เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 353 ออกจากบ้าน
ซินเหวยได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยน เขามองเฉินหู่และมองซินห้าว สุดท้ายพยักหน้ากับเฉินเยี่ยน หมายความว่าเขาจะคิดให้ดี
“เอาล่ะ วันนี้พี่สาว พี่เขย แล้วก็หลานกลับมา พวกเราไม่พูดเรื่องเจ้าแล้ว เจ้าไปคิดดูดีๆ แล้วกัน รีบกินข้าวเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว
หวางนิวพูดจบก็ยื่นตะเกียบสองคู่ให้เฉินหู่และซินเหวย ไม่ว่าจะไปหรือไม่ไปโรงเรียน ยังไงก็ไม่ให้เขากินข้าวไม่ได้
เฉินหู่เห็นแม่เขาไม่พูดเรื่องให้เขากลับไปโรงเรียนอีกก็ดีใจมาก รับตะเกียบมา ยื่นให้ซินเหวยหนึ่งคู่ จากนั้นพวกเขากินข้าวกัน แล้วยังดื่มเหล้าเป็นเพื่อนซินห้าวด้วย
เฉินหู่ดื่มเหล้าเร็วไปหน่อย ดื่มคำละจอกในพริบตาก็กระดกไปหลายจอกแล้ว
หวางนิวอยากจะพูดอะไร เฉินเยี่ยนไม่ให้หวางนิวห้าม เฉินหู่อยากดื่มก็ให้เขาดื่มไปเถอะ ยังไงก็อยู่ในบ้าน ดื่มหมดก็นอนหลับไป ความอัดอั้นในใจจะได้ระบายออกมาบ้าง
ตอนเฉินเยี่ยนและซินห้าวไปเฉินหู่ก็เมาพับแล้ว เขาคนเดียวน่าจะดื่มเหล้าขาวเข้าไปหลายชั่ง
แต่เฉินหู่ก็ไม่ได้โวยวาย ตะโกนขึ้นมาสองที หลังเมาก็หลับไปเลย
ส่วนซินเหวยถือว่ามีสติอยู่ ท่ามกลางเสียงบ่นของหวางนิว เขากลับไปพร้อมกับเฉินเยี่ยนและซินห้าว
ซินเหวยไม่ได้ขี่จักรยาน เข็นจักรยานเดินตามไป ระหว่างทางโดนลมพัด ซินเหวยรู้สึกเมาเล็กน้อย
“จะไม่ไปจริงหรือ?”
ซินห้าวถามเสียงนิ่ง เขารู้อยู่แก่ใจ สำหรับซินเหวยนั้น ในใจป้ารองตั้งความหวังอยู่
“ไม่ไปแล้ว จิตใจผมในตอนนี้ ถึงแม้จะสอบ ก็สอบมหาวิทยาลัยไม่ติด”
ซินเหวยไม่อยากให้คนที่บ้านผิดหวัง แต่ถ้าไม่มีเรื่องครั้งนี้ บางทีเขากับเฉินหู่คงตัดสินใจจะขยันดูสักตั้ง ก็ยังพอมีหวัง เกิดเรื่องแบบนี้ เฉินหู่ไม่เรียนแล้ว จิตใจเขาสงบยาก เรียนรู้เรื่อง ถึงแม้จะไปสอบ เขาก็สอบได้ไม่ดี
ในเมื่อสอบได้ไม่ดี งั้นสู้ไม่ไปเลยดีกว่า เขาอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเฉินหู่
“แล้วเจ้าเคยคิดว่าจะทำอะไรมาก่อนหรือเปล่า? เป็นคนงาน อาจารย์? หรือทำอะไร?”
ซินห้าวก็รู้ ถึงแม้ซินเหวยจะไม่มีความตั้งใจเท่าเฉินหู่ แต่เรื่องที่ตัดสินใจแล้วยากที่จะเปลี่ยนได้ แล้วพวกเขามาเจอในช่วงเวลานี้ บังคับเขาไป มีแต่จะทำให้เขายิ่งคัดค้าน ถึงแม้ลุงสองและป้ารองจะหวังให้ซินเหวยสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้กดดันซินเหวย ขอแค่ซินเหวยมีความสามารถ ทำอะไรพวกเขาก็เห็นด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าซินเหวยจะไม่เรียนแล้ว ลุงสองและป้ารองก็จะไปโมโหใส่ซินเหวย
“พี่ชาน ที่จริงผมรู้ หู่จื่อเขาอยากจะออกไปมาก ผมก็อยากออกไปเช่นกัน”
ตอนที่ซินเหวยพูดจะออกไปสายตาเขาเป็นประกาย มีแววเห็นความมุ่งมั่นและกระตือรือร้น
“ออกไป? ไปไหน?”
