ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง - ตอนที่ 52.2 บอกตามตรง (2)
ดวงตาของเว่ยฉางอิ๋งพลันแดงก่ำขึ้นมา และสะอึกสะอื้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
เมื่อฮูหยินซ่งได้ยินก็นิ่งเหม่อไปพักใหญ่ จึงได้เอ่ยอย่างแผ่วเบาออกมา “เด็กคนนี้เหตุใดจึงได้อาภัพเช่นนี้?” และจากนั้นจึงได้เห็นแจ้งขึ้นมาทันใด กล่าวอย่างมีโทสะว่า “ล้มเลิกการแต่งงาน… อย่างไรก็เป็นเรื่องล้มเลิกสัญญาแต่งงานกับทางราชสำนัก เจ้าก็ยังกล้าไปยุ่งย่าม? เจ้ากล้าดีเสียจริง!”
“เดิมทีเพราะรู้สึกว่าองค์รัชทายาทไม่ดี สงสารท่านพี่ที่ทั้งเก่งกาจทั้งงดงาม จึงได้คิดว่าพอจะมีความหวังสักน้อย อย่างไรเสียท่านพี่ก็มีอุบายมากมาย ไม่เหมือนข้าที่ได้แต่ทำให้ท่านแม่เป็นต้องเป็นห่วง อีกทั้งครานี้ฮองเฮาเป็นผู้คัดเลือกพระชายาเอง แม้องค์รัชทายาทจะไม่ล้ำเลิศ ทว่าท่านพี่อาจจะมีทางทำให้องค์รัชทายาทปรับปรุงตัวได้? แต่ยามนี้หากท่านพี่เข้าตำหนักตะวันออกไหนเลยจะมีชีวิตรอด? เว่ยฉางอิ๋งปาดน้ำตาสะอื้นขอร้องว่า “ท่านแม่ ท่านก็มีท่านพี่ไจ้สุ่ยเป็นหลานสาวคนเดียว จะคิดหาทางไม่ได้เลยจริงๆ หรือ? ฮองเฮาและองค์รัชทายาทต่างก็ผูกใจเจ็บเพราะเหตุนี้แล้ว ไม่ว่าวันหน้าจะเป็นเช่นไร ยังไม่ต้องเอ่ยถึงตัวท่านพี่เอง แม้แต่ท่านลุงก็จะพลอยตกที่นั่งลำบากไปด้วย! วันหน้ายามองค์รัชทายาทได้สืบบัลลังก์ เมื่อหวนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อย่างถ้วนถี่ มิใช่ว่าท่านลุงต้องชดเชยด้วยตัวพี่ไจ้สุ่ยแล้ว ยังต้องสูญเสียอำนาจในมืออีก กลายเป็นว่าลงแรงช่วยเหลือตำหนักตะวันออกไปเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?
ฮูหยินซ่งพลันสับสนในจิตใจยิ่งนัก ดวงตาก็แดงขึ้นมา กล่าวทั้งน้ำตาว่า “เจ้าจะรู้สิ่งใด? ไจ้สุ่ยก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ข้าหรือจะไม่สงสารนาง? แต่ท่านลุงของพวกเจ้า…ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ยามนี้ท่านลุงของพวกเจ้าเปลี่ยนใจ การแต่งงานนี้ก็ใช่ว่าเขาบอกว่าจะยกเลิกก็ยกเลิกได้? มิต้องเอ่ยว่าคนที่ไจ้สุ่ยจะแต่งงานด้วยคือองค์รัชทายาท หากแต่เป็นเจ้า เจ้าคิดว่าเรื่องการแต่งงานกับตระกูลเสิ่นก็จะเปลี่ยนแปลงได้ตามใจงั้นรึ?!”
