เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 73
อวี๋เหวยหมินมารอตัวเอง เฉินจงเห็นเขาเหม็นไปทั้งตัว อวี๋เหวยหมินสีหน้าดูจนตรอกนัยน์ตามีแววไม่พอใจ
“เจ้ารอข้ามีอะไรจะพูด?”
ถึงแม้เฉินจงก็ไม่ชอบอวี๋เหวยหมิน แต่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้แล้ว เขาเลยถามประโยคหนึ่ง
“ลุงเอาน้ำให้ผมล้างหน่อย แล้วเอาเสื้อผ้ามาให้ผมก่อนได้ไหม?”
ที่จริงอวี๋เหวยหมินไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น เขาไม่ไปจากบ้านเฉิน เพราะแค่ไม่อยากเจอคน ถึงแม้ว่าตอนนี้ฟ้าจะมืดแล้ว แต่บนถนนยังมีคนอยู่ เขาคิดจะอาศัยตอนฟ้ามืดแล้วรีบวิ่งกลับไป
“ไม่ได้”
เฉินจงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย
อวี๋เหวยหมิน…
“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา พูดจบก็ไปสะ อีกหน่อยไม่ต้องมาแล้ว ถ้าให้ข้าได้ยินเจ้าพูดเรื่องอยากจะแต่งงานกับเยี่ยนจื่ออีก ข้าจะตีขาเจ้าให้ขาด จำเอาไว้ ลูกสาวบ้านเฉินถึงแม้จะแต่งไม่ออก ก็จะไม่แต่งกับคนแบบเจ้า”
เฉินจงพูดตรงประเด็น ไม่เหลือพื้นที่ให้ต่อรองเลย
เฉินเยี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา และก็วางใจ พ่อแม่ไม่คนที่โง่เขลาประเภทนั้น ไม่ยอมให้เธอทนเรื่องที่รับไม่ได้เพื่อชื่อเสียงที่ดีของเธอ ดูเหมือนสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่
โดนพูดแบบนี้อวี๋เหวยหมินโมโหขึ้นมา พวกนี้ดูถูกเขา เขาต่างหากที่ดูถูกคนพวกนี้ อีกหน่อยถ้าเขารวยแล้ว เป็นเศรษฐีแล้ว เขาจะดูคนพวกนี้มากอดขาเขาร้องไห้ ถึงเวลานั้นดูว่าเขาจะทำให้พวกนี้ขายหน้ายังไง
“ในเมื่อลุงพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ถือว่าวันนี้ผมไม่ได้มาแล้วกัน หวังว่าอีกหน่อยลุงคงไม่เสียใจ”
อวี๋เหวยหมินพูดจบก็มองเฉินเยี่ยนอยากสมเพชแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกไป ตอนนี้เวลากำลังดี ฟ้ามืด เจอใครตามถนนก็มองไม่ออกว่าเขาคือใคร เขาวิ่งเร็วหน่อย ก็อาจจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้
“ถุย หน้าไม่อาย ยังบอกว่าไม่ได้มา ถ้าไม่ได้มาก็เป็นหลานขิงเต่ามั้งที่มาทำบ้านเราเหม็น”
หวางนิวพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ ฝีเท้าอวี๋เหวยหมินหยุดชะงัก รังเกียจเขาเหม็น เขาเหม็นมากจริงๆ ไม่ ไม่ ไม่ต้องคิดแล้ว เขาต้องรีบกลับไปเอาน้ำรากตัวสักสิบยี่สิบรอบ เขาต้องการลืมเรื่องวันนี้ พูดขึ้นมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแค่คิดถึงวันนี้เขาก็จะบ้าแล้ว
