ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง - ตอนที่ 29.2
เว่ยฉางเฟิงครุ่นคิด “ทางตอนเหนือได้ชัยชนะ ที่แท้ก็มีเรื่องภายในจริงๆ หรือ?” เมื่อคืนนี้ตอนที่เขาพูดกับเว่ยฉางอิ๋งก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว แต่ว่าอย่างไรก็ยังอายุน้อย ทั้งยังพบเรื่องอย่างนี้เป็นครั้งแรกอีก จึงไม่มั่นใจนัก ตอนนี้เว่ยฮ่วนกล่าวถึงซ่งหานและซ่งตวนขึ้นมา เท่ากับเป็นการยืนยันการคะเนของเขา
“แค่เรื่องภายในที่ไหน?” เว่ยฮ่วนยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า “เดิมคิดว่าซ่งหานยกผลงานของตนให้กับบุตรชายคนโต เพื่อให้ซ่งตวนมาสู่ขอที่บ้าน! คิดไม่ถึงว่าเจ้านี่กลับบังอาจนัก กลับกล้าชิงผลงานของคนอื่นมาให้บุตรของตน มิน่าแม้ทางตอนเหนือจะสงบแล้ว ซ่งหานกลับส่งบุตรชายกลับมารายงานผลชัยชนะที่เฟิ่งโจวก่อน ตนเองกลับนำทัพตามมาทีหลัง และอ้างว่าร่างคนตายจะต้องจัดการ จึงไม่ยอมรีบเคลื่อนทัพ! เดิมข้ายังคิดว่าเขาอยากจะแสดงตนออกมาให้ดี เกรงว่าตอนนี้คงกำลังกวาดล้างคนปิดปากแล้ว!”
เขาชี้ไปที่ป้ายเหล็กนั้น “ของชิ้นนี้นับจากที่ไปขอมาจากนักบวชใหญ่ คนเผ่าหรงก็จะเก็บไว้กับตัวตลอด กระทั่งตายก็ยังไม่ถอดออกมา และฝังไปพร้อมกับร่าง! เผ่าหรงล่าสัตว์ดำรงชีพ ไม่ได้ตั้งบ้านเรือนอย่างคนต้าเว่ย พวกเขาอยู่บนหลังม้าบ่อยครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ของสำคัญชิ้นนี้หายไปและยากจะหากลับมาได้ พวกเขาต่างก็ใช้เชือกที่สั้นมากห้อยไว้ที่คอ อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะหลุดมาจากศีรษะได้! มีบ้างที่ส่งต่อให้กับลูกหลาน แต่ลูกหลานเองก็มักจะทำอย่างนี้เช่นกัน! ดังนั้นป้ายเหล็กชิ้นนี้จะต้องได้มาหลังจากตัดคอ หากว่าข้าเดาไม่ผิด ทางเหนือได้ชัยชนะมาจริง อย่างไรผลการสู้รบส่วนหนึ่งซ่งตวนก็ได้นำกลับมาเป็นหลักฐานแล้ว รูปลักษณ์ของคนเผ่าหรงต่างไปจากประชาชนของพวกเรา ไม่มีทางฆ่าคนอื่นมาหลอกลวงได้! แต่ว่าชัยชนะนี้จะมีผลงานของพ่อลูกซ่งหานเท่าไหร่นักยากจะกล่าวได้แล้ว…แค่อาศัยป้ายเหล็กนี้ หากว่าไม่ใช่หัวหน้าของเผ่าหรงที่บุกเข้ามาในครั้งนี้ ก็ต้องเป็นรองแม่ทัพ! ผลงานการฆ่าหัวหน้าฝ่ายศัตรู ซ่งหานกลับชิงมาให้กับบุตรชายทั้งหมด! แล้วป้ายเหล็กชิ้นนี้จะกลายเป็นหลี่ว์จื๋อฝ่างที่ไม่ได้สู้กับเผ่าหรงเลยมอบให้กับเจ้าได้อย่างไร?!
