เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 289: บ้าไปแล้ว (2)
“ฝันไปเถอะ!”
ซินห้าวพูดแทรกสองคนขึ้นมา พูดตามจริง เขาก็รู้สึกตกใจกับความคิดของซูเหม่ยลี่ ผู้หญิงคนนี้บ้าเกินไปแล้ว สมองวิปริต ไม่ใช่คนปกติเลย
“จะใช่ฝันหรือเปล่า เดี๋ยวคุณก็รู้”
ซูเหม่ยลี่ไม่แก้ตัวกับซินห้าว
“ครั้งที่แล้วฉันเจอเธอที่โรงพยาบาล ซูเหม่ยลี่ เธอเป็นโรคอะไร?”
อยู่ๆ เฉินเยี่ยนถามขึ้นมา
ซูเหม่ยลี่อึ้งไป ถึงแม้สายตาเธอจะเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม แต่ก็มีความโมโหอยู่ด้วย เฉินเยี่ยนมองออกว่าเส้นเลือดบนมือซูเหม่ยลี่กำลังขยับ หมายความว่าเธอตื่นเต้น
“ไม่มีอะไร ฉันมาเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล ฉันจะเป็นโรคได้ยังไงล่ะ”
ซูเหม่ยลี่ตอบแบบนี้ แต่เฉินเยี่ยนไม่เชื่อ เธอคิดว่าซูเหม่ยลี่ต้องเป็นโรคที่พูดไม่ได้แน่นอน เพียงแต่เธอไม่ยอมบอก
“ต่อไปเธอจะทำอะไร?”
เฉินเยี่ยนไม่ถามเรื่องโรคกับซูเหม่ยลี่ต่อแล้ว
“เธอว่าไงล่ะ?”
ซูเหม่ยลี่ถามกลับ แล้วพูดต่อ “แน่นอนจะต้องต่อสู้หนักหน่อย อ้อ ใช่แล้ว ฉันลืมบอกพวกเธอไป ฉันถามมาแล้ว อีกหลายวันกองวินัยจะส่งเรื่องต่อให้ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายความมั่นคงจะรับเรื่องของลุงซินมาแล้วกักตัวต่อ การกักตัวนี้อาจจะไม่มีกำหนดสิ้นสุดเลยนะ อีกอย่างคณะกรรมการอาจจะมีคำสั่งให้ไล่ลุงซินออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ยกเลิกภารกิจของเขาทั้งหมด ภายในอาทิตย์นี้จะมีคำสั่งออกมา พวกเธอจะทำอะไร ก็รีบทำนะ”
ซูเหม่ยลี่พูดจบยังทำท่ายักไหล่อีก
ซินห้าวกำหมัด เขาอยากจะชกนางปีศาจนี่ให้ตายเสียจริง
“พวกเรามีสมุดบัญชี พ่อต้องไม่โดนกักตัว”
เฉินเยี่ยนกางสมุดบัญชี
“แต่ลุงซินไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องสมุดบัญชี ยังมีเงินที่ไม่ชัดเจนอีกหลายพันเหรียญนะ อีกอย่างสองคนนั้นกัดลุงซินไม่ปล่อยแน่ ขอแค่มีพยานปาก ดังนั้นลุงซินพลิกคดีไม่ได้หรอก”
ซูเหม่ยลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ ถึงแม้จะมีสมุดบัญชี ไม่มีทางที่ซินชานจะหมดเรื่อง
“ไม่มีทาง ถ้าสองคนนั้นไปตรวจสอบ จะต้องเจอหลักฐานแน่นอน ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่กลับคำ”
เฉินเยี่ยนพูดหนักแน่น
“งั้นเธอก็ไปเถอะ จุดอ่อนพวกเขาอยู่ในมือฉัน ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางทรยศแน่นอน”
ซูเหม่ยลี่พูดอย่างมั่นใจมาก
“ฉันไม่เชื่อ พวกเขาจะมีจุดอ่อนอะไรได้”
เฉินเยี่ยนกัดริมฝีปาก
“เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของเธอ”
