องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1014 จับหัวหน้าโจร
ทหารสี่หน่วยตรงกลางสามารถดึงทหารราบพวกนอกด่านรบพัวพันเอาไว้ ใช้พลปืนไฟต้านทหารม้าปีกซ้ายพวกนอกด่านไว้ จากนั้นก็ใช้ทหารม้าเก่งกล้าตนทลายทหารราบอีกฝ่ายจนราบ แล้วค่อยประสานกำลังทหารม้าล้อมกรอบเอาไว้
หวังทงจัดการสนามรบเป็นสองวง ให้ทหารเจี้ยนโจวกองกำลังสุดท้ายล้อมกรอบไว้ จากนั้นค่อยรุมสังหาร
“อาจารย์ถานๆ!”
กำลังจะสั่งการ ก็ได้ยินเสียงซาตงหนิงตะโกนร้อนใจทางด้านหลัง หวังทงหันไปมอง เห็นถานเจียงหมอบบนหลังม้า พยายามเงยหน้าขึ้นยิ้มกล่าวว่า
“การศึกสำคัญ แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องสนใจข้า”
หวังทงพยักหน้า สีหน้าแดงระเรื่อของถานเจียงไม่เห็นแล้ว มีแต่ความซีดขาว แววตาเริ่มพร่าเลือน เหมือนว่าถึงเวลาแล้ว แต่ยามนี้ไม่อาจสนใจ หวังทงตะโกนดังว่า
“พลปืนไฟระดมยิงแล้วก็หยุด ทหารคุ้มกันปีกข้าง พลทวนยาวบุกขึ้นหน้าสังหาร ซาตงหนิง ซุนเผิงจวี่ รวมกำลังทหารติดตามข้า บุกสังหารกองศัตรูปีกซ้าย!!”
ทหารม้าปีกซ้ายเจี้ยนโจวที่บุกมาถูกปืนไฟสังหารราบแล้ว การบุกไม่เห็นแล้ว แต่ด้านหลังพวกเขายังมีทหารม้าหลายร้อยกวัดแกว่งดาบคำรามไม่หยุด มีทหารถอยกลับถูกพวกเขาสังหารตัดหัวทิ้งทันที
แต่ผู้ใดจะกล้าเข้าใกล้แนวเส้นพลปืนไฟกัน หากก้าวเกินเส้นนี้ จุดจบก็มีแต่ถูกยิงตายอย่างไร้ความปราณี เพื่อนทหารด้วยกันมากมายเป็นข้อพิสูจน์แล้ว
รอจนทหารม้ากองกำลังหมิงตลบหลังมาล้อมกรอบพวกเขาไว้ ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว ทหารม้ากองกำลังหมิงเมืองชายแดนไม่เป็นรองพวกเขา ตอนนี้จำนวนคนยังได้เปรียบ
ปืนไฟยิงมาราวกับเทพแห่งความตายกวักมือเรียกตอนนี้หยุดแล้ว พลทวนยาวกองกำลังหมิงค่อยๆ วิ่งเหยาะมา ทหารม้าที่บุกไม่เข้ารับมือทหารราบอาวุธยาวไม่เพียงไม่ได้เปรียบ กลับยังราวกับเนื้อปลาบนเขียง หลักการนี้ผู้ใดล้วนเข้าใจ แต่ตอนนี้ไม่มีทางหนีแล้ว
กองหน้ากลายเป็นกองหลัง กองหลังเมื่อครู่ตอนนี้กำลังถูกสังหาร ทหารม้ากองกำลังหมิงกล้าหาญชาญศึก สองข้างทางไม่ถูกทหารราบปิดทาง ก็เป็นระยะยิงของปืนไฟ
คำสั่งลงไป เพื่อให้เตรียมพร้อมยิง ตอนยิงยังมีหยุด แต่ทว่าทหารม้าพวกนอกด่านไม่ได้บุกเข้ามา พวกเขาแต่ละคนล้วนเร่งร้อนกระตุกม้าหันหลัง พยายามหนีให้รอดจากสนามรบน่าหวาดกลัวนี้
“ยิง!!”
สนามรบความจริงนั้นเงียบไปชั่วขณะ หัวหน้าแถวทหารพลปืนไฟตะโกนคำสั่งดัง หลายคนได้ยินชัด จากนั้นก็ราวกับระเบิดปะทุทั้งแถบ ปืนไฟระดมยิง อานุภาพราวกับสายฟ้าฟาด ระยะยิงปืนไฟ พริบตาก็กวาดเรียบไม่มีเหลือ
“บุกเข้าไปๆ!!”
