ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง - ตอนที่ 25.1
เว่ยซ่านกุยป่วยอย่างนี้ งานเลี้ยงวันเกิดของเว่ยฉางเสียนแน่นอนว่าจบไปอย่างง่ายๆ
บอกลาออกมาจากจวนจิ้นผิงกงแล้ว ซ่งไจ้สุ่ยก็จัดการเว่ยฉิงอิ๋งบนรถม้ายกหนึ่ง บีบจนทำให้เว่ยฉางอิ๋งที่รู้ดีว่าตนผิดได้แต่ต้องขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ทั้งยังใช้คำหวานตลอดทาง สีหน้าของซ่งไจ้สุ่ยถึงได้คลายลง
กลับไปที่บ้าน ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนก่อน เพิ่งจะก้าวเข้าประตูไปก็พบว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกำลังมีท่าทีมีความสุข ราวกับนั่งอยู่ท่ามกลางลมฤดูใบไม้ผลิ เสมือนกำลังฟังเรื่องที่น่ายินดีอะไร เมื่อเห็นเว่ยฉางอิ๋ง รอยยิ้มที่ริมฝีปากก็ยิ่งลึกขึ้น ไม่รอให้ทั้งสองคารวะ ก็รีบกวักมือเรียก “ไม่ต้องมากพิธี รีบเข้ามาเร็ว!”
ทั้งสองไปนั่งลงข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เว่ยฉางอิ๋งถามอย่างสงสัย “ท่านย่าวันนี้เหมือนจะมีความสุขมาก?”
“เจ้ามาดูนี่” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งหยิบเอากล่องไม้จันทร์แดงกล่องหนึ่งออกมาจากเตียงด้านหลังอย่างระมัดระวัง กล่องนี้มีขนาดประมาณหนึ่งฉื่อ ตัวกล่องสลักไว้เป็นรูปดอกบัวและนกปี่อี้[1]เอาไว้ ด้านข้างมีดอกมู่ตันพันเลื้อยไว้ มุมทั้งสี่ด้านหุ้มด้วยทองเปลว บนทองเปลวยังมีไข่มุกที่เปล่งแสงแวววาวเม็ดหนึ่งสลักไว้อีก ใช้ใจขนาดนี้ แค่มองก็รู้แล้วว่านำมาใช้เก็บของล้ำค่า
ทรัพย์สมบัติของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่วางไว้ในที่เด่นนั้นเว่ยฉางอิ๋งล้วนแต่รู้จักดีมาก แต่ว่าเจ้ากล่องนี่กลับไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ตอนนี้จึงมองอย่างอยากรู้มาก “คืออะไรหรือ?”
ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งตอบ นางก็รีบยื่นมือไปเปิดกล่องออกอย่างเร็ว กล่องเพิ่งจะเปิดออก แสงสว่างสายหนึ่งก็พุ่งออกมา จนทำให้ทั้งห้องสว่างไสว!
ภายในกล่องที่บุไปด้วยไหมนั้น มีปิ่นลายนกปี่อี้สีแดงสดงดงามราวกับสีเลือดคล้ายกับจะกลั่นเป็นหยดลงมาทำรังอยู่บนต้นเหลียนหลี่จือ[2]คู่หนึ่ง
ปิ่นคู่นี้กลับเป็นชิ้นเดียวกัน สร้างและสลักขึ้นมาจากหยกสีเลือดทั้งชิ้น ด้านบนเป็นนกปี่อี้ ด้านล่างเป็นต้นเหลียนหลี่จือ ขนนกเต็มไปด้วยชีวิตชีวา กิ่งไม้ราวกับมีชีวิต แค่งานฝีมือนี้ก็หาได้ยากมากแล้ว!
เว่ยฉางอิ๋งกับซ่งไจ้สุ่ยต่างก็เป็นสตรีที่ถือกำเนิดในตระกูลสูงศักดิ์ของแผ่นดิน ตั้งแต่เล็กเห็นของล้ำค่ามากมายจนเคยชิ้น ตอนนี้ยังต้องชื่นชมปิ่นคู่นี้กันไม่หยุดปาก!
แล้วก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ปิ่นคู่นี้ เป็นงานฝีมือของแซ่เย่ ชื่อเย่จูฝู พวกเจ้าดูที่ปลายปิ่น เห็นไหมว่ามีอักษร ‘ฝู’ ตัวเล็กมากสลักเอาไว้ด้วย นั่นก็คือสัญลักษณ์ของเย่จูฝู”
พี่น้องทั้งสองรีบหยิบเอาอันหนึ่งมาดูตรงหน้าอย่างละเอียด สายตาของคนอายุน้อยยังดีอยู่ แล้วก็เห็นว่าที่ปลายปิ่นมีอักษรจ้วนโบราณขนาดประมาณเมล็ดงาตัวหนึ่งสลักไว้ว่า ‘ฝู’ ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวอย่างปประหลาดใจมากว่า “ข้าได้ยินท่านย่ากล่าวมาก่อนว่า ปิ่นและต่างหู ที่ออกมาจากตระกูลเย่ในแต่ละรุ่นนั้นดีที่สุดในแผ่นดิน แต่เหมือนว่าเย่จูฝู จะไม่ใช่คนในปัจจุบัน?”
