรถนั่งตั้งหลายวัน ในรถก็มีคน เข้าห้องน้ำก็ลำบาก เลยผอมเลย”
เฉินเยี่ยนรู้สึกไม่ดีเลยกับการนั่งรถของคนในยุคนี้เลย
“แบบนั้นผมก็ยอม”
นัยน์ตาเฉินหู่เป็นประกายฉายแววแห่งความสุข
ได้ นี่ก็อีกคนที่ไม่ชอบอยู่บ้าน
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกพี่รีบเล่าให้พวกเราฟังเร็ว ระหว่างทางพวกพี่เจอเรื่องอะไรมาบ้าง?”
แววตาเฉินหู่คาดหวัง เกี่ยวกับเรื่องโลกภายนอกนั้น เขาอยากรู้อยากเห็นมาก
เฉินเยี่ยนเล่าถึงสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของทั้งสองที่ เล่าถึงลักษณะ เล่าถึงกำแพงเมืองจีน จัตุรัสเทียนอันเหมินอะไรพวกนี้ สุดท้ายก็เล่าว่ามีผู้ช่วยผู้กำกับแมวมองพวกเขา คิดจะให้พวกเขาไปเป็นนักแสดง
“นักแสดงที่พวกลูกพูดถึงนั่นเป็นยังไง? นักแสดงอะไรที่สามารถเห็นได้ในทีวี? พวกลูกเข้าไปในจอทีวีได้ด้วยหรือ?”
หวางนิวประหลาดใจมาก เธอไม่เคยเห็นทีวีมาก่อน แต่ฟังเฉินเยี่ยนพูดถึงหลายรอบ เธออยากจะได้ทีวีมาก ไม่เข้าใจว่าข้างในกล่องทำไมถึงมีคนออกมาได้?
เฉินเยี่ยนบอกว่ารอให้หมู่บ้านมีไฟฟ้าก่อน แล้วจะซื้อทีวีให้ที่บ้าน เธอได้แต่รอ
คิดดูแล้วลูกสาวและลูกเขยมาปรากฏตัวในกล่องนั้น เธอรู้สึกแปลกๆ
เฉินกุ้ย หลัวเหมยก็เหมือนกัน พวกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจ
ฉือหลิวนั่งอยู่ในอ้อมกอดเฉินเยี่ยน ดวงตาสีดำขลับจ้องฟังอย่างตั้งใจ
ใบหน้าเฉินหู่ดูอยากรู้อยากเห็น พี่สาวกับพี่เขยบอกว่ามีผู้กำกับมาเรียกให้เขาเป็นนักแสดง แปลว่าพวกเขาคิดว่าพี่เขยกับพี่สาวหน้าตาดี ตัวเองก็หน้าตาไม่แย่ งั้นตัวเองจะเป็นนักแสดงได้หรือเปล่า?
เฉินหู่ไม่เข้าใจการแสดง แต่เขากลับจำอาชีพนี้ไว้ขึ้นใจ
ตอนนี้เฉินเยี่ยนไม่รู้เลยว่าคำพูดหนึ่งของเธอในวันนี้จะประทับลงไปในใจของน้องชาย เป็นเหตุให้โชคชะตาของเฉินหู่เปลี่ยนไป เป็นเหตุให้ครอบครัวเฉินมีเส้นทางของนักแสดง
“ใช่แล้ว นักแสดงก็เหมือนพวกที่เล่นงิ้วที่นี่ไม่ต่างกัน ดาราหนังและดาราละครก็เหมือนคนที่ร้องงิ้วที่นี่ แสดงเรื่องราว แต่ถ้าเป็นดาราพวกเราก็อยู่บ้านไม่ได้แล้ว ต้องเดินทางไปแต่ละที่ หนูกับซินห้าวไม่ชอบ เลยไม่ได้ตกลง”
เฉินเยี่ยนยิ้มอธิบายคำว่านักแสดง แต่เธออธิบายได้ไม่ถูกต้องนัก แต่จะต้องเล่ากับคนที่บ้านให้ถูกต้อง ไม่แน่ว่าพวกเขาจะเข้าใจ
“งั้นกลับมาก็ดีแล้ว พวกเราไม่เป็นนักแสดงอะไรนั่นหรอก เล่นงิ้วนี่ลำบากมาก เป็นลูกศิษย์แล้วยังต้องมานั่งเทปัสสาวะให้อาจารย์อีก เรียนไม่ดีก็โดนอาจารย์ด่า มีแต่คนที่อดอยากไม่มีข้าวกิน ถึงได้เอาลูกไปเรียนร้องรำทำเพลง บ้านพวกเราไม่จำเป็น”
หวางนิวเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาชีพนักแสดงนี้ เฉินเยี่ยนอยากจะอธิบาย ก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน อีกหน่อยเดี๋ยวแม่ก็เข้าใจเอง
“หนูคิดถึงป้าแล้ว หนูไม่อยากให้ป้าโดนตี”