ซูเหม่ยลี่พูดจบ เห็นหน้าตาบึ้งตึงของเฉินเยี่ยน ก็ขำอีก จากนั้นบอกว่าสองคนนั้นมีจุดอ่อนอะไรอยู่ที่เธอ เธอไม่กลัวเฉินเยี่ยนรู้ ถึงแม้เฉินเยี่ยนรู้ก็ทำอะไรไม่ได้ เฉินเยี่ยนไม่มีความสามารถมากขนาดนั้น เรื่องแบบนี้ให้ศัตรูรู้ แต่ทำได้แค่มอง ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน ก็รู้สึกจนปัญญาที่จะต่อต้านเธอ ซูเหม่ยลี่ยิ่งชอบ ดังนั้นเธอเลยบอกเฉินเยี่ยนและซินห้าว
“เอาล่ะ พูดมามากขนาดนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันกลับละ พวกเธอพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะมาพวกเธอใหม่”
ซูเหม่ยลี่พูดจบ มองเฉินเยี่ยน สุดท้ายมองไปที่ซินห้าว เธอยิ้มให้ซินห้าวแล้วพูด “ซินห้าว คุณเป็นของฉัน ยังไงก็เป็นของฉันวันยังค่ำ ฉันไม่สนใจที่จะได้คนที่แขนขาไม่สมบูรณ์มา และฉันก็ไม่สนใจที่จะได้คนตายมา”
ซูเหม่ยลี่พูดจบยังยิ้มให้ซินห้าว ยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นเธอเดินย่ำรองเท้าหนังส้นหนาออกไป
เฉินเยี่ยนและซินห้าวไม่มีใครห้าม
“คนบ้า เธอมันบ้าจริงๆ”
เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมาหลังซูเหม่ยลี่กลับไป ตอนนี้เธอยังรู้สึกว่าตัวยังสั่นอยู่เลย
ซินห้าวไม่ได้พูด แต่เขาเห็นด้วยกับความเห็นเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนลุกขึ้นยืนมองไปที่หน้าประตู นอกประตูไม่มีใครแล้ว ซูเหม่ยลี่กลับไปแล้วจริงๆ
“บันทึกได้หมดแล้วใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนกลับมาที่ห้องคนไข้กระซิบถามซินห้าว
ซินห้าวพยักหน้า หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาจากผ้าห่ม
นี่เป็นสิ่งที่เฉินเยี่ยนให้ซินชานกลับไปเอามาให้ก่อนหน้านี้ เธอกลัวว่าซูเหม่ยลี่จะมา เธอคิดจะยั่วให้ซูเหม่ยลี่พูดความจริงออกมา แล้วอัดคำพูดเธอไว้เป็นหลักฐาน
เฉินเยี่ยนไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ยังไงก็ต้องลองดู ถึงแม้จะไม่สำเร็จ ก็ถือว่าทำเสียไปเรื่องหนึ่งเท่านั้น
ตอนนั้นเธอตั้งใจเข้าไปตบซูเหม่ยลี่ ทำเก้าอี้คว่ำ ร้องส่งเสียง แล้วบังสายตาซูเหม่ยลี่ เพื่อให้ซินห้าวเริ่มบันทึกเสียง
ซินห้าวพยักหน้ากับเฉินเยี่ยน
“มีสิ่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวเธอไม่ยอมรับแล้ว เธอทำเรื่องเลวไว้มากขนาดนั้น จะต้องได้รับผลตอบแทน”
น้ำเสียงเฉินเยี่ยนทุ้มต่ำ
ซินห้าวยื่นมือออกไปจับมือเฉินเยี่ยน เขาก็คิดไม่ถึงว่าซูเหม่ยลี่จะโหดเหี้ยมขนาดนี้
วันรุ่งขึ้น มาคนจากสถานีตำรวจมาหาซินห้าวและเฉินเยี่ยนลงบันทึก