ในที่สุดอวี๋เหวยหมินก็ไปแล้ว คนบ้านเฉินกินข้าวเย็น แล้วพูดคุยกับเสร็จต่างแยกกันไปพักผ่อนห้องนอนตัวเอง
หวางจวนที่อยู่ในห้องไม่ได้ถามเฉินเยี่ยนว่าอวี๋เหวยหมินมาทำไม เพราะเธอรู้ว่าถ้าเฉินเยี่ยนอยากพูดเธอจะต้องพูดเอง เธอไม่พูดนั่นหมายความว่าไม่อยากให้เธอรู้
เฉินเยี่ยนพลิกตัว ก่อนหน้าคนคนบ้านเฉินเป็นห่วงกลัวว่าแม่อวี๋เหวยหมินเห็นอวี๋เหวยหมินสภาพนั้นแล้วจะมาหาเรื่อง แต่เธอไม่กังวลเลย อวี๋เหวยหมินคนที่รักหน้าตัวเองขนาดนั้น ถ้าแม่เขามาหาเรื่องแล้วทำให้คนในหมู่บ้านรู้เรื่องที่เขาตกลงไปในหลุมปุ๋ยคอก คิดว่าเขาคงได้คิดฆ่าคนแน่ ดังนั้นเขาเลยไม่พูด ถึงจะพูด เขาก็จะไม่ยอมให้แม่เขามาโวยวาย กลับกันยังจะให้แม่เขาปิดบังอีกด้วย ดังนั้นคืนนี้ไม่มีคนมาหรอก
แต่วันนี้เฉินเวยไม่ได้มา ก็ใช่ เฉินเวยคนนี้เห็นแก่ตัว ในใจมีแต่ตัวเอง เธอพูดให้อวี๋เหวยหมินมา ส่วนเธอแค่รอผลก็พอแล้ว ถึงอวี๋เหวยหมินจะกลับดึกมาก ถึงเธออยากรู้เธอก็ไม่มา เพราะเธอกลัวจะโดนเหมาไปด้วย เธออยากจะเล่นบทผู้ไร้เดียงสา
วันนี้ที่อวี๋เหวยหมินได้รับบทเรียนคิดว่าคงจะไม่พูดให้เธอบอกวิธีทำผักอะไรนั่นให้เขาอีก และจะคงไม่มาพูดจาน่าขยะแขยงเรื่องให้เธอและเฉินเวยอยู่ด้วยกันกับเขาอีกเหมือนกัน จากที่เธอรู้จักอวี๋เหวยหมินเขาไม่น่าจะพูดเรื่องสัญลักษณ์ในร่มผ้าของตัวเอง เพราะอวี๋เหวยหมินและเฉินเวยยังต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ เผื่อในอนาคตจะสามารถเอาออกมาให้ได้ แต่แผนนี้ของพวกเขาไม่สำเร็จ พวกเขาไม่ยอมรามือแน่ พวกเขาจะต้องคิดหาวิธีการอื่นมาจัดการตัวเอง เฉินเยี่ยนไม่กังวลใจมาก เพราะอวี๋เหวยหมินเป็นพวกใฝ่สูงแต่ทำอะไรไม่เป็น เฉินเวยก็ไม่ถือว่าเป็นคนฉลาดมาก เธอไม่กลัวพวกเขา เพียงแค่มีคนคิดจะจัดการเธอตลอดเวลา นานทีจะออกมารังควานเธอ น่ารำคาญมาก
ไม่คิดถึงพวกนั้นแล้ว หาเงินสำคัญกว่า พรุ่งนี้ต้องบอกพ่อให้เขาทำไปป์บุหรี่ให้ ตัวเธอก็ต้องคิดวิธีทำยาเส้น ในหมู่บ้านมีใบยาสูบเต็มไปหมด เอาใบยาสูบมาทำเป็นยาเส้นได้ แต่ยาเส้นก็ต้องปรุง ไม่อย่างนั้นรสชาติไม่ดี เธอไม่เคยทำมาก่อน ต้องศึกษาดู
วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนตื่นขึ้นมาเฉินจงก็ออกไปแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันฝังศพยายของบ้านอวี๋ เขาตื่นแต่เช้าตรู่ออกไปช่วย
เฉินเยี่ยนก็ไม่มีอะไรทำ เลยออกไปดู ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาดูงานฝังศพของยุคนี้ว่าคึกคักขนาดไหน
ถึงแม้เธอจะเป็นเกษตรกร แต่เธอเกิดช้า ยุคเธอเกษตรกรตายกับยุคปัจจุบันเหมือนกันทุกอย่าง