ขุนพลทหารพลทวนยาวตะโกนดัง เสียงกลองเป็นจังหวะดัง หัวหน้าทหารแต่ละกองนำแถวทหารบุกขึ้นหน้าพร้อมกัน
*************
ทหารม้า 300 ข้างกายหวังทง ทหารติดตามแม่ทัพล้วนมีชุดเกราะกับอาวุธครบมือ เป็นทหารที่เก่งกล้าที่สุด กล่าวว่าเป็นระดับพลทหารม้าประจัญบานก็ว่าได้ แต่พวกเขาไม่เหมือนพวกหม่าซานเปียวที่ใช้อาวุธยาวบุก หากใช้ปืนไฟสั้น
กองกำลังนี้เทียบกับการรบดุเดือดบนสนามรบของสองฝ่ายแล้ว ไม่อาจเทียบได้ แต่กลับเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตาย
ทหารติดตามเป็นครูฝึกทหาร พวกเขาเป็นแบบอย่างทหาร ที่พวกเขาสามารถนั้นเหนือกว่ามาตรฐาน ทุกคนขี่ม้าออกศึก ค่อยๆ เปลี่ยนรูปทัพเป็นแบบสามเหลี่ยม ค่อยๆ วิ่งทะยานไป สามเหลี่ยมเริ่มเปลี่ยนเป็นผืนผ้า แต่ละคนล้วนยกปืนไฟสั้นเล็งมือเดียว
ความจริงนั้นทหารม้าเจี้ยนโจวตอนนี้ไม่อาจเรียกว่ากองหน้าหรือกองปีกซ้ายขวาแล้ว เพราะนอกจากกองหลังที่ยังคงหนาแน่นแล้ว ทหารม้าเจี้ยนโจวรอบนอกล้วนกระจัดกระจายแล้ว เห็นทหารติดตามหวังทงเข้าใกล้ ก็ยังมีคนพยายามตะโกนดังออกมาว่า
“ยิงระนาบ!!”
ทหารม้าเจี้ยนโจวบนหลังม้าล้วนน้าวธนู จิตใจสับสนแตกตื่น ม้าวิ่งโคลงเคลง ยิงออกไปใส่กองกำลังหู่เวยแนวหน้าในชุดเกราะไม่อาจทำอันใดให้ระคายได้ แต่กองกำลังหู่เวยแนวหน้ายิงมาที ทำให้ทหารม้าเจี้ยนโจวร่วงจากหลังม้าไม่น้อย การปะทะกันง่ายๆ แค่นี้ก็ทำให้ทหารเจี้ยนโจวหมดกำลังใจในการต่อสู้ไปในทันที
ทหารม้าเจี้ยนโจวโจมตีปีกซ้ายกองกำลังหู่เวย คิดหวังว่าจะรั้งปีกซ้ายไว้ได้ ตอนนี้ทหารม้ากองกำลังหมิงโจมตีปีกซ้ายพวกเขา พวกเขากลับไม่อาจเปลี่ยนทิศทางได้สะดวก ปรับทิศไม่ทัน
ด้านหนึ่งถูกทหารม้ากองกำลังหมิงเข้าสังหาร อีกด้านหนึ่งถูกพลทวนยาวไล่แทง อีกด้านถูกทหารม้าประจัญบานเข้าเหยียบย่ำ อีกทางก็กำลังถูกสังหารกวาดล้าง
สถานการณ์ทหารเจี้ยนโจวแตกกระเจิงหมดแล้ว บางทีอาจยังมีคนคิดต่อต้าน แต่พวกเขาไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ยามนี้ได้อีกแล้ว
*************
รอบกายหวังทงตอนนี้เปิดพื้นที่กว้างมาก พลทวนยาวกับพลปืนไฟแต่ละกองล้วนเข้าสู่สนามรบ ทหารม้าเองก็เข้าสู่สนามรบหมด ข้างกายหวังทงมีแต่ถานเจียงกับทหารติดตามไม่กี่คน ยังมีทหารปืนใหญ่ที่หัวหน้ากองพลปืนใหญ่มู่เอินส่งมาอีกร้อยกว่าคน ถืออาวุธมาคุ้มกัน
สนามรบสรุปผลเป็นที่แน่นอนแล้ว สังหารกวาดล้างศัตรูราบเรียบสิ้นเชิง ชัยชนะใหญ่แน่นอนแล้ว ทหารรอบกายหวังทงล้วนมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี มีเพียงหวังทงที่ไม่สนในเรื่องนี้
ถานเจียงข้างหวังทงไม่มีแรงจะนั่งบนหลังม้าแล้ว เดิมทีทหารจะประคองเขาลงมา ถานเจียงที่ไม่ไหวแล้วก็ยังยืนยันปฏิเสธข้อเสนอนี้ บอกว่าจะดูการต่อสู้ให้จบ ความจริงนั้นเขาไม่อาจนั่งนิ่งบนหลังม้าได้แล้ว ทหารปืนใหญ่สองนายเข้าประคองซ้ายขวาเอาไว้
“สถานการณ์การรบเป็นเช่นไรแล้ว?”