เมื่อแม่นมซือเห็นสถานการณ์ดังนั้นจึงรีบเข้ามาช่วยรอมชอม ฮูหยินซ่งเช็ดน้ำตา สงบจิตใจและกล่าวต่อไปว่า “แต่ที่เจ้าว่ามาก็ถูก ยามนี้ไม่ใช่เรื่องว่าเมื่อไจ้สุ่ยแต่งเข้าตำหนักตะวันออกและจะอยู่ดีมีสุขหรือไม่แล้ว หากแต่ตระกูลซ่งไม่ควรจะชดใช้ด้วยบุตรสาวสายเลือดตรงซึ่งมีเพียงผู้เดียวในรุ่นนี้ ทั้งยังต้องถูกฮองเฮาและองค์รัชทายาทผูกใจเจ็บอีก!”
นางเงยหน้าขึ้นและสั่งความกับแม่นมซือ “เหยียนมั่ว ข้าจักเขียนจดหมายถึงท่านพ่อ! ลูกสาวบ้านตระกูลซ่งของข้า ไยต้องตกอยู่ในสภาพที่คิดจะปฏิเสธการแต่งงานแล้วกลับต้องมาพึ่งพาตระกูลเติ้งด้วย?!”
เพื่อความปลอดภัยและอนาคตของตระกูลซ่ง ฮูหยินซ่งจงไม่มีจิตใจจะไปรบเร้าซ่งอวี่วั่งที่ยืนกรานมาโดยตลอดว่าจะให้บุตรสาวแต่งเข้าวังตามสัญญา อีกประการหนทางจากเฟิ่งโจวถึงเมืองหลวงก็ห่างไกลนัก แต่กับเจียงหนานกลับใกล้กว่ามาก
ประมุขตระกูลซ่ง ซ่งซินผิงซึ่งดำรงตำแหน่งตวนหุ้ยกง เนื่องจากไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศในเมืองหลวง หลังจากที่ซ่งอวี่วั่งมีการงานมั่นคงแล้ว จึงได้ลาออกจากราชการและพาภริยากลับมาตั้งถิ่นฐานที่เจียงหนาน จนทุกวันนี้ก็ยังอยู่ที่เจียงหนานถัง ซ่งซินผิงให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตระกูลซ่งเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยินดีเรื่องที่ซ่งไจ้สุ่ยไม่อยากจะแต่งเข้าวัง… แต่ก็หาใช่ว่าซ่งซินผิงจะเห็นดีเห็นงามที่ในบ้านจะมีพระชายาองค์รัชทายาทสักคนหรือว่าคิดว่าองค์รัชทายาทนั้นไม่เลวเลยทีเดียว เรื่องที่เขาสนใจก็คือหากซ่งไจ้สุ่ยไม่ได้แต่งงาน ชื่อเสียงของตระกูลซ่งแห่งเจียงหนานก็จะเสียหาย
และเพราะซ่งซินผิงสนับสนุนซ่งอวี่วั่ง ยืนกรานจะให้ซ่งไจ้สุ่ยทำตามคำสัญญาแต่ก่อนเก่า เช่นนั้นแม้แม่เฒ่าซ่งนั้นรักใคร่หลานสาวแต่ก็กลับไร้กำลังจะปกป้องนาง
แต่หากเทียบกับชื่อเสียงของตระกูลซ่งแล้ว หากต้องชดใช้ด้วยหลานสาวก็ใช่จะเป็นการดี กระทั่งเรื่องผูกพยาบาท ซ่งซินผิงจะต้องไม่ยอมทำเป็นแน่
