องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1019 จบงานยาก
พื้นที่ห่างไกลส่งบัณฑิตจวี่เหรินไปเป็นขุนนางดูแล จากที่เคยส่งขุนนางไปจากกรมปกครอง นี่นับว่าเป็นพระเมตตาและไม่เคยมีมาก่อน การกล่าวเช่นนี้จึงเป็นเรื่องน่าตกใจ
แต่ทว่าหวังซีเจวี๋ยกล่าวในฎีกายังเขียนทำนองแฝงความนัย ไม่กล่าวกระจ่าง ยังเป็นฎีกาลับ ข่าวนี้ย่อมไม่แพร่ออกไป ความหมายของหวังซีเจวี๋ยเป็นที่เข้าใจ ขุนนางเสนอ ทำหรือไม่เป็นเรื่องของฝ่าบาท
เมืองเหลียวโจวแบ่งตำแหน่งออกเป็นสามผู้บัญชาการ และตั้งเป็นมณฑลปกติ ความคิดนี้ฮ่องเต้ว่านลี่นำเข้าหารือในการประชุมขุนนาง ขุนนางทั้งหลายต่างเห็นชอบในเรื่องนี้
เมืองจี้โจวตั้งขึ้นนอกจากเพื่อป้องกันพวกนอกด่านแต่ละเผ่าแล้ว ยังเป็นเหมือนตั้งด่านปราการกำบังที่ด่านซานไห่กวน ป้องกันทหารเมืองเหลียวโจวยกทัพลงใต้มา เมื่อถึงคราต้องคิดเพื่อใต้หล้า สิ่งที่ทุกคนคิดไตร่ตรองย่อมรอบด้าน ไม่อาจมีความผิดพลาดแม้แต่น้อย
ขุนนางบุ๋นไม่ยอมให้ขุนนางบู๊เป็นใหญ่กว่า ใต้หล้าล้วนไม่ยอมให้ในพื้นที่แถบเมืองหลวงมีกองกำลังทหารใหญ่เช่นนี้อยู่ แต่หลี่เฉิงเหลียงกลับทำได้ อิทธิพลอำนาจมากไป คนนอกคิดลงมือก็ต้องคิดให้มาก แต่เขาทิ้งเงินทองไว้ซื้อเสียงในเมืองหลวงมากพอ คนช่วยเขาพูดมีมาก ทุกคนก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป
แต่ตอนนี้เมืองเหลียวโจวพ่ายศึกใหญ่ ตระกูลหลี่ไม่มีชื่อเสียงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว รองแม่ทัพหม่าหลิน รองแม่ทัพซุนโส่วเหลียนไม่ได้สูญเสียกำลังทหารไปเท่าไร กำลังเป็นโอกาสอันดี
แบ่งผู้บัญชาการออกเป็นสาม สมดุลอำนาจกันและกัน หากจะยกมาหนึ่งส่วน เสียงก็ย่อมอ่อนกว่าเมื่อก่อนมาก ราชสำนักแน่นอนสามารถกำราบได้อยู่ เมืองเหลียวโจวผืนใหญ่เช่นนี้ตั้งเป็นมณฑล ย่อมต้องมีตั้งแต่ผู้ว่าการมณฑลไปถึงนายอำเภอทำงาน แต่ตอนนี้ใต้หล้าคนคุณสมบัติขุนนางมีมาก แต่ตำแหน่งมีน้อย อยู่ๆ มีตำแหน่งเช่นนี้ออกมา ทุกคนล้วนคิดหาทาง เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าส่วนตัวหรือส่วนรวมล้วนมีประโยชน์ แน่นอนทุกคนเห็นด้วย
ในฎีกาหวังซีเจวี๋ยยังกล่าวถึงความดีความชอบกองทัพชายแดน กล่าวว่ากองกำลังย่ำแย่อย่างยิ่ง คิดว่าไม่อาจสู้กับกองกำลังเมืองหลวงและวังหลวงได้ ขุนพลทุกระดับย่ำแย่ไร้สามารถ ปัญหามากมาย เมืองเหลียวโจวเข้มแข็งสุดในบรรดาเก้าเมืองชายแดนยังเป็นเช่นนี้ เมืองชายแดนอื่นแค่คิดก็คงรู้ได้แล้ว
ความคิดเห็นนี้สามารถนำเข้าไปในการประชุมขุนนางให้วิพากษ์วิจารณ์ได้ ราชสำนักไม่พอใจกองทัพชายแดนอยู่แล้ว ทุกปีภาษีส่วนใหญ่ที่ได้ล้วนส่งไปให้ชายแดน ผลประโยชน์ชายแดนก็ถูกพวกทหารชายแดนใช้เหตุผลต่างๆ หักไปหมด ไม่ค่อยได้ส่งมอบให้ราชสำนัก ใช้เงินมาก ยังไม่เคยรบชนะอีก
