องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1021 โอรสสวรรค์กริ้วหนัก
การทหาร การเมือง การค้าแต่ละอย่าง แม้ว่าด้วยสถานะหวังทงนี้ไม่อาจกล่าวอันใดโดยตรงได้ แต่ทว่าในเมื่อเป็นฎีกาลาออก ในฎีกาที่สามารถทูลได้ก็ย่อมวงกว้างมาก
แต่หนักเบาก็ยังคงรู้อยู่ เช่นว่า กล่าวว่าหวังทงเป็นขุนพลบู๊ ดังนั้นเรื่องการทหารจึงมีเรื่องให้ทูลมากมาย เขาอยู่เทียนจินสร้างตัวอย่างแห่งการจิ้มหินให้เป็นทองก้อน ดังนั้นการค้างานภาษีก็ย่อมมีเรื่องให้ทูลมากเช่นกัน เรื่องอื่นๆ ก็แค่เสนอนิดหน่อย ไม่ได้ลงลึกมากนัก
เช่นว่าวงการขุนนางราชสำนักเป็นเช่นไร หวังทงเอ่ยถึงไม่มาก เรื่องราวของพวกขุนนางบุ๋นเพียงแค่กล่าวถึงเรื่องการสอบตำแหน่งขุนนาง ราชสำนักกับขุนนางท้องที่ควรจะทำอย่างไรนั้นไม่ได้กล่าวถึง
ส่วนเรื่ององครักษ์เสื้อแพร หวังทงเองก็กล่าวได้กระจ่าง ตอนนี้แต่ละหน่วยงานจัดการเรียบร้อย ความสามารถและประสิทธิภาพนับวันยิ่งสูง องค์กรเช่นนี้มอบให้คนหนึ่งไปดูแล หากจงรักภักดีก็ดีไป หากไม่จงรักภักดีหรือสมคบคิดกับผู้ใด ก็ย่อมเป็นเรื่องยุ่งยากตามมา ดังนั้นแต่ละหน่วยงานองครักษ์เสื้อแพรควรให้ตั้งรองผู้บัญชาการและผู้ช่วยผู้บัญชาการดูแลอย่างละหนึ่ง ให้คนในวังคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบดูแลโดยตรง แบ่งแยกและจัดการ แต่จะคนมีหน้าที่ เช่นนี้ก็จะไม่เกิดเหตุควบรวมอำนาจโดยง่าย
หวังทงยังกล่าวถึงเรื่องหนึ่ง การคงอยู่ของเทียนจินแสดงให้เห็นแล้วถึงประสิทธิภาพการขนส่งทางทะเล เทียบกับการขนส่งขนาดเล็กคลองส่งน้ำที่ทุกปีต้องการเงินทองจ่ายไปเพื่อการดูแลบำรุงมากมหาศาล ข้อเสียของการขนส่งทางคลองส่งน้ำ ทำให้การขนส่งทางทะเลไม่ต้องสงสัยเลยว่านับวันจะยิ่งมาก
แต่การขนส่งทางคลองส่งน้ำนั้นเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ขุนนางมากมายเท่าไรไม่รู้ หวังทงเพียงแค่แสดงให้เห็นข้อแตกต่างของทั้งสองทางให้ชัดเจนเท่านั้น กลับไม่ได้อธิบายว่าควรทำเช่นไร
ขันทีห้องเครื่องมาทูลถามว่าจะเสวยยามใดบ้าง ล้วนถูกเจ้าจินเลี่ยงไล่กลับไป จากนั้นฮองเฮาเจิ้งก็ส่งคนไปยกกล่องเครื่องเสวยเป็นพวกขนมและโจ๊กมา
เถียนอี้ค่อยๆ อ่าน ฎีกาหวังทงมีเรื่องราวมากมายเหลือเกิน เถียนอี้ปฏิบัติหน้าที่ในวังนอกวังมาหลายปี เห็นอะไรมาก็มาก คิดว่าตนเองมีความสามารถ แต่พอได้อ่านฎีกาหวังทง ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน หรืออาจเคยแอบคิดบ้าง แต่ไม่เคยคิดให้เข้าใจกระจ่างเช่นนี้มาก่อน
เถียนอี้ตอนอ่านฎีกาก็รู้ได้เรื่องหนึ่ง แม้หวังทงขอลาออก แต่นโยบายที่กล่าวไว้ในฎีกานั้น หากไม่มีหวังทงมาจัดการ จะทำได้ระดับไหนก็ยากจะรู้ได้
การตั้งกองกำลังหู่เวย การตั้งเทียนจิน บรรดาขุนนางราชสำนักคึกคักกับเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า พ่อค้าใต้หล้าตั้งหน่วยคุ้มกันกับหน่วยฝึกกำลัง เริ่มสนใจในการเพาะปลูกและอพยพคน หลงใหลไปกับการแย่งชิงข้าวของพวกต่างเผ่าราชวงศ์หมิงสองร้อยปีมานี้ก็คงมีแค่สิบกว่าปีนี้ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
