องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1012 คนที่ถูกบีบให้จนแต้ม
หอสังเกตการณ์สามหอจากที่สูงมองไปไกล มองไปยังพวกทหารม้าที่อยู่รอบๆ พื้นที่ราบเช่นนี้ รอบทัพใหญ่ปราบตะวันออกเหมือนว่าไม่มีมุมสังหารอีกแล้ว
เริ่มแรกศัตรูเข็นรถโล่ขึ้นหน้า ปืนใหญ่ก็เริ่มยิงถล่ม ทหารบนหอสังเกตการณ์แม้รู้ว่าตนเองมีหน้าที่ แต่ยังคงถูกสถานการณ์บนสนามดึงดูดความสนใจไปหมด
ทหารราบเบื้องหน้ามองสนามรบ ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว ยังต้องระวัง แต่ทว่าบนหอสังเกตการณ์มองลงไป ได้อีกความรู้สึกหนึ่ง ไม่รู้สึกเป็นห่วงอันใด อยู่ในมุมต้นลมเห็นชัด ได้ชมการรบที่เยี่ยมยอดกว่าในโรงงิ้วร้อยเท่า
จากที่สูงมองไปเห็นสิ่งต่างได้ครบถ้วนมาก สองฝ่ายระยะห่างกันไม่มาก สามารถมองเห็นทหารม้าสองปีกข้างได้ชัด รอจนมองเห็นลาและวัวด้านใน ก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว
นอกกำแพงเมืองล้วนเป็นหมู่บ้านมองโกลและเผ่าหนี่ว์เจิน วัวม้าไม่ขาดแคลน ลาน้อยมาก เพราะสัตว์นี้กำลังไม่ดีพอ ไม่ควรค่าแก่การนำมาใช้งาน
ตอนนี้แม้ว่ากำลังรบยังดี แต่ทหารเจี้ยนโจวก็ยังคงเคร่งเครียด แม้แต่วัวและลาก็ถูกนำขึ้นสนามรบ ของเล่นเช่นนี้บนสนามรบไม่มีประโยชน์อันใด ไม่อาจบุกอันใดได้ เรื่องนี้ย่อมมีเลศนัย มองบนหอแล้วก็รีบส่งข่าวลงมาแจ้งหวังทง
รายงานเสร็จ หวังทงพบความผิดปกติได้เร็วกว่าทหารด้านบนอยู่สักหน่อย แต่ทว่าหอสังเกตการณ์ทางซ้ายทัพใหญ่พบเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง
“แม่ทัพใหญ่ ศัตรูอย่างน้อยทหารม้าสี่พันกำลังเร่งทะยานมายังปีกซ้ายทัพเรา!”
ทหารม้ารายงานจบ คนรอบๆ หวังทงล้วนเคร่งเครียด หวังทงเองก็มีสีหน้าอึ้งไป แต่ทว่าก็เผยรอยยิ้มทันทีกล่าวว่า
“นี่เป็นแผนหลักของศัตรูสินะ ในที่สุดก็เผยออกมาแล้ว!”
ตอนนี้สถานการณ์บนสนามรบ ย่อมเป็นปืนใหญ่กำลังกระหน่ำสังหารด้านหนึ่ง แต่ความจริงนั้นกำลังหลักมิได้เสียหายอันใด และยังดึงทหารกองกำลังหู่เวยสี่หน่วยทหารราบไปติดพัน พลปืนไฟครึ่งหนึ่งยังอยู่ด้านหลัง ตอนนี้จะเปลี่ยนตำแหน่งบุก ก็เท่ากับเปิดช่องให้ศัตรู
คนชินกับการใช้มือขวา ทำให้เกิดความเคยชินมากมายตามมา ล้วนให้กองกำลังทางขวาตั้งฐานมั่นที่สุด และการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ไม่ว่าตะวันออกหรือตะวันตก ศูนย์บัญชาการทัพจะไม่ใช่ทัพใหญ่ตรงกลาง หากเป็นทางขวาเป็นส่วนใหญ่ กองปืนใหญ่ก็ตั้งอยู่ปีกขวา
พื้นที่เช่นนี้ใกล้จะเข้าสู่พื้นที่เขาแล้ว รอบด้านแม้ว่าเป็นที่ราบ แต่เนินเขาก็ยังมีอยู่ เป็นที่หลบเพื่อเคลื่อนไหวของทหารม้า
ใช้ทหารราบกับรถโล่ที่ดูน่ากลัวมาดึงดูดความสนใจทัพใหญ่ ใช้ทหารม้ามาเคลื่อนไหวทางปีกซ้ายโจมตี เพื่อฉวยโอกาสที่ไม่ทันตั้งตัว นี่นับเป็นแผนที่ดีไม่เลว
“มิน่าเจ้าหัวหน้าโจรจึงได้มีความสำเร็จเช่นวันนี้ มีความสามารถจริงๆ แต่ทว่า ไม่อาจฝืนฟ้าลิขิต!”