เฉินฉือหลิวพูดด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้ม มือยังโอบเอวเฉินเยี่ยนอยู่ ทำหน้ากลัวว่าเฉินเยี่ยนจะหนีไป
“ได้จ้ะ ได้จ้ ป้าไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่กับฉือหลิว”
แววตาเฉินเยี่ยนมีความรักและเอ็นดู จากนั้นปอกลูกอมกระต่ายขาวให้ฉือหลิวอีกเม็ดหนึ่ง
“ลูกอย่าให้ฉือหลิวกินแล้ว วันหนึ่งกินเม็ดหนึ่งก็พอ เก็บไว้ค่อยๆ กิน”
หวางนิวพูดขึ้นมา เธอไม่ใช่ว่าเสียดายไม่อยากให้หลานสาวกิน เพียงแต่เธอคิดว่าลูกอมไม่ใช่ของดี ดังนั้นเก็บไว้ค่อยๆ กิน
ปากเฉินเยี่ยนก็รับปาก แต่มือกลับไม่หยุด ป้อนฉือหลิวกินลูกอมจนหมด
“ระหว่างทางกลับบ้านพวกเราเจอขโมยด้วย ซินห้าวจับได้สองคน แต่มีอีกสองคนหนีไปได้ พวกเราแบกของเยอะ และเพราะถึงสถานีแล้ว ซินห้าวเลยไม่ได้ตามไป สองคนนั้นถูกจับ แต่ที่ตัวเขาไม่ได้มีเงินมาก หนึ่งในนั้นมีคุณยายพาหลานสาวไปหาลูกชาย ที่ตัวมีอยู่สิบกว่าเหรียญโดนขโมยไป เห็นพวกเธอร้องไห้น่าสงสาร หนูเลยให้พวกเธอไปยี่สิบเหรียญ”
เฉินเยี่ยนพูดถึงเรื่องที่เจอตอนขากลับขึ้นมา เธออดไม่ได้จริงๆ เลยให้เงินไป ยายหลานคู่นั้นคุกเข่าก้มคำนับเธอ บอกว่าเธอเป็นคนดี ขอให้เธออายุยืนมีแต่คนเคารพนับถือ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว เธอยังรู้สึกปวดใจ
“โอ้ย ใครว่าไม่ล่ะ ครั้งที่แล้วไปตลาดแม่เจอคุณป้าคนหนึ่ง ทั้งตัวเธอมีอยู่เหรียญกว่าโดนขโมยไป นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น เห็นแล้วน่าสงสารมาก ไอ้ขโมยพวกนั้นมันต้องโดนมีดฟันเป็นพันเล่ม ไม่ตายดีแน่!”
สุดท้ายหวางนิวสาปแช่งพวกขโมย เธอก็โมโหเรื่องแบบนี้ แต่พวกเธอทำอะไรไม่ได้ พวกเธอไม่สามารถให้ขโมยหายไปจากโลกนี้ได้
พูดคุยและกินกันไปแบบนี้ เฉินเยี่ยนกับซินห้าวอยู่บ้านเฉินทั้งวันค่อยกลับบ้านซิน
วันรุ่งขึ้นซินห้าวกลับไปโรงงาน เฉินเยี่ยนก็ขี่จักรยานไปโรงงานม้วนบุหรี่เช่นกัน
โรงงานม้วนบุหรี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเหมือนกับตอนที่เธอออกมาเลย คนก็ยังเป็นคนพวกนั้น แต่ทุกคนเห็นเธอแล้วก็ต่างทักทายกันอย่างดีใจ
เฉินเยี่ยนรู้ ปีที่แล้วกำไรที่โรงงานไม่แย่เลย ดังนั้นคนงานทุกคนต่างได้เงินได้ของกันถ้วนหน้า
โรงงานผลประกอบการดี เพราะคนงานพวกนี้คิดจะลงหลักปักฐาน ขอแค่ธุรกิจไปได้ดี พวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งเยอะ
เพราะได้เยอะ ดังนั้นพวกเขาเลยเป็นมิตรกับตัวเองและเฉินจงสองคนที่เป็นผู้มีอำนาจเป็นพิเศษ และชื่นชมมากด้วย
เฉินเยี่ยนมองไปรอบๆ ไม่มีอะไรให้เธอต้องกังวลใจเลย เฉินจงดูแลดีมาก พวกคนงานก็ทำกันอย่างเต็มที่ และไม่มีเรื่องขัดแย้ง เธอแค่มาดูเฉยๆ ไม่มีตรงไหนที่เธอต้องเข้าไปช่วยเลย สุดท้ายเธอเลยไปที่หมักยาเส้น
“พ่อ ผ่านมาสามปีแล้ว เริ่มใช้ได้แล้ว”
