เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 293: สร้างโรงงานกระดาษ
วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนไปบ้านเฉิน
พอรู้ว่าซินชานไม่เป็นอะไรแล้ว ยังมีโชคดีในโชคร้าย หวางนิวประนมมือสิบนิ้ว ขอบคุณฟ้าดิน
“เฮ้อ ฝั่งพ่อสามีลูกนั้นดีแล้ว แต่โรงงานบุหรี่ฝั่งนี้… ลูกทำมาอยู่ดีๆ ทำไมถึงทำไม่ได้แล้วล่ะ”
ในใจหวางนิวยังวางไม่ลง ไม่ต้องพูดถึงว่าโรงงานม้วนบุหรี่ทำเงินมากมายเท่าไร สามี ลูกชาย ลูกสาวต่างมีงานทำ ตอนนี้ล่ะ บ้านเขาไม่มีคนงานแม้แต่คนเดียว
“โดยเฉพาะพวกคนงาน เดิมทีก็ทำกันอยู่ดีๆ ตอนนี้ไม่มีงานแล้ว ยังไงก็ยังรู้สึกผิดกับพวกเขาอยู่”
เฉินจงก็ทอดถอนใจ แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้
“พ่อ ไม่ต้องรีบ ถึงโรงงานม้วนบุหรี่พวกเราจะเปิดไม่ได้ แต่พวกเราสามารถทำอย่างอื่นได้”
ระหว่างทางที่เฉินเยี่ยนมา เธอคิดไว้แล้ว
“ทำอะไร?”
สายตาคนในห้องทั้งหมดมองมาที่เฉินเยี่ยน แม้แต่หลัวเหมยที่อุ้มเฉินเฟยอยู่ยังมองมาที่เฉินเยี่ยนด้วย
“สร้างโรงงานกระดาษ”
เฉินเยี่ยนบอกความคิดที่เธอคิดไว้นานแล้ว
“ทำอะไรล่ะ?”
หวางนิวไม่เข้าใจ
“ก็คือผลิตกระดาษชำระ”
เฉินเยี่ยนอธิบาย
“นั่นจะมีคนซื้อหรือ?”
หวางนิวสงสัย
“ต้องมีแน่นอน แต่เราไม่มีเทคนิคสร้างโรงงานกระดาษ อีกอย่างเครื่องจักรโรงงานกระดาษก็ไม่ถูกด้วย ลงทุนครั้งหนึ่งต้องใช้หลายหมื่นเหรียญ”
เฉินเยี่ยนพูดมาถึงตรงนี้ก็ลังเลหน่อยหนึ่ง ตอนแรกเธอคิดไม่ถึงว่าโรงงานม้วนบุหรี่จะยกเลิกเร็วขนาดนี้ ดังนั้นโรงงานกระดาษจำเป็นต้องใช้เงินหลายหมื่นเหรียญ เธอเลยไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ตอนนี้ตัวเธอมีเงินเก็บอยู่ไม่กี่พันเหรียญเอง ที่ซินห้าวก็น่าจะมีประมาณหนึ่งหมื่นเหรียญ ยังขาดอีกเยอะ
“เรื่องเงิน ที่แม่มีอยู่เจ็ดพันกว่าเหรียญ เอาให้ลูก ที่เหลือก็ไปยืมเอา ลองคิดหาวิธีดู”
หวางนิวไม่พูดอะไร พูดจำนวนเงินเก็บที่บ้านขึ้นมาเลย
“ฉันมีอยู่ห้าพัน”
หลัวเหมยมองเฉินกุ้ย เฉินกุ้ยพยักหน้า หลัวเหมยเลยพูด ที่ผ่านมาเฉินกุ้ยตามเฉินเยี่ยนมาตลอด เฉินกุ้ยหาเงินได้ ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านดีขึ้น เพราะอาศัยใบบุญเฉินเยี่ยน พวกเขาไม่สามารถเป็นแค่คนอาศัยได้
“ขอบคุณนะพี่สะใภ้ ขอบคุณนะพี่ชาย”
เฉินเยี่ยนรู้สึกซาบซึ้งมาก บางครั้งเรื่องเงินก็ทำให้เราเห็นนิสัยของคนคนหนึ่งได้ชัดเจน ตอนนี้หลัวเหมยสามารถเอาเงินออกมาได้ นี่ก็นับว่าไม่แย่แล้ว
