องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1004 มหาสมุทรใหญ่
นู่เอ่อร์ฮาชื่อให้คำตอบอย่างรวดเร็ว สายสืบรายงานมาอย่างรวดเร็ว หลายคืนก่อนทูตที่นู่เอ่อร์ฮาชื่อส่งมากองกำลังหู่เวย เขาได้รีบเร่งนำทหารในเผ่าและครอบครัวเดินทางกลางดึก ออกจากเฮ่อถูอาลายามดึก มุ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ น่าจะเข้าหุบเขาหรือไม่ก็เข้าไปดินแดนเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี
ชาวราษฎรเฮ่อถูอาลาบ้างก็เฝ้ารักษา บ้างก็ขนครอบครัวย้ายหนีไป ความจริงนั้นวันที่สองที่ส่งทูตไปนั้น คนใหญ่คนโตในเมืองเฮ่อถูอาลาก็ส่งคนมายอมจำนน แต่หวังทงไม่รับ
นู่เอ่อร์ฮาชื่อนำกำลังคุมเจี้ยนโจว รวบรวมเป็นหนึ่ง ช่วงเวลาที่กำลังมากที่สุดก็มีทหารรวมกันราวสามหมื่น แม้ซูเอ่อร์ฮาฉีพ่ายใหญ่ที่แม่น้ำสาขาแม่น้ำไท่จื่อเหอ แต่ในมือนู่เอ่อร์ฮาชื่อยังคงมีทหารราวสองหมื่นนาย แต่ทว่าพื้นที่เจี้ยนโจวอย่างไรก็มีจำกัด ทหารกองใหญ่เช่นนี้ เสบียงอาหารล้วนเป็นปัญหา คิดว่านู่เอ่อร์ฮาชื่อก็คงคิดเรื่องนี้ จึงได้นำทัพแกนหลักจากไป
หวังทงไม่ได้มีคำสั่งให้ไล่ล่า เพียงแต่จัดทัพใหญ่เดินหน้าต่อ ทหารม้าที่ส่งออกไปก็มีจำนวนมากขึ้น แต่ทว่าคนในกองทัพล้วนรู้ ทหารม้าไม่ได้ส่งออกไปไล่ล่า เพียงแค่ส่งออกไปสืบเส้นทางด้านหน้าคอยนำทางอะไรพวกนี้
เฮ่อถูอาลาใกล้กับชายแดนเมืองเหลียวโจว เกาหลีกับเผ่าหนี่ว์เจินและเผ่าอื่นๆ ล้วนทำการค้ากับตอนเหนือจากที่นี่ ป้อมต่างๆ ก็มาก กวาดล้างเป็นเรื่องยุ่งยากมาก
ในเมื่อแม่ทัพไม่รีบ คนเบื้องหน้าเข้ากวาดล้างสมบัติ แน่นอนก็ย่อมไม่เร่ง หลี่หรูป๋อนำไปขายเสร็จ ข่าวก็มาถึง ว่าพอเขาขายเสร็จ ที่ได้อีกส่วนจากเมืองเหลียวโจวนำกลับมาหมด ยิ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้นยินดี มีกำลังใจมากยิ่งขึ้น
ตระกูลหลี่กับคนสนิทพวกเขาแน่นอนย่อมเก็บไว้บ้างแล้ว ท่าทีหวังทงบอกไว้ชัด พวกเขาไม่อาจทำกันจนน่าเกลียดเกินไปนัก เมื่อก่อนแบ่งให้คนอื่นสามส่วน ตอนนี้มีแค่สองส่วน คนอื่นทำงานได้รับผลประโยชน์ก็ย่อมทำกันเต็มที่
ยังมีข่าวว่า ครั้งนี้มีหน่วยงานติดตามมาตรวจสอบ ยังมีขุนนางตามมาหาประโยชน์ด้วย พอได้ยินข่าวล้วนด่าทอ ตอนรบเป็นตาย พวกเจ้าหลบด้านหลัง แต่ตอนนี้กลับขยันยิ่ง