เฉินเยี่ยนได้ข่าวว่าในสอบคนนั้นจับได้แปดคน ยังมีอีกสองคนหนีไปแล้วตอนที่พวกเขายังไปไม่ถึง ตำรวจออกคำสั่งให้จับแล้ว
อีกอย่างแปดคนนั้น มีคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่มีคนตาย
เดิมทีตำรวจควรพาซินห้าวและเฉินเยี่ยนไปสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึก แต่เขาก็เห็นบาดแผลของซินห้าวแล้ว แผลไม่เล็กเลย ส่วนเฉินเยี่ยนก็เป็นผู้หญิง แล้วยังต้องดูแลซินห้าวด้วย อีกทั้งพวกเขาเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นเลยมาจัดการที่โรงพยาบาล แต่พวกเขากำชับเฉินเยี่ยนแล้ว ช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปไหน รับประกันว่าต้องจับคนร้ายได้แน่
อีกอย่างตำรวจบอกเฉินเยี่ยนว่า คนพรรคภูเขาดำให้การว่าเป็นผู้ชายแซ่เจิ้งที่เรียกใช้พวกเขา ไม่ใช่ซูเหม่ยลี่
พวกเขาส่งคนไปหาผู้ชายแซ่เจิ้งคนนั้นแล้ว แต่ตอนที่พวกเขาไปหา ผู้ชายแซ่เจิ้งคนนั้นไม่อยู่แล้ว หาตัวไม่เจอ ตอนนี้พวกเขายังไม่มีหลักฐานที่จะสาวเรื่องนี้ไปถึงซูเหม่ยลี่ได้
เฉินเยี่ยนคิด ยังไม่ได้ส่งเครื่องบันทึกเสียงให้ วันนี้มีตำรวจมาสองคน แต่สองคนนี้จะเกี่ยวข้องกับซูเหม่ยลี่หรือเปล่า เธอไม่แน่ใจ ถ้าเกิดส่งเครื่องบันทึกเสียงให้พวกเขาไปแล้ว กลับโดนทำลายทิ้ง เธอต้องร้องไห้แน่
ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยตัดสินใจยังไม่เอาออกมา เธอตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปกองวินัยมอบสมุดบัญชีก่อน ส่วนเครื่องบันทึกเสียง เธอกับซินห้าวจะหาโอกาสส่งมอบให้คนที่เหมาะสมดีกว่า
แต่เฉินเยี่ยนและซินห้าวนึกไม่ถึง เรื่องจะมาเร็วขนาดนี้ ฝั่งนี้ยังสืบเรื่องไม่เสร็จเลย ยังไม่ทันที่เฉินเยี่ยนจะไปมอบสมุดบัญชี ฝั่งกองวินัยก็ส่งย้ายเรื่องซินชานไปที่ฝ่ายความมั่งคงอย่างที่ซูเหม่ยลี่ว่าไว้จริงๆ บอกว่าตรวจสอบเรียบร้อยแล้วนอกจากสมุดบัญชี ยังมีเงินอีก 2,327 เหรียญที่ไม่ชัดเจนว่าใช้ไปกับอะไร อีกอย่างหัวหน้าจ้าวและนักบัญชีจากอำเภอต่างเป็นพยานว่าซินชานเอาไปใช้ ซินชานโกงกินเงินของประเทศ
เฉินเยี่ยนและซินห้าวยังได้ข่าวมาว่าฝ่ายเตรียมปฏิเสธ บอกว่าความจริงยังไม่ชัดเจน หลักฐานก็ไม่เพียงพอ ให้กองวินัยตรวจสอบอีกครั้ง แต่กองวินัยไม่ยอม อีกอย่างคณะกรรมการก็ประกาศแล้ว ให้ไล่ซินชานออกจากความรับผิดชอบทั้งหมดของพรรค ตอนนี้ซินชานโดนฝ่ายความมั่นคงกักตัวแล้ว
เฉินเยี่ยนและซินห้าวต่างคาดไม่ถึง ซูเหม่ยลี่พูดอยู่ว่าอีกหลายวัน แต่ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ แสดงว่าวันนั้นซูเหม่ยลี่พูดไม่จริง หลอกพวกเขา ทำให้พวกเขานึกว่ายังทัน ใครจะรู้ว่าคำสั่งจะออกมาเร็วขนาดนี้ ทำให้พวกเขารับมือไม่ทัน