เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 276: คนคุ้นเคย
ซินห้าวเห็นก็รู้แล้วว่าเฉินเยี่ยนมีเรื่องจะพูดกับเขา ทั้งสองคนไปที่ห้องครัว
“ทำไมเหรอ?”
ซินห้าวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันอยากจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลในเมือง ที่นั่นมีเครื่องมือ มาตรฐานคุณหมอก็สูง สามารถตรวจสอบได้ว่าคุณย่าป่วยเป็นโรคอะไร”
เฉินเยี่ยนบอกความคิดเธออีกครั้ง
ซินห้าวเงียบไป ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินเยี่ยนพูดเรื่องนี้กับเขา อันที่จริงเขาก็เห็นด้วยกับความคิดเฉินเยี่ยน เขาก็เคยพูดกับคุณปู่ พ่อเขาและลุงสองมาก่อน แต่พวกเขาไม่เห็นด้วย บอกว่าไม่สามารถให้ย่าไปทรมานแบบนั้นได้อีกแล้ว
“ซินห้าว ฉันรู้ว่าคนแก่จะคิดว่าตายก็ขอตายที่บ้าน ฝังไว้ใต้ดิน พวกเขายอมอยู่ที่บ้านรอความตาย และไม่ยอมไปโรงพยาบาล ใช่ ไปโรงพยาบาล บางทีอาจจะรักษาคุณย่าไม่ได้ แต่ถ้าได้ล่ะ? ถ้าสามารถตรวจได้ว่าคุณย่าป่วยเป็นอะไร แล้วหายาที่รักษาโรคได้ ช่วยคุณย่าไว้ได้ ให้เธอมีชีวิตอยู่อีกหลายปี แบบนี้ไม่ดีหรือ?”
แววตาเฉินเยี่ยนเต็มไปด้วยความร้องขอ เธอจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากซินห้าว เพราะเธอตัดสินใจแทนคนอื่นไม่ได้ ขอแค่เธอและซินห้าวพร้อมใจกันโน้มน้าวทุกคน ถึงจะมีโอกาสทำสำเร็จ
“ได้ พวกเราไปพุดอีกรอบ”
ซินห้าวพยักหน้า มีแววแห่งความเด็ดเดี่ยวแวบขึ้นมาบนใบหน้า เหมือนที่เฉินเยี่ยนบอก ถ้าเกิดหายล่ะ! ไม่ไปลอง แล้วปล่อยให้คุณย่ารอความตายแบบนี้ อีกหน่อยคิดขึ้นมา ไม่แน่เขาอาจจะเสียใจ
ทั้งสองคนเลยตัดสินใจไปพูดโน้มน้าวทุกคน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพูดยังไง ซินต้าฉุยก็ไม่เห็นด้วย บอกว่าจะรอความตายอยู่ที่บ้าน พอเธอจากไปแล้ว จะฝังไว้ใต้ดินในบ้าน กระทั่งซินต้าฉุยยังคิดว่า ถ้าไม่ไปทรมาน คุณย่ายังจะอยู่ได้อีกหลายวัน ถ้าไปทรมานอีก ไม่แน่ไม่เกินสองวันเธอก็ทนทรมานไม่ไหวแล้ว
ลุงสองเป็นคนเชื่อฟัง พ่อตัวเองพูดอะไร ก็เห็นด้วยหมด ดังนั้นเขาก็เลยไม่เห็นด้วย
ความคิดดื้อรั้นหัวแข็งของผู้ใหญ่ ซินห้าวและเฉินเยี่ยนทำอะไรไม่ได้จริงๆ ยังไงก็ไม่สามารถบังคับอุ้มคุณย่าไปที่รถได้
“คุณรอผมก่อน”
อยู่ๆ ซินห้าวก็ลุกขึ้นยืน พูดกับเฉินเยี่ยนจบ เขาไปในห้อง
ซินต้าฉุยและลุงสองไม่รู้ว่าซินห้าวจะทำอะไร เฉินเยี่ยนก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เธอห้ามลุงสองที่อยากจะเข้าไป
“เธอจะทำอะไรน่ะ? รีบลุกขึ้นมา”
เสียงตกใจของไป๋ซิ่วเหมยในห้องดังขึ้นมา
ซินห้าวทำอะไร?
