Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 79
บทที่ 79 แผนร้ายถูกเปิดโปง (8)
เมื่อถึงศูนย์การค้า อี้เป่ยซีสุ่มเลือกเสื้อผ้าไม่กี่ตัวโดยขาดความสนใจ แต่ลั่วจื่อหานกลับจริงจัง เลือกมากองหนึ่งยัดใส่หน้าอกเธอให้เธอไปลอง เธอมองเขาอย่างหมดแรงเล็กน้อย แต่หลังจากสังเกตเห็นอาการที่ไม่อาจปฏิเสธได้บนใบหน้าของลั่วจื่อหานแล้ว ได้แต่เดินเข้าห้องลองเสื้อไปโดยไม่พูดจา ลองตัวแล้วตัวเล่า แต่สีหน้าของลั่วจื่อหานที่นั่งอยู่บนโซฟากลับไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
“ช่างเถอะๆ ไม่ลองแล้ว ถึงยังไงก็ไม่สวย” อี้เป่ยซียัดเสื้อในมือใส่มือของพนักงานข้างๆ อย่างหมดกำลังใจเล็กน้อย ยกน้ำผลไม้บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม ได้ยินเสียงตกอกตกใจของคนข้างๆ รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
ก็แค่ดื่มน้ำผลไม้ไปอึกเดียว มีอะไรน่าประหลาดใจงั้นเหรอ?
ลั่วจื่อหานราวกับว่าอารมณ์ดีมาก ขยับเข้าไปใกล้เธอ “แค่ไม่กี่ตัวเอง ลองอีกหน่อยดีหรือเปล่า” อี้เป่ยซีได้แต่พยักหน้า เข้าไปในห้องลองเสื้ออีกครั้ง
“คุณคะ ตัวนี้คือสไตล์ใหม่ของพวกเราที่เพิ่งมาถึง ตอนนี้ยังไม่มีขาย เหมาะกับคุณมากเลยนะคะ” เธอลองเสื้อที่ลั่วจื่อหานหยิบมาจนหมดอย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมไปลองอีกแล้ว พอนั่งลงบนโซฟาจึงเห็นว่ามีน้ำผลไม้สองแก้ว
เมื่อกี้มีแค่แก้วเดียวไม่ใช่เหรอ? ทำไม ไม่จริงมั้ง แสดงว่าที่เธอดื่มไปเมื่อกี้เป็นของลั่วจื่อหาน? เธอรู้สึกถึงสายตายิ้มกรุ้มกริ่มอยู่เหนือศีรษะ แทบทนไม่ไหวที่จะมุดเข้าไปในหลุม เธอลุกขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจเล็กน้อย รับเสื้อผ้าที่พนักงานขายยื่นมาให้ ปิดประตูห้องลองเสื้อราวกับกำลังหลบหนี
เมื่อกี้เธอกับลั่วจื่อหานจูบกันทางอ้อมงั้นเหรอ? ไม่รู้ว่าทำไม อี้เป่ยซีรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องลองเสื้อสูงขึ้นหลายองศา ร้อนจนหน้าแดง
ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย เธอจะมัวเขินอายอะไรอยู่ในนี้ เธอปลอบใจตัวเอง ถอดเสื้อบนตัวออกช้าๆ
แต่ว่าก่อนหน้านี้เพราะเธอถูกบีบบังคับ ครั้งนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอก็เป็นคนที่ริเริ่มก่อน
เชอะ ก็จูบนั่นแหละ จะแยกว่าเริ่มก่อนเริ่มหลังอะไรกัน
หลังจากคิดได้ก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเปิดประตูได้ยินเสียงอัศจรรย์ใจของพนักงานในร้าน สังเกตปฏิกิริยาของลั่วจื่อหานด้วยความอึดอัดใจเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหาเธอ รูปร่างที่สูงใหญ่บดบังสายตาผู้คนโดยรอบ
“เป่ยซี เธอสวยมาก”
หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปอีก เขายื่นสองมือกุมใบหน้าของเธอไว้ อี้เป่ยซีหดตัวไปข้างหลัง
“ลั่วจื่อหาน นาย นายอย่ามามั่วนะ”
เขาหัวเราะเบาๆ ลมหายใจกระทบอยู่บนใบหน้าของอี้เป่ยซี รู้สึกคันๆ เล็กน้อย
“มีคนแอบถ่ายเธอ อยากรู้ไหมว่าเป็นใคร?” อี้เป่ยซีรู้สึกว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังงุนงงอยู่นั้นเห็นสีหน้ากระหายเลือดของเขา เธอขยี้ตา คนที่อยู่ตรงหน้ายังคงสง่างามดังเช่นปกติ
“เป็นอะไรไป?”