“หนูไปสืบมาแล้ว ที่เมืองหลินมีโรงงานกระดาษ ตอนนี้ที่พวกเรายังไม่มี หนูอยากให้พ่อไปเรียนรู้ เรียนมาหลายเดือน ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยรวบรวมเงิน แบ่งโบนัสกันตามจำนวนเงินที่ออกมากน้อย แต่ไม่อยากชวนคนมาเยอะมาก ถ้าที่บ้านลุงอยากจะร่วมออกเงินด้วย ถึงตอนนั้นก็นับเขาเข้ามาด้วย ถ้าไม่อยากร่วม ก็ไม่เป็นไร นอกจากจวนเอ๋อร์และเจ้าอ้วน จะไม่เรียกคนอื่นแล้ว”
เฉินเยี่ยนไม่อยากเรียกคนมากมาย ถึงเวลาแต่ละคนมีความเห็น ชี้นิ้วไปมาจะไม่ดี
ส่วนหวางจวนและเจ้าอ้วน ช่วงนี้เจ้าอ้วนช่วยซินห้าวหาคนไม่น้อยเลย ที่บ้านหวางจวนอยู่คนเดียว หวางจวนไม่ได้บ่นอะไร กลับยังปลอบเฉินเยี่ยนอีกด้วย ถ้ามีเรื่องจำเป็นให้เรียกเลย ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจอยู่
“ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้”
เฉินจงและคนอื่นๆ พยักหน้า
เฉินเยี่ยนรู้สึกแปลกใจ เดิมทีเธอคิดว่าจะต้องพูดเยอะกว่านี้ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่บ้านยอมรับอย่างง่ายดายขนาดนี้
อันที่จริงที่ผ่านมา เฉินเยี่ยนเริ่มจากทำผัก เธอทำอะไรก็สำเร็จ โรงงานม้วนบุหรี่ก็ทำเงินได้มากมายขนาดนี้ มีตัวอย่างให้ดู ทุกคนเลยเชื่อมั่นเธอมาก คิดว่าเธอพูดอะไรจะต้องทำได้หมด ดังนั้นเลยไม่จำเป็นต้องให้เฉินเยี่ยนอธิบายอะไร
ตอนกลางคืนเฉินเยี่ยนปรึกษาเรื่องนี้กับซินห้าว ซินห้าวก็เห็นด้วย ที่จริงแล้วเฉินเยี่ยนเคยพูดเรื่องนี้กับซินห้าวมาก่อน เขาไม่คัดค้านอะไร
เขาบอกว่าถ้าเฉินเยี่ยนจำเป็นต้องใช้เงิน ถึงเวลาเขาจะเอาเงินซื้อเครื่องจักรให้เฉินเยี่ยน แต่เฉินเยี่ยนคิดว่าให้ที่บ้านเธอออกเงินมาส่วนหนึ่งก็ดีเหมือนกัน แบบนี้จะได้แบ่งโบนัสได้
ขอแค่เป็นเรื่องที่เฉินเยี่ยนอยากทำ ซินห้าวสนับสนุนทุกเรื่อง
หลายวันต่อมาเฉินจงหิ้วกระเป๋า ข้างในใส่เสื้อผ้า แล้วหิ้วผ้าห่มอีกผืนออกจากบ้านไป
ในใจหวางนิวยังรู้สึกกังวลอยู่ แต่เฉินเยี่ยนรู้ เรื่องนี้ถ้าส่งพี่ชายไป พี่ชายไม่น่าจะเรียนรู้กลับมาได้ เฉินกุ้ยเป็นคนซื่อเกินไป สมองยังสู้พ่อไม่ได้
ส่วนพ่อ เฉินจง เขามีความคิดมากพอ เฉินเยี่ยนเชื่อมั่น รอเฉินจงกลับมา เขาต้องเรียนรู้อะไรมาได้แน่
ช่วงเวลานี้เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้หยุดพัก ไปหาเลขาของคณะเหมาที่ผืนใหญ่ เซ็นสัญญาสามสิบปี ในสามสิบปีนี้ เฉินเยี่ยนสามารถใช้ที่นี้ได้ เฉินเยี่ยนแค่ให้ค่าเช่าก็พอแล้ว
อันที่จริงคณะก็รู้ว่าเฉินเยี่ยนเช่าไปไม่ได้เอาไปเพาะปลูกแน่นอน แต่พวกเขายอมให้เฉินเยี่ยนเช่า ถ้าเฉินเยี่ยนจะสร้างโรงงาน พวกเขาต้องรับสมัครคนงานแน่นอน ถึงตอนนั้นจะได้ใช้คนในหมู่บ้านพวกเขาแล้ว
เช่าที่แล้ว ก็เริ่มซื้ออิฐ หาคนมาสร้างโรงงาน เรื่องนี้เฉินเยี่ยนมอบหมายให้เฉินกุ้ยทำ อีกฝั่งหนึ่ง เฉินเยี่ยนไปในเมือง หานายกเทศมนตรี บอกเรื่องที่เธอจะสร้างโรงงานกระดาษ