น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง ถานเจียงไม่อาจทรงตัวตรงดูสนามรบได้แล้ว สองตาเขาเริ่มเลือนราง มองไม่เห็นอันใดแล้ว หวังทงมองสนามรบก่อนจะตอบเสียงดังว่า
“พวกโจรนอกด่านทางตะวันออกถูกสังหารราบ ทัพเราชนะแน่นอนแล้ว”
ลมหายใจถานเจียงหอบแรง ก่อนจะหายใจอีกสองสามเฮือก กว่าจะรวมกำลังกล่าวออกมาได้ ราวกับไม่ได้ตอบหวังทง เหมือนกำลังพึมพำว่า
“แรกสุดปราบโจรสลัด จากนั้นก็มารบจางเจียโข่วถึงกู่เป่ยโข่ว รบไปถึงเมืองกุยฮว่าเฉิง ยังรบโจรลุ่มน้ำ ตอนนี้เผ่าหนี่ว์เจินถูกทำลายแล้ว พวกป่าเถื่อน…..นายท่าน….ตอนนายท่านยังอยู่….กล่าวว่ายังมีชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยว ชายแดนไม่ต้องกังวล หากพวกเขายุคนี้….”
พูดถึงตรงนี้ คนก็หมอบนิ่งบนหลังม้า ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจอีกแล้ว หวังทงอยู่ใกล้กับถานเจียงมาก เห็นภาพเช่นนี้ ใจก็กระตุกวาบ รีบหันม้ามา พบว่าถานเจียงปากยังขยับ กล่าวอะไรเบาๆ อยู่ ก็รีบเข้าไปฟัง ได้ยินเพียงแค่ ‘ไม่เสียใจ’…. จากนั้นก็ไม่ได้ยินอันใดอีก
เช้านี้ตั้งแต่ออกศึกมา หมอในกองทัพก็แอบกำชับมาแล้วว่า ถานเจียงไม่อาจฝืนทนเกินวันนี้ การที่คนมีแรงเฮือกสุดท้ายมักเพราะมีแรงปรารถนา พอแรงปรารถนาจบลงหรือไม่มีปัญหาใดให้ต้องคิดอีก แรงนี้ก็จะหมดลง คนก็ถึงคราวสิ้นสุด
หวังทงเอื้อมมือไปอังจมูกถานเจียง ไม่มีลมหายใจแล้ว ถานเจียงสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นรอยยิ้มพึงใจ เห็นรอยยิ้มนี้ หวังทงรู้สึกขอบตาเริ่มร้อน
ทหารคุ้มกันรู้ว่าหวังทงไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า วันนี้พวกเขากลับได้เห็นหวังทงยกมือปิดตา นานกว่าจะยกลง
ถานเจียงแต่ไรมีสถานะพ่อบ้านและครูฝึกข้างกาย ปกติไม่ได้รู้สึกว่าผูกพันลึกซึ้งอันใด แต่ตอนนี้หวังทงกลับพบว่าไม่ใช่เช่นนั้น กลับรู้สึกเหมือนว่าญาติสนิทจากตนไป
คนรอบๆ ไม่กล้าส่งเสียงกล่าวอันใด หวังทงอยู่บนหลังม้า ถานเจียงข้างๆ เหมือนว่าหลับบนหลังม้า เสียงสังหารค่อยๆ เบาลง ทหารเจี้ยนโจวบุกหลายครั้ง หลายครั้งปรับเปลี่ยนกำลังแต่ก็ไร้ผล จนที่สุดสังหารพวกเขาราบคาบ ทำลายกำลังใจและความกล้าหาญพวกเขาหมดสิ้น พวกเขาไม่มีใจคิดต่อสู้ต่อแล้ว
ตอนเริ่มต้นเผชิญการต่อสู้ ค่อยๆ ถูกล้อมกรอบ ทหารเจี้ยนโจวเริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ เริ่มแรกมีคนโยนอาวุธยอมจำนน
