องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1003 เผาป้อมเจี้ยฝานไจ้
ใช้กระสุนปืนใหญ่ทำจากเหล็กและตะกั่วที่เผาไฟแดงก่ำ ปากกระบอกปืนใหญ่บรรจุดินปืนลงไป กระสุนปืนใหญ่เช่นนี้ยิงไปใช่ว่าระเบิดกระบอกปืนเองหรือ
นายทหารรอบปืนใหญ่หลายคนอย่างไรก็พอรู้เรื่องปืน เห็นกองกำลังหู่เวยทำเช่นนี้ ทุกคนก็งง พวกที่รอบคอบสักหน่อยก็ถอยหลังหลายก้าว จะได้ไม่ถูกผลกระทบตอนยิงไปด้วย
มีหัวหน้าทหารคนหนึ่งหยิบผ้าพันด้ามคีมเหล็กพลิกลูกตะกั่วไปมา หันกลับมาตะโกนสั่ง พลปืนใหญ่รีบปฏิบัติการทันที ทำความสะอาดปากกระบอกปืนก่อนจะบรรจุดินปืนลงไป จากนั้นก็โยงเชือกชนวน เห็นสถานการณ์ดังนี้ ทุกคนก็ถอยหลังหลายก้าว กลัวว่าจะระเบิดพลอยโดนลูกหลงไปด้วย
แต่ทว่าการกระทำต่อมากลับทำให้พวกเขาเริ่มไม่เข้าใจ จากนั้นไม่ได้บรรจุกระสุนเข้าปืนใหญ่ แต่ใช้ท่อนไม้ที่ขนาดเท่ากับปากปืนใหญ่ ด้านหนึ่งถูอาบด้วยดิน จากนั้นค่อยๆ บรรจงเสียบเข้าทางปากกระบอกปืนใหญ่
คิดแล้วน่าจะเพราะมีแผ่นไม้เคลือบดินกั้นความร้อนไว้ชั้นหนึ่ง กระสุนปืนใหญ่ที่เผาแดงเถือกก็ย่อมไม่ติดดินปืนระเบิดทันที พลปืนใหญ่ปรับองศาได้พอดีแล้ว ยกมุมยิงแหงนขึ้น ระยะยิงย่อมใกล้กว่าปกติ
พลปืนใหญ่ใช้คีบเหล็กคีบกระสุนปืนใหญ่ขึ้นมา บรรจงหย่อนลงในปากกระบอกรอบคอบยิ่ง ปืนใหญ่ทั้งหมดบรรจุกระสุนเสร็จ ตรวจสอบองศายิงอย่างรวดเร็ว ได้ยินคำสั่งการ ปืนใหญ่สิบกว่ากระบอกยิงถล่มพร้อมกันดังสนั่น
กระสุนปืนใหญ่ยิงลอยไปไม่เร็ว ถึงกับสามารถมองเห็นเป็นเส้นสายสีแดงลอยไปยังป้อมเจี้ยฝานไจ้ ปืนใหญ่กระสุนหกชั่งกองกำลังหู่เวยระยะยิงไกลมาก หลังปรับมุมยิงดีแล้ว ยิงเข้าเป้าก็ง่ายมาก
พอตกลงบนป้อมก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ทุกคนสบตากันพยักหน้า ปืนใหญ่ยิงระลอกนี้ได้ผลไม่เลว จากนั้นก็เห็นปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยเริ่มกระบวนการต่ออย่างรวดเร็ว ล้างปากกระบอกปืนใหญ่ บรรจุดินปืนใหม่ ยังคงบรรจุกระสุนเผาไฟแดงเถือกลงไปอีก เห็นตรงนี้แล้ว ขุนพลทหารทุกคนล้วนพยักหน้า กองกำลังหู่เวยมีชัยชนะเช่นนี้มีเหตุผลที่มา ทหารทำงานกันเร็ว ประสิทธิภาพสูง และยังมีระเบียบวินัยอย่างมาก
ปืนใหญ่ยิงไปสองระลอก ป้อมทั้งป้อมมีแต่เสียงร้องโหยหวน ยังมีควันไฟลุกหนาแน่นบางจุด เห็นไฟเริ่มไหม้
ฤดูนี้แม้ว่าเป็นเริ่มน้ำแข็งละลาย ดินเป็นโคลนตม แต่ที่อื่นๆ ยังคงแห้ง ป้อมล้วนทำจากไม้และเพิงฟาง ใช้ฟางแห้งมาปิดเป็นหลังคา กระสุนปืนใหญ่เผาแดงเช่นนี้ตกลงไปบนนั้น ก็ย่อมติดไฟในทันที และเส้นทางกระสุนปืนใหญ่ยิงมาย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขวาง และก็ขวางไม่อยู่ ตอนตกลงไปก็กระเด้งอีก ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้
ถูกปืนใหญ่ยิงไปสองระลอก คนบนป้อมก็ล้มตายไม่น้อย ทุกคนพากันไปหลบปืนใหญ่ยิงรอบต่อไป ผู้ใดยังจะสนใจอันใดได้อีก จากนั้นก็เริ่มลุกไหม้
อากาศหนาวพื้นดินแข็ง ป้อมแม้ว่าใกล้ป่าไม้ แต่ก็ย่อมมีสะสมไม้ฟืนไว้มากเช่นกัน ในตัวบ้านกับสิ่งก่อสร้างจากไม้ก็ติดไฟลุกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเพลิงก็เอาไม่อยู่แล้ว
“ปรับระดับปากปืนใหญ่ลง ยิงถล่มกำแพงไม้!”
