Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 75
บทที่ 75 แผนร้ายถูกเปิดโปง (4)
อี้เป่ยซีขดตัวเข้าด้วยกัน ไหล่สั่นเทาเล็กน้อย ไม่ช้าน้ำตาก็เปียกเลอะเสื้อผ้าบริเวณหัวเข่า ค่อยๆ ขยายออกเป็นวงกว้าง
ชอบพอกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องเสียใจด้วยล่ะ ทำไมถึงรู้สึกเสียใจขนาดนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่ารับไม่ได้แบบนี้?
แต่ว่าทุกอย่างมันจบแล้ว ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว ระหว่างเธอกับอี้เป่ยเฉินตอนนี้มีอีกคนคั่นกลางแล้ว คนที่จากโลกนี้ไปเพราะความเห็นแก่ตัวและความโง่เขลาของเธอ เธอจะอยู่กับอี้เป่ยเฉินอย่างสบายใจได้อย่างไร
อุปสรรคความรักของพวกเขาก็คือชีวิตของคนคนหนึ่ง ทำอย่างไรก็ไม่สามารถข้ามผ่านชีวิตในอดีตที่นองเลือดวันนั้นได้ เช่นนี้แล้วจะสบายใจได้อย่างไร จะมีความสุขได้อย่างไร
ฆาตกรคนหนึ่งจะสามารถเต้นรำอยู่บนร่างของผู้ถูกสังหารได้อย่างไร
อี้เป่ยซียังคงร้องไห้ไม่หยุด
ความสามารถและอิสระในการตกหลุมรักตอนนี้ได้มลายหายไปแล้ว มันต้องหายไปอยู่แล้วล่ะ เธอกอดตัวเองแน่น คำที่เคยพูดในอดีตดังอยู่ข้างหูทีละประโยค
“ใช่ ฉันชอบพี่เป่ยเฉินแล้วจะยังไง ไม่ว่านายจะทำอะไร นายเทียบหนึ่งในพันของเขาไม่ติดเลยด้วยซ้ำ”
“ก็เพราะว่านายเหมือนเขาฉันถึงอยู่กับนาย ไม่งั้นนายคิดว่าจะมีเหตุผลอื่นเหรอ”
“ถ้านายอยากเป็นตัวตายตัวแทนอยู่ข้างๆ ฉันละก็ ฉันก็ไม่รังเกียจ ดีเหมือนกันฉันขี้เกียจไปหาแล้ว”
“นายไปซะ อย่าโผล่มาอีก ฉันเล่นจนเบื่อแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้ของเล่นชิ้นนึงของตัวเองรู้สึกรังเกียจฉันมากขนาดนี้”
ลู่เยี่ยหวา ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดคำพูดพวกนั้นจริงๆ ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอเสียใจขนาดนั้นจริงๆ อี้เป่ยซีราวกับได้ยินเสียงนั้นลอยผ่านมาจากฟากฟ้าอีกแล้ว เสียงรถเบรกที่ดังสนั่นหวั่นไหว ได้ยินเสียงกรีดร้องรอบกายที่พร่าเลือนไปเรื่อยๆ เลือดกระจายไปทั่วพื้นถนนทีละน้อยๆ แทรกซึมไปตามถนน เลือดสีแดงฉานไหลออกมาด้านนอกอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่สนใจว่าสีหน้าเจ้าของของมันจะซีดขาวเพียงใด
“เป่ย…เป่ยซี เธอ…เธอ อย่า…อย่า…”
“ลู่เยี่ยหวา!”
