องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1007 ต้องล่าตัวเจ้าออกมาให้ได้
เฮ่อถูอาลาเป็นเมืองใหญ่นอกกำแพงเมือง หากอยู่ในแผ่นดินหมิงก็อาจเท่ากับราวสามอำเภอรวมกัน และไม่มีสิ่งก่อสร้างจากอิฐ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไม้
ทหารม้าออกมา ทหารที่ถือน้ำมันและเชื้อเพลิงดินปืนก็เข้าเมืองไป กองตามจุด ฟืนที่พวกนอกด่านสะสมไว้มาก ไว้ใช้หลายปี ในเมืองเฮ่อถูอาลาไม่ขาดแคลน พอฟ้าเริ่มมืด ไฟก็ถูกจุด
ไฟลามทั่วท้องฟ้าแดงฉานทั้งคืน กำแพงหลังคาบ้านเรือนจากฟางและไม้ล้วนติดไฟลุกไหม้ ไฟโหมกระหน่ำเช่นนี้ แม้แต่คนระยะห่างออกไปหลายสิบลี้ก็ยังมองเห็นแสงสีแดงอาบทั่วท้องฟ้า
ทัพใหญ่ปราบตะวันออกตั้งค่ายพักแรมแล้ว นอกจากทหารลาดตระเวน ในนอกค่ายล้วนคุมเข้ม แต่ทหารในค่ายแอบลอบมองออกไปตามร่อง ทหารลาดตระเวนยืนนิ่ง ภาพด้านหน้ายิ่งใหญ่เสียจริง ความหนาวเย็นนอกด่านในคืนฤดูใบไม้ผลิที่แต่ละคนล้วนเคยรู้สึก ตอนนี้อบอุ่นขึ้นมาก นี่ย่อมเป็นผลจากการเผา
เฮ่อถูอาลาเป็นที่รู้กันว่าเป็นเมืองหลวงเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ผ่านคืนนี้ไป เมืองนี้ก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นสงครามล้างชาติ ทัพใหญ่ปราบตะวันออกตั้งแต่ระดับขุนพลทหารไปถึงคนงาน แต่ละคนล้วนคิดไปมากมาย คืนนี้นอนไม่หลับ
กระโจมแม่ทัพหวังทงตั้งอยู่ที่สูง ประตูกระโจมแม่ทัพเปิดไปยังเฮ่อถูอาลา หวังทงอยู่ในนั้น ขุนพลทหารก็เรียงรายซ้ายขวา ร่วมกันมองไปยังเฮ่อถูอาลาที่ลุกไหม้โชติช่วง
ในกระโจมแม่ทัพเงียบกริบ ทุกคนไม่ก้มหน้าก็มองไปยังกองเพลิงไกลออกไปตรงหน้า ชัยชนะอันโชติช่วงเช่นนี้มาถึงมาเช่นนี้ ถึงกับง่ายดายเพียงนี้ ในใจทุกคนไม่รู้จะกล่าวอย่างไรในเวลาไม่ทันตั้งตัวนี้
หวังทงมองไปยังกองเพลิงไกลๆ ได้กลิ่นควันไฟลอยมาจางๆ เหมือนว่ากำลังไร้กังวลหลังร่ำสุรา ท่าทีสบายอารมณ์ยิ่ง แต่ทุกอย่างยังไม่จบแค่นี้ ยังไม่ถึงเวลาสบายใจได้เสียทีเดียว
“ทุกท่าน…”
หวังทงกล่าวขึ้น พบว่าคนเบื้องหน้าไร้ปฏิกิริยา พอเสียงดังขึ้นอีกคำ ทุกคนจึงได้สติ สะดุ้งโหยง พากันยืนขึ้นคำนับลนลาน ไช่หนานข้างๆ ยิ้มส่ายหน้า ขุนพลทหารทุกคนล้วนถูกภาพเบื้องหน้ากระทบใจ พากันหวาดกลัวหวังทงมาก อยู่ๆ ก็เรียกเสียงดัง ปฏิกิริยาใต้จิตสำนึกจึงออกมาเช่นนี้
“จากวันนี้ไป เลือกเชลยที่เป็นชาวเผ่าหนี่ว์เจินราวร้อยคน ให้พวกเขาไปแจ้งข่าวตามที่ต่างๆ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี เผ่าหนี่ว์เจินภูเขาตอนเหนือแต่ละเผ่า ให้แพร่ข่าวไปให้ถึงทั้งหมด พวกเจี้ยนโจวหมดสิ้นแล้ว ผลเช่นนี้คิดว่าคนเหล่านี้ล้วนเห็นด้วยตากันแล้ว บอกว่าเป็นคำสั่งข้า ให้ที่พักพิงนู่เอ่อร์ฮาชื่อและทหารเขา ล้วนต้องโดนลงโทษเช่นนี้ จากนี้ไปยอมรับการสวามิภักดิ์และยอมแพ้อย่างจริงใจ!”
