องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1017 รู้ก่อนว่าจะชนะ เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า
ทุกอย่างในเมืองหลวงล้วนดำเนินไปอย่างปกติ เดิมทีเมืองเหลียวโจวพ่ายศึกใหญ่ ราชสำนักล้วนกังวล หวังทงนำยกทัพปราบตะวันออกไป ทุกคนก็ล้วนวางใจ
ไม่ว่าจะคิดเห็นอย่าไรต่อหวังทง คิดว่าคนผู้นี้เป็นขุนนางซื่อสัตย์ก็ดี คิดว่าเป็นขุนนางชั่วก็ดี ทุกคนล้วนยอมรับว่าเขาเป็นเทพแห่งสงคราม เป็นแม่ทัพที่รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ทุกคนรับรู้เช่นนี้ สถานการณ์เมืองเหลียวโจวแม้อยู่ๆ จะพลิกไปจากความคาดหมาย แต่เมื่อหวังทงไปถึง ทุกคนก็วางใจ ศัตรูใดก็เท่านั้น ศัตรูใหญ่แผ่นดินหมิงแต่ไรมาก็คือเผ่าอันต๋าเมืองกุยฮว่าเฉิง สำหรับพวกป่าเถื่อนทางตะวันออก เผ่าหนี่ว์เจินนอกกำแพงเมืองพวกนี้ จะไปนับอะไรได้ หวังทงนำทัพใหญ่กวาดล้างแม้เผ่าอันต๋ายังสิ้นซาก อีกสองเผ่านั้นจะทำอันใดได้ เป็นดังสุกรกาไก่โดยแท้
หากจะกล่าวว่าเริ่มต้นยังมีเรื่องใดต้องกังวล พอข่าวชัยชนะใหญ่รอบเมืองเสิ่นหยางไปถึงเมืองหลวง ทุกคนล้วนรู้แล้วว่าชัยชนะแน่นอนแล้ว
สมุดบันทึกความดีความชอบหวังทงเพิ่มอีกข้อนี้ไม่มีผู้ใดอยากจะสนใจ ในเมื่อชัยชนะแน่นอนแล้ว ไยต้องมองดูหวังทงยินดีปรีดาคนเดียว ทุกคนไปหาอะไรเก็บเกี่ยวด้วยไม่ยิ่งดีหรือ
แถบเมืองหลวงและเทียนจิน ถึงกับรวมซานซี เขตปกครองเหนือกับทางซานตง พ่อค้าใหญ่ในเทียนจิน เมืองกุยฮว่าเฉิงและเมืองเซวียนฝู่ที่ได้ประโยชน์ พวกมากอำนาจวาสนาล้วนหาโอกาสทางการค้า หลายปีนี้ สินค้านอกด่านชั้นดีราคาสูงมาก ทุกคนล้วนรู้ดี รอหวังทงนำทัพคว้าชัยชนะใหญ่มา ราคาสินค้าเหล่านี้คิดว่าคงต้องตกลง เพียงแต่เมื่อก่อนล้วนชาวเผ่าหนี่ว์เจินกับเมืองเหลียวโจวยึดการค้านี้ไว้ แต่ตอนนี้ทุกคนใช่ว่ามีโอกาสหรอกหรือ
ชาวเมืองหลวงข่าวไว พวกเขาเองหลังรู้ข่าวศึกนี้แล้ว ตระกูลหลี่ไม่อาจครองเมืองเหลียวโจวไว้แต่ผู้เดียวอีกแล้ว เมืองเหลียวโจวยังจะอยู่ต่อได้หรือไม่ยังเป็นคำถาม เมื่อก่อนที่นั่นยึดครองโดยตระกูลหลี่เพียงผู้เดียวไม่แบ่งผู้ใด ทุกคนไม่อาจยื่นมือไปแตะต้องได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
พ่อค้าเทียนจินได้รับข่าวเร็วสุด ระดับหัวการค้าอย่างพวกเขาได้ฝึกฝนที่เทียนจินจนชำนาญการแล้ว มุมมองการค้ากับพ่อค้าที่อื่นต่างกัน พวกเขาว่าศึกนี้ต้องชนะแน่ สถานการณ์เมืองเหลียวโจวต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน คนจำนวนมากก็จะทะลักเข้าไป และนำพาเอาโอกาสทางการค้าใหญ่ไปด้วย สินค้าเช่นไม้ใหญ่อยู่ในมือซุนโส่วเหลียนคนเดียว คงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดในเรื่องนี้ แต่เสบียงธัญญาหารเมืองเหลียวโจวพวกนี้ และยังม้าวัวสัตว์เลี้ยงจากบนทุ่งหญ้าผ่านมาทางเมืองเหลียวโจวพวกนี้ เกรงว่าจะทะลักออกไปมหาศาล