ผู้นำของศัตรูจะต้องถูกคนที่เกี่ยวข้องกับหลี่ว์จื๋อฝ่างฆ่าได้ ส่วนที่ว่าผลงานการวางแผนดักคนเผ่าหรงจะใช่คนคนนี้หรือไม่ก็ยังไม่รู้! อย่างไรการฆ่าหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้ก็เป็นพฤติกรรมของแม่ทัพที่กล้าหาญ เฟิ่งโจวของพวกเราไม่ขาดผู้ชายที่ซื่อสัตย์ แต่ว่าผู้ที่สามารถบัญชาการทหารโจมตีเผ่าหรง ผู้ที่มีความสามารถอย่างนี้กลับหาได้ไม่ง่ายนัก ตระกูลเว่ยของพวกเราแน่นอนว่าให้ความสำคัญกับแม่ทัพมีความสามารถที่กล้าหาญ!” เว่ยฮ่วนกล่าวเสียงเย็นว่า “ดังนั้นหากว่าการวางกับดักเผ่าหรงคือผลงานของซ่งหานหรือซ่งตวน ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปชิงผลงานการฆ่าหัวหน้าฝ่ายศัตรูอีก…เกรงว่าผลงานทั้งสองชิ้นนี้คงจะมาจากคนเดียวกัน ในเมื่อซ่งหานแย่งผลงานเขาไป จึงเอาไปทั้งหมด!”
เว่ยฉางเฟิงคิดไม่ถึงว่าป้ายเหล็กหนึ่งชิ้นกลับมีเรื่องราวได้ถึงขนาดนี้ จึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เขาถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เมื่อคืนนี้ตอนที่ข้าพูดกับท่านพี่ข้าก็เดาได้ว่าผลงานของซ่งตวนมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ว่าเฟิ่งโจวคือที่มั่นของตระกูลเว่ยพวกเรา พ่อลูกซ่งหานกลับกล้าทำเรื่องอย่างนี้ได้หรือ ทำไมเขาถึงคิดว่าจะสามารถปิดบังท่านปู่ได้?”
“หากคิดจะปิดบังเป็นเวลานานนั้นไม่มีทางทำได้ แต่ว่าหากปิดบังแค่ระยะเวลาสั้นๆ…” เว่ยฮ่วนนิ่งไปแล้วกล่าวว่า “หลี่ว์จื๋อฝ่างที่เอาป้ายเหล็กมาให้เจ้าคนนั้น เจ้าคิดว่าเขามีชาติกำเนิดอย่างไร ในแคว้นไม่ได้มีแซ่หลี่ว์ ข้าจำได้ว่าเขาเป็นประชาชนทั่วไป เป็นเว่ยสวี่ที่ตอนขึ้นมารับตำแหน่งเห็นว่าเขามีความสามารถโดยบังเอิญ จึงได้ดึงเขาขึ้นมา!”
เว่ยฮ่วนเตือนเข้า เว่ยฉางเฟิงพลันได้สติขึ้นมาทันที “หากว่าผู้ที่ถูกซ่งหานชิงเอาผลงานไปคือลูกหลานพวกเราตระกูลเว่ย หรือเป็นสกุลใหญ่อื่นๆ แน่นอนว่าไม่มีทางปิดบังท่านปู่ได้ แต่หากว่าเป็นเพียงประชาชนทั่วไป ถ้าอย่างนั้น…”