ทุกคนล้วนคำนับรับคำสั่ง หวังทงกล่าวว่า
“ทัพใหญ่เดินทัพขนาดเช่นนี้ ความเร็วช้ามาก สิ้นเปลืองเบี้ยหวัดและเสบียง จากนี้ทัพไล่ล่าข้าตัดสินใจให้ปลดภาระ ให้กองกำลังหู่เวยเป็นหลัก กองกำลังอื่นๆ ให้เลือกทหารม้า 500 นายตามไป ที่เหลือให้ประจำที่ค่ายที่นี่ ออกเก็บกวาดสี่ทิศ”
หวังทงหากกล่าวเช่นนี้เมื่อหลายเดือนก่อน กองกำลังอื่นย่อมไม่ทำตาม คิดจะเข้าเขตแดนศัตรูด้วย ยังเป็นทหารราบจำนวนมาก ไปแล้วใช่ว่ารนหาที่ตายหรือ
แต่ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เห็นชัดว่าผลการรบยิ่งใหญ่ให้ทุกคนได้แบ่งสรร หากไม่ไป ก็เท่ากับตนเองคิดไม่ได้เอง หวังทงเห็นทุกคนสีหน้ายินดี ก็ยิ้มกล่าวว่า
“ในกระโจมแม่ทัพนี้ทุกคนล้วนอยากไป พวกเจ้าเลือกที่เก่งกล้าที่สุดมาก็แล้วกัน ให้รองแม่ทัพพวกเจ้าเฝ้ารักษาการณ์ที่นี่ เข้าใจไหม?”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!!”
ทุกคนครั้งนี้รับคำพร้อมกัน เสียงดังกังวานอยู่มาก
****************
ขุนพลขอตัวออกไป หวังทงไปยังกองรถม้าในค่าย ทัพครั้งนี้แม้ว่ามีขุนนางบุ๋นตามมา แต่พวกเขาไม่มีสถานะเพียงพอจะพักรถม้าเช่นนี้ รถม้านี้ในกองทัพมีสองคัน คันหนึ่งเป็นของถานเจียง อีกคันเป็นของไช่หนาน
ไช่หนานสถานะสูงในเทียนจิน แม้มีชีวิตง่ายๆ ไม่มากเรื่อง แต่อำนาจวาสนาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าขันทีใหญ่ในวัง ทำให้มีนิสัยอย่างหนึ่ง ที่ว่าชอบดื่มชาเขียวจากอารามเต๋าที่เหลาซาน ชาพวกนี้ไม่ได้ออกวางขาย ล้วนเป็นพวกนักพรตทำไว้ดื่มเอง ยังมีเจ้าทะเลที่เมืองไหลโจวนามว่าเนี่ยซื่อส่งมอบให้ไช่หนานเป็นประจำ
หวังทงกับไช่หนาน ถานเจียงล้วนอยู่ในรถ ส่งคนไปตามหลี่หู่โถวมา พวกหวังทงอยู่ในนี้ ไช่หนานนำชาที่ตนชอบออกมา ด้านนอกเตรียมเตาไฟไว้แล้ว ในห้องเริ่มต้มน้ำชงชา
เห็นถานเจียงท่าทางอ่อนแรง หวังทงเป็นห่วงถามขึ้น
“ให้ต้าหู่กับเอ้อร์หู่ส่งโสมอายุมากเก็บไว้นานมาให้ท่าน ของพวกนี้เป็นของบำรุงใหญ่ ดีต่อสุขภาพท่านมาก”
“ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วง ข้าน้อยบาดเจ็บนานมีสะสมมานาน โสมคนพวกนี้ไร้ประโยชน์กับข้าน้อยแล้ว อย่าได้สิ้นเปลืองอีกเลย”
น้ำเสียงถานเจียงอ่อนแรงเต็มที่ หวังทงถอนหายใจ เขาพอเข้าใจถานเจียงว่าคิดอันใด กลับไม่ได้กล่าวออกมา หากกล่าวว่า
“จากนี้กองกำลังหู่เวยจะไปทางตะวันออกเฉียงเหนือต่อเพื่อไล่ล่า สุขภาพท่านไม่ดีนัก อยู่ที่เฮ่อถูอาลาดูแลสุขภาพ”
ถานเจียงเพียงแค่ส่ายหน้า แม้ไม่กล่าวอันใด แต่ก็ถือเป็นการยืนกรานปฏิเสธ หวังทงไม่กล่าวต่ออีก หลี่หู่โถวเองก็เข้ามาในรถม้า ถามไถ่อาการถานเจียง ทุกคนล้วนนั่งลง
“นโยบายสามสิ้นปราบราบคาบ เผาไม่เหลือ ตอนนี้หนึ่งในสามของเจี้ยนโจวหรืออาจมากกว่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเก็บกวาดเรียบแล้ว ไม่เห็นควันไปบ้านเรือนทำอาหารแล้ว”
หวังทงเปิดประเด็นก่อน เหล่านี้ทุกคนแน่นอนล้วนรู้ หวังทงกล่าวต่อตรงไปตรงมาว่า
“รอบเมืองเสิ่นหยาง เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีบาดเจ็บล้มตายกันมาก อยากสู้แต่สู้พวกเราไม่ได้ พวกเราบีบมาถึงขั้นนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่คิดแก้แค้น กลับหวาดกลัวกันมาก นู่เอ่อร์ฮาชื่อคิดแผนง่ายมาก คิดให้กำลังหลักได้หลบซ่อน ใช้กำลังเล็กออกก่อกวน รอให้พวกเราค่อยๆ หมดกำลังใจต่อสู้ไปเอง เขาค่อยรวบรวมกำลังเผ่าต่างๆ มาตีโต้คืน ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”
“พี่ใหญ่ นู่เอ่อร์ฮาชื่อมีแผนเช่นนี้หรือ?”
