เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 76
“เยี่ยนจื่อ อย่าเข้าใจผิด พวกเราก็แค่ทำเพื่อจวนเอ๋อร์ เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของฉัน ฉันไม่ทำร้ายเธอ พี่สะใภ้เธอก็กลัวว่าอนาคตเธอจะไม่มีที่พึ่ง ถึงได้หาสามีให้ ถ้าจวนเอ๋อร์ไม่ยินดีจริงๆ ก็ค่อยว่ากัน”
ถ้าพี่สะใภ้หวางจวนหวังดีขนาดนั้น ตอนนั้นคงไม่บังคับให้เธอไปตายหรอก ตอนนี้เห็นว่าฝั่งนั้นไม่มาหาเรื่องหวางจวนแล้ว คิดว่าเรื่องผ่านไปแล้ว เลยอยากจะได้เงินสินสอดของหวางจวน มาเรียกว่าหวังดี ก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่หวางจวนถึงคิดว่าลูกสะใภ้หวังดี
แม่หวางจวนพูดจบก็เห็นว่าหวางจวนและเฉินเยี่ยนดูไม่เห็นด้วยกับคำพูดเธอ เธอหัวเราะแหะๆ แล้วพูด “งั้น งั้นแม่ไปก่อน พวกเธอคุยกันเถอะ จวนเอ๋อร์ พี่สะใภ้ลูกก็ทำอะไรไม่ได้ พี่สะใภ้ลูกก็กลัวชื่อเสียงที่บ้านเสื่อมเสีย ถึงได้พูดแบบนั้น เธอไม่ได้อยากจะให้ลูกตายจริงๆ พี่สะใภ้ลูกเขาปากร้าย ลูกอย่าไปเคียดแค้นเขาเลย เรื่องนี้ถ้าเป็นบ้านอื่น ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ได้ ไม่พูดแล้ว แม่ไปละ ถ้าคิดได้แล้ว ก็กลับมาบอกแม่แล้วกัน”
แม่หวางจวนไปแล้ว หวางจวนไปส่งเธอที่หน้าประตู เฉินเยี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจ บางครั้งเธอไม่เข้าใจคนพวกนี้คิดยังไง เมื่อก่อนคนเป็นแม่ยายจะเป็นคนตั้งกฎให้ลูกสะใภ้ จนแก่โทรม แต่หมู่บ้านเกษตรพวกนี้กลับตาลปัตรไปหมด ยุคนี้มีแม่ยายหลายคนที่ทำงานเห็นแก่หน้าลูกสะใภ้ ไม่สนใจว่าลูกสะใภ้จะขี้เกียจไม่ทำงานอะไร แม่ยายก็ทำอาหาร เลี้ยงลูกให้ แล้วยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับลูกสะใภ้เลย แต่แม่ยายก็ทำได้แค่โกรธตัวเอง ทำอะไรลูกสะใภ้ไม่ได้ พูดจาแรงๆ ใส่ลูกสะใภ้หน่อย ลูกสะใภ้ก็ร้องไห้โวยวายจะกลับบ้าน จะหย่า แม่ยายทำได้แค่อดทน ทำไม? หนึ่ง เพราะเวลาแก่ตัวไปต้องพึ่งพาลูกชายและลูกสะใภ้ สอง การแต่งงานในหมู่บ้านเกษตรกร สินสอดสำคัญมาก จะแต่งงานต้องสร้างบ้านให้ ต้องให้สินสอดกับสะใภ้ ฝ่ายหญิงแค่อ้าปากก็เรียกสินสอดมาหนึ่งแสนแล้ว ส่วนมากก็ขุดสมบัติที่บ้านไปหมด บางคนก็ไปกู้หนี้ยืมสินมา ถ้าลูกสะใภ้และลูกชายหย่ากัน แล้วจะแต่งงานอีกรอบ ถึงแม่จะแต่งรอบที่สอง สินสอดยิ่งมากกว่าเดิมอีก หายากไม่ว่า แต่งคนหนึ่งก็ไม่แน่ว่าจะได้ดีกว่าคนที่แล้ว รวมถึงเรื่องลูกอะไรอีก ยุ่งยากมาก ดังนั้นคนที่หย่ามีไม่เยอะ กลับกันเป็นผู้หญิงที่ทิ้งลูกแล้วหนีไปมากกว่า เพราะว่าเรื่องนี้ มีหลายเรื่องที่ลูกสะใภ้ทำไม่ดีกับแม่ยาย บางคนก็ด่าต่อหน้าเลย ทำเรื่องอกกตัญญูมากมาย ทำแม่ยายร้องสะอื้น
แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นแบบนี้เสมอไป ที่ไหนก็มีทั้งดีและร้าย ดังนั้นหลังเฉินเยี่ยนมาถึงที่นี่ เห็นพี่สะใภ้ช่างเหลียนเป็นแบบนั้น เธอไม่เคยคิดจะให้พี่ชายคนโตกับพี่สะใภ้หย่ากัน หนึ่ง เพราะคนยุคนี้หย่ากันน้อย หย่ากันจะขายหน้ามาก นอกจากเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ พ่อแม่บ้านเฉินต้องไม่เห็นด้วยที่เฉินกุ้ยจะหย่า สอง เป็นเพราะสถานการณ์ของหมู่บ้านเกษตรกร ดังนั้นเธอจึงคิดออกแค่เรื่องแยกบ้านอยู่
หวางจวนกลับเข้ามาเห็นเฉินเยี่ยนที่นั่งคิดอยู่บนเตียง
“นั่งสิ”
เฉินเยี่ยนตบบนเตียงให้หวางจวนนั่ง
“พี่”
หวางจวนเรียกขึ้นมา เธอก็คิดไม่ถึงว่าแม่เธอจะว่าบ้านเฉินแบบนี้ ถ้าเป็นเธอ ช่วยคนอื่นแล้วโดนมาว่าแบบนี้ คงจะเสียใจมาก
“ไม่ต้องกลัว ถ้าเธอไม่อยากแต่ง ก็ไม่มีใครบังคับเธอได้ เธอทำถูกแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แล้วเธอจะไปแต่งงานกับใครก็ได้ ถ้าจะแต่ง ก็ต้องแต่งกับคนที่ตัวเองชอบ แต่งกับคนที่มีคุณสมบัติที่ดี ไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้น เธอไม่ผิด เธอไม่ต้องแบกมันไว้ในใจ แน่นอน ถ้าตอนนี้เธอไม่อยากแต่งงาน ก็ยังไม่ต้องคิดเรื่องนี้ ไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้กชีวิตแทนเธอ”
เฉินเยี่ยนปลอบหวางจวน กลัวว่าเพราะคำพูดแม่หวางจวน หวางจวนจะเชื่อฟังแม่เธอ
“ฉันรู้แล้ว พี่ ฉันไม่คิดว่าแม่จะพูดจาแบบนั้น ต้องมีคนมาพูดนินทาต่อหน้าแม่แน่นอน แม่คงไม่ได้สนใจ คนอื่นพูดยังไงเธอก็ฟังตามนั้น ขอโทษนะพี่”
หวางจวนขอโทษแทนแม่ตัวเอง
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใส่ใจ เธอก็ไม่ต้องคิดมาก อยู่ให้สงบ สบายใจได้ พี่สะใภ้เธอไม่กล้ามาหาเรื่องหรอก ถึงจะมา ฉันก็จะไล่เธอออกไป”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใส่ใจ เธอรู้จักคนที่บ้านหวางจวนดีมาก เธอไม่โกรธ ส่วนพี่สะใภ้หวางจวน เธอเก่งแค่คนในบ้านตัวเอง กับคนนอกไม่กล้า เธอไม่กล้ามาหาเรื่องบ้านเฉิน ดังนั้นเลยให้แม่หวางจวนมาหาหวางจวน