ไม่ว่ากองกำลังหู่เวยหรือทหารม้าหน่วยอื่น ล้วนไม่ไยดีกับการยอมจำนนเช่นนี้ สังหารทิ้งทันที แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ทหารเจี้ยนโจวก็ยังโยนอาวุธทิ้ง ยอมถูกสังหาร พวกเขาไม่คิดจะให้การต่อสู้ที่สิ้นหวังนี้ได้ดำเนินต่อไปอีกแล้ว พวกเขาเหนื่อยมามากแล้ว
การต่อสู้ยังคงมีประปรายในหลายพื้นที่เล็กๆ พวกแต่งกายแบบชนชั้นสูงเจี้ยนโจว นำกำลังตนเองออกมาต้านครั้งสุดท้าย แต่การปะทะพลทวนยาวเช่นนี้ รับมือกับศัตรูแข็งแกร่งที่บ้าคลั่งก็มิได้ได้เปรียบ ถูกสังหารบาดเจ็บไม่น้อย
แต่ทว่ากองกำลังหู่เวยก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที พริบตาก็ให้พลปืนไฟออกมายิง ยังส่งนายทหารพร้อมทวนขวานออกมารับมือ ค่อยๆ กำจัดไปทีละคน
“แม่ทัพใหญ่ ซูเอ่อร์ฮาฉีถูกตัดหัวแล้ว นายกองพันเมืองเซวียนฝู่ได้ความดีนี้ไป”
มีคนมารายงานหน้าหวังทง หวังทงบนหลังม้าสะบัดหัวก่อนจะสูดลมหายใจเข้ากล่าวว่า
“ยอมรับการจำนนได้ แต่ละกองเริ่มเก็บกวาดทหารบาดเจ็บหนักทิ้งได้!”
หวังทงวาจานี้ก็เท่ากับว่าประกาศชัยชนะแล้ว คนที่มารายงานรีบรับคำยินดี หมุนกายออกไปถ่ายทอดคำสั่ง
ทหารม้ากองกำลังหมิงที่เข้าสังหารเมื่อครู่ตอนนี้เริ่มถอยออกมา พวกเขาได้เปรียบที่ขี่ม้า เริ่มล้อมสังหารศัตรูกลุ่มเล็กที่หลบหนีออกไป หรือไม่ก็ไล่กลับไปล้อมสังหาร งานละเอียดยังคงมอบให้ทหารราบไปจัดการ
คนโยนอาวุธทิ้งบนสนามรบเริ่มมากขึ้น กองกำลังหู่เวยเตรียมเชือกมาพอ เริ่มจับตรวจค้นและมัดรวมกัน นำออกจากสนามรบทีละกลุ่ม
แต่ยังมีคนต่อสู้อยู่ ทหารเจี้ยนโจวในชุดเกราะเกือบร้อยล้อมอยู่รอบกายชายร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง เป็นชายสวมชุดเกราะสีเหลืองทองโดดเด่นกำลังรบบนสนามรบ ที่ทำให้คนตกใจก็คือคนพวกนี้ไม่ใช่ทหารม้า แต่เป็นกองกำลังทหารราบ ทุกคนรู้ว่าเขาคือผู้ใด คนล้อมรอบหลายชั้น
ทหารเจี้ยนโจวพวกนี้กล้าหาญจริง แต่ทว่าต่อหน้าปืนไฟ ผลก็ยังคงล้มลงทีละคน แม้เป็นเช่นนี้ แต่พวกเขายังคงใช้ร่างบังชายตรงกลางเอาไว้อย่างไม่กลัวเกรง
กองกำลังไม่ถึงร้อยถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว ชายผู้นั้นถูกปืนไฟยิง ดิ้นรนคิดลุกขึ้นอีก แต่ก็ถูกหัวหน้าทหารกองกำลังหู่เวยใช้ทวนขวานตัดขาสองข้างทิ้ง
ขุนพลที่บาดเจ็บหนักเช่นนี้ก็ถูกพวกเชลยที่ยอมจำนนจำได้ทันที ขุนพลทหารหลายนายดีใจวิ่งไปทางธงแม่ทัพ
“แม่ทัพใหญ่ นู่เอ่อร์ฮาชื่อถูกจับแล้ว!!”