ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง - ตอนที่ 22.2
ท่านพี่ท่านดีจริงๆ (2)
ตอนนั้นแม่นมเฮ่อยังอายุน้อย ฮูหยินซ่งสงสารนาง แต่เพราะว่านางเป็นเพียงบ่าวไพร่ ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับพิธีการอย่างเช่นเหล่าคุณหนูตระกูลเว่ย ที่จะไม่แต่งงานครั้งที่สอง จึงได้ถามนางเป็นการส่วนตัวว่านางจะแต่งงานอีกไหม อย่างไรก็มีบุตรไว้สักคน แน่นอนว่าหากเป็นอย่างนั้นนางก็ไม่สามารถปรนนิบัติเว่ยฉางอิ๋งได้อีกแล้ว อย่างไรตระกูลอย่างตระกูลเว่ย บ่าวที่รับใช้ปรนนิบัติใกล้ชิดกับคุณหนูทั้งหลายต่างก็ต้องมีเงื่อนไขศีลธรรมบ่าวที่ดีที่ไร้ข้อบกพร่อง หากว่าให้ผู้ที่แต่งงานครั้งที่สองไว้ข้างกายคุณหนู อาจทำให้คนนอกกล่าวกันว่าเว่ยฉางอิ๋งจะถูกสั่งสอนจนเสียไปไหมได้
ทว่าแม่นมเฮ่อถูกการตายของบุตรชายทำให้เสียใจจนท้อแท้ รวมกับที่หลายปีมานี้นางเองก็มีความรู้สึกกับเว่ยฉางอิ๋ง จึงไม่ยอมไปจากเจ้านายตัวน้อย และปฏิเสธความเห็นใจของฮูหยินซ่งไป
เพราะแม่นมเฮ่อเองเมื่ออายุยังน้อยก็เป็นม่ายและเสียบุตรชายไป จึงเห็นอกเห็นใจและเข้าใจเว่ยฉางเสียนที่ประสบเหตุการณ์คล้ายตนอย่างมาก
จุดนี้เว่ยฉางอิ๋งเองก็รู้ คราวนี้ได้ยินนางกล่าวเตือนจึงกล่าวว่า “รู้แล้วๆ หากพี่หญิงรองไม่มาหาเรื่อง ข้าเองก็ไม่ไปหาเรื่องนางก่อน”
คิดแล้วก็กล่าวว่า “เติมพวกองุ่นหรือทับทิมสักหน่อยไหม หรืออย่างอื่นที่เหมาะสม อย่างไรท่านอาก็จัดการไปเลย”
แม่นมเฮ่อกล่าวอย่างรอบคอบว่า “บุตรบุญธรรมอย่างไรก็ไม่ใช่คุณหนูรองให้กำเนิด คุณหนูรองเป็นคนคิดมากมาตลอด เดี๋ยวได้คิดว่าคุณหนูใหญ่ไปหัวเราะเยาะนางเข้าแทน บ่าวคิดว่า สู้เลือกเอาประเภทอวยพรให้อายุยืนยาวมีความสุขอย่างคนอื่นเขาก็ได้”
“ของเหล่านี้ข้ามีเก็บไว้มาก นอกจากที่ดีที่สุดไม่กี่ชิ้นแล้ว ท่านอาไปเลือกเอาได้เลย” เว่ยฉางอิ๋งพยักหน้า
……………
พริบตาเดียวก็มาถึงวันเกิดของเว่ยฉางเสียนแล้ว ถูกซ่งไจ้สุ่ยพูดจุดอ่อนไป ทำเอาพี่น้องบ้านสามต่างก็ลำบากใจมาก วันนี้พวกนางไม่ไปจริงๆ เหตุผลคือข้อที่ซ่งไจ้สุ่ยบอกเป็นนัยมา เพราะว่านางเผยไม่ค่อยสบายนัก ในฐานะบุตรสาวจึงต้องอยู่คอยปรนนิบัติถึงจะถูก
พี่น้องบ้านสามไม่ไป บ้านสองก็อยู่ไกลถึงเมืองหลวง เด็กหญิงสายสาขาของเว่ยฮ่วนจึงเหลือเพียงแค่เว่ยฉางอิ๋งคนเดียว นางเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ นางยังไม่รีบเดินทางแต่กลับไปหารือกับซ่งไจ้สุ่ยที่เรือนหมิงเซ่อ “ท่านพี่ท่านพูดเสียจนน้องสี่และน้องห้าไม่ไปแล้ว วันนี้ข้าต้องไปที่จวนจิ้งผิงกงคนเดียวหรือ ไม่ได้ ท่านต้องไปเป็นเพื่อนข้า!”
ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมถึงเป็นเจ้าคนเดียว หรือว่าพวกฉางเฟิงไม่ไปหรือ?”
เพราะเว่ยฉางเสียนกลับมาอยู่ที่บ้านแม่ แน่นอนว่าวันเกิดจึงไม่ได้จัดใหญ่โต จึงเชิญเพียงแค่บ้านเว่ยฮ่วน เว่ยโจ่งสองบ้านมาร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น แม้ว่านางจะแต่งงานไปแล้ว แต่ว่าอายุยังน้อยมาก ศักดิ์ฐานะก็ยังต่ำอยู่ เหล่าผู้อาวุโสอย่างฮูหยินซ่งรุ่นนั้นจึงแทบไม่ได้ไปงานเลี้ยงด้วย นอกจากว่าจะมีเรื่องอื่นต้องไปปรึกษาหารือที่จวนจิ้นผิงกง โดยทั่วไปแค่เตรียมของขวัญและให้บุตรสาวตนไป ก่อนหน้านี้ฮูหยินสาม นางเผยเองเพราะว่าน้องชายทำให้นางไปด้วยตนเองมาครั้งหนึ่ง แต่ว่ากลับไปชนตอเข้าจึงไม่คิดไปขายหน้าอีก
เพราะว่าเป็นพี่สาว และยังอยู่ใกล้กันมาก ดังนั้นเหล่าเด็กชายทั้งหลายเองก็ไปร่วมงานเลี้ยงด้วย และจะได้ไปพบปะกับเหล่าพี่ชายน้องชายด้วย
คราวนี้ซ่งไจ้สุ่ยได้ยินเว่ยฉางอิ๋งกล่าวว่านางไปเพียงคนเดียวจึงแปลกใจ เว่ยฉางอิ๋งกล่าวว่า “พวกฉางเฟิงไปอยู่กับพี่ใหญ่ น้องเก้าและน้องสิบ มีแค่ข้ากับน้องหญิงหกที่ไปอยู่กับพี่หญิงรอง อย่างมากน้องหญิงหกก็นั่งอยู่แค่ครู่เดียวแล้วก็ร้องอยากจะไปเล่นในสวนแล้ว พอเป็นอย่างนั้นก็เหลือแค่ข้ากับกับพี่หญิงรองเท่านั้น ท่านก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าข้ากับพี่หญิงรองไม่เคยคุยกันได้”
ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวอย่างสะใจว่า “อย่างนี้ไม่ดีหรือ ปีหน้าเจ้าก็ต้องแต่งงานไปตระกูลเสิ่นแล้ว ใครจะรู้ว่าเหล่าภรรยาพี่ชายน้องชายทั้งหลายกับพี่สาวน้องสาวสามีจะพูดกับเจ้าได้หรือ พอดีเลยจะได้ลองฝึกซ้อมกับพี่หญิงรองเจ้าคนนี้ก่อน เจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ให้ดีถึงจะถูก!”
“ข้าไม่เอาหรอก!” เว่ยฉางอิ๋งดึงแขนนาง “ท่านไปกับข้านะ คนอย่างพี่หญิงรอง เหมาะสมกับท่านพี่ที่ไม่ว่าจะมองตรงมองตะแคงก็ยังนุ่มนวลมีศีลธรรมอย่างท่านไปรับมือที่สุดแล้ว ท่านพี่ญาติสนิทอยู่ตรงนี้ ข้าไม่ลากท่านไปช่วยรับมือข้าก็โง่แล้ว”
“ไม่ไปๆ!” ซ่งไจ้สุ่ยผลักนางอย่างเกียจคร้านแล้วกล่าวว่า “อากาศร้อนอย่างนี้ ข้าไม่เอาด้วยหรอก! อีกอย่างจะเป็นเจ้าที่ไปหาคุณหนูรองตระกูลเว่ยคนเดียวได้อย่างไร นางไม่ใช่ว่ายังมีภรรยาของเหล่าพี่ชายน้องชายหรือ”
เว่ยฉางอิ๋งดึงนางไปกล่าวไปว่า “ทุกปีวันเกิดของพี่หญิงรองพี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนจัดการ บุตรชายคนรองของพี่สะใภ้ใหญ่ร่างกายไม่แข็งแกร่งนัก ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้ ดังนั้นแม้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะให้บ่าวไพร่จัดงานเลี้ยง แต่ว่าตนเองเพียงแค่มาอวยพรและนั่งเพียงครู่เดียวเท่านั้น น้องเก้าน้องสิบยังไม่ถึงอายุที่จะแต่งภรรยาได้ แล้วจะไม่ใช่ข้าคนเดียวที่อยู่กับนางได้อย่างไร เฮ้อ ท่านเป็นคนทำทั้งนั้น ถ้าท่านไม่เตือนน้องสี่น้องห้าว่าไม่ให้ไป แล้วจะทำให้ข้าต้องทำตัวไม่ถูกอย่างนี้หรือ อย่างไรก็แล้วแต่ท่านจะต้องไปกับข้า!”