เสียงซินห้าวดังเบาๆ ออกมา เขากำลังโน้มน้าวคุณย่า
“ได้ ได้ รีบลุกขึ้นเถอะ ฉันตกลง ไปในเมือง ไปโรงพยาบาล”
เสียงคุณย่าทุ้มต่ำดังออกมาจากในห้อง
เฉินเยี่ยนดวงตาร้อนผ่าว ซินห้าวน่าจะคุกเข่าขอร้องคุณย่า คุณย่าเห็นเขาไม่ลุกขึ้นมา เลยต้องตกลงอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ขอแค่คุณย่าตกลงก็พอ เฉินเยี่ยนโล่งอก
ฝั่งซินต้าฉุยกลับถอนหายใจ ส่ายหน้า เขาก็รู้เจตนาของหลานชานคนโตและหลานสะใภ้ แต่ภรรยาเขาจะอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว ถ้าทนทรมานไหวก็ดี เขาจะให้พวกเขาไปทรมานตั้งนานแล้ว
เพราะตอนที่คุณย่ารับปากก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ถึงแม้พวกเขาก็จะพาคนไปได้ แต่ก็ไม่มีหมอรักษาอยู่ดี ดังนั้นบ้านซินตกลงกันว่าจะไปวันรุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่
ตอนเย็นซินชานกลับมาหลังได้ฟังเรื่องก็เห็นด้วย อันที่จริงเขาก็อยากจะส่งแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองอยู่แล้ว แต่พ่อเขาไม่เห็นด้วย เขาเลยทำได้แค่เชื่อฟังพ่อเขา
คืนนี้สำหรับคนบ้านซินแล้วถือว่ายากจะข่มตานอน รวมถึงเฉินเยี่ยนและซินห้าวด้วย
“คุณไม่ต้องกังวล คุณปู่ คุณย่า ลุงสอง ป้าสอง พวกเขารู้เจตนาของพวกเรา ถ้าคุณย่าดีขึ้นมาได้ ทุกคนก็ดีใจ ถ้าไม่ดี พวกเขาจะไม่โทษพวกเรา พวกเราก็ทำสุดความสามารถแล้ว”
ซินห้าวโอบไหล่เฉินเยี่ยน ให้เธอคลายความกังวล เขากลัวว่าเฉินเยี่ยนจะกดดัน นี่เป็นครั้งแรกหลังแต่งงานที่ซินห้าวและเฉินเยี่ยนไม่มีกะจิตกะใจจะทำเรื่องรักใคร
“ฉันรู้ค่ะ ในใจฉันเต็มไปด้วยความทรมาน”
เสียงเฉินเยี่ยนทุ้มต่ำมาก หลังเธอมาเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คนใกล้ตัวจะจากไป ถึงแม้เธอเห็นคนในหมู่บ้านจากไปไม่น้อย รวมทั้งวัยกลางคน แต่คนพวกนั้นไม่ใช่ญาติ ดังนั้นเธอเลยแค่เสียดาย ความรู้สึกไม่เหมือนญาติตัวเอง
ซินห้าวและเฉินเยี่ยนทั้งสองคนคุยกันเป็นพักๆ ทั้งคืนแทบจะไม่ได้หลับตาเลย เพิ่งตีสี่กว่าทั้งสองคนก็ลุกขึ้นมาแล้วไปที่ฝั่งนั้น
กินข้าวเช้าเสร็จเพิ่งตีห้ากว่า ที่ลานสนามมีรถลากเตรียมพร้อมไว้แล้ว ด้านบนมีผ้านวมปูไว้ จากนั้นซินห้าวอุ้มคุณย่าวางไว้บนรถเข็น
ตอนที่อุ้มดวงตาซินห้าวแดง เดิมทีรูปร่างคุณย่าเป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว พอป่วย ตัวยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ เหมือนกับไม่มีเนื้อแล้ว
จนวางเรียบร้อย เฉินเยี่ยนก็เอาเสื้ออีกชิ้นมาห่มให้คุณย่า บนรถเตรียมน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว
ซินห้าวและซินฉุ่ยเป็นคนเข็นรถ ซินต้าฉุยอายุมากแล้ว ไปไม่ได้ ไป๋ซิ่วเหมยต้องอยู่บ้านดูแลทุกอย่างในบ้าน