ความต่างของระดับชั้นราวกับเส้นกันขอบฟ้า ต่อให้ซ่งหานเป็นเพียงตระกูลสาขาของตระกูลซ่ง แต่ว่าก็ยังเป็นลูกหลานตระกูลมีชื่อ แม้ว่าเว่ยฮ่วนกับฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจะรังเกียจที่ชาติกำเนิดของเขาสู้บ้านตนไม่ได้ แต่ว่าหากเทียบกับประชาชนทั่วไปแล้ว…ซ่งหานกับซ่งตวนต่างก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น กระทั่งซ่งหานคิดอยากจะพบเว่ยฮ่วนยังไม่ง่าย อย่าว่าแต่ประชาชนทั่วไปเลย นอกจากนี้หากว่าซ่งหานฆ่าคนปิดปาก จะไม่ใช่การป้องกันอีกอย่างหนึ่งหรือ เขาคือจ่างสื่อของเฟิ่งโจว อ้างว่าเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชนไม่ยอมให้ประชาชนเข้าใกล้ที่ของรุ่ยอวี่ถัง ก็ถือว่าสมเหตุสมผล ต่อให้คนคนนั้นไม่ยินยอมที่ถูกแย่งชิงผลงานไป แต่ว่าก็ไม่สามารถหาคนให้ความยุติธรรมแก่ตนได้ แล้วจะเรียกความยุติธรรมกลับมาได้อย่างไร
หากว่าถอยกลับไปมอง ตอนนี้ข่าวที่เว่ยเกาฉานแต่งงานลดฐานะกับซ่งตวนได้แพร่ออกไปแล้ว หากว่าพิธีการหมั้นมาถึง ต่อให้เว่ยฮ่วนรู้ภายหลัง แต่ว่าตระกูลเว่ยของเฟิ่งโจวจะทำเรื่องที่รับปากแล้วคืนคำได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลสามียังเป็นบุตรหลานของตระกูลซ่งที่มีสัญญาการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันมาหลายรุ่นด้วย พิจารณาแทนหลานสาวถึงตรงนี้ และเพื่อชื่อเสียงของตระกูล อย่างมากเว่ยฮ่วนก็คงทำได้เพียงสั่งสอนพ่อลูกซ่งหานหนักๆ เท่านั้น แต่อย่างไรก็ไม่สามารถกล่าวเรื่องเหล่านี้ออกมาและทำเรื่องใหญ่โตเพื่อประชาชนคนหนึ่งได้
ถึงตอนนั้นต่อให้ซ่งหานกับซ่งตวนยอมรับผิดอย่างไร…ตระกูลเว่ยก็ไม่มีทางที่จะชิงเอาเว่ยเกาฉานกลับมาที่บ้านแม่ได้ อย่างไรหญิงสาวก็แต่งงานแล้ว เว่ยฮ่วนจะขัดเคืองพฤติกรรมของทั้งสองอย่างไรก็ไม่สามารถไม่สนับสนุนซ่งตวนได้
“เมื่อคืนนี้หากว่าไม่ใช่เพราะหลี่จื๋อฝ่างได้เข้าร่วมงานเลี้ยง ฉางอิ๋งฝากฝังให้เจ้าไปสืบการสงครามทางตอนเหนืออย่างละเอียด เกาชวนคิดอยากจะสนับสนุนให้เกาฉาน…แลกเปลี่ยนที่ไปมากลับเป็นโอกาสให้เขาได้!” เว่ยฮ่วนกล่าวสีหน้าเข้มว่า “หากว่าไม่ใช่เพราะบังเอิญอย่างนี้ ป้ายเหล็กนี้ไม่มีทางเข้ามาในมือเจ้าได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นแน่ พวกเรา…เหอๆ ตระกูลพวกเราตอนนี้มีเรื่องที่ต้องยุ่งมากมาย การต่อสู้ของทางตอนเหนือเดิมก็เป็นซ่งหานอยู่แล้วที่เป็นผู้จัดการ ขอแค่ผลงานต่อสู้สุดท้ายทางตอนเหนือไม่มีผิดพลาด แล้วจะไปสงสัยซ่งหานได้อย่างไร?”