หลี่หู่โถวถามขึ้นงงๆ เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นนี้ หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“ป่าเถื่อนแม้ว่าป่าเถื่อน แต่หลายพันปีมานี้ อย่างไรก็ต้องมีวีรบุรุษเกิดขึ้นสักคนสองคน นับประสาอันใดกับเผ่าหนี่ว์เจินที่เพาะปลูกจับปลาไม่ต่างอันใดกับชาวฮั่นเรา พี่น้องนู่เอ่อร์ฮาชื่อยังได้เรียนหนังสือเรียนวิชาการต่อสู้กับคนเมืองเหลียวโจว เจ้าดูเขารวบรวมกำลังตั้งเจี้ยนโจว ล่อทัพใหญ่มาปราบ ร่วมกำลังกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น รวบรวมกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี แต่ละก้าวที่วางแผนมา ล้วนสมกับคำว่า วีรบุรุษ เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าแผ่นดินหมิงจะเข้มแข็งเพียงนี้ จะมีกองกำลังหู่เวยอย่างเรา!”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ หลี่หู่โถวก็อดยืดอกภาคภูมิใจไม่ได้ ไช่หนานสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หวังทงมีบางวาจาในใจไม่กล่าวออกมา หากแผ่นดินหมิงไร้กำลังเข้มแข็งกองกำลังหู่เวย ไม่มีเงินทองจากเทียนจิน ไม่มีผลงานจากการตีเมืองกุยฮว่าเฉิงมาเปรียบ สถานการณ์ครั้งนี้จะเป็นเช่นไรนั้นกล่าวได้ยาก
หากจะกล่าวว่าเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลจะตีเข้าด่านก็คงไม่ใช่ แต่พื้นที่สองในสามเมืองเหลียวโจวดีไม่ดีก็คงถูกพวกป่าเถื่อนพวกนี้ครอบครองไป พื้นที่ระเบียงเหลียวซีตะวันตกก็ย่อมกลายเป็นสนามรบ ชาวฮั่นส่วนใหญ่ในเมืองเหลียวโจวก็จะไปช่วยชาวเผ่าหนี่ว์เจิน แผ่นดินหมิงก็ย่อมต้องเสียงบประมาณไปกับการทหารชายแดนยิ่งมาก จากนั้นก็จะเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ถึงตอนนั้นอะไรก็ล้วนกล่าวได้ยาก
“นู่เอ่อร์ฮาชื่อสละเฮ่อถูอาลาพื้นที่มั่นนี้ไป แม้ว่าใต้เท้าจะบีบเข้าอีกเท่าไร เขาก็ยังคงจะทนต่อไปงั้นหรือ ตอนนี้เส้นทางเติมเสบียงก็นับวันยิ่งไกล แม้กองกำลังหู่เวยเข้มแข็ง แต่ก็ต้องระมัดระวังรอบคอบ!”