หวางจวนเห็นเฉินเยี่ยนไม่ได้โกรธจริงๆ เลยค่อยวางใจหน่อย ฝั่งนั้นเป็นครอบครัวเธอ ถึงแม้เธอจะผิดหวัง แต่ยังไงก็เป็นครอบครัวเธอ เป็นที่ที่เธออยู่มาตลอด เธอรู้สึกผูกพัน แต่วันนี้แม่เธอมาพูดคำพูดพวกนี้ การกระทำแบบนี้ ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ คิดว่าไปยุ่งกับบ้านนั้นน้อยลงหน่อยดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องมากมาย ตัวเธอไม่มีอะไร แต่เธอไม่อยากจะให้บ้านเฉินลำบาก
“พอได้แล้ว ไม่ต้องคิดแล้ว หลายวันนี้ไม่ต้องทำผัก หมักเสร็จหมดแล้ว รอเอาไปขาย ฉันอยากจะทำยาเส้น เธอช่วยฉันทำหน่อย”
เฉินเยี่ยนตบไหล่หวางจวน ไม่อยากให้เธอคิดฟุ้งซ่าน วิธีที่ดีที่สุดคิดหาเรื่องให้เธอทำ
“ได้สิ พี่บอกว่าทำยังไง”
หวางจวนสดใสขึ้นมาจริงด้วย ตอนนี้เธอชอบทำงาน มีเรื่องให้ทำ เธอก็ไม่มีใจไปคิดเรื่องอื่นแล้ว
เฉินเยี่ยนและหวางจวนทั้งสองคนหาใบยาสูบได้แล้ว เป็นใบยาสูบชนิดใบใหญ่ แห้ง ใช้มือขยี้ก็แตก แต่ขนาดที่แตกต่างใหญ่เล็กไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน แบบนี้รสชาติไม่อร่อย อีกทั้งม้วนขึ้นมาก็ต้องใช้แรง ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยตัดสินใจหั่นเอา
เฉินเยี่ยนและหวางจวนสองคนใช้มีดหั่นก่อน แต่หั่นไม่ง่าย สุดท้ายทั้งสองคนเลยใช้มีดใหญ่แบบที่ใช้ตัดหญ้า เพราะทั้งสองคนใช้มีดไม่ค่อยเป็น อีกทั้งใบยาสูบก็ไม่ใช่หญ้า ดังนั้นหั่นออกมาเลยไม่เท่ากัน
จนเฉินจงและหวางนิวกลับมาเห็นเฉินเยี่ยนและหวางจวนทั้งสองคนง่วนทำอยู่ตรงนั้น พอถาม พวกเขาก็ไม่พูดอะไร ยังไงนั่นก็เป็นใบยาสูบ ทั้งสองคนยอมทนทำก็ทนไป ถึงแม้จะทำจนแตกละเอียด เฉินจงก็ยังสามารถสูบได้
เฉินเยี่ยนเอาภาพร่างของไปป์บุหรี่ที่วาดออกมาให้เฉินจง เฉินจงมองดูอย่างจริงจัง นานๆ ทีจะถามสักประโยค จากนั้นพยักหน้ากับเฉินเยี่ยน หมายถึงเขาสามารถทำได้ ส่วนหนังที่ใช้ทำไปป์บุหรี่ เขาก็มีวิธีทำ
เห็นพ่อไม่พูดอะไรออกไปหาท่อนไม้ เลื่อยมาทำงาน เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม ได้เจอพ่อที่เข้าใจทุกเรื่องแบบนี้ แล้วยังทำเป็นทุกอย่างอีก เป็นโชคดีของเธอจริงๆ
เฉินเยี่ยนและหวางจวนออกแรงใช้มีดใหญ่หั่นแล้ว แล้วใช้มัดหั่นผักมาหั่น นั่งทำกันจนถึงเย็น หั่นได้ยาเส้นส่วนหนึ่งออกมา เฉินเยี่ยนส่ายหน้ากับยาเส้นที่หั่นออกมา มันไม่เท่ากันจริงๆ แล้วยังแห้งด้วย ห่อไปทั้งแบบนี้กระดาษจะขาด เธอจำได้ว่ายาเส้นในบุหรี่อ่อนนุ่ม บางทีวิธีเธออาจจะผิด หรือว่าต้องเอาใบยาสูบจุ่มน้ำ?
เฉินเยี่ยนครุ่นคิด แต่ฟ้าน่าจะมืดแล้ว เลยทำไม่ได้ ตอนกลางคืนเธอนอนอยู่บนเตียงพลิกตัวไปมาคิด คิดหลายวิธี รอจนฟ้าสว่าง เธอจะลองดู
————–