Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 56
บทที่ 56 เพื่อนเก่า (6)
ฉู่ซ่งลังเลครู่หนึ่ง พยักหน้าด้วยความลำบากใจเล็กน้อย เขาเหลือบมองที่บันได แต่ก็ยังออกไปกับอี้เป่ยซี
แสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิสาดส่องอบอุ่นอยู่บนตัว ความโศกเศร้าทุกข์ใจทั้งหมดต่างมลายหายไป รอยยิ้มเจือก็ความหวานชื่น มือทั้งสองอดไม่ได้ที่จะจับกันไว้แน่น
ได้เจอคนที่ตามหาแล้ว ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ
“เอ่อ ฉู่ซ่ง” อี้เป่ยซีที่วิ่งมาถึงปากทางหยุดลง “เธอรู้ไหมว่าที่ไหนมีปิ้งย่างขาย?”
ฉู่ซ่งเอามือกุมหน้าผากอย่างห้ามไม่ได้ เหลือบมองเธอแวบหนึ่งด้วยความรังเกียจ “ไม่รู้แล้วยังพาฉันออกมานานขนาดนี้?”
“ก็คนมันตื่นเต้นนี่ เลยห้ามไว้ไม่อยู่”
“ตามฉันมาเถอะ” เขาส่ายหัว ดึงมือเธอเดินไปยังทิศตะวันออก ย่ำไปตามร่มเงาไม้ ก้าวย่างแผ่วเบา
ทั้งสองคนหยุดอยู่ที่ร้านปิ้งย่างชื่อล่งถัง เวลานี้มีคนไม่มาก ในร้านอาหารผู้คนบางตาอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเลือกห้องส่วนตัวห้องเล็ก ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟทั้งสองคนก็เริ่มกินอย่างเต็มที่ แม้ว่าปริมาณจะเพียงพอ แต่พวกเขาก็ยังแย่งกันกิน ไม่ได้กินไปมากนัก แต่พูดคุยเสียงดังกันจนเหนื่อย
“ไม่ได้กินข้าวแบบนี้นานแล้ว” อี้เป่ยซีพิงเก้าอี้อย่างพออกพอใจ “พวกเราจะทำอะไรกันต่อดี? ดูหนัง?”
เขาขมวดคิ้ว “ทำไมรู้สึกว่าวันนี้เธอรีบจังเลย?”
“จริงเหรอ? ไหนๆ ก็ออกมาแล้วนี่นา จะนั่งแช่ที่อยู่เดียวแล้วไม่ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ หลุดออกมาแล้วไม่เที่ยวเต็มที่ ถ้างั้นออกมาจะไปสนุกอะไร”
“ฉู่เซี่ย” เขามองเธอ ดวงตาเป็นประกาย อี้เป่ยซีเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
“เปล่า ฉันจะดูว่ามีหนังอะไรบ้าง” เขาพูดพลางก็ก้มหน้าเปิดแอปพลิเคชัน “เธออยากจะไปดูรอบไหน?”
อี้เป่ยซีคิดครู่หนึ่ง นิ้วเคาะอยู่บนแก้วเบาๆ “อืม ตอนนี้เลย มีอะไรดูบ้าง?”