เกิดเหตุวุ่นวาย ยังต้องให้เมืองหลวงส่งทหารไปช่วย ทุกคนล้วนคิดไว้ในใจแล้ว ทหารกองกำลังหู่เวยเก่งกล้าสามารถ เบี้ยหวัดและเสบียงล้วนแจกจ่ายไปเพียงพอ อาวุธไม่ต้องพูดถึง ไม่มีหักเก็บไว้แม้แต่น้อย รบมาไม่เคยแพ้ ล้วนสังหารศัตรูราบคาบ ถึงกับจับตัวหัวหน้าศัตรูสังหารทิ้งได้ แต่มาคิดค่าใช้จ่ายกลับน้อยกว่าที่จ่ายให้ชายแดนทั้งเก้า ชายแดนทั้งเก้าใช้จ่ายมากกว่าค่าใช้จ่ายกองกำลังหู่เวยมากมายนัก
เมื่อเทียบกันเช่นนี้ ชายแดนทั้งเก้าในสายตาราชสำนักก็ยิ่งดูเละเทะยิ่งกว่าเละเทะ ไม่ทันรู้ตัว หวังทงคิดปรับเปลี่ยนระบบเมืองชายแดนก็มีคนเห็นชอบไม่น้อย
ตอนฎีกาหวังซีเจวี๋ยมาถึง ทัพใหญ่ปราบตะวันออกปราบทหารเจี้ยนโจวราบไปแล้ว หากข่าวสังหารนู่เอ่อร์ฮาชื่อกับซูเอ่อร์ฮาฉียังไม่ถึงเมืองหลวง
ก่อนฎีกาประกาศชัยเด็ดขาดมาถึงเมืองหลวง หวังซีเจวี๋ยยังมีอีกฎีกาหนึ่งว่า ‘ป้องกันศัตรูให้อยู่นอกประตูแผ่นดิน’ เขากล่าวในเรื่องนี้ว่า การตั้งชายแดนทั้งเก้าก็เพื่อป้องกัน ไม่ใช่เพื่อโจมตี การจัดตั้งเช่นนี้ทำให้ศัตรูขยายอิทธิพลได้ง่าย แต่นั้นมาแผ่นดินหมิงจึงถูกโจมตีเรื่อยมา
ตัวอย่างจากเมืองกุยฮว่าเฉิง เดิมคิดว่าได้ครอบครองเมืองกุยฮว่าเฉิงแล้ว แผ่นดินหมิงจะต้องส่งทหารไปปกป้องมากเพราะชนเผ่าบนทุ่งหญ้าย่อมมาโจมตีไม่หยุด
แต่ความจริงนั้นเรื่องกลับตาลปัตร เมืองกุยฮว่าเฉิงถูกแผ่นดินหมิงยึดครองแล้ว หน่วยติดอาวุธในเมืองออกโจมตีรอบทิศ ทำให้ชนเผ่าบนทุ่งหญ้าไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้อีก จากนั้นเมืองชายแดนต่างๆ หลังจากเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นของแผ่นดินหมิงก็ไม่เคยมีกองทัพใดมาโจมตีอีก ถึงกับไม่เคยเกิดเหตุปะทะสักครั้ง
นี่เป็นเพราะนอกกำแพงแผ่นดินหมิงมีเหตุหนึ่ง ก็คือเริ่มมุ่งโจมตี ชนเผ่าบนทุ่งหญ้าล้วนตกในภาวะรับมือการโจมตี หรือไม่ก็กลับถิ่นเดิม หรือไม่ก็แตกกระจัดกระจาย หรือไม่ก็ถูกปราบราบ แน่นอนไม่มีช่องให้ไปรบกวนเมืองชายแดนอีก
เอาตัวอย่างนี้มาเปรียบเมืองเหลียวโจว นอกกำแพงเมืองเหลียวโจวตอนเหนือกับตะวันออกกว้างใหญ่ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี เผ่าหนี่ว์เจินเขาตอนเหนือยังมีชนเผ่าอื่นๆ ครั้งนี้แม้ว่าปราบเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวราบ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีแม้ยังอยู่แต่ก็เสียหายหนัก แต่ภัยยังอยู่ ไม่อาจละเลยได้ หากนอกกำแพงเมืองชานแดนเมืองเหลียวโจวทางตะวันออกกับเมืองชายแดนอื่นไม่เหมือนกัน ตอนเหนือเมืองชายแดนอื่นล้วนทุ่งหญ้าภูผาชัน หากนอกกำแพงเมืองชายแดนเมืองเหลียวโจวเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ ปีๆ หนึ่งแม้ว่าทำนาเพาะปลูกได้แค่ฤดูเดียว แต่ฤดูเดียวที่ทำผลผลิตได้นั้นสมบูรณ์เพียงพอ จึงคิดขยายเขตออกไปให้กว้าง รับประกันได้ว่าเมืองเหลียวโจวปลอดภัย พื้นที่เช่นนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อแผ่นดินหมิง