นอกกำแพงชายแดนเมืองเหลียวโจวเริ่มมีการบุกเบิกพื้นที่ พืชเกษตรจากโรงบ้านเพาะปลูกแต่ละอย่าง ยังมีความต้องการของการผลิตในโรงบ้านต่างๆ ล้วนต้องมีมาต่อเนื่อง เหล่านี้ล้วนคือโอกาสทำเงิน
พ่อค้ามณฑลอื่นรู้หรืออาจไม่รู้ พวกเขามีวิธีดูง่ายๆ ดูว่าพวกพ่อค้าเหมือนกันที่เทียนจินทำอะไร พวกพ่อค้าเทียนจินคาดการณ์แม่น ทุกคนย่อมตาม อย่างไรก็ไม่มีทางพลาด
ราชสำนักแอบยอมรับในเรื่องนี้ ชาวบ้านเริ่มเตรียมตัวกันยกใหญ่ ตั้งแต่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 มา ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนได้บอกทุกคนไว้แล้วว่า เรื่องใดก็ตามหากลงมือเร็ว ก็ย่อมได้ผลกำไรยิ่งมาก ไปสายไป เกรงว่าแม้แต่น้ำแกงก็ไม่อาจเหลือให้ดื่ม
เทียบกับเรื่องที่ดินพวกนั้นกับโอกาสทางการค้าต่างๆ ของเมืองเหลียวโจวและนอกกำแพงชายแดนเมืองเหลียวโจว ราชสำนักกลับไปสนใจเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้ากันมากกว่า
แน่นอน ขันทีและขุนนางใหญ่หากเกี่ยวกับเรื่องเงินทองแล้วอย่างไรก็ต้องส่งคนของตนหรือญาติตนไปเมืองเหลียวโจวสักครั้ง ไปดูว่ามีผลสำเร็จจากสงครามอะไรจะติดไม้ติดมือได้บ้าง จากนั้นก็ดูว่ามีโอกาสร่ำรวยไหม พวกเขาความจริงนั้นเป็นพวกที่ลงมือกันชุดแรกสุด การศึกเมืองเหลียวโจวรู้ไวสุด อย่าลืมว่า เจิ้งกั๋วไท่น้องชายพระสนมเอกเจิ้งก็ส่งน้องชายลูกพี่ลูกน้องไปยังเมืองเหลียวโจวเตรียมเปิดโรงบ้านใหญ่เช่นกัน
เทียนจินทุกปีส่งเงินล้านสองแสนห้าหมื่นตำลึงเข้าวัง เงินป้ายสงบสุขอีกสองแสนตำลึง นอกจากนี้ยังมีรายได้จากที่นาโรงบ้านของสำนักอาชาหลวงในเทียนจินอีก เงินส่วนนี้แต่ก่อนเป็นเงินต้องห้าม ก็เพราะเงินนี้ในวังนั่งเก็บอย่างเดียว บอกว่าเป็นการทำการค้า ความจริงนั้นเท่ากับปล้นชิง แต่ที่เทียนจินไม่มีเรื่องเช่นนี้ การค้าที่นี่รุ่งเรือง ร้านผงฟู ร้านหนังสัตว์ ล้วนมีสำนักอาชาหลวงเกี่ยวข้อง แม้ว่ากำไรนี้ ทุกคนในสำนักอาชาหลวงจะได้ผ่านมือกัน แต่ทุกปีเงินเข้าวังก็ไม่ต่ำกว่าสี่แสนตำลึง ทุกปีก็เกือบสองล้านตำลึงเงิน
ขุนนางในราชสำนักล้วนเข้าใจดี หากปล่อยให้เก็บภาษี ทุกปีภาษีที่เทียนจินเก็บได้ย่อมมากกว่าจำนวนในตอนนี้มากมายมหาศาล แต่ทุกคนล้วนมีการค้าที่เทียนจิน ผู้ใดก็ไม่อยากให้ราชสำนักเก็บภาษีทั่วหล้า นับเป็นการทำให้ตนเองสูญเสียผลประโยชน์ ดังนั้นจึงไม่มีคนเสนอเรื่องนี้
พูดอีกมุมหนึ่งนั้น หากเป็นกรมอากรไปเก็บภาษี ทุกคนแบ่งสรรกัน ทุกคนได้หมด แม้ว่าขุดลงไปใต้ดินสามฉื่อกวาดเก็บมาหมด ดีไม่ดีเงินที่ส่งเข้าเมืองหลวงอาจไม่ได้มากเท่าตอนนี้
ในเมื่อในวังกับราชสำนักทุกคนเห็นประโยชน์ตรงกัน ระบบเทียนจินตอนนี้จึงไม่มีคนคิดแตะต้อง ล้วนพึงใจที่จะรักษาให้คงเดิม