เฉินเยี่ยนชี้ไปตรงที่หนึ่ง ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่เธอใช้เหล้าเหมาไถหมักใบยาสูบ ยาเส้นที่นี่ไม่เยอะ ถึงแม้ว่าเธอและซินห้าวจะได้เหล้าเหมาไถมานิดหน่อย แต่เหล้านี้มูลค่าสูงมาก ใช้แค่นิดเดียว ดังนั้นเลยเริ่มหาที่ใหม่มาหมักยาเส้น
เฉินจงพยักหน้า ตอนแรกลูกสาวบอกเขา ยาเส้นที่นี่ถ้ายังไม่ถึงสามปีไม่สามารถใช้ได้ ดังนั้นเขาเลยไม่เคยใช้ยาเส้นในนี้มาก่อน
เฉินเยี่ยน เฉินจง และเฉินกุ้ยสามคนเปิดออกมา กลิ่นฉุนพุ่งเข้ามาในจมูก
เฉินเยี่ยนโบกมือ รอจนกลิ่นจางหายไปในอากาศบ้าง เลยเหลือแต่กลิ่นหอม
กลิ่นหอมนี้ฉุนมากเป็นพิเศษ การหมักแบบนี้ช่างยากที่จะบรรยายออกมา
“หอมจังเลย ยาเส้นนี้มูลค่าต้องมากโขแน่”
เฉินจงสูดจมูก เขาไม่เคยลองเหล้าเหมาไถมาก่อน แต่กลับไปมาหมักยาเส้น จะไม่ล้ำค่าได้หรือ?
“ทำยาเส้นเสร็จแล้ว เดี๋ยวหนูช่วยห่อ”
เฉินเยี่ยนไม่กล้าบอกเรื่องยาเส้นนี้ให้คนนอกรู้ หนึ่งคือยาเส้นนี้หายาก สองเธอไม่ไว้ใจ
เฉินจงพยักหน้า ระวังหน่อยก็ดี
จนทำยาเส้นเสร็จแล้ว เฉินเยี่ยนห่อบุหรี่ออกมาหลายมวน เป็นแบบที่มีตัวกรอง เธอให้เฉินจงลองสูบ
ดูสีหน้าเฉินจงที่ดื่มด่ำอยู่นั้น เฉินเยี่ยนก็รู้แล้วว่ารสชาติต้องยอดเยี่ยมแน่
“พ่อพูดไม่ได้ว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน พูดได้แค่ว่ามันหอมมาก สูบง่ายมาก บุหรี่ชนิดพิเศษที่ปีนั้นเราผลิตเทียบไม่ได้กับอันนี้เลย”
เฉินจงอธิบายความรู้สึกของเขาไม่ถูก
ในโรงงานเขามียาเส้นที่หมักไว้หนึ่งปี กับที่หมักหนึ่งเดือนไม่เหมือนกัน ที่หมักหนึ่งเดือนคือบุหรี่ทั่วไป เพียงแต่แบ่งว่าจะใส่หรือไม่ใส่ตัวกรอง
ส่วนบุหรี่ที่หมักหนึ่งปีเป็นบุหรี่พิเศษ ใส่ตัวกรองหมด บุหรี่แบบนี้ราคาสูง คนทั่วไปไม่มีปัญญาสูบ
แต่บุหรี่แบบนี้ก็ยังมีช่องทางขาย บางครั้งมีคนมาสั่ง ถึงกับของขาดด้วยซ้ำ เพราะยาเส้นต้องใช้เวลาหมักถึงหนึ่งปีถึงจะใช้ได้ เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้ผลิต
แต่บุหรี่ชนิดพิเศษกับบุหรี่ของเขาตอนนี้มาเทียบกันแล้ว เอามาเทียบกันไม่ได้จริงๆ แบบนี้สิคือชนิดพิเศษ
เฉินเยี่ยนรู้จักนิสัยพ่อตัวเอง เฉินจงไม่ใช่คนที่ชอบอวย เขาทำงานในโรงงานม้วนบุหรี่มาหลายปี ถึงแม้ตัวเองจะคอยบอกเฉินจงให้เขาสูบบุหรี่น้อยลงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่บุหรี่ที่เฉินจงควรสูบควรลองก็ให้สูบให้ลองหมด เขารู้รสชาติดี
เฉินจงให้คะแนนสูงขนาดนี้ แปลว่าบุหรี่นี้ต้องดีแน่นอน
เฉินเยี่ยนเอามาวางใต้จมูกดมดู เธอได้แต่กลิ่นหอม อย่างอื่นดมไม่ได้กลิ่นเลย
“ยาเส้นพวกนี้เอามาห่อพอได้บุหรี่สิบแถว หลายวันนี้หนูจะห่อให้เสร็จ แล้วให้ซินห้าวไปหาวิธีเอาเหล้าเหมาไถมา ถ้าไม่ได้ก็ต้องไปตลาดขายของแพงดูว่าสามารถหาซื้อมาได้ไหม แล้วทำยาเส้นอีกชุดหนึ่งออกมา”
เฉินเยี่ยนเห็นในเมื่อยาเส้นดีขนาดนี้ เลยคิดจะทำออกมาอีก
“งั้นบุหรี่นี่เอาไปขายไหม? ถ้าจะขาย ราคาต้องสูงลิบลิ่ว”
เฉินจงรู้สึกลังเล บุหรี่อร่อยจริง แต่บุหรี่นี้ต้นทุนสูงเกินไป ใครจะซื้อไหว?