“มีเรื่องหนึ่งชื่อ ‘เหนือใต้ออกตก’ ดูจากบทวิจารณ์แล้วแย่อยู่นะ งั้นดูรอบกลางคืนเถอะ มีเรื่องหนึ่งคะแนนดีมาก”
“งั้นดูเรื่องนั้นแหละ ตอนกลางคืนก็มีเรื่องของตอนกลางคืน ไปเถอะ นายไปจ่ายเงิน”
ฉู่ซ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง “นี่คือความเป็นพี่สาวของเธอเหรอ? ให้ฉันไปจ่ายเงิน ทำไมเธอถึงขี้งกแบบนี้”
“อือ พูดได้ดี ฉันนี่แหละขี้งก นายไปจ่ายเงินไป” เขาส่ายหัว แต่ก็ยังไปที่เคาน์เตอร์อย่างว่าง่าย
หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าโรงหนังไป หนังก็ฉายแล้ว หนังฉายไปได้สิบกว่านาที ทั้งโรงหนังก็ยังมีเพียงพวกเขาสองคน
“นายเหมาโรงเหรอไง?” อี้เป่ยซียัดข้าวโพดคั่วใส่ปากขณะถาม
“บอกเธอแล้วว่าหนังเรื่องนี้มันแย่ ไม่มีคนดูหรอก ตอนนี้รู้แล้วล่ะสิ” ฉู่ซ่งออกอาการประมาณว่าฉันก็บอกเธอแล้ว อี้เป่ยซียกมือขึ้นตบๆ หัวของเขา
“กินข้าวเมื่อกี้ยังงกอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงใจกว้างเหมาโรงหนังซะล่ะ”
ฉู่ซ่งหัวเราะหึๆ สองคำแต่ไม่ได้พูดอะไร กดข้าวโพดคั่วลงบนหน้าอกของอี้เป่ยซี “กินเถอะ กินแล้วก็หุบปากเธอไม่ได้ เธอพูดเก่งขนาดนี้ คนอื่นมายังต้องไล่เธอออกไปเลย”
“ถือว่านายชนะ”เธอเอาความสนใจไปอยู่บนหน้าจออีกครั้ง หนังน่าเบื่อเล็กน้อย รู้สึกว่าแต่ละฉากไม่ได้ใส่ความพยายามลงไป เรื่องราวดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อย ฉู่ซ่งดูไม่ทันไรก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเรียกเขาอยู่ในหัวแล้วผล็อยหลับไป อี้เป่ยซีจ้องบนหน้าจอขนาดใหญ่ ดวงตาสุกใส
“แม่น้ำทั้งห้าสายและทะเลทั้งสี่ไหลมาบรรจบ แล้วไหลไปทั่วทุกสารทิศ เรื่องราวของพวกเราไร้ซึ่งอิสระมาตั้งแต่แรก…” เสียงเพลงตอนจบดังขึ้น ฉู่ซ่งจึงลืมตา
“หืม จบแล้วเหรอ?”
“อืม จบแล้ว” อี้เป่ยซีถือถังข้าวโพดคั่วที่ว่างเปล่าแล้ว “แต่ของกินเล่นที่ซื้อมาไม่พอ หมดตั้งแต่ยังไม่จบเรื่อง”
ฉู่ซ่งมองเธออย่างประหลาดใจ “เพิ่งกินปิ้งย่างไปไม่ใช่เหรอ เธอกินถังใหญ่ขนาดนี้ลงไปได้ยังไง”
“มีอะไรน่าแปลก ของว่างก็คือของว่าง ปิ้งย่างก็คือปิ้งย่าง ไม่เหมือนกันนะ ไปเถอะ พวกเราไปที่อื่นต่อ”
เมื่อออกจากโรงหนัง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ฉู่ซ่งดูเวลา “ป่านนี้แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
“ไม่ๆๆ รอจนทำอย่างสุดท้ายเสร็จแล้วก่อน สถานที่สุดท้าย ไปที่สวนสนุกแล้วค่อยกลับเถอะ” อี้เป่ยซีคว้าตัวฉู่ซ่ง ต้องการจะเดินไปข้างหน้า
“เธอรู้เหรอว่าอยู่ที่ไหน?”
“เหมือนว่าฉันเคยไป แต่ว่าจำไม่ได้แล้วว่าไปยังไง”
“ฉันพาเธอไปแล้วกัน” ฉู่ซ่งก้มหน้าส่งข้อความ แล้วก็ลากอี้เป่ยซีไปยังทิศทางของสวนสนุก
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในสวนสนุกก็เริ่มเล่นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับเด็กน้อยที่ยังไม่โต อยู่ในสวนสนุกที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีสันสดใส ไล่จับกันครึกครื้นและไร้กังวล
ลั่วจื่อหานได้รับข้อความของฉู่ซ่งแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูอาหารชั้นเลิศที่วางอยู่เต็มโต๊ะก่อนจะถอนหายใจ แล้วทิ้งของทุกอย่างลงในถังขยะ หลังจากล้างถ้วยชามจนสะอาดและเก็บเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นชั้นสองไปตามลำพังอย่างอ้างว้าง