เฉินเยี่ยนถาม เธอรู้ว่าน้องชายตัวเองไม่ชอบอยู่บ้าน แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าน้องชายคิดจะไปไหน
“หู่จื่ออยากจะไปปักกิ่ง เขาเคยบอกผมมาหลายรอบแล้ว บอกว่าอยากจะไปปักกิ่ง บอกว่าที่นั่นเจริญ บอกว่าที่นั่นมีคนเยอะแยะมากมาย มีของหลายอย่างที่พวกเราไม่เคยเห็น เขาบอกว่าไปที่นั่นจะได้เปิดหูเปิดตา ใช่แล้ว เขายังยอกว่าเขาจะไปที่นั่นหาคน เขาอยากจะเป็นดารา เขาไม่อยากอยู่บ้านเป็นคนงาน ไม่สนุก”
ซินเหวยบอกเหตุผลกับซินห้าวและเฉินเยี่ยน เพราะเขารู้ดี ถ้าพี่ชายและพี่สะใภ้สนับสนุนเขากับเฉินหู่ แบบนั้นคนทั้งสองบ้านก็จะไม่คัดค้านพวกเขาออกจากบ้าน
พวกเขาอายุไม่น้อยแล้ว เลยตรุษจีนไปก็สิบแปดแล้ว ถ้าไม่เรียน ที่บ้านอาจจะให้พวกเขาเป็นคนงาน แต่งงาน แต่เขากับเฉินหู่ไม่อยาก พวกเขาอยากจะออกไปเผชิญโลกภายนอก อยากจะออกไปดู เปิดโลกกว้าง
แต่ไม่แน่ว่าที่บ้านจะสนับสนุน แต่ถ้าซินห้าวและเฉินเยี่ยนเห็นด้วย ก็ไม่เหมือนกันแล้ว
เฉินเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่แท้เฉินหู่อยากจะเป็นดารา มีความคิดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เป็นเพราะซินเหลยเป็นนายแบบเขาก็เลยมีความคิดนี้? หรือว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ตัวองและซินห้าวไปปักกิ่งบังเอิญเจอผู้กำกับทำให้เขามีความคิดนี้ขึ้นมา?
อยากจะเป็นดาราไมใช่เรื่องที่ง่าย ทำงานในปักกิ่งลำบากมาก พวกเขาไม่มีประสบการณ์ ไม่มีพื้นฐาน อยากจะโด่งดัง นอกเสียจากจะมีโชคดีมาก แต่นี่ก็ยังต้องทำงานหนัก
พวกเขาคิดง่ายเกินไปแล้ว!
ไม่ให้ไป?
เฉินเยี่ยนไม่เคยคิดจะห้าม ทุกคนต่างมีความฝันและทางเดินของตัวเอง เพียงแต่ทางที่จะไปถึงฝันนั้นจะต้องมีความเพียร
ขยันแล้วแล้ว ถึงแม้จะไม่สำเร็จ ก็จะไม่เสียใจ
เฉินหู่และซินเหวยออกไปเผชิญโลกภายนอก อยากจะไปปักกิ่งลองดูสักตั้ง งั้นก็ไปเถอะ ถึงแม้จะไม่สำเร็จ พวกเขายังอายุน้อย มีต้นทุนอยู่
แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้พยักหน้ากับซินเหวย เธอไม่ใช่พ่อแม่ของเฉินหู่และซินเหวย เธอให้ความเห็นได้ แต่ไม่สามารถข้ามหน้าข้ามตาตัดสินใจให้ได้
“มองฉันทำไม? ฉันไม่ใช่ลุงสองและป้ารอง ถ้าเธออยากไป เธอต้องไปบอกลุงสองและป้ารอง ไปโน้มน้าวพวกเขา ให้พวกเขาเห็นการตัดสินใจของเธอ แต่ไม่ใช่ให้ฉันและพี่ชายเธอออกหน้า”
เฉินเยี่ยนว่าซินเหวย
เดิมทีซินเหวยผิดหวังเล็กน้อย แต่ได้ยินเฉินเยี่ยนพูดแบบนี้เขาก็พยักหน้า
ใช่แล้ว เขาไม่ใช่เด็กอีกแล้ว เรื่องของตัวเองไม่ควรไปไหว้วานคนอื่น ตัวเองต้องแย่งชิงมาเอง ไม่อยากนั้นเขาจะพูดได้ยังไงว่าเขาโตแล้ว? จะทำให้พ่อแม่วางใจได้ยังไง!