**************
ฉาต้าโข่วทหารหน่วยรบเมืองเหลียวโจวนำทหารม้าสองพัน ในนั้นมีนายกองพันคนหนึ่งชื่อว่าฉาหย่ง ตอนนั้นเป็นผู้คุ้มกันฉาต้าโข่ว พอโตมาก็ได้เป็นนายกองพัน แต่ไรมาก็ได้รับความโปรดปรานยิ่ง
ตระกูลฉาบรรพบุรุษเป็นทหารเมืองเหลียวโจว ที่นาที่ครอบครองไม่ต้องพูดถึง ยังมีการค้ากับทางตะวันออก และยังมีอำนาจเก็บภาษีอีกด้วย อำนาจมาก ตระกูลฉาทุกคนก็เหมือนกับขุนพลทหารส่วนใหญ่ในเมืองเหลียวโจว ล้วนทำการค้ากับเทียนจินและเมืองหลวง ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีทับเรื่องมงคล
หลังป้อมเจี้ยฝานไจ้พ่ายแก่เผ่าหนี่ว์เจิน ตระกูลฉาก็ไม่คิดจะไปแก้แค้น แต่กลับให้พ่อบ้านนำลูกหลานอายุน้อยๆ ไปยังเทียนจิน บอกว่าทุกคนไม่เป็นขุนนางแล้ว ไปเสพสุขในด่านก็เหมือนกัน ต่อมาหวังทงมาถึง สถานการณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนคืนมา ตระกูลฉาจึงไม่ได้คิดเช่นเดิมอีก
ตามทัพใหญ่ปราบตะวันออกขึ้นหน้าไปรบ ฉาต้าโข่วอย่างไรก็ต้องติดตามรบแนวหน้า ฉาหย่งเองก็ต้องตามไป ฉาหย่งติดตามฉาต้าโข่วมา เคยไปเมืองจี้โจวกับเมืองเซวียนฝู่ นับว่าเห็นโลกมามาก แต่ไรมาเขามักคิดว่าเข้าข้างตัวเอง คิดว่าขุนพลทหารใต้หล้าไม่มีผู้ใดเสมือนเมืองเหลียวโจว
ความจริงนั้นสถานการณ์ก็เป็นเช่นนั้น เมืองเหลียวโจวพื้นที่กว้างใหญ่ อิทธิพลอำนาจมาก ผลประโยชน์ก็มากกว่าเมืองชายแดนอื่นหลายสิบเท่า ไม่เพียงแต่ขุนพลทหารได้กินอิ่ม แม้แต่คนอื่นๆ ตัวเล็กตัวน้อยก็ได้กินไปด้วย ผู้บัญชาการ รองแม่ทัพ ขุนพลทหารต่างๆ ก็มีความสุขดี ก็มิอาจโทษฉาหย่งจะคิดเช่นนี้
แต่ทว่าครั้งนี้ได้พบกับทหารม้าต้าถงและทหารม้าเมืองเซวียนฝู่ จึงพบว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เมืองเหลียวโจวล้าหลังมาก
ทหารม้าต้าถงกับเซวียนฝู่ไม่กล่าวถึงว่าทุกปีล้วนให้ขบวนการค้าใช้ชื่อไปอ้างและแบ่งผลประโยชน์ อารมณ์ดีก็ออกไปบนทุ่งหญ้าปล้น บุกเผาสังหารปล้นชิงพวกนอกด่านบนทุ่งหญ้า ตนเองมีชีวิตสบายไม่ว่า ยังร่ำรวยได้สะดวกราบรื่นอีก