จากนั้นหวังซีเจวี๋ยยังอธิบายละเอียดว่า ที่ดินเมืองเหลียวโจวตอนนี้ดำเนินนโยบายเก็บภาษีที่ดินเคร่งครัด ไม่ให้ครอบครองและแอบซ่อนไม่แจ้งทางการ บีบให้คนใหญ่คนโตเมืองเหลียวโจวต้องออกนอกกำแพงไปบุกเบิกพื้นที่เพาะปลูก ทุกอย่างทำตามแบบเมืองกุยฮว่าเฉิง อนุญาตให้พวกเขาตั้งหน่วยติดอาวุธ นอกกำแพงเมืองให้พวกเขาปลอดภาษี
ในฎีกากล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ล้วนมีหลักการ ในฐานะรองอำมาตย์คณะเสนาบดีใหญ่ เขียนฎีกาเขียนได้มีหลักการละเอียดแน่นอนเป็นเรื่องที่สมควร หวังซีเจวี๋ยแต่ไรมาก็เป็นขุนนางมีความสามารถวิเคราะห์ แต่ทว่าความสามารถเขานั้นไม่ควรสามารถอธิบายได้เช่นฎีกานี้กล่าวมา ขุนนางบุ๋นอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางและมาจากแดนใต้ จะเข้าใจเรื่องชายแดนได้อย่างไร ยังจะมาเข้าใจเรื่องการบุกเบิกที่ดินของพวกชาวอพยพไปพวกนี้ในหลายปีนี้ได้เข้าใจเพียงนี้ได้อย่างไร
ทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจ หวังซีเจวี๋ยเขียนเรื่องพวกนี้ออกมาได้ เบื้องหลังดีไม่ดีย่อมมีหวังทงออกแรงอยู่มาก เรื่องพวกนี้หวังทงชำนาญมาก ในเรื่องพวกนี้ เขามักคิดเพื่อแผ่นดินหมิงไว้แล้ว
เมื่อก่อนนำทัพใหญ่ออกศึก ทุกคนคุยเป็นห่วงกันเรื่องแพ้ชนะ จะต้องเตรียมงบประมาณและเสบียงอย่างไร จะเก็บกวาดผลเสียหายหลังสงครามอย่างไร แต่ครั้งนี้ ทุกคนล้วนไม่เป็นห่วงในชัยชนะ สิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ล้วนเป็นฎีกาเหล่านี้
ฎีกาทุกฉบับอาจเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงนโนบายในราชสำนัก เกี่ยวพันกับคนจำนวนนับหมื่นพัน มีคนมากมายต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ข้อเสนอหวังซีเจวี๋ยที่ให้บุกเบิกพื้นที่นอกกำแพงเมือง จากราชสำนักถึงเมืองหลวง จากเมืองหลวงแพร่ไปยังเมืองมณฑลต่างๆ ใช้เวลาไม่นาน หากกำหนดนโยบายใช้เวลานานมาก แต่ทว่าตั้งแต่ระดับขุนนางสูง ไปจนระดับผู้มากอิทธิพลท้องถิ่น ก็ล้วนเข้าใจความหมายนี้ดี ทุกคนล้วนเสียใจภายหลังที่ไปไม่ทันเมืองกุยฮว่าเฉิง ไม่ทันออกนอกด่านไปหาช่องทาง ผลปรากฏหลายอย่างมิสู้ตนเองออกไปร่ำรวยเอง นอกกำแพงเมืองชายแดนเช่นเมืองเหลียวโจวดูอย่างไรก็ดีกว่าทางเมืองกุยฮว่าเฉิงมาก แม้ว่าไม่ไปทำการค้า แต่ดินกำขึ้นมากำหนึ่งล้วนดินดำอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ล้อมที่ดินได้สักพันฉิ่งหมื่นฉิ่ง ทำโรงบ้านเพาะปลูกสักแห่ง ไม่ใช่เรื่องน่าสุขใจหรอกหรือ?