“ไจ้สุ่ยความจำดีจริงๆ” วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งอารมณ์ดีไม่เลว นางมองไปยังหลานสาวด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวชมว่า “เย่จูฝูเป็นคนสมัยเซวียนจง ปีที่เขาจากไปนั้นห่างกับปัจจุบันแปดสิบกว่าปีได้ ตลอดชีวิตทำเครื่องประดับไว้มาก แต่ว่าที่ภาคภูมิใจที่สุด อย่างไรก็ต้องนับปิ่นหยกคู่นี้!”
ระหว่างที่พูดฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็รับเอาปิ่นอันนั้นมาจากมือของเว่ยฉิงอิ๋งแล้วกล่าวกำชับว่า “เจ้าระวังหน่อย…ปิ่นหยกตอนที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมีราคามากถึงทองหมื่นชั่ง ตอนนี้เกรงว่ามีแต่จะยิ่งมีราคายิ่งขึ้น แม้ว่าตระกูลซูแห่งชิงโจวจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเรา แต่ก็นับว่าเป็นของที่มีค่าสูงที่สุดในบรรดาของเผยเจี้ยของซูซิ่วมั่นในตอนนั้นแล้ว!”
“ของเผยเจี้ยของฮูหยินซูหรือ?” เว่ยฉางอิ๋งตกใจไป ยังดีว่าปิ่นที่นางหยิบไว้นั้นถูกฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเอาคืนไปแล้วถึงได้ไม่เกิดเรื่อง กระทั่งซ่งไจ้สุ่ยที่ละเอียดรอบคอบมาตลอดเมื่อได้ยินยังตกใจมากจนรีบเอาปิ่นวางกลับไปในกล่องอย่างเร็ว แม้ว่าทองหลายหมื่นชั่งจะมาก แต่ซ่งไจ้สุ่ยที่ถูกเลี้ยงดูมาเป็นว่าที่ฮองเฮากลับไม่ใช่ถึงขนาดต้องระมัดระวังขนาดนี้ แต่ว่านี่คือของเผยเจี้ยของว่าที่แม่สามีเว่ยฉางอิ๋ง ตอนนี้นำมาให้เว่ยฉางอิ๋ง ของสำคัญอย่างนี้ต่อให้เป็นของที่ไม่ได้มีราคาล้ำค่าอะไรแต่ก็ไม่กล้าทำเสียหายเด็ดขาด ระวังไว้หน่อยดีกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเก็บกล่องไปอย่างระมัดระวัง แล้วจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ก็ใช่น่ะสิ เป็นบ่าวเผยเจี้ยของซูซิ่วมั่นที่นำมาส่งมอบให้ด้วยตนเอง”
มิน่าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งถึงได้อารมณ์ดีอย่างนี้ ตอนนั้นเว่ยฉางอิ๋งถูกวางแผนร้ายไปรอบหนึ่ง นำแผนของนางที่คิดจะจัดการตีสามีให้หมอบไปบอกกับฮูหยินซูตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้แต่งเข้าไป ฮูหยินซูมีโทสะจึงจงใจไปสนิทสนมกับเว่ยหลิ่งเยวี่ย สตรีขึ้นชื่อในเรื่องศีลธรรมและความดีงามของเมืองหลวง หลานสาวภรรยาเอกของจิ้งเฉิงโหวต่อหน้าของอาแท้ๆ ของเว่ยฉางอิ๋งตอนที่นางมาที่เรือน ทั้งยังนำสร้อยลูกปัดไม้กฤษณาที่ใส่ติดตัวมานานหลายปีให้กับเว่ยหลิ่งเยวี่ยต่อหน้าทุกคนด้วย
แม้ว่าฮูหยินซูจะไม่สามารถข้ามหน้าเสิ่นเซวียนแล้วเปลี่ยนลูกสะใภ้ได้ แต่ว่าการที่เว่ยหลิ่งเยวี่ยซึ่งมีศักดิ์ฐานะรุ่นเดียวกับเว่ยฉางอิ๋งในตระกูลเดียวกันได้รับสร้อยลูกปัดไม้กฤษณาที่ฮูหยินซูใส่มานานหลายปีไป ทั้งยังเป็นต่อหน้าเว่ยเจิ้งอิน อาแท้ๆ ของเว่ยฉางอิ๋งอีก กลับกัน ฮูหยินซูกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับเว่ยฉางอิ๋งซึ่งเป็นว่าที่ลูกสะใภ้…แล้วในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจะไม่โมโหได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้ฮูหยินซูชดเชยกลับมาให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ ทั้งยังใจกว้างขนาดนี้อีก ของจากตระกูลขึ้นชื่ออย่างปิ่นหยกสีแดงเลือดรูปนกคู่สยายปีกเกาะกิ่งไม้ที่มีชื่อเสียงในตระกูลต่างๆ อย่างมากแต่ว่านางก็ยังใจกว้างและเอาออกมา เทียบกันแล้ว สร้อยลูกปัดไม้กฤษณาที่ให้กับเว่ยหลิ่งเยวี่ยก็เป็นเครื่องประดับที่เอาไว้ใส่เล่นเท่านั้นเอง หากเทียบคุณค่าเทียบความหมายต่อฮูหยินซูจะสามารถเทียบเคียงกับปิ่นคู่นี้ได้หรือ
นี่คือของเผยเจี้ยที่ล้ำค่าที่สุดตอนที่ฮูหยินซูแต่งเข้ามาในตระกูลเสิ่นตอนนั้นเลย!