ซินชานก็ตามไปด้วย แต่เขาต้องไปในอำเภอ เลยฝากฝังซินห้าวถ้ามีเรื่องอะไรให้ไปบอกเขาได้ทุกเมื่อ
ซุนหม่านเซียงก็ยืนมองอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไร รอคนไปแล้ว สักพักเธอก็ขี่รถกลับไป ถึงแม้จะส่งไปที่โรงพยาบาลในเมือง เธอคิดว่าแม่สามีก็ไม่รอด รอเธอตายแล้ว ตัวเองก็สบาย ยังไงตัวเองก็มาเยี่ยมแล้ว ซินชานก็ว่าอะไรเธอไม่ได้ เธอกลับไปได้แล้ว
เฉินเยี่ยนไม่ได้ไปกับพวกเขา เฉินเยี่ยนขี่จักรยานเข้าไปในเมือง ก่อนไปเธอแวะไปบ้านเฉิน ไปบอกข่าวที่บ้าน จากนั้นเธอไปในเมือง ถ้าคุณย่าอยู่โรงพยาบาล ยังไงก็ต้องมีจักรยานสักคัน อีกอย่างต้องมีคนจัดการเรื่องด้วย
เฉินเยี่ยนถึงโรงพยาบาลก่อน
เธอล็อคจักรยาน ตอนที่ล็อค เหมือนเธอเห็นคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงพยาบาล
คนนั้นคุ้นหน้าคุ้นตา เธอน่าจะรู้จัก
แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้คิดมาก ล็อครถแล้ว จนตอนที่เธอเข้าไปในโรงพยาบาล อยู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ คนนั้นคือซูเหม่ยลี่
ถึงแม้เธอกับซูเหม่ยลี่จะไม่ได้เจอกันมาสี่ปีแล้ว แต่ตอนนั้นเธอจำซูเหม่ยลี่ได้แม่น เธอเลยจำได้
เฉินเยี่ยนเดินกลับมาที่หน้าประตูใหญ่มองดูอีกครั้ง ซูเหม่ยลี่ยังอยู่ตรงนั้น
น่าแปลก
ทำไมซูเหม่ยลี่ถึงมาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล? เธอป่วยหรือ?
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ซูเหม่ยลี่กลับมาจะปีหนึ่งแล้ว และไม่ได้ลงมืออะไรกับเธอ คิดว่าซูเหม่ยลี่น่าจะลืมเธอคนนี้ไปนานแล้ว
เฉินเยี่ยนถามคนจนหาคุณหมอชื่อหลิวต้าชานเจอ
หลิวต้าชานคนนี้ เป็นหลานของคุณปู่หลิวที่หมู่บ้านซินห้าว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เลยออกมาจากหมู่บ้าน
เป็นคุณหมอวัยกลางคน
คุณหมอหลิวเพิ่งมา ได้ยินว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนที่คุณปู่หลิวแนะนำมา ท่าทางเลยดีหน่อย ฟังเฉินเยี่ยนเล่าอาการแล้ว คุณหมอหลิวก็บอกอะไรเฉินเยี่ยนไม่ได้ เพราะเฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าคุณย่าป่วยเป็นโรคอะไร
“คุณไปลงทะเบียนก่อน อีกเดี๋ยวคุณอามา ผมจะตรวจดูให้ละเอียด ถ้าผมตรวจไม่ได้ ผมจะหาคนอื่นมาตรวจให้”
คุณหมอหลิวพูดกับเฉินเยี่ยนด้วยความใจดี
เฉินเยี่ยนพยักหน้า จากนั้นไปลงทะเบียน รอซินห้าวอยู่หน้าประตู
เธอเพิ่งมาถึงหน้าประตูใหญ่ ก็เห็นซินห้าวลากรถลากมา
เฉินเยี่ยนรีบเข้าไปรับ หน้าผากซินห้าวมีเหงื่อซึม แต่หน้าผากซินฉุ่ยเต็มไปด้วยเหลื่อ
“เด็กคนนี้เดินเร็วเหลือเกิน ลุงตามไม่ทัน เลยนั่งข้างบนให้ซินห้าวลากไป มาถึงในเมือง ลุงถึงค่อยลง”
ลุงสองอธิบายกับเฉินเยี่ยน