ซ่งซินผิงมีสมญานามว่าหนึ่งสัญญาดังทองคำพันชั่ง มีชื่อเสียงเป็นเลิศในดินแดนแถบทะเลว่าเป็นผู้ที่รักษาคำพูด ทว่าก็หาใช่คนโง่…มิเช่นนั้นเขาจะปกครองผู้คนในในเจียงหนานถังได้อย่างไร? สิ่งสำคัญของประมุขของตระกูลก็คือต้องสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่วงศ์ตระกูล ปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลซ่ง หาใช่เพียงแสดงตนว่าสูงส่งยิ่งใหญ่กว่าคนในหล้าเท่านั้น
ฮูหยินซ่งผู้เป็นลูกสาวแท้ๆ ของซ่งซินผิง มีหรือจะไม่รู้ว่าบิดาของตนผู้นี้ ต้องรักษาชื่อเสียงเรื่องการรักษาสัจจะมาอย่างยากลำบากเพียงใด เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลเท่านั้น
ยามนี้ตระกูลซ่งถูกฮองเฮาและองค์รัชทายาทผู้ใจเจ็บแล้ว เรื่องนี้มิใช่ว่าจะให้ซ่งไจ้สุ่ยแต่งออกไปก็จะจบเรื่อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไยต้องให้หลานสาวเข้าไปชดใช้ด้วย? ดีชั่วอย่างไรความแค้นเคืองก็บังเกิดขึ้นแล้ว มิสู้รอดูทางฝั่งของพระสนมเอกเติ้ง…ว่าหากพอมีโอกาส ก็ให้เรื่องของฮองเฮาเฉียนแม่ลูกเกิดขึ้นอีกหนหนึ่ง กำจัดผลที่อาจจะเกิดตามมาให้สิ้นซากจึงจะสามารถวางใจได้!
เมื่อเว่ยฉางอิ๋งเห็นมารดาคิดเห็นเช่นนี้ นางจึงแอบโล่งใจ คิดในใจว่าการที่นางมาเปิดเผยกับมารดาอย่างตรงไปตรงมานั้นถูกต้องแล้ว แม้ท่านย่าจะเป็นท่านย่าอีกคนของลูกผู้พี่ แต่ก็ห่างออกมาอีกชั้นหนึ่ง มารดาตนเป็นอาแท้ๆ ของลูกผู้พี่ก็ย่อมจะรักใคร่ลูกผู้พี่มากกว่า… หากไม่มีมารดา นางเองคงไม่อาจหว่านล้อมท่านตาให้ทำการใดได้
ท่านตาน่าจะทำให้ท่านลุงเกรงกริ่งได้มากว่าท่านยายกระมัง? และคงจะมีความคิดอ่านมากกว่าท่านลุง? ท่านปู่ของตนนั้นหลักแหลมเป็นที่ยิ่ง และคาดว่าฐานะของท่านตาก็คงทัดเทียมกับท่านปู่ของตน อุบายในการปกครองบ้านเมืองก็คงไม่ต่างกันสักเท่าใด
นางลอบโล่งอกอยู่ในใจ แต่กลับไม่ลืมที่จะพูดให้ชัดเจน “เรื่องวันนี้ทำให้ท่านพี่ไจ้สุ่ยตกใจมาก ข้ากลัวว่าท่านพี่จะคิดไม่ตก… ก่อนหน้านี้ท่านพี่คิดเพียงจะทำลายโฉมของตนเพื่อจักได้ไม่ต้องแต่งเข้าตำหนักตะวันออก แต่ยามนี้เกรงว่านางจะคิดฆ่าตัวตาย เพื่อมิให้ต้องทำตระกูลซ่งลำบากไปด้วย!”