กระทั่งฮูหยินซูเองก็ยังเคยใส่มันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในงานพิธีใหญ่ตอนยังอายุน้อย ปกติแล้วล้วนแต่ไม่กล้าหยิบออกมา แต่กระนั้น ก็ยังทำให้เกิดความอิจฉาริษยากันมากในบรรดาสตรีสูงศักดิ์ของเมืองหลวง กระทั่งหญิงสูงศักดิ์ในวังมากมายยังอิจฉา
เว่ยฉางอิ๋งยังไม่ทันจะแต่งเข้าไปก็ได้รับของล้ำค่าขนาดนี้จากว่าที่แม่สามีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่กังวลเมื่อนางแต่งออกไปแล้วมาตลอดจะไม่รู้สึกยินดีและดีใจแทนหลานสาวจากในใจของนางได้หรือ
นอกจากนี้เพราะปิ่นคู่นี้มีชื่อเกินไป ล้ำค่าขนาดว่าในรุ่นผู้ที่อาวุโสกว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก และเพราะภายหลังฮูหยินซูมีอายุมากขึ้นจึงเก็บเอาไว้และไม่ได้ใส่ออกมา รวมกับที่เว่ยฉางอิ๋งกับซ่งไจ้สุ่ยล้วนแต่ไม่ได้เติบโตมาในเมืองหลวง ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ของอย่างนี้ตามหลักแล้วแม้จะให้กับสะใภ้แต่อย่างไรก็ต้องให้กับสะใภ้ใหญ่ และยังต้องเป็นตอนที่สะใภ้แต่งเข้าไปแล้วถึงได้ให้ด้วย เสิ่นจั้งเฟิงไม่ใช่บุตรชายคนโตและยังไม่ใช่บุตรคนที่สองด้วย! ตอนนี้ฮูหยินซูกลับให้ปิ่นคู่นี้มา…
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งฉลาดขนาดไหน นางคาดเดาได้ว่าที่เว่ยฉางอิ๋งได้รับปิ่นคู่นี้เป็นของชดเชย ไม่เพียงแต่จะเพราะเว่ยเจิ้งอินที่ไปอธิบายให้กับหลานสาวสำเร็จเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น บางที ผู้ที่ตัดสินใจให้เว่ยฉางอิ๋งได้รับปิ่นหยกคู่นี้มาอาจจะเป็นเสิ่นจั้งเฟิงก็เป็นได้!
ฐานะของปิ่นหยกสีแดงเลือดรูปนกคู่สยายปีกเกาะกิ่งไม้ในมือของฮูหยินซ่ง ในบรรดาสะใภ้ผู้ที่จะได้มันไป หากว่าไม่ใช่สะใภ้คนโตก็ต้องเป็นอนาคตนายหญิงของตระกูลเสิ่นแห่งซีเหลียง!
…………………………………..
[1] นกปี่อี้ : นกในตำนานมีตาเดียว ปีกเดียว นกปี่อี้จะอยู่กินกับตัวผู้หรือตัวเมียของตนเอง เวลาบินจะบินพร้อมกัน ใช้ปีกคนละข้าง เวลาหาอาหารจะช่วยกันมอง เพราะมีกันคนละตา นกปีอี้เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่สวยงามและเป็นนิรันดร์
[2] ต้นเหลียนหลี่จือ : ต้นไม้สองต้นที่แตกแยกออกมาจากตอเดียวกัน เปรียบเทียบได้ว่าเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันมาก