ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง - ตอนที่ 52.1 บอกตามตรง (1)
เว่ยฉางอิ๋งเห็นนางรุ่มร้อนจนใบหน้าถอดสี รีบไถ่ถามข้างนอกม่านไปอย่างไร้ซึ่งสติว่า “ในเมื่อคุณชายเติ้งเป็นคนที่ส่งข่าวของพี่รองมา เช่นนั้นลูกผู้พี่รองจะต้องมีวิธีใช่หรือไม่?”
ซ่งไจ้สุ่ยได้ยินคำ จึงกลั้นน้ำตา และรอฟังอย่างมีความหวัง
และได้ยินองครักษ์เอ่ยอย่างเคารพนบนอบว่า “คุณชายเติ้งบอกว่า แผนการที่ดีที่สุดในยามนี้ ก็คือคุณหนูจะต้องไม่แต่งเข้าวังหลวง หาไม่แล้วจะไม่เป็นผลดีเลย!”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างรีบร้อนว่า “ยังต้องพูดอีกหรือ? เจ้าบอกมาสิว่าลูกผู้พี่รองมีวิธีใดหรือไม่!”
“คุณชายเติ้งบอกมาวิธีหนึ่ง เพียงแต่…” องครักษ์นิ่งลังเล
ซ่งไจ้สุ่ยพลันบันดาลโทสะขึ้นมา แล้วตบไปบนโต๊ะอย่างแรงคราหนึ่ง เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “จนเวลานี้แล้ว เจ้ายังมาร่ำไรเช่นนี้อีก?! ในเมื่อพี่รองมีแผนบอกฝากคุณชายเติ้งมา แล้วเจ้ากลับมาลังเลเพื่อสิ่งใด! ต่อให้แผนการนี้เสี่ยงเพียงใด ดีเลวอย่างไรก็หาใช่ความคิดของเจ้าไม่!”
องครักษ์จนใจ จึงต้องบอกไปว่า “คุณชายเติ้งบอกว่า ในระยะนี้ภายในวังจะเกิดเรื่องไม่สู้ดีขึ้น หากคุณหนูกลับเมืองหลวงในเวลานั้น ก็จะสามารถสร้างข่าวลือออกไปได้ว่าเพราะดวงชะตาของคุณหนูชงกับฮ่องเต้ เช่นนี้คุณหนูก็ไม่เหมาะจะเข้าวังอีกต่อไปแล้ว”
เว่ยฉางอิ๋งตื่นตกใจ กล่าวว่า “ดวงชะตาไม่ดี ชื่อเสียงเช่นนี้…”
“แม้แต่ชีวิตยังจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ ยังจะมาสนใจเรื่องเหล่านี้อีกรึ?” อย่างไรเสียเรื่องของซ่งไจ้สุ่ย ก็มีเพียงตัวของซ่งไจ้สุ่ยเองเป็นคนตัดสิน นางสูดหายใจลึกแล้วกล่าวว่า “เพียงวิธีนี้…จะทำให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อได้หรือ?”
องครักษ์ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “คุณชายเติ้งบอกว่า ขอเพียงคุณหนูกลับไปถึงตัวเมืองของเมืองหลวงในวันคล้ายวันเกิดของสนมเสี่ยวอี๋แซ่จง ก็จะมีคนไปทำการนี้ เพื่อเป็นการปกป้องคุณหนูให้ไม่ต้องแต่งเข้าตำหนักตะวันออก!”
ซ่งไจ้สุ่ยฟังแผนการแสนแยบยลนี้ออกในทันที แววตาพลันเกิดข้อสงสัย “เจ้าได้ถามเขาหรือไม่ ความคิดนี้เป็นของพี่รองของข้า หรือว่าเป็นความคิดของเขาเอง?”
“คุณชายเติ้งบอกว่า เขาไม่ต้องการจะปิดบังคุณหนูว่าอาหญิงแท้ๆ ของเขาก็คือพระสนมเอกกุ้ยเฟยในวัง”
เว่ยฉางอิ๋งร้องอ่ะออกมาหนหนึ่ง “กุ้ยเฟย? คำของคนผู้นี้เชื่อถือไม่ได้ทั้งหมด!”
“ข้ารู้!” ยามนี้ซ่งไจ้สุ่ยสงบลงมาได้แล้ว พลางยิ้มเย็นกล่าวว่า “ที่แท้พระสนมเอกและฮองเฮามีเรื่องบาดหมางกัน… นี่เป็นแผนการที่สนมเอกจะล่มบัลลังก์ฮ่องเฮาเช่นนั้นรึ?” นางรวบรวมสติอยู่เกือบเค่อ แล้วมุมปากของนางก็พลันยกขึ้น “แล้วจะอย่างไร? ขอเพียงพระสนมเอกไม่ต้องการให้ข้าแต่งเข้าตำหนักตะวันออกจริงๆ ต่างคนก็ต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็ถือว่าสมควรอยู่แล้ว!”
เว่ยฉางอิ๋งกล่าวเตือนว่า “พระสนมเอกและฮองเฮามีเรื่องกันจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องการปลุกปั่นให้ท่านพี่ไม่แต่งเข้าตำหนักตะวันออก เรื่องนี้ก็ยังพูดยาก ยิ่งไปกว่านั้นหากพระสนมเอกมีเป้าหมายเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ก็ไม่แน่ว่านางจะไม่ทำร้ายท่านพี่!”
“ข้ารู้ว่าพระสนมเอกก็ไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน” ซ่งไจ้สุ่ยพยักหน้า สายตาแน่วแน่ แต่กลับกล่าวว่า “แต่ว่าเรื่องที่เราคิดกันไปไว้ก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าใช้การไม่ได้แล้ว อย่างน้อยทางฝั่งของพระสนมเอกนี้ข้ายังพอมีโอกาสอยู่ หากไม่เช่นนั้น อย่าว่าแต่ตัวข้าเลย เกรงว่าแม้แต่เจ้าก็ยังต้องถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วย!”
นางยกมือขึ้นยั้งคำที่เว่ยฉางอิ๋งต้องการจะพูด “พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หาใช่พี่น้องร่วมมารดา ก่อนนี้ข้าก็เคยบอกแล้ว ว่าผู้ที่รักเจ้าที่สุดก็คือท่านอาหญิง หากเจ้าจะแสดงความกล้าหาญใด ก็จักต้องคิดถึงท่านอาหญิงเสียก่อน! นางเฝ้ารอมากี่ปีจึงได้เจ้ามาเป็นบุตรสาว ยังมีท่านอาเขยและฉางเฟิงอีก!”
เว่ยฉางอิ๋งไม่ได้เอ่ยคำใด ครึ่งเค่อจึงได้พูดออกมาเบาๆ ว่า “เรื่องในโลกไยข่มขื่นเช่นนี้!”
“กว่าจะถึงวันคล้ายวันเกิดของสนมจงยังมีเวลาอีกสองเดือน” ซ่งไจ้สุ่ยมองไปยังนอกม่านแล้วสั่งความว่า “เจ้าจงไปหาคนที่สามารถเชื่อถือได้ แล้วไปที่เมืองหลวงหนหนึ่ง สอบถามเรื่องของตระกูลเติ้งดูสักหน่อย โดยเฉพาะพระสนมเอกและเติ้งจงฉี!”
องครักษ์ตอบว่า “ขอรับ” และบอกอีกว่า “คุณชายเติ้งบอกว่า อีกสองสามวันบาดแผลของเขาก็หายแล้ว อาจจะต้องย้ายออกไป หรือจะต้องเร่งตามพวกพ้องเดินทางต่อไป แต่เขาได้ทิ้งที่อยู่แห่งหนึ่งที่นอกเมืองไว้ให้ข้าน้อย บอกว่าถึงเวลาสามารถไปหาเขาได้ที่นั้น”
“ดูท่าว่าเรื่องของสนมเอกและฮองเฮาจักไม่ใช่ความลับเสียแล้ว” ซ่งไจ้สุ่ยเข้าใจเป็นอย่างดี แล้วเอ่ยกับเว่ยฉางอิ๋งว่า “ครานี้เขาวางแผนไปอยู่ที่เรือนหน้า และส่งข่าวมาให้ข้า แต่หากท่านย่ารองและท่านอาหญิงได้ยินเรื่องนี้ ก็จะต้องจัดการให้เขาไปเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงรีบทิ้งที่อยู่สำรองเอาไว้ให้… คนผู้นี้ทำการรอบคอบและระวังยิ่ง เห็นทีว่าจะเป็นบุตรชายสายเลือดตรงของตระกูลเติ้งจริงๆ”
เว่ยฉางอิ๋งทอดถอนใจ เอ่ยว่า “แต่ลำพังจะพึ่งพาหนทางรอดนี้ทางเดียว จะให้ดีพระสนมเอกเติ้งผู้นั้นอย่าได้เลวร้ายเกินไป”
“อย่างไรเขาก็เป็นผู้ที่ถือหยกประดับของพี่รองข้ามา” สีหน้าของซ่งไจ้สุ่ยสงบนิ่งเคร่งเครียด แต่น้ำเสียงกลับผ่อนคลาย กล่าวว่า “อย่างน้อยพี่รองก็รู้สึกว่านี้คือทางรอดทางหนึ่งล่ะ!”