ขุนนางบู๊นิสัยหยาบกระด้าง วันๆ ให้ดูแลแต่กระโจมที่นา คิดแต่เรื่องการค้า พวกนิสัยเช่นนี้จะทนไหวได้อย่างไร อย่างไรก็ออกไปหาทางระบายเสียบ้าง
ที่เมืองเหลียวโจว ทุกคนล้วนเคยชินเช่นนี้ ไม่พูดถึงคนที่ไม่คิดจะออกไปปล้นชิงที่ความกล้าหาญไม่เหลือสักเท่าไรแล้ว การเพาะปลูกและการค้ามักนำมาซึ่งเงินทองเป็นปกติ แต่ไหนเลยจะได้มากเท่ากับการปล้นชิง เรื่องนี้จึงยิ่งทำให้ทหารเมืองเหลียวโจวเริ่มหวั่นไหวเห็นแก่ผลประโยชน์
ตอนนี้ไม่เพียงแต่อิจฉาที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ คิดจะมีชีวิตที่เสพสุขอย่างไรก็ได้ รอให้ทัพใหญ่นำชัยกลับมาเมืองเหลียวโจว อย่างไรก็ต้องออกปล้นชิงบนทุ่งหญ้าบ้าง ตอนนี้ในเขตเจี้ยนโจว ก็ยิ่งมีโอกาสดีในการกระทำการไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมาย
ตอนทุกคนเริ่มลงมือ ล้วนกระมิดกระเมี้ยนกันอยู่ แต่พอสังหารกวาดสมบัติมาเป็นส่วนตัวได้ก็ติดใจ แต่อย่างไรวินัยทหารก็ไม่อนุญาต หวังทงเป็นผู้เน้นวินัยมาก หากถูกจับได้ เดาว่าคงยุ่งยากใหญ่
แต่คิดไม่ถึงว่าทำไปได้สองสามครั้ง หัวหน้านายทหารตนกับขุนพลทหารหน่วยจนก็ปล่อยข่าวออกมาว่า ให้ลงมือไปได้ตามสบาย ได้สมบัติหรือเงินทองอันใดกลับมาก็ให้เอามาขายพร้อมกัน ไม่ตัดเส้นทางผลประโยชน์ของทุกคน
เรื่องนี้ยิ่งทำให้ทุกคนดีใจมาก ไปตามหมู่บ้านก่อการตามอำเภอใจ เสพสุขอย่างยิ่ง แต่พวกหนังสัตว์ยาสมุนไพรที่ได้มามักขายเองยาก อยู่ในมือตนก็เสียเปล่า น่าเสียดายมาก แต่ตอนนี้มีธรรมเนียมว่านำรวมขายได้ ทุกคนรวยแล้ว ดังนั้นจึงลงมือกันยิ่งคึกคัก
โดยเฉพาะนำกลับไปขายเมืองเหลียวโจว นำเงินก้อนแรกกลับมาได้ ทุกคนได้แบ่งสรรกันแล้ว ก็ยิ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้นฮึกเหิมอยากลงมือต่ออีกหลายส่วน
ลูกน้องฉาหย่งมีชาวฮั่นสองคนที่อยู่ประจำนอกกำแพงเมือง ก็คุ้นเคยเส้นทางแถบนี้นี้ มีสองคนนี้นำทาง พวกเขาทหารม้าหนึ่งกองสองร้อยกว่าคนก็ไปถึงป้อมแหล่งต่างๆ ก่อนหน้าคนอื่น จึงกวาดล้างไปได้ไม่น้อย เสพสุขแน่นอนอย่างไรก็ต้องมี
ครั้งนี้นำกำลังมุ่งไปยังหมู่บ้านม้าขาว ก็คงเป็นหมู่บ้านที่คนแก่ได้เคยเห็นม้าขาววิ่งผ่านอะไรพวกนั้น อย่าว่าแต่พื้นที่เผ่าหนี่ว์เจินเลย แม้แต่แผ่นดินหมิงเองหลายแห่งก็ตั้งชื่อเช่นนี้