‘เซี่ยเซี่ย ครั้งหน้าอย่าลืมกลับมานะ’
เข็มนาทีหมุนอยู่บนหน้าปัดสองรอบ เสียงกริ่งประตูดังชัดเจนอยู่ในอาคารที่ว่างเปล่า มุมปากของลั่วจื่อหานกระตุกเบาๆ เขาไปเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตู อี้เป่ยเฉินชกลั่วจื่อหานทันทีโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ หมัดที่กำแน่นส่งเสียงกรอบๆ เขาข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้ “เสี่ยวซีอยู่ที่ไหน”
“เธอไม่ได้อยู่ที่นี่” หลังจากได้รับหมัดของอี้เป่ยเฉิน มุมปากลั่วจื่อหานมีเลือดซึมออกมา เขาหยิบทิชชูมาเช็ด “นั่งคุยกันก่อนเถอะ”
“ไม่มีอะไรให้คุย ถ้านายรู้ว่าเสี่ยวซีอยู่ที่ไหนก็พูดออกมา ถ้านายไม่รู้ฉันจะไปตามหาเธอเอง”
“แล้วหลังจากเจอเธอล่ะ? ก็ขังไว้อีกเหรอ”
“นี่คือเรื่องระหว่างพวกเรา ไม่เกี่ยวกับนาย”
ลั่วจื่อหานหัวเราะเบาๆ “ถ้าเป็นเรื่องของฉู่เซี่ย งั้นมันก็เกี่ยวกับฉันแล้ว ทำไม นายก็แคร์มากไม่ใช่เหรอ แคร์เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉู่เซี่ย ที่นายกีดกันฉู่ซ่งแบบนี้น่าจะยังมีเหตุผลอื่นอีกมั้ง”
“ใช่ เพราะงั้นนะลั่วจื่อหาน นายทำไปเพื่ออะไร เพื่อช่วยฉู่ซ่งเหรอ? นายคิดว่าฉันจะเชื่อว่านายมีน้ำใจขนาดนั้นรึไง”
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด น่าจะพูดว่าเป็นเพราะอี้เป่ยซี ไม่สิ เพราะฉู่เซี่ยก็ได้”
“ลั่วจื่อหาน ฉันจะเตือนนาย อยู่ห่างๆ เสี่ยวซีไว้”
เขาพยักหน้า “อี้เป่ยเฉิน นายคิดว่าหลังจากลู่เยี่ยหวาเกิดเรื่องแล้ว ระหว่างนายกับอี้เป่ยซียังเป็นไปได้อีกงั้นเหรอ?”
อี้เป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไร ลั่วจื่อหานยังคงพูดต่อไป “นายคือสาเหตุของเรื่องนั้นไม่มากก็น้อยไม่ใช่เหรอ ในเมื่อตอนนี้พวกนายสองคนมีช่องว่างต่อกันแล้ว ตอนนี้นายยังมาทำแบบนี้อีก จะไม่เป็นการผลักอี้เป่ยซีให้ยิ่งห่างออกไปเหรอไง?”
“สักวันเธอจะเข้าใจ”
“เธอไม่เข้าใจหรอก อี้เป่ยซีเป็นคนยังไง นายเห็นเธอเติบโตมา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ถ้าเป็นเรื่องที่เธอเชื่อมั่นแล้วไม่ยอมให้ลุยสักตั้ง เธอไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน ตอนนี้เธอเชื่อมั่นในฉู่ซ่งแล้ว นอกจากฉู่ซ่งจะทำอะไรจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีวันทิ้งเขาไปแน่นอน”
แม้จะแค่ห้าปี แต่ชีวิตช่วงนั้นของฉู่เซี่ยก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของอี้เป่ยซี ยิ่งนายปฏิเสธของพวกนี้ ก็จะยิ่งห่างเธอไปไกลขึ้นเรื่อยๆ อี้เป่ยเฉิน หรือว่านายไม่รู้สึกหรือไง?
ไม่รู้สึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนและความลังเลของเธอในตอนนี้ ไม่รู้สึกถึงความน้อยใจกับความเสียใจของเธอในตอนนี้หรือไง นายคิดว่าทำเพื่อเธอแต่นายทำเพื่อตัวเองมาตั้งแต่แรก
ถ้านายชอบเธอจริงๆ ก็ควรจะชอบทั้งหมดที่เป็นเธอ ไม่ใช่ลักษณะของอี้เป่ยซีที่นายหล่อหลอมมาเองกับมือ นายกำลังกลัว กลัวว่าเธอจะกลายเป็นตัวของตัวเองจริงๆ และอยู่นอกเหนือความควบคุมของนาย”
คำพูดของลั่วจื่อหานพรั่งพรูออกมา มือที่กำแน่นของอี้เป่ยเฉินค่อยๆ ผ่อนคลาย…
………………………..