เฉินเยี่ยนเห็นคนครึ่งหมู่บ้าน ที่จริงไม่มีอะไรทำแค่ออกมาดูให้ครึกครื้น ตรงกลางถนนมีโลงศพวางอยู่ โลงศพมีสีดำ ด้านบนมีเชือกป่านเต็มไปหมด เชือกป่านนี้ล้อมกระบอกไม้เอาไว้ สักพักมีชายหนุ่มรูปร่างดีมายกโลงศพ จะย้ายจากถนนไปจนถึงป่าช้า ได้ยินว่าหลายคนที่ยกนี่ก็มีฝีมือ แต่เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจ
เฉินเยี่ยนเห็นมีคนใส่ชุดผ้ากระสอบหลายคนฟุบไปกับโลงศพทั้งสี่ด้าน แต่ละคนร้องไห้กับโลงศพดั่งฟ้าถล่ม ร้องไห้ไปปากก็ตะโกนไป ตะโกนว่ามีหมดทุกอย่างแล้ว ผู้หญิงพวกนี้เป็นลูกหลานของบ้านอวี๋
ด้านหน้าโลงศพมีคนใส่ชุดผ้ากระสอบคุกเข่าอยู่ เป็นผู้ชายทั้งหมด คนนำเป็นลูกชายคนโตของคุณยายอวี๋ ในมือเขาถือธงกระดาษเรียกดวงวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีลูกชายอีกคนอุ้มอ่างน้ำ แล้วฟุบลงไปกับพื้นร้องไห้
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจพิธีพวกนี้ แค่มาดูเฉยๆ
นอกจากพวกนี้แล้วยังมีคณะวงเป่าอีกด้วย ทั้งหกเจ็ดคนต่างเป่าล้อมรอบโลงศพ เป่าจนที่ๆ ครึกครื้นต่างกระโดดขึ้นมาเป่าด้วย คึกคักมาก
เรื่องนี้เฉินเยี่ยนพอรู้อยู่ คนแก่เสียชีวิต พิธีศพจัดยิ่งครื้นเครง ยิ่งคึกคัก บ้านนี้จะยิ่งได้หน้าได้ตา ดังนั้นที่นี่ก็มีธุรกิจวงเป่าแล้ว พวกคนที่เป่าแตรพวกนั้น พวกเขารับทั้งงานมงคลและงานศพโดยเฉพาะ มาทำให้งานครื้นเครง
ชาติที่แล้วเฉินเยี่ยนก็เคยเห็น แต่ตอนนั้นวงเป่าไม่เหมือนกับยุคนี้เท่าไร ในยุคนี้ดูดั้งเดิมกว่า แต่วงเป่าในยุคหลังจะทำผิดจากเดิม ในวงเป่าจะต้องมีผู้หญิงหนึ่งคน ผู้หญิงคนนี้จะหน้าตาสวยหรืออัปลักษณ์ไม่เป็นไร แต่ต้องทำงานเป็น ไม่ว่าจะร้องเพลงเอย เต้นเอย ที่สำคัญต้องหน้าหนาด้วย เปิดกว้าง มีผู้หญิงแบบนี้แสดงถึงค่อยจูงใจคนอื่น ถ้าทั้งวงมีแต่ผู้ชาย ถึงจะเล่นเก่งแค่ไหน ก็มีแค่น้อยคนไปดู อีกอย่างมีครอบครัวของผู้เสียชีวิตมากมาย นอกจากวงเป่าแล้วยังเสียเงินจ้างนักแสดงร้องรำทำเพลงอีกด้วยมาให้งานคึกครื้น แต่เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดว่าคนตายเป็นเรื่องเสียใจหรือเรื่องน่ายินดี
ธรรมเนียมแบบนี้เฉินเยี่ยนไม่ไปวิจารณ์ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะไปขัดขวางได้ ตอนนี้เธอดูแต่คนที่เป่าเครื่องดนตรีแต่ละคนออกแรงแสดงกัน พวกเขาเหมือนกินยาลูกกลอนมาเลย มีพลังไปทั้งตัว เสียงเป่าแตรที่ดังกึกก้องนั้นไม่เหมือนโศกเศร้าเลย แต่เหมือนเจอเรื่องดีใจอะไรสักอย่าง ปลุกใจให้ฮึกเหิม
——————–