เริ่มเปลี่ยนแปลงก็ยากจะหยุด เพราะทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก กลายเป็นผลประโยชน์กองรวม คิดจะหยุดหรือบิดเปลี่ยนทิศ ก็ต้องสูญเสียอีกมาก หลายคนรู้สึกว่าไม่คุ้ม หลายคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คิดอยากจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป
อย่างน้อยเถียนอี้รู้ ขุนนางใหญ่น้อยเมืองหลวงล้วนใช้ประโยชน์จากตำแหน่งหรือไม่ก็การข่าวที่ฉับไวอำนวยความสะดวกให้ตนเอง การค้าทางทะเลตอนเหนือกับทางตะวันออก เมืองอาณานิคมสองแห่งกับผลประโยชน์เพาะปลูก ความจริงนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวพันโดยตรงกับการที่ชนชั้นสูงไม่ต้องเสียภาษี เกี่ยวพันกับคนจำนวนมาก เกี่ยวพันกับหลายเรื่อง คิดจะเปลี่ยนแปลงก็ยากยิ่ง
ครอบครัวพ่อค้าเดิมหากคิดก้าวหน้าก็จะไม่ส่งลูกหลานให้ไปทำการค้า หากให้ลูกหลานไปสอบตำแหน่งขุนนาง จากนี้เส้นทางนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พ่อค้าเริ่มส่งเสริมให้ลูกหลานไปเรียนวิชาต่อสู้เพื่อเป็นทหารสร้างความชอบ และมีขุนพลทหารให้การปกป้อง อีกอย่างหากไปทำการค้า ตอนนี้โอกาสร่ำรวยมีมาก และสถานะพ่อค้านับวันก็ยิ่งสูงส่ง เส้นทางนี้เดินไปแล้วไม่มีเสียแน่นอน
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อนสมัยฮ่องเต้ว่านลี่ ถึงกับก่อนปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 ก็ยังไม่มี นี่ล้วนเพราะหวังทงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ความจริงนั้นตอนนี้ไม่ชัดนัก แต่ทว่าเถียนอี้รู้สึกได้ว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นับวันยิ่งมากขึ้น นับวันยิ่งชัด และเปลี่ยนแปลงอะไรไปหลายอย่าง
วันนี้ได้อ่านฎีกาเหล่านี้ เถียนอี้ยิ่งอ่านก็ยิ่งช้าลง เพราะเขาคิดจะจดจำทั้งหมดเอาไว้ให้มากที่สุด และคืนนี้จะได้กลับไปนำสิ่งเหล่านี้คัดลอกออกมา ฎีกาวันนี้เป็นฎีกาลับ เปิดเผยได้หรือไม่ไม่รู้ ตนเองจดจำได้มากเท่าไร ได้ละเอียดเท่าไร บางทีอาจจะกุมการเปลี่ยนแปลงในวันหน้าไว้ในกำมือได้
สำนักส่วนพระองค์ตอนนี้มีธรรมเนียมหนึ่งที่รู้กัน เถียนอี้กับโจวอี้หากคนใดคนหนึ่งสามารถอยู่ข้างพระวรกายเพียงคนเดียว อีกคนย่อมเร่งตามมา นี่เป็นการคิดเพื่อการสมดุลอำนาจ
ห้องทรงอักษรตำหนักเฉียนชิงกง โจวอี้ก็ฟังอยู่ ในนั้นที่ยุ่งที่สุดก็คือเจ้าจินเลี่ยง หลายคนในห้องดื่มชากันหมดไปหลายกาแล้ว เขาต้องรินน้ำชาไม่หยุด
เสียงกลองวังหลวงดังแว่วมาแล้ว เถียนอี้คว้าชาขึ้นจิบ ยิ้มทูลว่า
“ฝ่าบาท ดึกมากแล้ว ยังมีอีกเล่ม กระหม่อมจะเร่งอ่าน…”
ขณะกล่าว เถียนอี้ก็หยิบอีกเล่มสุดท้ายออกจากกล่องเหล็ก ฎีกากับก่อนหน้านี้ไม่เหมือนกัน ล้วนห่อจดหมายใหญ่
“หวงอี้จวิน? เล่มนี้แปลกจริง…”
เถียนอี้พึมพำ ฮ่องเต้ว่านลี่ขมวดพระขนงตรัสว่า
“ไม่ต้องแกะออก เราอ่านเอง!”