ถานเจียงแทรกขึ้น ทัพใหญ่เกือบแสนวันๆ สิ้นเปลืองเสบียงกันมากจนน่าตกใจ แม้ว่าเมืองเหลียวโจวจะร่ำรวยเสบียงแต่ก็เต็มกำลังเต็มทีแล้ว ยังดีที่หวังทงล่อหลอกพ่อค้าจากเมืองเหลียวโจวมาทำการค้าได้ สินค้าทางการทหารที่ต้องการก็นำมาช่วยผ่อนภาระไปได้ไม่น้อย
หากนำกองกำลังหู่เวยรุกเข้าไปอีก เส้นทางเสบียงก็ต้องไกลออกไปอีก เบื้องหน้าที่จะไปไม่มีอะไรล่อใจพ่อค้าได้อีก พ่อค้าย่อมไม่ตามไป หากเส้นทางเสบียงเกิดปัญหาอันใด ก็ย่อมยุ่งยากใหญ่
“รถใหญ่นำเสบียงไปพอ ขบวนทัพม้าตลอดทางก็จะออกเก็บกวาดรอบๆ ทนรับได้เดือนหนึ่ง ปัญหาไม่มาก และเฮ่อถูอาลาที่นี่ยังเป็นเส้นทางกึ่งกลางไว้รองรับเรา เก็บเสบียงไว้ได้ กำลังทัพส่วนหนึ่งก็จะใช้ในการขนเสบียงและปกป้องเส้นทางนี้ ข้าพาขุนพลหัวหน้าพวกเขาไปด้วย ไม่กลัวพวกเขาไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่”
หวังทงยิ้มกล่าว จากนั้นสีหน้าจริงจังกล่าวว่า
“หากนู่เอ่อร์ฮาชื่อยังไม่โผล่ออกมา เจี้ยนโจวนี้ก็ย่อมไม่มีที่ให้เขาได้ยืนแล้ว เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกับเผ่าหนี่ว์เจินภูเขาตอนเหนือก็ไม่กล้ารับเขาไว้ ทหารที่เขานำไปด้วยก็ต้องสูญสลายสิ้น หากยังไม่ออกมาอีก เขาก็ได้แต่ตายในเขาไปอย่างไร้ข่าวเงียบๆ แล้ว ข้ามองนู่เอ่อร์ฮาชื่อไว้สูงไม่น้อย คนเช่นเขานี้มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ยอมสูญสิ้นไปเช่นนี้แน่ สู้ตายสักตั้งก็นับว่าเป็นการตายที่ไม่เสียทีของเขา”
พูดถึงตรงนี้ หวังทงกล่าวอย่างไม่ยี่หระต่อว่า
“จะว่าไป ข้านำกำลังหกหน่วยกองกำลังหู่เวยไป ไม่ใช่ทัพใหญ่เสียหน่อย นู่เอ่อร์ฮาชื่อก็ควรจะมีใจคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้าง”
กองกำลังหู่เวยหกหน่วยกำลังรบเช่นไร ไม่ใช่ที่ทุกคนจะวิเคราะห์ได้ ผู้ใดหากดูแคลน ย่อมได้รับการสั่งสอนที่เจ็บปวดที่สุด หากไม่ใช่คนแผ่นดินหมิง ไม่สิ ถึงกับคนแผ่นดินหมิงเองก็ล้วนไม่อาจคิดภาพกองกำลังที่มีกำลังต่อสู้เช่นนี้ได้ ทุกคนล้วนชินกับการใช้กำลังคนมาก คนงานมากมาเทียบ ธรรมเนียมเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับกองกำลังหู่เวย
“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง นู่เอ่อร์ฮาชื่อสิ้นหนทาง ให้โอกาสเขาได้สู้ เขาย่อมไม่อาจไม่คว้าไว้ หากเขายังไม่คว้าไว้ เช่นนี้เขาเองก็ย่อมค่อยๆ สูญสิ้นไปเอง”
ไช่หนานถูกหวังทงกล่อมจนรู้สึกมั่นใจขึ้นมา หวังทงยกชาบนโต๊ะที่เย็นแล้วขึ้นดื่มจนหมด ถอนหายใจยาว กล่าวว่า
“ปราบนู่เอ่อร์ฮาชื่อสิ้นชื่อ จากนี้ก็เป็นเรื่องกลุ่มพ่อค้าแผ่นดินหมิงแล้ว ให้พวกเขาอยู่ต่อที่นี่ค่อยๆ โจมตีไป ตอนไหนไปถึงทะเลได้ ตอนนั้นตอนเหนือแผ่นดินหมิงก็ไร้ภัยร้ายสิ้นเชิง”
ทุกคนล้วนฟังจนตกในภวังค์ แม้แต่ถานเจียงที่สีหน้าอ่อนล้าก็ยังมีชีวิตชีวาขึ้นมา ไช่หนานยิ้มสัพยอกว่า
“หากเป็นเมื่อสิบปีก่อนมีคนกล่าวเช่นนี้ เกรงว่าข้าคงหัวเราะว่าเขาเสียสติไปแล้ว แต่วันนี้ใต้เท้ากล่าวเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกมั่นใจ”
“ถึงตอนนั้นก็ไม่มีภัยใหญ่ให้รบแล้ว…”
หวังทงถอนหายใจ อยู่ๆ รู้สึกหดหู่ลง
Comments for chapter "ตอนที่ 1007 ต้องล่าตัวเจ้าออกมาให้ได้"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
giorgioroc
เตรียมตัวรับมือกับญี่ปุ่น กองเรือก็มีแล้ว