หากมิได้คิดถึงเรื่องนี้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องน่าเศร้าที่มิอาจจะย้อนคืนได้ หาไม่แล้วเว่ยฉางอิ๋งก็จะไม่นำเรื่องราวทั้งหมดมาบอกแก่มารดาเช่นนี้
ฮูหยินซ่งสูดหายใจลึก กล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว… แม่นมซือ เจ้าจงไปดูแลเด็กคนนี้ที่เรือนหมิงเซ่อเถิด เพื่อจะได้ไปปลอบประโลมนางด้วย” ทั้งยังกำชับเว่ยฉางอิ๋งว่า “อย่าเพิ่งบอกกล่าวเรื่องนี้แก่ท่านย่าของเจ้า โดยเฉพาะเรื่องของเติ้งจงฉี”
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ” เว่ยฉางอิ๋งพยักหน้า
ฮูหยินซ่งเองก็หาได้ไม่กลัวว่าจะดึงตระกูลเว่ยมาเกี่ยวข้องด้วย แต่ยามนี้ตระกูลซ่งประสบวิกฤต นางซึ่งเป็นบุตรสาวของตระกูลซ่ง และเติบโตมาด้วยความรักทะนุถนอมของบิดา อย่างไรก็ต้องคิดหาทางช่วยเหลือตระกูลของตนสักครา แต่หากให้เว่ยฮ่วนและแม่เฒ่าซ่งรู้เข้า ก็จะต้องตัดสินใจในฉับพลันและตัดขาดความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็วที่สุด
หากเป็นเช่นนี้ เติ้งจงฉีก็จะต้องถูก ‘เชิญ’ ออกไปจากรุ่ยอวี่ถังหรือกระทั่งออกจากเฟิ่งโจวเป็นแน่แท้ แม้ฮูหยินซ่งจะออกปากว่าลูกสาวบ้านซ่งหากจะปฏิเสธงานแต่ก็มิต้องให้ตระกูลเติ้งช่วยเหลือ แต่เรื่องครานี้กระชั้นชิดนัก และมิรู้ว่าซ่งซินผิงจะหาหนทางในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้หรือไม่ หากไร้หนทางแล้วจริงๆ ทางฝั่งของตระกูลเติ้งนี้ก็ยังสามารถใช้เป็นทางออกสุดท้ายได้
ทว่าหากมีเพียงซ่งไจ้สุ่ยผู้เดียว ก็ยังต้องคำนึงว่าอาจจะถูกสนมเอกเติ้งให้ร้าย แต่หากตระกูลซ่งและตระกูลเติ้งรวมมือกันแล้ว สนมเอกเติ้งก็จักไม่กล้าให้ร้ายซ่งไจ้สุ่ย อย่างไรก็ดีตระกูลซ่งก็เป็นหนึ่งในหกตระกูลสูงศักดิ์ หากถูกโจมตี หรือกระทั่งต้องสิ้นตระกูล ถูกโจมตีปางตาย ก็มิใช่สิ่งที่ตระกูลเติ้งจะรับมือไหว หากสนมเอกเติ้งมิได้แค้นเคืองคนทั้งตระกูลเข้ากระดูกดำ ภายใต้สถานการณ์ที่บ้านตระกูลซ่งออกหน้าแทนซ่งไจ้สุ่ย นางก็จะไม่ทำสิ่งที่เป็นผลร้ายกับซ่งไจ้สุ่ยเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อสนมเอกเติ้งได้ให้หลานชายเร่งมาที่เฟิ่งโจว ในช่วงเวลาที่ซ่งอวี่วั่งยังไม่ทันรู้ตัว เห็นได้ชัดว่าภายในวังจะต้องได้เบาะแสบางอย่างที่แม้แต่ซ่งอวี่วั่งก็ยังไม่รู้
แล้วในเมื่อตระกูลซ่งจะยกเลิกการแต่งงานในลำดับต่อไป ก็จะต้องเตรียมการรับมือฮองเฮากู้และองค์รัชทายาทเอาไว้ ขอเพียงสนมเอกเติ้งมีเรื่องบาดหมางกับฮองเฮา เมื่อมีพระสนมเอกผู้นี้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองก็แต่ฮองเฮา ทั้งยังเป็นลูกผู้น้องโดยตรงของฮ่องเต้อยู่ภายในวังหลวง ก็จักสามารถลงมือและควบคุมฮองเฮาได้ไม่มากก็น้อย
…แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องคำนึงถึงตระกูลเว่ยมากที่สุด เพราะอย่างไร ฮูหยินซ่งก็ยังแซ่ซ่ง
________________________