นายกเทศมนตรีก็แสดงความเห็นชอบ ตอนนี้ปฏิรูปเศรษฐกิจแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ลามไปทั่วประเทศ แต่หลายที่ก็เริ่มทำแล้ว
เพราะครั้งที่แล้วเรื่องที่เฉินเยี่ยนมอบสูตรยาเส้นบุหรี่ให้ นายกเทศมนตรีเลยยังประทับใจเธออยู่ อีกทั้งเฉินเยี่ยนสร้างโรงงานก็เพื่อจะขยับขยายเศรษฐกิจ และไม่ต้องการให้ในเมืองสนับสนุนเงินลงทุนด้วย ดังนั้นเขาเลยไม่มีอะไรที่จะไม่เห็นด้วย
ได้รับการสนับสนุนจากในเมือง แน่นอนว่าในอำเภอก็ไม่คัดค้านอะไร และออกแรงสนับสนุนอีกด้วย
อันที่จริงการสนับสนุนของพวกเขาเป็นแค่คำพูดเปล่าๆ และไม่สามารถทำเป็นเรื่องรูปธรรมให้กับเฉินเยี่ยนได้ แต่เฉินเยี่ยนก็ไม่ต้องการ เธอยังกลัวว่าคนอื่นจะเข้ามายุ่มย่ามเสียอีก
จัดการใบรับรองเสร็จแล้ว เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เฉินเยี่ยนให้ลุงสองช่วยคนมาซ่อมถนน
ซ่อมถนนเป็นงานของวิศวกร เฉินเยี่ยนไม่มีเงินทุนขนาดไปซ่อม เธอเรียกมาหลายคน ให้ซ่อมถนนโรงงานที่เชื่อมไปยังถนนหลวง แน่นอนเธอไม่มีปัญญาซ่อมถนนลาดยางมะตอย ซ่อมได้แค่ถนนลูกรัง เพียงแค่ทำให้หลุมเรียบ พื้นถนนเรียบ รถสามารถขี่ได้ก็พอแล้ว
คนงานซ่อมถนนได้เงินรายวัน ทำหนึ่งวัน ก็ได้เงินหนึ่งวัน ตอนกลางวันมีน้ำมีข้าวให้ คนซ่อมถนนออกแรงทำงานกันใหญ่
จนซ่อมใกล้เสร็จแล้ว ก็จะเข้าปีใหม่
ที่บ้านเตรียมข้าวของเรียบร้อยแล้ว จนวันที่ 27 เดือน 12 เฉินจงยังไม่กลับมา เฉินเยี่ยนและหวางนิวรออย่างร้อนใจ เฉินเยี่ยนและซินห้าวตัดสินใจไปอำเภอหลินเพื่อหาเฉินจง กลัวว่าเฉินจงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เป็นช่วงเวลาที่ซินชานกลับมาพอดี บอกว่าเฉินจงโทรไปที่บ้านเขาในเมืองมา บอกว่าปีใหม่จะไม่กลับมา จะอยู่ดูแลโรงงานกระดาษอยู่ที่โรงงาน ให้คนที่บ้านไม่ต้องรอเขา
เดิมทีเฉินจงโทรมาหาก่อนหน้านี้สองวันแล้ว แต่หลังซุนหม่านเซียงรับสายก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งวันนี้ถึงค่อยบอกซินชาน ทำซินชานโมโหมาก ว่าซุนหม่านเซียงเป็นชุด แล้วค่อยรีบขี่จักรยานมาส่งข่าว
ถึงแม้จะเสียเวลาไปสองวัน ทำให้พวกเขาเป็นห่วง แต่เรื่องนี้โทษซินชานไม่ได้ เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไร รู้แค่ว่าพ่อไม่เป็นอะไรก็สบายใจแล้ว
หลังซินชานไป หวางนิวก็บ่นอยู่สองคำ พูดว่าปีใหม่ยังไม่ยอมกลับมา ที่จริงหวางนิวคิดถึงเฉินจง ปีใหม่เป็นเวลาที่ทั้งครอบครัวอยู่ร่วมกัน แต่หัวหน้าครอบครัวไม่อยู่บ้าน ใจเธอรู้สึกแปลกๆ
ยังดีที่เฉินฉือหลิวเป็นเด็กฉลาด รู้จักปลอบคุณย่า แล้วยังมีเฉินเฟยหลายชายคนโตที่ตัวอวบขาวอีกคน หวางนิวค่อยอารมณ์ดีขึ้นมา