ซ่งไจ้สุ่ยพิงไปที่เบาะไม่ยอมลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้าไม่กลัวไปล่วงเกินนางเสียหน่อย พูดไปประโยคสองประโยคแล้วจากไปไม่ได้หรือ จะต้องลากข้าไปทำไมกัน นางไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้ข้าเสียหน่อย อยู่ดีๆ ไปงานเอง เดี๋ยวได้ถูกคนเขาไล่ออกมา!”
“ท่านเป็นถึงอนาคตฮองเฮา ท่านไปอวยพรให้นางมีแต่จะเพิ่มความอลังการให้นาง นางจะกล้าไม่พอใจท่านที่ไหนกัน?” เว่ยฉางอิ๋งพูดเสียจนซ่งไจ้สุ่ยที่เดิมมีท่าทีสบายอารมณ์มีสีหน้าแข็งขึ้นทันที ชั่วอึดใจ นางแทบจะกระโดดลุกขึ้นมา แล้วถลึงตาใส่น้องสาว “เจ้าไม่ทำข้าโมโหตายเจ้าไม่มีความสุขใช่ไหม?!”
เว่ยฉางอิ๋งปล่อยมือที่จับแขนเสื้อของนางไว้ออก แล้วหัวเราะทำหน้าทะเล้นพลางกล่าวว่า “ท่านพี่คนดี ข้าไม่ระวังพูดผิดไปแล้ว ท่านอย่าโกรธเลย เนี่ย ข้ารู้ว่าท่านอารมณ์ไม่ดี ถึงได้ให้ท่านไปงานวันเกิดพี่หญิงรองด้วยกันกับข้า ถือเสียว่าไปคลายอารมณ์!”
ซ่งไจ้สุ่ยทำหน้าเยือกเย็นแล้วกล่าวเสียงเย็นว่า “หากว่าข้าไม่ตกลงจะไปเดินเล่น เจ้าจะต้องทำให้ข้าเสียอารมณ์เสียจนได้แต่ต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าที่จวนจิ้นผิงกงหรือ?”
“ท่านพี่พูดเข้า ทำไมถึงได้คิดถึงข้าเลวร้ายอย่างนั้น?” เว่ยฉางอิ๋งกล่าวเสียงหนักแน่นว่า “ท่านพี่เป็นถึงว่าที่ชายารัชทายาท อนาคตฮองเฮา อนาคตมารดาแห่งแผ่นดิน แม้ว่าข้าจะเป็นน้องสาวของท่าน แต่ว่าเจ้านายกับขุนนางก็ต่างกัน แล้วข้าจะกล้าไปล่วงเกินท่านพี่ได้หรือ เทียบกับมารดาแห่งแผ่นดินแล้ว ข้าว่าคงไม่มีใครที่จะดียิ่งไปกว่าท่านพี่…”
“…พอแล้ว!” ทั้งประโยคมีแต่ชายารัชทายาท ฮองเฮา มารดาแผ่นดิน ฟังแล้วทำให้ซ่งไจ้สุ่ยที่รู้สึกรังเกียจราชวงศ์ของต้าเว่ยในปัจจุบันอย่างลึกล้ำแทบอยากจะกระอักเลือด หน้าอกนางขึ้นลงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าก็ขาวและเขียวสลับกันไประยะหนึ่ง ถึงได้กัดฟันกล่าวออกมาว่า “ข้า…ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า เจ้ารอข้าเปลี่ยนชุดก่อน”
เว่ยฉางอิ๋งพลันยิ้มหน้าบานทันที นางยิ้มอย่างมีความสุข “ท่านพี่ท่านดีจริงๆ! ท่านพี่ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับพี่สาวแท้ๆ ของข้าเลย!”
“หากว่าข้าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้า โตขึ้นมากับเจ้าตั้งแต่เล็ก ข้าคงได้ถูกเจ้าทำให้โมโหตายไปนานแล้ว!!!” นางแสดงท่าทีว่าได้เปรียบแต่ยังทำตัวไร้เดียงสาออกมาชัดๆ ซ่งไจ้สุ่ยที่เดินเข้าไปในห้องกลับเกือบจะสะดุดไป นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันกลับมาตะคอกใส่!
……………………………………………………..