เว่ยฉางอิ๋งนิ่งคิดไปเกือบเค่อ แม้จะรู้สึกว่าหากพูดไปแล้วจะทำลายความคิดฝันของซ่งไจ้สุ่ย แต่เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก จึงยังต้องเอ่ยปากไปว่า “แม้ท่านพี่จะบอกว่าคนนอกจะไม่รู้จักหยกประดับรูปนกกระจอกเหลือง แต่ข้ารู้สึกว่าอย่างไรก็ควรเอาเศษหยกเหล่านั้นมาดูเสียหน่อย ว่าเป็นหยกที่ลูกผู้พี่รองแกะสลักเองชิ้นนั้นจริงๆ หรือไม่ เพราะคุณหนูตระกูลใหญ่ที่อยู่แต่ส่วนลึกภายในจวนเช่นพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นเฟิ่งโจวก็ดี หรือเจียงหนานก็ดี ล้วนอยู่ห่างจากเมืองหลวงถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดเมื่อพวกเราคิดเห็นเรื่องใดแต่เพียงน้อยนิด ทางเมืองหลวงกลับรู้เสียก่อนพวกเราแล้ว? เรื่องของข้านั้นแล้วไป เพราะเรื่องที่ข้าร่ำเรียนวรยุทธกับท่านลุงเจียงนั้น มีคนจำนวนมากเคยได้พบเห็น จึงไม่มีทางปิดบังผู้คนได้ แต่เรื่องความไม่ยินยอมของท่านพี่นี้ นอกจากพูดคุยกับข้าเป็นการส่วนตัวและเขียนจดหมายไปหาท่านลุง… แล้วเรื่องนี้รั่วไหลออกไปได้อย่างไร? หากเรื่องนี้ยังสามารถรั่วไหลออกไปได้ ประสาอะไรกับหยกประดับชิ้นเดียว?”
ซ่งไจ้สุ่ยนิ่งงันไปชั่วครู่ จึงได้เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “ก็จริง”
…หากหยกประดับรูปนกกระจอกเหลืองมิได้บ่งบอกว่าเป็นของที่ซ่งไจ้เจียงมอบให้มา เช่นนั้นสถานการณ์ที่ซ่งไจ้สุ่ย หรืออาจกล่าวได้ว่าตระกูลซ่ง กำลังประสบอยู่นี้ยิ่งน่าอึดอัดมากขึ้นไปอีก
มากจนถึงขึ้นที่ความลับมากมายก็มิอาจเก็บงำเอาไว้ได้แล้ว
และนี่ยังเป็นการส่งสัญญาณอีกว่า ความน่าเชื่อถือของเติ้งจงฉีนั้น มิอาจอาศัยซ่งไจ้เจียงมาพิสูจน์ให้เขาได้ หากซ่งไจ้สุ่ยปักใจเชื่อและดำเนินการตามแผนการของเขา มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดผลเช่นไร?
แต่หากไม่แยแสคนผู้นี้… หนทางภายภาคหน้าของซ่งไจ้สุ่ยก็จะไร้แสงสว่างเช่นกัน
ครานี้เมื่อออกไปจากเรือนหมิงเซ่อแล้ว เว่ยฉางอิ๋งเดินวนเวียนอยู่ที่ทางออกอยู่พักใหญ่ๆ จึงได้ตัดสินไปหาฮูหยินซ่ง
เมื่อเห็นบุตรสาวมาหา ฮูหยินซ่งวางของในมือลง แล้วไถ่ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า “เป็นอะไรไป?”
“แผลเก่าของท่านพี่ยากจะรักษา หากท่านแม่มีคนทางนี้เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ให้พวกของฮว่าผิงไปอยู่ดูแลนางในเรือนหมิงเซ่อเถิด” เว่ยฉางอิ๋งลังเลอยู่เกือบเค่อจึงได้กล่าวออกไปดังนั้น
ฮูหยินซ่งขมวดคิ้ว แล้วส่งสายตาไปทางซ้ายและขวา แม่นมซือเข้าใจความหมาย จึงได้ให้คนนอกที่ไม่ไว้ใจออกไปจนหมด
“เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”