อี้เป่ยซีกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงอะอื้นยังคงดังอยู่ในห้องเป็นช่วงๆ ท้องฟ้านอกหน้าต่างค่อยๆ สว่างขึ้น เธอโทรศัพท์ไปขอลาหยุด ล้มตัวลงบนพื้น โยนโทรศัพท์มือถือไปอีกทางหนึ่ง ลืมตาของตัวเองเหม่อลอย ราวกับว่าวิญญาณไม่ได้อยู่ในร่างนี้แล้ว
เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เธอทีละน้อยๆ ขณะที่มาถึงหน้าห้องนอนของเธอทันใดนั้นเสียงก็หยุดชะงัก ราวกับว่ากำลังกลั้นหายใจผลักประตูเปิดอย่างระมัดระวังสุดขีด นอนลงบนพื้นข้างเธอ ยื่นมือโอบเอวของเธอแผ่วเบา
ลมหายใจของทั้งสองคนสลับกันไปมาภายในห้อง อ่อนโยนระคนความอ่อนหวาน ความเยือกเย็นเจือปนความหลงใหล ไม่มีใครพูดจา ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาติ๊กต๊อกๆ อีกแล้ว
จนกระทั่งแสงอาทิตย์ไม่ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านหน้าต่างอีกต่อไป จนกระทั่งแสงไฟนอกบ้านส่องแสงเป็นเส้นสีส้มบนพื้น อี้เป่ยซีจึงค่อยๆ เอ่ยปาก
“ทำไมคนที่ทำผิดถึงยังร้องขอความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะ? เธอไม่ควรชดใช้ความผิดทั้งหมดของตัวเองเหรอ? ทำไมเธอถึงยังสามารถทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ยังอยู่ที่นี่อย่างสบายดีและมีความสุข”
ลั่วจื่อหานขยับเข้าใกล้เธออีก เขารู้สึกปวดใจเล็กน้อย ฟังเธอพูดต่อ
“ทั้งๆ ที่ลู่เยี่ยหวาดีขนาดนั้น เขาสง่างามและเก่งขนาดนั้น ดีกับคนอื่นขนาดนั้น ดีกับฉันขนาดนั้น ทำไมเขาถึงเป็นคนจากไปแต่ไม่ใช่ฉัน ทำไมเขาต้องพุ่งไปข้างหน้า ทำไมฉันเอาเขากลับมาไม่ได้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนดีขนาดนั้น เป็นคนดีแบบนั้น ทำไมต้องไม่ยุติธรรมแบบนี้ด้วย”
“ทำไมฉันต้องพูดแบบนั้นกับเขา ทำไมไม่เคยคิดว่าเขาจะเสียใจแค่ไหน ทำไมตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาลไม่เคยคิดจะไปเยี่ยมเขา ทำไมถึงเอาแต่ใจแบบนี้”
“เป็นความผิดของฉันทั้งนั้น เป็นความผิดของฉัน เดิมทีฉันควรจะจากไปกับเขา”
ลั่วจื่อหานกอดเธอแน่นขึ้นทันที “เป่ยซี ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้หรอก นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ”
“นี่คือความผิดของฉัน ถ้าฉันไม่ได้ทำร้ายเขาแบบนั้น เขาก็คงไม่เสียใจจนติดเหล้า ก็จะไม่คิดที่จะตามหลังฉัน ก็จะไม่ผลักฉันออกไป ก็จะไม่ถูกชนตาย ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเขาก็คงไม่ตาย ตอนนี้เขาควรจะอยู่ในที่สูงราวกับกษัตริย์ ไม่ใช่กลายเป็นก้อนดิน กลายเป็นสุสานในพงหญ้า”
“เป่ยซี”
“ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ดีเอง”
“พอแล้วเป่ยซี เลิกพูดได้แล้ว เลิกคิดได้แล้ว เสียใจก็ร้องไห้เถอะ ร้องออกมาให้พอ”
อี้เป่ยซีพิงอยู่บนไหล่ของเขาร้องไห้โฮ น้ำหูน้ำตาต่างร่วงลงบนเสื้อโค้ทที่สะอาดสะอ้านของเขา เขาไม่ใสใจ มือตบหลังของเธอเบาๆ ปลอบโยน