เพราะเทียนจินทำเงินได้มากเพียงนี้ หลังจางจวีเจิ้งจากไป ภาษีราชสำนักเก็บเองได้น้อยลงทุกปี ดังนั้นทุกคนจึงร้อนใจคิดจะให้เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า คิดว่าหลังเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าก็จะสามารถเป็นแบบเทียนจินได้ สามารถได้ถึงครึ่งหนึ่งหรือหนึ่งในสามของเทียนจิน ทุกคนก็พอใจมากแล้ว
ทุกคนเดิมคิดว่ามีตำแหน่งขุนนางมั่นคง ขุนนางบู๊มีอำนาจทหารในมือ กล่าววาจาใดก็ย่อมมีน้ำหนัก แต่ที่ของหวังทงในเทียนจินนี้ ดังภูเขาเงินทะเลทองคำ แหล่งรวมการค้า อาศัยแหล่งเงินทองมหาศาลนี้ย่อมกล่าวอันใดมีน้ำหนัก ทุกคนล้วนคิดจะเลียนแบบออกมาสักแห่ง อย่างน้อยก็ไม่ให้เทียนจินได้เป็นพื้นที่ครองอัตราส่วนการค้าใหญ่เช่นนี้บนแผ่นดินหมิง
ไม่เพียงแต่บรรดาขุนนางบุ๋นกระตือรือร้น แม้แต่ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ทุ่มเทพระทัยใส่ในเรื่องนี้มาก เกือบจะเปิดทางให้ทุกอย่าง
เมืองซงเจียงนับว่าเป็นเมืองขนาดกลางในบรรดาเมืองแดนใต้ แต่เทียนจินตอนนั้นเป็นแค่ระดับอำเภอรองๆ เท่านั้น ขนาดต่างกันมาก เมืองซงเจียงมีคนไม่เท่าเมืองซูโจว แต่ภาษีได้มาก เมืองซงเจียงกับเทียนจินมีเงินทองต่างกัน มีขนาดพื้นที่ต่างกันอย่างมาก
พื้นที่ยิ่งมาก ยิ่งมีเงินทองมาก เทียบกับเทียนจินตอนเริ่มก่อร้างสร้างตัวแล้ว ไม่รู้มากกว่ากันเท่าไร หากสามารถสร้างความสำเร็จได้เหมือนเทียนจิน สถานการณ์ไม่แน่อาจจะดียิ่งกว่า ในเรื่องเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าเรื่องนี้ ทุกคนล้วนคิดเช่นนี้
คิดส่วนคิด ทำส่วนทำ ฮ่องเต้ให้ความสนพระทัยในเรื่องนี้มาก บรรดาขันทีกับขุนนางใหญ่เองก็เช่นกัน ทุกคนล้วนไม่อาจรับคำสั่งแค่ผ่านๆ หากต้องลงแรงใช้สมองทำงานกันเต็มที่
หากหลายเรื่องใช่ว่าลงแรงใช้สมองทำงานกันเต็มที่แล้วจะทำได้ดี แบบเทียนจิน มองภายนอกแล้วไม่ยาก แต่หากทำให้เหมือนแบบใช้แมววาดเป็นเสือแล้ว ก็พบว่าคนละเรื่องเลยทีเดียว
บรรดาขันทีในวัง บรรดาขุนนางนอกวัง มักจะมองเหตุได้ละเอียดกว่า สมองก็ไวกว่า มีบางอย่างตอนที่เริ่มลงมือในเมืองซงเจียงก็พบว่าไม่ถูกต้องนัก เช่นว่าในการแบ่งเส้นเขตการค้าเมืองซงเจียง จะแบ่งด้วยระบบใด ทำเหมือนเทียนจินทุกอย่างคงไม่ได้
คิดตั้งหน่วยเก็บภาษีให้ราชสำนักแบบเทียนจิน พอเมืองซงเจียงทำบ้าง ผลปรากฏแค่ตั้งขึ้น ก็ถูกคนใหญ่คนโตในพื้นที่ด่าทอยกใหญ่ ที่ทำการเมืองซงเจียงถึงกับมีคนบุกมาถึงที่ เหลวไหลอย่างที่สุด
หลังฮ่องเต้ว่านลี่ทรงกริ้วไปหลายรอบ เถียนอี้กับเซินสือหังหารือกัน ได้ความว่า หากยังเลียนแบบเทียนจินแบบไม่วิเคราะห์ ช้าเร็วคงเกิดเรื่องแน่ ถึงตอนนั้นตนเองไม่ได้ความชอบ กลับยังนำโทษภัยมาสู่ตัว ไยต้องลำบากตนเองเช่นนั้น
ผลปรากฏเถียนอี้กับเซินสือหังล้วนใช้วิธีการต่างกันรายงานฮ่องเต้ว่านลี่ ว่าเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้ากับภาษีราชสำนักเป็นเรื่องใหญ่ ต้องคิดให้รอบคอบ อย่างไรคงต้องขอให้ผู้มีประสบการณ์มาจัดการ
ผู้ใดมีประสบการณ์กัน แน่นอนเป็นขุนนางที่ส่งไปประจำเทียนจินหรือแม้กระทั่งคนงานเถ้าแก่ร้านค้าก็ล้วนมีประสบการณ์มาก โดยเฉพาะคนเครือข่ายสามธารา พวกเขาได้ชื่อว่าทำการค้า แต่ความจริงนั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่เหมือนขุนนางท้องที่
หวังทงกับไช่หนาน และหลี่หู่โถวล้วนอยู่เหลียวตง ทางเทียนจินไม่มีหัวหน้า ราชสำนักส่งคนมาสั่งการขอตัวไปก็ไม่มีผู้ใดค้าน ไม่ว่าทางการหรือเครือข่ายสามธาราล้วนปฏิบัติตามคำสั่ง เรื่องนี้ได้รับคำสั่งจากหวังทงล่วงหน้าแล้ว
ความจริงนั้นที่ทำการทางการในเทียนจินหรือเครือข่ายสามธารานั้น คนจัดการเรื่องพวกนี้ได้จะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย เครือข่ายสามธาราแม้ขยายตัวต่อเนื่อง แต่การสอนอบรมกับการรับคนใหม่เข้ามาของเครือข่ายสามธาราก็เร็วมาก โดยเฉพาะสำนักศึกษาการค้า ตอนยังไม่มีคนถามไถ่ ล้วนเครือข่ายสามธาราออกเงินเอง ส่งไปประจำที่ร้านค้าที่ต่างๆ ก็มักจะส่งไปสองสามคน ไปเป็นผู้นำคนในพื้นที่ได้อีก ไม่ต้องใช้คนมากอันใด เครือข่ายสามธาราก็มีคนมีความสามารถอยู่มาก กำลังรอโอกาส หน่วยงานจัดเก็บภาษีที่เทียนจินก็มีทหารปลดระวางอาวุโสอยู่กันมาก
ครั้งนี้ราชสำนักมาขอคนไป ยังต้องไว้หน้าหวังทง ยังต้องให้หวังทงคัดคนไปทำงาน ให้เงื่อนไขดีๆ มากมาย สำหรับคนเหล่านี้แล้ว สามารถไปทำงานที่เมืองซงเจียงอันเป็นเมืองอุดมข้าวปลาอาหารไม่ว่า ไปที่นั่น เป็นที่ได้แสดงความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมา มีโอกาสได้สร้างเนื้อสร้างตัว นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ตั้งแต่ราชสำนักเอ่ยถึงเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าก็ใช้คำนี้มาตลอด เห็นอยู่ว่ากำลังจะเป็นเรื่องตลก แต่พอมีคนมีประสบการณ์และแรงงานจำนวนมากมาที่เมืองซงเจียง เพียงสิบกว่าวัน สถานการณ์วุ่นวายก็เปลี่ยนไป พวกเลอะเลือนไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงเปลี่ยนความคิด เห็นม้าเร็วเร่งนำข่าวไปรายงานยังราชสำนัก ก็รู้สึกได้ว่าเริ่มเป็นรูปร่างแล้ว เดินมาถูกทางแล้ว
แต่ทว่าเซินสือหังกับเถียนอี้แอบทอดถอนใจ ไม่ทำเช่นนี้ก็เหมือนปฏิบัติงานไม่สำเร็จ หากทำเช่นนี้ เมืองซงเจียงยังไม่ทันเปิดท่าการค้าเลย ใต้เท้าหวังก็ยื่นมือมาแล้ว ล้วนคนของเขา ในยามคับขัน คิดว่าพวกเขาฟังผู้ใด ดูแล้วเหมือนใช้วิธีผิดมาแก้ไขปัญหาเสียแล้ว
ล้วนเป็นเรื่องราวในช่วงเดือนสี่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 16 ต้นเดือนห้า ฎีกาแห่งชัยชนะจบภารกิจการรบก็มาถึงเมืองหลวง