หมู่บ้านมีสองร้อยกว่าครัวเรือน ยังชีพด้วยการเก็บสมุนไพรและเพาะปลูก ที่เช่นนี้แม้ว่าไม่ร่ำรวย แต่ก็มีกิน สามารถเก็บโสมภูเขามาได้รอบหนึ่งก็มีชีวิตที่ดีแล้ว
ตอนกลางวันพวกฉาหย่งบุกเข้าไปในหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้ห่างจากเส้นทางหลัก ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกแม้แต่น้อย รู้แต่ว่าในหมู่บ้านมีชายสิบกว่าคนถูกผู้มีอำนาจนำตัวไปเป็นทหาร ตอนนี้ยังไม่กลับมา ระยะนี้กลับมีข่าวรอบๆ หมู่บ้านว่าถูกล่าสังหารไม่น้อย
ทุกคนในหมู่บ้านกำลังหวาดกลัว แต่ทว่าก็ยังคงคิดบวกว่าที่กันดารเช่นนี้ กองกำลังหมิงอย่างไรก็คงหาไม่พบ คงสามารถรักษาตัวให้รอดปลอดภัยได้
แต่พอเห็นพวกฉาหย่งบุกเข้ามา ก็รู้ว่าไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ทหารม้าสองร้อยกว่าพร้อมติดอาวุธเต็มมือ ไม่ใช่ที่ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านจะสามารถรวมกำลังต้านทานได้
พวกฉาหย่งปิดกั้นทุกเส้นทาง จากนั้นก็ให้คนนำคำสั่งไปในหมู่บ้าน ตอนนี้ไม่ใช่กวัดแกว่งดาบเข้าสังหารในหมู่บ้าน แต่พวกเหลียวโจวกลุ่มนี้ฉลาดคิดอยู่สักหน่อย หากสังหารหมดเกลี้ยง เก็บกวาดทรัพย์สินก็ต้องลงมือเอง ยังไม่มีหญิงสาวให้เสพสุข ทุกอย่างว่างเปล่าในพริบตา ไม่สู้ให้พวกเขายอมนำทรัพย์สินมามอบให้เองโดยดี จากนั้นค่อยเลือกหญิงสาวสองสามคนไปเสพสุข รอมาคราวหน้า หาได้มากพอแล้ว ค่อยจัดการให้สิ้นซากก็ได้
มาครั้งนี้อย่างไรก็เอาแค่นี้ก่อน อะไรที่กวาดเอาไปได้ก็เอาไปก่อน ยังให้คนในหมู่บ้านเตรียมรถม้าลาก ให้ทหารได้กินอิ่มร่ำสุราดี ฉาหย่งกับหัวหน้าสองคนนั้นทุกคนก็ได้เลือกหญิงสาวสองสามคนไปหาบ้านที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน ไปเสพสุขกัน
ทั้งหมู่บ้านโมโหโกรธแค้นแต่ไม่กล้ากล่าวอันใด หญิงสาวก็ได้แต่ทนกล้ำกลืนยอมรับ จิตใจเช่นนี้ทำให้ฉาหย่งรู้สึกสุขใจสุดขีด เสพสุขอย่างที่สุด
กำลังเสพสุขได้ไม่นาน ฉาหย่งก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนสลับกับเสียงตะโกนดัง ฉาหย่งยังมีสติ รีบผลักหญิงสาวออก หิ้วกางเกงวิ่งออกจากห้อง
“หัวหน้า พวกนอกด่านบุกเข้ามาแล้ว!”