ตกดึก อาจเป็นเพราะร้องจนเหนื่อยแล้ว หรือเพราะเหนื่อยเพราะไม่ได้นอนเป็นเวลานาน อี้เป่ยซีผล็อยหลับไปเงียบๆ หยดน้ำตายังติดอยู่บนขนตา ลั่วจื่อหานลุกขึ้นอุ้มเธอไปบนเตียง การกระทำเป็นไปอย่างระมัดระวังกลัวว่าจะทำเธอตื่น เขาหาผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดหน้าให้อี้เป่ยซี แล้วยังหาถุงน้ำแข็งประคบดวงตาที่บวมเป่งเบาๆ เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปตีสองของตอนเช้าแล้ว เขากำลังจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ มือเล็กๆ คว้านิ้วของเขาแน่นเหมือนกับหลายวันก่อน
ลั่วจื่อหานนั่งลงอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มืดมากๆ เขาเห็นเพียงโครงร่างของคนที่หลับใหลเลือนลาง เขาอดใจไม่ไหวยื่นมือออกไปก็สัมผัสได้ถึงคิ้วที่ยับย่น ปลายนิ้วค่อยๆ เกลี่ยออก ไม่มีผลใดๆ เกลี่ยออกอีกรอบ ครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่หลับใหลจึงมีปฏิกิริยาเล็กน้อย คิ้วผ่อนคลายลงมาบ้าง
“ฉันอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเธอดีไหม” เสียงในยามดึกมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง คนบนเตียงกลับไม่มีปฏิริยาตอบสนอง เขาเพียงแต่ยิ้มครู่หนึ่ง
เป่ยซี ฉันอยู่ด้วยกันเธอในอนาคตดีหรือเปล่า เธอจะไม่รู้สึกว่ามีภาระ จะไม่รู้สึกเสียใจ จะไม่รู้สึกผิด มีแค่พวกเราสองคนดีหรือเปล่า?
จนกระทั่งอี้เป่ยซีลืมตาขึ้นในขณะนี้คือเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคือลั่วจื่อหานหลับตาพิงอยู่ที่หัวเตียง สิบนิ้วของทั้งสองคนสอดประสานกัน
เธอไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะปลุกคนข้างๆ ให้ตื่น กัดริมฝีปากมองดูใบหน้าที่หลับใหลของเขา ขนตายาวทำให้เกิดเงาเล็กๆ ที่ด้านล่าง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบอบบางเล็กน้อย มันยกทำมุมขึ้น ทำมุมขึ้น?
“หล่อรึเปล่า?”
ก็ว่าอยู่ว่าทำไมคนที่กำลังหลับถึงยิ้มมีความสุขเพียงนี้ เธอกลิ้งตัวลงบนเตียง ทำให้มือของทั้งสองที่ประสานกันขยับเขยื้อน รีบสะบัดออก แต่กลับถูกมืออีกข้างกุมไว้
“ไม่เป็นไรเป่ยซี ไม่เป็นไร” เขาเอาหัววางอยู่บนมือที่จับอยู่ด้วยกัน “เธอไม่จำเป็นต้องแบกรับเยอะขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่ลู่เยี่ยหวาที่จากไปแล้วก็จะเสียใจมากเหมือนกัน”
มืออีกข้างของอี้เป่ยซีคว้าผ้าห่มไว้ ไม่ได้พูดอะไร
“ลู่เยี่ยหวาไม่เคยโทษเธอเลย แม้แต่วินาทีสุดท้าย เขาก็ไม่อยากให้เธอเป็นทุกข์ ไม่อยากให้เธอเสียใจและรู้สึกผิดเพราะว่าเขาจากไป ความตายของเขาไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว คนที่มีชีวิตอยู่ยิ่งควรใช้ชีวิตให้ดี ตอนนี้เขากำลังแบกรับความสุขของคนสองคนอยู่นะ”
……………………….