สำหรับพวกป่าเถื่อนโหดร้าย อันนี้ไม่น่ากลัว ก่อนเดินทางไปก็ไปซื้อรถใหญ่กับปืนที่เทียนจิน จ้างทหารเก่ามาตั้งกลุ่มผู้คุ้มกัน กลัวพวกมันทำไมกัน รอให้ตั้งกลุ่มติดอาวุธได้เมื่อไร จะออกไปจัดการมารดามันเสียเลย
พริบตาจากเมืองหลวงถึงทั่วเขตปกครองเหนือ จากซานซีถึงซานตง ทุกระดับ ก็พากันตื่นเต้น พากันรวบรวมกำลังคน ซื้อหาของ เตรียมออกไปเสี่ยงโชค
หลายคนเริ่มแรกยังไม่มั่นใจ แต่พอเห็นพวกที่มีสายสัมพันธ์ขันทีกับขุนนางใหญ่เมืองหลวงก็เตรียมการกันยกใหญ่ ก็คิดว่าเรื่องนี้น่าเชื่อถือได้ เช่นนี้ก็อย่าลังเล ตามไปร่ำรวยกันเถิด!
ทัพใหญ่ปราบตะวันออกรายงานชัยชนะมาถึงเมืองหลวงก็ยิ่งทำให้กระแสเริ่มรุนแรงราวกับราดน้ำมันบนกองไฟ ในเมื่อภายนอกปราบเรียบแล้ว เช่นนั้นทุกคนก็ยิ่งต้องเร่งมือ นับประสาอันใดกับทางเทียนจินมีข่าวมาว่า ร้านสามธาราไปถึงก่อนแล้ว ก็ยิ่งแสดงเรื่องนี้เด่นชัดขึ้น
วงการขุนนางเมืองหลวงและคนที่เกี่ยวข้องกับขุนนาง หนึ่งส่งคนสนิทตนเองไปร่ำรวย อีกทางก็เริ่มมุ่งมาสนใจทางนี้
ทัพใหญ่ปราบตะวันออกไปเมืองเหลียวโจว รวมตัดหัวศัตรูมาได้หกหมื่น ได้หัวหัวหน้าโจรมา นี่เป็นความชอบระดับใด ในฐานะแม่ทัพเช่นหวังทงควรได้พระราชทานรางวัลใด
อย่างอื่นไม่ว่า หลังชัยชนะใหญ่ครั้งนี้ ขันทีคุมกำลังเฉินจวี่ความจริงนั้นอาจได้แต่ตั้งเป็นโหว เรื่องนี้ก็เคยมีตัวอย่างมา หวังทงเป็นโหวแล้ว ราชสำนักควรให้อันใด
มีวาจาโบราณกล่าวว่า ‘เฝิงถังแก่ง่าย หลี่กว่างยากแต่งตั้ง[1]’ วาจานี้ในเมืองหลวงถูกคนแก้เป็น ‘หวังทงไม่แก่ หวังทงยากแต่งตั้ง’
หากหวังทงอายุมาก แต่งตั้งเป็นอ๋องก็ไม่เป็นไร อย่างมากลูกหลานต่อไปก็เสวยตำแหน่งต่อไป สูงศักดิ์ต่อไป สวีต๋าตอนนั้นป่วยตายที่เมืองเป่ยผิงแล้ว ราชสำนักจึงได้แต่งตั้งเป็นอ๋อง ลูกหลานต่อมาเป็นกั๋วกง ตำแหน่งสืบทอด เสวยตำแหน่งสูงศักดิ์