หวังทงกล่าวเช่นนี้ และออกคำสั่ง
“สี่หน่วยแถวหน้าขึ้นหน้า 30 ก้าว ทหารม้าทั้งหมดห้ามเคลื่อนไหวพลการ ผู้คุ้มกัน กองปืนใหญ่กับทัพใหญ่ปีกซ้าย หลี่หู่โถวอยู่ประจำที่บัญชาการ ข้าจะไปรับศึกปีกซ้าย จางอู่นำปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง 5 กระบอกตามมา!”
ในวาจาเขามีคำสั่งมากมาย ทหารถ่ายทอดคำสั่งรับหน้าที่ของตน ขี่ม้ารีบออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หวังทงนำทหารติดตามไปยังปีกซ้าย
ทหารม้าเจี้ยนโจวปรากฎตัวทางปีกซ้ายของทัพใหญ่ พวกเขาวกกลับมาที่นี่ ไม่อาจบุกเข้าโจมตีได้ทันที จะต้องจัดแถวก่อน
“หน่วยห้าสามกองไปเรียงแถวหน้ากระดานทางซ้าย พลปืนไฟไปเรียงแถวทางด้านขวาแถวหน้า!”
หวังทงขี่ม้าตะโกนสั่งดัง เสียงกลองสัญญาณดังตามมาทันที หน่วยห้าสามกองปรับแถวตามคำสั่งทันที ไม่จำเป็นต้องปรับรูปทัพมากนัก หนึ่งเดียวที่เคลื่อนที่ใหญ่ก็คือพลปืนไฟ ตอนนี้ทัพใหญ่ปีกซ้ายมีพลปืนไฟ 2,000 กว่า
การจัดแถวฝึกกันทุกวัน ขุนพลทหารเป็นหลัก หัวหน้าแถวเป็นแนวเส้น แถวก็จัดเสร็จอย่างรวดเร็ว บรรดาทหารเติมกำลังมาทางนี้
“พลทวนยาวหน่วยสามออกรบสองกอง ไปเรียงแถวคุกเข่าข้างหนึ่งตั้งทวนรับหน้าแถวปืนไฟ!!”
หวังทงยังออกคำสั่งอีก คำสั่งนี้เหมือนทำให้ทั้งกองเริ่มวุ่นวาย แต่ทว่าหน่วยสามเป็นทหารเก่ามาก จึงเคลื่อนที่ได้ไม่สับสน
ทางนี้กำลังจัดแถว ทหารม้าเจี้ยนโจวเองก็มิได้นิ่งสงบ จะต้องเร่งบุกเข้ามา ไม่เช่นนั้นจะยุ่งยากใหญ่
พลทวนยาววิ่งไปข้างหน้าเรียงแถว ทหารม้าเจี้ยนโจวขยับแล้ว หวังทงหันไปตะโกนสั่งลี่เทาเสียงดังว่า
“ใช้พลปืนไฟกำจัดทหารม้าศัตรูให้ราบ พลทวนยาวยันหน้ารับศึก!”
ลี่เทารับคำเสียงดัง พลปืนไฟจัดแถวใกล้เสร็จแล้ว ขุนพลทหารกับหัวหน้าเสียงดังสั่งการ แต่ทว่าเสียงตะโกนร้องชาวเผ่าหนี่ว์เจินดังยิ่งกว่า พวกเขาไม่สนใจกำลังม้าใดๆ ไม่สนใจว่าม้าจะรับไหวหรือไม่ หากลงแส้เฆี่ยนเต็มกำลังและแทงท้องม้าด้วยขอเหล็ก
พลปืนไฟแถวแรกถึงกับมองเห็นทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวบนหลังม้าถูกแทงท้องเลือดสาด ล้วนเป็นเพราะขอเหล็กแทง ม้าเจ็บปวด กระโดดบ้าคลั่งวิ่งทะยานเข้ามา
ยิ่งเข้ามาใกล้ หัวหน้าแถวปืนไฟก็ยิ่งนิ่ง รอจัดการกับศัตรูที่เข้ามาในรัศมียิง
จิตใจพลปืนไฟตอนนี้แน่วแน่นิ่งยิ่งกว่าการรบที่ผ่านมา เพราะด้านหน้าพวกเขามีพลทวนยาวสองแถวคุกเข่าบังหน้าพวกเขาไว้ ย่อมบรรจงยิงได้ดียิ่งขึ้น
“แม่ทัพใหญ่ ทหารราบพวกนอกด่านตรงหน้าเริ่มบุกมาแล้ว!”