“มีฝุ่นเข้าตาน่ะ รอให้ฉันเปลี่ยนเสื้อเสร็จก่อนเถอะ เสื้อตัวนี้ขยับตัวไม่ค่อยสะดวก”
“ได้” รอจนกระทั่งอี้เป่ยซีเข้าห้องลองเสื้อไปแล้ว ลั่วจื่อหานมองแต่ทำเหมือนไม่ได้มองตึกฝั่งตรงข้าม หัวเราะเย้ยหยัน เดินมาติดกับดักเอง เขาก็ไม่ต้องออกแรงแล้ว
“เสื้อพวกนี้พอห่อเสร็จแล้วส่งไปที่อยู่นี้นะครับ” เขาหยิบเศษกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง มีที่อยู่ของ
อะพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของอี้เป่ยซีอยู่ด้านบน
“ได้ค่ะ ประธานลั่ว” สาวพนักงานขายยิ้มตามปกติ แต่ว่าในใจกลับสั่นไหวรุนแรง
พระเจ้า ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับประธานลั่วกันแน่ ทำให้เขายิ้มมีความสุขขนาดนี้ แต่ว่าพอประธานลั่วยิ้มแล้วหล่อจริงๆ เลยแฮะ
อี้เป่ยซีเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วก็ถูกลั่วจื่อหานลากออกไปทันที ทั้งสองคนเลี้ยวซ้ายทีขวาที อี้เป่ยซีก็สังเกตได้ถึงพิรุธของคนที่อยู่ข้างหลัง ลั่วจื่อหานดึงเธอเข้าไปอยู่ในมุม
“ทำไมถึงหายไปแล้วล่ะ โถ่เว้ย ช่างเถอะ มีของพวกนี้ก็ใช้ได้แล้ว” พอหันหลังก็ถูกคนจับไหล่เอาไว้ ท่าทุ่มไหล่ที่งดงามทำให้ล้มลงบนพื้นเสียงดัง กล้องที่คล้องคอขณะนี้อยู่ในมือของผู้ชายอีกคนแล้ว
เขาถอยหลังหวาดกลัวต้องการจะหนี ลั่วจื่อหานเข้าใกล้อย่างสบายๆ “นายคิดว่า นายยังมีโอกาสหนีงั้นเหรอ?”
“ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว รูปถ่ายผมให้พวกคุณ ผมไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว”
ลั่วจื่อหานเหลือบมองรูปถ่ายในกล้องถ่ายรูปเชื่องช้า “พูดเถอะ ใครส่งนายมา?”