มีคนตะโกนคำสั่ง ปืนใหญ่ระลอกสามกลับยิงกำแพงไม้กับประตู ปืนใหญ่ยิงครั้งนี้ ก็เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างเร็ว ในและนอกเกิดเพลิงไหม้ บาดเจ็บล้มตายสะสม ทหารรักษาประตูเมืองเริ่มอลหม่านไม่อาจสนใจอันใดได้อีก
บนค่ายปืนใหญ่มองไป ปืนใหญ่บนป้อมมีคนเริ่มหนีกันอลหม่าน มีคนออกคำสั่งว่า
“ปรับระดับปากปืนใหญ่ขึ้น เล็งไปยังแท่นปืนใหญ่ศัตรู ยิงปืนใหญ่อีกระลอก จากนั้นพลธนูขึ้นหน้า!”
กระสุนปืนใหญ่เผาแดงลอยฝ่าอากาศไปหลายระลอก ระลอกนี้พลปืนใหญ่เปลี่ยนเป็นกระสุนปืนใหญ่ธรรมดา ครั้งนี้ปืนใหญ่ยิงไป แม้ระยะไกลไม่อาจแม่นเท่าไร แต่ก็เห็นได้ว่าบนกำแพงป้อมที่เดิมมีทหารรักษาการณ์ก็หายไปไร้ร่องรอย ควันในป้อมลอยสูงเทียมฟ้า ได้ยินเสียงร้องไห้และร้องตะโกนดังมาเป็นระยะ
พลธนูแบกธนูแต่มือยกกะละมังไฟที่ดูแปลกประหลาดไปด้วย วิ่งเหยาะๆ ไปด้านหน้า ตอนนี้ป้อมไม่มีกำลังต้านทานการโจมตีแล้ว
ยามนี้ทหารราบด้านหลังเริ่มขึ้นเขามาเรียงแถวอยู่หลังค่ายปืนใหญ่ จำนวนไม่มาก ล้วนเป็นทหารเมืองจี้โจวกับเมืองเหลียวโจวกลุ่มที่กล้าหาญ มือถือดาบและขวาน
ค่ายปืนใหญ่มีคนนำปืนใหญ่สองกระบอกลากมาด้วยม้าวัว กำลังเตรียมตัว พลธนูไปถึงหน้ากำแพงป้อม ก็วางกะละมังไฟไว้ตรงพื้น ก่อนจะเริ่มจุดไฟ แรกๆ ยังมีพวกบนกำแพงที่ยังไม่หนีไปโดนยิงเป็นผีโชคร้าย จากนั้นก็ใช้ธนูพันผ้าชุบน้ำมันเล็กน้อย จากนั้นก็จุดไฟยิงเจ้าไปในป้อม
ยังคงเร่งวางเพลิงต่อ บางทีอาจทำให้พวกที่กำลังรวมตัวกันในค่ายดับเพลิงอยู่ยิ่งวุ่นวาย ไม่มีผู้ใดสนใจเฝ้าระวังบนกำแพงเมือง
พลธนูถอยหลัง เพราะมีคนบนกำแพงเริ่มกระโดดลงมา คนที่โดดลงมาล้วนถูกธนูยิงตาย ปืนใหญ่ด้านหลังค่อยๆ ถูกลากมายังหน้าประตูป้อม ด้านหลังปืนใหญ่สองกระบอกมีทหารถือดาบและขวาน
เสียงร้องดังโหยหวนจากในป้อมดังยิ่งขึ้น พลปืนใหญ่กับทหารราบกองกำลังหมิงแม้มาถึงประตูแล้ว แตไม่มีผู้ใดสนใจพลปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยตั้งปืนใหญ่เล็งประตูป้อม ก็ยังไม่มีคนสนใจ
ขุนพลทหารกองกำลังปืนใหญ่มองไปไกลๆ ก่อนปืนใหญ่ระดมยิงประตูป้อม จากนั้นทหารราบตะโกนบุกเข้าไป
พริบตาทุกคนล้วนมองหน้ากันไร้วาจาจะเอ่ย การต่อสู้น่าจะจบลงเช่นนี้แล้ว เดิมที่เห็นพื้นที่ป้อมเจี้ยฝานไจ้เช่นนี้ ยังคิดว่าจะติดพันนาน ทุกคนล้วนกำลังรอดูว่าแม่ทัพใหญ่จะใช้วิธีการรบแยบยลอันใด คิดไม่ถึงวิธีการแสนจะง่ายดาย ระดมยิงปืนใหญ่ไป จุดไฟเผาป้อม จากนั้นก็ค่อยส่งคนเข้าสังหาร
การต่อสู้ทุกกระบวนการนั้นก็เป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีอันใดแปลกประหลาด หากแต่ละคนรู้สึกว่าการต่อสู้เช่นนี้กับการต่อสู้ที่ทุกคนเคยชินกันนั้นมีหลายอย่างไม่เหมือนกัน