แต่หวังทงตอนนี้อายุยังน้อย อายุ 20 กว่าเท่านั้น ความดีความชอบน่าตกใจ แต่งตั้งเป็นกั๋วกงเห็นชัดว่าไม่พอ แต่หากเป็นอ๋อง อายุกำลังวัยฉกรรจ์เช่นเขา คิดว่ายังมีเวลาก่อร่างสร้างผลงานอีกหลายปี หวังทงยังกุมอำนาจการทหาร ยังมีเงินมีทองมหาศาล ให้ตำแหน่งสูงเกินไป โอรสสวรรค์จะอยู่อย่างไร ฮ่องเต้ส่วนใหญ่ล้วนอายุสั้นกว่าขุนนาง ถึงตอนนั้น จะให้รัชทายาทอยู่ได้อย่างไร
หากไม่แต่งตั้ง หรือทำแบบครั้งก่อน ใช้พระราชทานสมรสมากำราบ ใต้หล้าล้วนเจ็บปวดใจ ราชสำนักจะมีเกียรติได้อย่างไร พวกขุนพลทัพใหญ่ปราบตะวันออกจะมองอย่างไร พระราชทานรางวัลความชอบแก่แม่ทัพใหญ่มักเป็นมาตรฐาน หากแม่ทัพใหญ่ได้มาก คนอื่นก็ย่อมได้ตาม
หากให้แม่ทัพใหญ่เล็กน้อยจนน่าตกใจ เช่นนี้ขุนพลคนอื่นจะคิดอย่างไร กองกำลังหู่เวยเข้มแข็งเพียงนี้ หากทำให้ทหารกองกำลังหู่เวยเสียกำลังใจ ทำให้ทหารกองกำลังหู่เวยโกรธแค้น ผู้ใดจะรับผิดชอบไหว
ตามธรรมเนียมแล้ว หวังทงรายงานชัยชนะมาถึง ก็แสดงให้เห็นว่าการศึกนี้จบลงแล้ว จากนี้ก็เป็นหน้าที่ราชสำนักส่งคนไปตรวจนับหัวศัตรู ตรวจสอบความชอบ จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เตรียมรางวัล ยังต้องประกาศใต้หล้าและกราบไหว้ศาลบรรพชนอีก
เรื่องตรวจสอบหัวศัตรูนั้นก็ไม่มีคนพูดถึง รายงานหวังทงก็น้อยกว่าปกติ ถึงกับอยู่ ๆ น้อยลงไป เรื่องแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ทุกคนยิ่งไม่กล่าวถึง ถึงตอนนี้ กล่าวอันใดก็ล้วนมีความเสี่ยงไม่น้อย ในเมื่อเช่นนี้ ทุกคนล้วนรู้ว่าควรทำเช่นไร
“เรื่องนี้เรื่องใหญ่ พวกกระหม่อมไม่กล้าทูลอันใด ขอทรงพิจารณาด้วยพระองค์พะยะค่ะ….”
ฎีกาทุกคนที่เกี่ยวข้องล้วนกล่าวเช่นนี้ ในวังก็มีข่าวแพร่มาว่าฮ่องเต้ว่านลี่ตอนทอดพระเนตรฎีกาในห้องทรงอักษร ทรงปาแก้วแตก
…………………………..
[1] เฝิงถึงเป็นขุนนางในสมัยฮั่นเหวินตี้มีความชอบมาก แต่เนื่องจากเป็นคนตรงไปตรงมาจึงมักเจอคนขัดขวาง ไม่ได้ตำแหน่งขุนนางที่สูงนัก ส่วนหลี่กว่างเป็นขุนพลเก่งกล้าในสมัยฮั่นเหวินตี้มีความชอบ แต่ก็สุดท้ายก็ไม่ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์
Comments for chapter "ตอนที่ 1019 จบงานยาก"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
หยางอี้เป่า
กากจริง