“ผม ผม…” คนนั้นทำตาเลิกลั่ก เอ่ยปากสั่นเทาภายใต้ความโมโหของลั่วจื่อหาน เห็นได้ชัดว่าขาดความมั่นใจ “เพื่อน เพื่อนร่วมวงการบอกว่า จะขุดข่าวของอี้เป่ยซีจากที่นี่ได้ ผมก็เลยมา”
“ปาปารัสซี่? ชักจะเกินไปแล้ว ฉันก็ไม่ใช่คนสาธารณะสักหน่อย” อี้เป่ยซียืนอยู่ข้างลั่วจื่อหานมองเขาอย่างดูถูก ลั่วจื่อหานยื่นกล้องในมือให้เธอ
“ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย นายอย่าทำมันสูญเปล่าล่ะ พูด” คำพูดสุดท้ายทำให้อี้เป่ยซีก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่เริ่มแผ่กระจายออกมาจากขา อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างมากโดยพลัน ทำให้อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่น
“เพื่อน เพื่อนร่วมวงการเป็น เป็นคนบอกจริงๆ นะ ผม ผมไม่ ไม่กล้า…”
ลั่วจื่อหานไอ “พูดต่อ”
“อ่อ” ผู้ชายคนนั้นเหมือนกับจู่ๆ นึกอะไรขึ้นมาได้ หยิบบัตรประจำตัวนักข่าวออกมาจากกระเป๋าด้วยความสั่นเทา “นี่ นี่เป็นของผม…”
ลั่วจื่อหานชำเลืองมองแต่ไม่ได้รับมา “ในเมื่อไม่ยอมนะ…” พูดพลางมีคนวิ่งมาหาลั่วจื่อหาน กระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเขา จากนั้นก็มองคนที่อยู่บนพื้นด้วยความโมโหสุดขีด
“สารเลว ดูเรื่องที่พวกแกทำล่าสุดสิ” เสียงนั้นไม่ดังมากแต่ว่าทุกคนที่ได้ยินต่างตกใจกลัว ทันใดนั้นอี้เป่ยซีก็รู้สึกว่าเธอไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้า ในสายตาของเธอ ลั่วจื่อหานเป็นคนที่เรียบง่ายและสง่างามดุจเหล้าขาว มีความเมินเฉยอยู่บ้างราวกับว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เกี่ยวกับตน พอได้รู้จักแล้วก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถน่าเชื่อถือ เปี่ยมด้วยความรู้สึกปลอดภัยชวนให้คนอยากพึ่งพา
แต่คนที่เย็นยะเยือกตรงหน้านี้ราวกับเป็นองค์จักรพรรดิ์ เป็นคนที่เธอไม่รู้จัก
เธอไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร เธอกอดกล้องไว้กับตัวเอง
“เป่ยซี เป่ยซี”
“หา มีอะไร” ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย เขาก็ถูกพาตัวไปแล้ว เธอลังเลครู่หนึ่งแต่ก็ยังเอ่ยปาก “หืม พวกเขาจะพาตัวเขาไปไหน?”
“ฉันพาเธอไปหาะไรกินก่อนเถอะ ช้อปปิ้งมาทั้งเช้าแล้ว” ลั่วจื่อหานหลีกเลี่ยงคำถามของเธอ พาเธอไปที่ชั้นห้าทันที อี้เป่ยซีก็ไม่ได้ถามอะไรอีก มองดูกล้องในมือ
นั่งอยู่ในห้องส่วนตัว ทั้งสองคนต่างไม่ได้พูดอะไร อี้เป่ยซีเปิดกล้องดูรูปที่อยู่ข้างใน ยิ่งเลื่อนดูก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ
คนคนนี้ เป็นนักข่าวจริงเหรอ? เธอนึกว่าเรื่องที่ดังๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องล่าสุด ทำไมถึงมีรูปถ่ายก่อนหน้านี้ และยังมีรูปของเธอกับเซี่ยเช่อด้วย
หรือว่าเรื่องก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือเขา?
“ลั่ว…”
“กินข้าวก่อนเถอะ เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเองก็พอแล้ว เธอไม่ต้องไปเหนื่อยอะไร”
อี้เป่ยซีส่ายหน้า “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใครอยากเป็นศัตรูกับฉันตั้งแต่แรก เมื่อกี้นายก็ดูออกนี่นา”
“ความสามารถในการโกหกแย่มาก”
“ลั่วจื่อหาน ขอบคุณนะ”
………………………………