ข่าวจากบนหอสังเกตการณ์ส่งลงมาถึงหวังทงเป็นระยะ
***************
เมื่อครู่ด้านหน้าทัพใหญ่มีรถโล่เหลือไม่กี่คันจอดโดดเดี่ยวเดียวดายกลางสนามรบ คนด้านหลังที่เข็นมาไม่เห็นแล้ว ปืนใหญ่หยุดยิงชั่วคราว
ครั้งนี้ที่บุกหน้าให้ทัพทหารเจี้ยนโจวเป็นราษฎรเผ่าหนี่ว์เจินตามหมู่บ้าน ปืนใหญ่ระดมยิงไปเมื่อครู่ เพื่อนกันตายไปหลายคน ทำให้พวกเขาตกใจหวาดกลัวหนัก ผู้ใดก็ไม่กล้าเดินหน้าต่อ แต่ทัพหลักทหารเจี้ยนโจวที่เป็นทหารม้าแม้ว่าไม่มาก แต่ใช้มาดูแลพวกนี้ถือว่าเพียงพอ หลังประสบเหตุเมื่อครู่ไป ถึงกับนอกจากความตายแล้วก็ไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้
ทหารเจี้ยนโจวรู้ข่าวทหารม้าตนปรากฏที่ปีกข้างตอนนี้แล้ว ไม่สนใจว่าข้างหน้าหรือปีกซ้าย ล้วนคิดจะปะทะกองกำลังหมิงให้รู้เรื่องกันไป ก็ย่อมต้องกล้าหาญบุกต่อ ขอเพียงทางหนึ่งสามารถดึงกำลังรบติดพันได้ อีกทางก็จะมีโอกาสยิ่งมาก
ชาวบ้านที่ขวัญหนีดีฝ่อถูกไล่ต้อนออกมายิ่งมาก มือพวกเขามีแต่ไม้พลอง ปลายหนึ่งเหลาแหลม อาจจะเผาไฟมาก่อน หรืออาจจะจุ่มกองอุจจาระมา ของเช่นนี้สกปรกมาก หากแทงโดนย่อมถึงตาย
เสียงกลองดังตึงๆ ๆ เสียงตะโกนด่าและร่ำไห้แม้ว่าอยู่กันไกล กองกำลังหู่เวยก็ล้วนได้ยิน หลี่หู่โถวจัดพลปืนไฟเรียงแถวสองข้างใหม่ด้านหน้า ในเมื่อศัตรูไม่มีรถโล่กำบัง อานุภาพสังหารปืนไฟก็ย่อมทรงประสิทธิภาพ
แต่ทว่าพลปืนไฟครึ่งใหญ่ล้วนเคลื่อนไปยังปีกซ้ายแล้ว ด้านหน้านี้เห็นชัดว่าน้อยมาก แต่ก็เพียงพอ ยังมีปืนใหญ่อีก
“พลปืนใหญ่ไม่ต้องเร่งรีบยิงปืนใหญ่ รอศัตรูล้ำเส้นเข้ามาค่อยยิง เช่นนี้จึงมีอานุภาพสังหารใหญ่ยิ่งขึ้น!”