รายงานข่าวดีกับราชสำนัก ปลอบโยนจิตใจประชาชนในแคว้น สืบหาสาเหตุที่เผ่าหรงแฝงเข้ามาในเฟิ่งโจว การต่อสู้ลับๆ กับเว่ยฉี และแซ่หลิวแห่งตงหู…แม้ว่าเว่ยฮ่วนจะฉลาดมาก แต่ต้องสนใจเรื่องมากมายขนาดนี้ อย่างไรก็มีเรื่องที่ละเลยไป
สีหน้าของเว่ยฉางเฟิงเองก็ไม่ดีนัก “ซ่งหานทำอย่างนี้ จะไม่ใช่ว่าเพื่อจะมาสู่ขอจากท่านอาสามหรือ เขามีแผนคิดจะหลอกลวงให้พี่หญิงสี่ลดฐานะลงไปแต่งงาน ทำเกินไปแล้วจริงๆ”
“ส่งคนไปคุ้มครองหลี่ว์จื๋อฝ่างก่อน” เว่ยฮ่วนลูบเครานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงสั่งการให้บ่าวคนสนิทด้านหลังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แม้ว่าเมื่อคืนเจ้าจะบังเอิญไปนั่งใกล้กับเขาเอง เขาเองก็อาศัยช่วงที่ไม่มีใครสนใจเอาของให้เจ้า…แต่ว่าในงานเลี้ยงเดิมก็มีสายตามากมายอยู่แล้ว หากว่าถูกซ่งตวนรู้เข้า คนคนนี้เกรงว่าคงไม่ปลอดภัยแน่!”
แล้วกล่าวต่อว่า “ในเมื่อหลี่ว์จื๋อฝ่างได้รับการฝากฝังให้เอาป้ายเหล็กให้เจ้า ดูแล้วผู้ที่ถูกชิงผลงานไปก็เป็นคนมีความสามารถ กลับสามารถหนีได้ถึงตอนนี้!”
เว่ยฉางเฟิงมองไปยังบ่าวที่โค้งตัวรับคำแล้วออกไปถ่ายทอดคำสั่งก็กล่าวเตือนว่า “ท่านปู่ งานแต่งของพี่หญิงสี่…” ในเมื่อซ่งหานกับซ่งตวนเป็นคนอย่างนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางให้เว่ยเกาฉานแต่งงานไปได้ ปัญหาคือตอนนี้ข่าวได้แพร่ออกไปแล้ว ในเมืองทั้งบนล่างต่างก็รู้แล้วว่าขุนนางผู้มีผลงานชัยชนะทางตอนเหนือได้กำลังจะเป็นเขยของตระกูลเว่ยแล้ว ไม่เพียงแต่ต้องรีบจัดการเรื่องนี้เท่านั้น เกรงว่าถึงตอนนั้นหากถูกซ่งหานกับซ่งตวนทำให้ได้แต่ต้องแต่งงานไป จะเป็นการไม่ยุติธรรมกับเว่ยเกาฉานเกินไปแล้ว
“เจ้าไปพูดกับท่านย่าเจ้า ใหชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน” เว่ยฮ่วนกล่าว “ท่านย่าเจ้ามีแผนการ” เห็นได้ชัดว่าความคิดของเขาไม่ได้อยู่ในเรื่องงานแต่งของหลานสาวที่เกิดจากอนุภรรยาคนหนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “พูดจบแล้วกลับมา อีกสักครู่ข้าจะให้คนลอบไปพาหลี่ว์จื๋อฝ่างมาที่ห้องหนังสือเพื่อไถ่ถาม เจ้าไปฟังข้างๆ” เรื่องคราวนี้ทำให้เว่ยฮ่วนรู้สึกจนใจกับอายุของหลานชายที่ยังน้อยขึ้นมาอีกครั้ง รุ่ยอวี่ถังที่ยิ่งใหญ่ ในราชสำนักกลับมีเพียงบุตรคนรองเว่ยเซิ่งอี้ เฟิ่งโจวก็มีเพียงตัวเขาคนเดียว…ก่อนหน้านี้ยังดี แต่ตอนนี้เมื่อเรื่องมากขึ้น อย่างไรก็มองไม่ทั่วถึง หลานชายที่ถึงวัยมัดจุกแล้ว หากว่าให้เอาแต่ตั้งใจเล่าเรียนก็จะเป็นการรักใคร่เอ็นดูมากเกินไป พาเขามาสั่งสอนเถอะ
เว่ยฉางเฟิงรีบโค้งแล้วกล่าวว่า “ทราบ!”
…………………………………………