“ไม่ขาย เอาให้พ่อแถวหนึ่ง พี่แถวหนึ่ง แล้วให้พ่อสามีแถวหนึ่ง ซินห้าวไม่สูบบุหรี่ ก็ไม่ต้องให้เขา ที่เหลือหนูเก็บไว้ก่อน เผื่ออนาคตมีเรื่องจำเป็นจะต้องใช้”
เฉินเยี่ยนไม่มีความคิดจะขาย ยังไม่ต้องพูดว่าบุหรี่นี้ควรจะขายเท่าไร ปัญหาคือไม่มีปัญญาขาย
ถ้าบุหรี่ของชั้นดีแบบนี้กระจายออกไป บนโลกนี้มีคนไม่ขาดเงิน แต่ถ้าคนอื่นจะซื้อ แล้วเธอไม่มีของ ถึงตอนนั้นคนจะโกรธเอา ไม่แน่ว่าจะทำอะไรขึ้นมา ดังนั้นเก็บไว้ให้ครอบครัวตัวเองสูบก็พอ
บุหรี่ที่เหลือ เผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น เอาไปให้คนอื่นก็ไม่แย่
“ได้ เชื่อลูก พ่อก็คิดว่าขายไม่ได้”
เฉินจงพยักหน้า ความคิดลูกสาวเหมือนกับเขา
“พี่ไม่เอา ยังไงพี่ก็สูบไม่ออกอยู่แล้วว่าของดีหรือของไม่ดี พี่สูบอะไรก็กลิ่นเหมือนกัน เก็บไว้เถอะ”
เฉินกุ้ยโบกมือ บุหรี่ล้ำค่าขนาดนี้ ให้เขามาก็เสียของเปล่า
เฉินเยี่ยนไม่ได้ดื้อดึง
ส่วนคุณปู่ซินและลุงสองซินฉุ่ย เฉินเยี่ยนไม่ได้ให้ ไม่ใช่เพราะเฉินเยี่ยนขี้งก คุณปู่ซินสูบแต่ไปป์บุหรี่ เมื่อก่อนเฉินเยี่ยนให้บุหรี่เขา เขาบอกว่าหอมไม่พอ ไม่ต้องการ ลุงสองก็เหมือนคุณปู่ ชอบกลิ่นที่แรงขึ้นมาหน่อย ดังนั้นให้พวกเขาไป เขาก็ไม่ต้องการ
ตอนกลางคืนซินห้าวได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก็ไม่ได้คัดค้าน ตอนนี้เขาออกจากโรงงานไม่ได้ แต่เขาคิดว่าจะหาคนไปตลาดของแพงเพื่อหาเหล้าเหมาไถมาให้เฉินเยี่ยน
“ภรรยาผมทำบุหรี่รสชาติดีขนาดนี้ออกมา ผมไม่ลองนี่เสียดายแย่”
ซินห้าวก็ดม เขาไม่สูบบุหรี่ ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่แค่ดมก็หอมแล้ว
“ไม่ต้องเสียดาย ไม่สูบสิถูกแล้ว ฉันชอบที่คุณไม่สูบบุหรี่ สูบบุหรี่ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย ฝั่งพ่อฉันก็โน้มน้าวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่ให้พ่อสูบ”
เฉินเยี่ยนโอบคอซินห้าว เธอไม่อยากให้สามีตัวเองสูบุหรี่ ดังนั้นจึงดีที่ซินห้าวไม่สูบ
ซินห้าวยิ้ม คำพูดเฉินเยี่ยนนี่ถ้าคนที่ซื้อบุหรี่ได้ยินเข้าคงโมโหมาก ตัวเองหากำไรจากการผลิตบุหรี่ แต่กลับไม่ให้คนสูบ นี่มันตรรกะอะไร!