ในป้อมล้มตายบาดเจ็บไปเกือบเจ็ดร้อย คนบาดเจ็บล้วนถูกสังหารทิ้งในดาบเดียวต่อ เพื่อให้ไม่ทรมาน คนที่เหลือล้วนใช้เชือกมัดรวมกันลากไปตีนเขา
ขุนพลทหารกองอื่นกำลังตกใจ ถึงกับแอบคุยกันว่ากองกำลังหู่เวยเหตุใดจึงมีกำลังรบเช่นนี้ได้ หวังทงกลับไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก หากเห็นว่าเป็นการต่อสู้ปกติทั่วไปเท่านั้น
คนหลายร้อยถูกจับเป็นเชลยส่งไปทำงานที่กินแรงและอันตรายที่สุด เส้นทางโคลนดินนั้นเดินทางยาก ก็ให้พวกเขาไปตัดไม้มาถมทาง หลายชั่วยามไม่เป็นไร แต่หากติดต่อกัน สองวันก็ย่อมมีคนเหนื่อยตาย ตอนรายงานมายังกองทัพ หวังทงให้คำตอบง่ายๆ ว่า ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียว ให้พวกเขาตายไป
ตามเส้นแม่น้ำซูจื่อเหอไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เฮ่อถูอาลาอยู่ตรงนั้น ทัพใหญ่เดินทัพไปได้ช้ามาก แต่เส้นทางรอบๆ กองทัพก็เก็บกวาดได้เรียบร้อยมาก ระยะเส้นทาง 30 ลี้ ไม่ว่าเป็นบนเขาตีนเขา ป้อมที่พักอาศัยชาวเผ่าหนี่ว์เจินหรือป้อมทหารที่เป็นของพวกเจี้ยนโจวก็ล้วนเก็บกวาดสังหารราบเรียบ
ป้อมสำคัญในจุดอันตรายหลายป้อม มีทหารหนีกันไปหมดแล้ว บางป้อมก็คิดไปเองว่า ตนเองเป็นป้อมเล็กๆ เช่นนี้ป้องกันง่ายโจมตียาก ไม่ได้ขวางทางอันใดทัพใหญ่ ไม่แน่ว่าทัพใหญ่อาจไม่สนใจ พวกเขามีจุดจบเช่นเดียวกับที่ป้อมเจี้ยฝานไจ้
สำหรับราษฎรรอบๆ ป้อม หลายคนล้วนเป็นชาวฮั่น ชาวเผ่าหนี่ว์เจิน ถึงกับยังมีพวกมองโกลผสม ตามรายงานร้านสามธารากับองครักษ์เสื้อแพร ป้อมเหล่านี้ ชาวฮั่นพวกนี้ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นเผ่าหนี่ว์เจิน หรือกลายเป็นมองโกลแล้ว โกนหัวไว้เปียกันแล้ว ใช้ชีวิตไม่ต่างจากชาวเผ่าหนี่ว์เจิน
หวังทงตัดสินใจวางนโยบายกับป้อมเหล่านี้ หากกล้าต่อต้านสังหารให้หมด พวกยอมจำนน ชาวฮั่นทั้งครอบครัวเป็นชาวบ้านรอรับคำสั่ง ชาวเผ่าหนี่ว์เจินกับพวกมองโกลเป็นทาสรับใช้ สมบัติม้าวัวเป็นของทางการ ล้วนเผาทำลายไปสิ้น
เรื่องพวกนี้ ทหารกองกำลังหู่เวยไม่ชำนาญ แต่ทหารเมืองเหลียวโจวกับต้าถงเชี่ยวชาญมาก พวกเขาผ่านชายแดน แต่ไรก็ไม่เคยเหลืออะไรไว้ ไม่เพียงแต่รวบรวมผลประโยชน์มาให้ทัพใหญ่ ตนเองยังได้ไปไม่น้อย ทุกคนล้วนยินดีปรีดา ล้วนกล่าวว่าใต้เท้าหวังนำทหารเข้มงวด แต่ดูท่าแล้วก็รู้ความไม่น้อย
ทหารเมืองชายแดนปฏิบัติงานล้วนรู้หนักเบา รู้ธรรมเนียม เช่นว่าตนเองได้มาสิบส่วน อย่างไรก็ต้องนำให้นายห้าส่วน ไม่เช่นนั้นเรียกว่าไม่เป็นงาน ไม่อาจอยู่ในวงการได้นาน