ฉาหย่งไหนเลยกล้ารับศึก รีบกระชากม้ามา โดดควบม้าออกจากหมู่บ้านไปทันที พอตกดึกจึงรวบรวมคนกลับมาได้ ทหารม้าสองร้อยเหลือแค่ไม่กี่สิบ กลับค่ายน่าอนาถ
พอถามถึงสาเหตุ ก็ตอนที่กำลังเสพสุขนั่นเอง อยู่ๆ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินบุกเข้ามา ทหารเผ่าหนี่ว์เจินกลุ่มนี้ไม่มาก แต่มาเหนือคาดหมาย พอทหารเหล่านี้ปรากฏตัว ชาวเผ่าหนี่ว์เจินในหมู่บ้านก็พากันตามเอาเรื่องไปด้วย ในนอกประสานกำลัง ต้านทานไม่อยู่ ได้แต่หนีกระเจิดกระเจิงก่อน
ฉาหย่งรู้ว่าตนเองกลับไปคงหายนะ แต่เขาไม่กล้าไม่กลับ กลับถึงค่ายใหญ่ ฉาหย่งก็หน้าด้านไปบอกกับฉาต้าโข่ว ผลปรากฏโดนโบยไปสิบกว่าที ด่าทออีกยกใหญ่ แต่ไม่ได้ลงโทษหนัก จากนั้นฉาหย่งจึงได้รู้ ไม่เพียงแต่ตนเสียเปรียบ หลายวันนี้หลายกองกำลังที่ออกไปปล้นชิง ไม่น้อยล้วนประสบเหตุเดียวกัน บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ทั้งหมดเสียหายไม่มาก แต่ความเสียหายนี้กลับเป็นความเสียหายใหญ่สุดนับแต่ทัพใหญ่ออกนอกกำแพงเมืองมา ขุนพลทหารเริ่มให้ความสนใจในทันที
จากเมืองเหลียวโจวมาร่วมทัพใหญ่ มีคนเริ่มวิจารณ์การออกปล้นชิงว่า แผ่นดินหมิงเป็นประเทศคุณธรรม ไม่ควรปฏิบัติกับต่างเผ่าพันธุ์เช่นนี้ เช่นนี้จะทำให้ใต้หล้าสวามิภักดิ์ด้วยใจได้อย่างไร
*************
“นู่เอ่อร์ฮาชื่อครั้งนี้เตรียมเลี่ยงการปะทะกับทัพเราซึ่งหน้า แต่ส่งกองกำลังเล็กๆ ออกก่อกวนที่ต่างๆ ทำให้ทัพหลังเราไม่สงบ!”
พอได้รายงานเช่นนี้ หวังทงก็เรียกประชุมขุนพลทหาร วิเคราะห์กันในกระโจม ทหารทุกนายล้วนพยักหน้า หวังทงท่าทีผ่อนคลายมาก พิงพนักเก้าอี้กล่าวว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกท่านมีวิธีการใด ลองกล่าวเสนอมากันได้?”
คนอื่นๆ ยังไม่ทันพูด ขุนนางบุ๋นหนุ่มน้อยก็ออกมาก่อน คนผู้นี้หวังทงจำได้ เป็นขุนนางนอกราชการจากกรมทหาร ว่ากันว่าเป็นลูกนอกสมรสของชนชั้นสูงระดับป๋อผู้หนึ่ง ครั้งนี้ก็ตามมาเก็บความชอบจากการรบครั้งนี้ หลายวันก่อนเพิ่งมาถึง เพราะเขามาใต้ชื่อของตำแหน่งส่วนหวังซีเจวี๋ย มีคุณสมบัติพอที่จะออกหน้ากล่าวในที่ประชุม คำนับกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ ที่ออกก่อกวนทุกแห่ง ทำให้ทัพเราสูญเสีย เป็นเรื่องที่เราไร้คุณธรรมก่อน เพราะเราออกไปโหดเหี้ยมใส่พวกเขาก่อน จึงยั่วยุให้ราษฎรต่อต้านเช่นนี้ หากเรามีคุณธรรมนำทาง ปฏิบัติกับราษฎรดี พวกเขาย่อมรู้สำนึกในคุณราชสำนัก แน่นอนย่อมยินยอมต้อนรับด้วยใจ”