หลี่หู่โถวเอ่ยขึ้น พลปืนใหญ่นำธงรีบวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง ปืนใหญ่หยุดยิงได้ครู่หนึ่ง พลปืนใหญ่เติมกระสุนปืนพร้อมยิงแล้ว ก็หยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวปืนใหญ่ โรงช่างสามธาราใช้วิธีการตะวันตกหลอมปืนใหญ่คุณภาพแม้ว่าดี แต่ยิงไปได้สองสามทีก็จะร้อนจัด บนสนามรบต้องเก็บแรงและกำลังไว้ให้มากที่สุด ดังนั้นพอมีเวลา คนงานก็รีบลดอุณหภูมิปืนใหญ่ จัดการให้มากที่สุด
ทหารราบเจี้ยนโจวตะโกนฮือเข้าบุก พวกเขาจำนวนใช่ว่ามากกว่าสี่หน่วยด้านหน้ามากนัก แต่ดูแล้วเหมือนว่ามากกว่าหลายเท่า เพราะกองกำลังหู่เวยจัดแถวเป็นระเบียบ แต่พวกเขานั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นแถว
แต่หลี่หู่โถวก็ไม่ประมาท หอสังเกตการณ์ตั้งขึ้นมาสามารถมองเห็นพื้นที่ราบส่วนใหญ่ได้ไกล เช่นว่ารายงานข่าวที่มองเห็นกระจัดกระจาย กองกำลังนี้ด้านหลังยังตั้งแถวได้หนาแน่นกว่ามาก ทหารเจี้ยนโจววางแผนได้ไม่เลว
แต่ทว่าการวางแผนเช่นนี้ต่อหน้าปืนใหญ่ ช่างไร้ค่าแก่การเอ่ยถึง ทหารราบเจี้ยนโจวเคลื่อนกำลังก่อนหน้าทหารม้าปีกซ้าย พวกเขาข้ามเข้าเขตระยะยิงมาแล้ว ทหารม้าทางนั้นเพิ่งเคลื่อนทัพ
ก้าวข้ามเข้าเขตระยะยิง ย่อมส่งสัญญาณยิง ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งกับหกชั่งยิงถล่มพร้อมกัน กระสุนปืนใหญ่ลอยหวือเข้ากระแทก ลอยไปตามเส้นทางกวาดล้างเป็นซากศพละเลงไปด้วยเลือดและเนื้อตามลูกเหล็กไป จากนั้นกระสุนปืนใหญ่ตกลงบนพื้น พื้นแข็งทำให้กระเด้งไปอีก แรงกระแทกไม่ได้ลดลงยามปะทะเข้าฝูงคน เส้นทางเลือดและเนื้อปรากฏอีกรอบ แถวยังคงเดินหน้า
ทหารราบเจี้ยนโจวเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น พวกเขาได้เห็นความร้ายกาจปืนใหญ่กองกำลังหมิงแล้ว ในใจพวกเขา ขอเพียงวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง วิ่งปะทะทัพตรงหน้าได้ ปืนใหญ่ย่อมหยุดยิง ทหารราบศัตรูมีกำลังเข้มแข็ง แต่ยามนี้อย่างไรก็เผชิญกับความตาย อย่างไรก็ไม่ต้องมาทนกับสภาพนรกตามทางที่ผ่านมา
เสียงปืนใหญ่ดังไม่หยุด ทหารเจี้ยนโจวพวกเขารับปืนใหญ่อยู่ด้านหน้า จึงไม่อาจกระจายตัวออก ความหนาแน่นบุกเช่นนี้ยิ่งทำให้อานุภาพสังหารปืนใหญ่ยิ่งมาก
ราษฎรที่บุกอยู่ด้านหน้าล้วนระงับไม่อยู่ ไม่อาจถอยหลัง แต่สองข้างยังได้ สามารถวิ่งหนีได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ระหว่างทางอาจจะตาย แต่สถานการณ์ตอนนี้ ช่างเกินจะรับไหวแล้วจริงๆ
กองทัพหน้าปืนใหญ่แตกกระจัดกระจาย ทหารเจี้ยนโจวที่ตามมาก็ยิ่งเร่งความเร็ว พวกเขาคิดสู้ตาย กำลังใจยังคงฮึกเหิม พวกเขาเองรู้ว่า ตนเองยืนหยัดได้นานเท่าไร โอกาสชนะก็ยิ่งมาก ทหารเจี้ยนโจวล้วนบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีทางไปแล้ว สู้ก็สู้แล้วกัน
เสียงปืนใหญ่หยุดลงในที่สุด ทหารเจี้ยนโจวถึงกับผ่อนฝีเท่าลงทันที เสียงปืนใหญ่กัมปนาทหมดไป ทำให้แต่ละคนรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว การต่อสู้ปะทะกันตัวต่อตัวกำลังจะเริ่มตรงหน้าแล้ว
พวกเขาเข้ามาในรัศมียิงปืนไฟ ปืนไฟกองกำลังหู่เวยไม่ได้มีเสียงดังเหมือนปืนใหญ่อย่างนั้น แต่ก็สร้างอานุภาพสังหารเพียงพอเช่นกัน