“ผมรู้แล้วครับพี่สะใภ้”
ซินเหวยพยักหน้า สายตามีประกายความมุ่งมั่น เขาจะพูดโน้มน้าวพ่อแม่
ตอนกลับไป คนบ้านซินเห็นซินเหวยก็ประหลาดใจเล็กน้อย พอฟังเรื่องจบพวกเขาก็เงียบไป แต่พวกเขาก็โทษซินเหวยไม่ได้ พูดแค่ว่าให้ซินเหวยลองคิดดูอีกครั้ง ที่โรงเรียนไม่ได้ไล่เขาออก จะกลับไปก็ยังทัน
รอจนตอนกลางคืน หลังลูกสองคนหลับแล้วเฉินเยี่ยนก็ทอดถอนใจกับซินเหวย แต่ละคนคิดอยากจะออกไปข้างนอก คนแรกคือซินเหลย แล้วตามมาด้วยเฉินหู่และซินเหวย ต่างไม่อยากอยู่ที่บ้าน
“ผู้ชายน่ะ ยังไงก็มุทะลุกว่า เห็นข้างนอกเจริญ คึกครื้น ย่อมไม่อยากอยู่บ้าน พวกเขาโตแล้ว มีความคิดของตัวเอง ก็ให้พวกเขาไปเถอะ”
ซินห้าวคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
เฉินเยี่ยนมองซินห้าว ซินห้าวก็อยากจะออกไปเผชิญโลกภายนอกเหมือนกันหรือเปล่า? ถ้าเขาไม่ได้แต่งงานกับตัวเอง มีลูกแล้ว เขาก็จะไปสร้างธุรกิจข้างนอกไหม?
“เด็กโง่ ทุกคนมีความคิดความต้องการไม่เหมือนกัน สิ่งที่ผมต้องการไม่เหมือนพวกเขา มีคุณ มีลูก แล้วก็มีงานทำสามารถเลี้ยงดูพวกคุณได้ ผมก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้ข้างนอกจะดีมาก แต่ไม่มีคุณกับลูก สำหรับผมนั้นไม่มีความหมายเลย”
เหมือนซินห้าวรู้ว่าเฉินเยี่ยนกำลังคิดอะไร โอบเฉินเยี่ยนไว้ในอ้อมกอด นวดเบาๆ ที่ศีรษะเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนพิงอยู่ในอ้อมกอดซินห้าว เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ใช่แล้ว ทุกคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน เหมือนตัวเอง สิ่งที่ต้องการคือชีวิตแบบตอนนี้ ไม่ว่าจะที่ไหน มีครอบครัว มีสามี มีลูกก็เพียงพอแล้ว
เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุข
เฉินหู่และซินเหวยเลยลาออกจากโรงเรียนไปแบบนี้ หลักจากนั้นสามเดือนในที่สุดพวกเขาก็พูดโน้มน้าวคนที่บ้าน พวกเขาออกจากบ้านท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของคนที่บ้าน หิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นรถไฟไปเมืองที่พวกเขารอคอยมานานแสนนาน
ตอนที่ไปเฉินเยี่ยนให้กุญแจเฉินหู่หนึ่งอัน เป็นบ้านหลังเล็กที่เธอซื้อไว้ที่ปักกิ่ง เธอเคยปล่อยเช่า ตอนนี้เฉินหู่กับซินเหวยจะไปที่นั่น มีที่อยู่ยังไงก็ดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปเช่าห้องใต้ดินอยู่ เธอได้ยินมาว่า ตอนแรกพวกที่ไปทำงานที่ปักกิ่งหางานไม่ได้ ไม่มีเงิน ต้องไปอยู่ห้องใต้ดิน
เฉินหู่กับซินเหวยมีที่พัก พวกเขาจะได้สบายใจขึ้นมาหน่อย