ของที่นำมากำนัลหวังทงไม่น้อย หวังทงนำไปเป็นของสำหรับกองทัพส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็เป็นค่าม้าวัวกับเสบียงที่จำเป็น ที่เหลือก็เป็นรางวัลให้ทหารในกองทัพ ทำให้ทุกคนต่างยิ้มยินดีปรีดายิ่ง
หลังเปิดประตูป้อม ทัพใหญ่ปราบตะวันออกก็มีสมบัติที่ได้มามากมาย เชลยก็ได้มากเกือบหมื่น หวังทงจึงตามขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวของหลี่หรูป๋อมา ให้เขานำทหารราบคุมของพวกนี้และเชลยกลับไปขายก่อน
“เชลยฮั่นให้ทำงานยาวสามปีพอ ไม่ให้ขายตัวเป็นทาส ผู้ใดทำลายธรรมเนียมนี้ ข้าจะไม่ปล่อยมันไว้ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินกับพวกมองโกลให้ขายเป็นทาส ผู้ใดหากรับเป็นทหารส่วนตัว ข้าก็ไม่ปล่อยมันไว้เช่นกัน”
“ข้าน้อยเข้าใจ ถึงที่จะทำบัญชีกระจ่าง ไม่ทำให้แม่ทัพใหญ่ต้องผิดหวัง”
หลี่หรูป๋อยิ้มร่ากล่าว ความหมายของเขา หวังทงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ยิ้มโบกมือกล่าวว่า
“ข้าไม่สนใจเงินทองพวกนี้ พวกเจ้าเอาไปตัดสินแบ่งกันเอง แต่มีเรื่องหนึ่ง พวกที่ยอมออกไปบุกเบิกที่ดินนอกกำแพงเมือง ก็ให้พวกเขามากหน่อย พวกเจ้าตระกูลหลี่หากยอมออกไปด้วย ของเหล่านี้พวกเจ้าก็เอาไปหมดได้ ข้าไม่สนใจ ยังมีของที่ได้จากสงครามเอาไปขายได้กำไรได้อีก สายน้ำยังคงไหลอีกยาวไกลไม่ต้องห่วง”
หวังซีเจวี๋ยกล่าวอันใดในงานเลี้ยงที่เสิ่นหยางเมืองเหลียวโจว ขุนพลทหารทัพใหญ่ล้วนพอรู้ ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ หลี่หรูป๋อรีบพยักหน้ากล่าวว่า
“ข้าน้อยเข้าใจ ครั้งนี้ไปถึงเสิ่นหยางค่อยกลับมา จะต้องนำคนตรวจสอบที่ดินมาด้วย หากมีผู้ใดอยากออกนอกด่านมาดูด้วย ข้าน้อยก็จะให้ทหารคุ้มกันมา”
หวังทงพยักหน้า ตระกูลหลี่รบไม่เป็น แต่ทว่าเรื่องพวกนี้กลับมองทะลุถึงใจ เข้าใจได้ในทันที หากออกนอกกำแพงเมืองเพาะปลูกทำการค้า ผู้ใดจะเหนือกว่าพวกเขาตระกูลหลี่ เงินทองอำนาจมาก ตำแหน่งขุนนางยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขายังมีอิทธิพลอยู่นอกกำแพงเมืองไม่น้อย หากจะออกไปเหิมเกริมนอกกำแพงเมือง ตระกูลหลี่ย่อมได้ประโยชน์ใหญ่ที่สุด
ของที่ได้มาและเชลยเอาไปขาย ความจริงนั้นเป็นการแสดงให้พวกคหบดีใหญ่ในเมืองเหลียวโจวได้เห็นว่า ออกนอกด่านมามีผลประโยชน์ใดบ้าง
เชลยส่วนใหญ่ถูกนำกลับไปขายเป็นทาส มีหลายสิบคนถูกปล่อยตัวกลับไป คนเหล่านี้ล้วนถูกตัดใบหูทิ้ง นำวาจาไปบอกนู่เอ่อร์ฮาชื่อเฮ่อถูอาลา
“ทัพหมิงมาถึงเจี้ยนโจวแล้ว พวกเจ้าคิดรบหรือยอมจำนน”