หวง อี้จวินชื่อนี้เป็นชื่อที่ใช้ตอนอยู่ลานฝึกหู่เวย ชื่อปลอมของฮ่องเต้ว่านลี่ เจ้าจินเลี่ยงกับโจวอี้รู้ เถียนอี้ไม่รู้
“จุดตะเกียงเพิ่ม!”
ฮ่องเต้ว่านลี่มีพระบัญชา เจ้าจินเลี่ยงรีบไปจัดการ ฮ่องเต้ว่านลี่ฉีกซองออก ในซองเป็นกระดาษบางๆ หนึ่งแผ่น ต่างกับชั้นหนาด้านบน
เถียนอี้กับโจวอี้และเจ้าจินเลี่ยงมองดูแล้วก็พากันถอยหลังไป แม้พวกเขาตอนนี้อยู่ในมุมที่มองไม่เห็นเนื้อหา แต่ก็หลีกเลี่ยงไว้ก่อนดีกว่า
*****************
“หวงอี้จวิน ขอฝ่าบาททรงพระราชทานอภัยด้วย การเอ่ยถึงคำเรียกขานนี้ก็เพื่อให้ฝ่าบาททอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง กระหม่อมเป็นขุนนางบู๊ ไม่ชำนาญการเขียนบทความยาว ดังนั้นจดหมายนี้จึงขอใช้ภาษาพูดเขียน ขอทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ…”
อ่านถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่แย้มสรวลหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง ส่ายพระพักตร์อ่านต่อ
“…ตั้งแต่ตั้งแผ่นดินหมิงมา แผ่นดินหมิงไม่เคยมีขุนนางมีความชอบใหญ่เช่นนี้ กระหม่อมมีทั้งกำลังทหารและเงินทองในมือมาก กองกำลังหู่เวยเป็นกระหม่อมฝึกขึ้นมา องครักษ์เสื้อแพรก็เป็นกระหม่อมจัดการขึ้นมา กำลังเมืองหลวง มีหนึ่งในสามอยู่ในมือกระหม่อม ช่างเป็นเรื่องไม่บังควร…”
“วาจานี้มีแต่เจ้าที่กล่าวได้ เหิมเกริมยิ่ง….”
ฮ่องเต้ว่านลี่พึมพำ สีพระพักตร์ยังคงแย้มสรวล อ่านต่อ
“ใต้หล้าคิดเช่นไร ขุนนางราชสำนักคิดเช่นไร ฝ่าบาททรงคิดเช่นไร กระหม่อมก็พอเดาได้ กระหม่อมแต่ไรก็บอกว่าคิดเพื่อแผ่นดินหมิง เพื่อฝ่าบาทด้วยความภักดี กระหม่อมเองก็มีความเห็นแก่ตัว คิดต้องการอำนาจวาสนา คิดต้องการตำแหน่งขุนนางสูง คิดต้องการภรรยางาม กระหม่อมตอนนี้ล้วนมีหมดแล้ว ดังนั้นกระหม่อมไม่มีอันใดต้องการอีก แต่เพราะกระหม่อมสร้างความดีความชอบใหญ่ หากยังอยู่ในตำแหน่งต่อ ก็ไม่อาจสลัดตนให้พ้นครหา ตอนนี้กระหม่อมขอลาออกจากตำแหน่งขุนนาง ฝ่าบาทรู้กระหม่อมจงรักภักดีแล้วกระมัง….”
ฮ่องเต้ว่านลี่แย้มสรวลก่อน แต่ทว่าสีพระพักตร์ก็เคร่งเครียดทันที
“…หลังลาออกแล้ว ขอให้ฝ่าบาททรงใช้งานหลี่หู่โถว ไช่หนาน หลี่ว์วั่นไฉ หลี่เหวินหย่วนไปต่อ คนเหล่านี้ล้วนฝ่าบาททรงเลี้ยงดูมาให้เติบใหญ่ รู้ในพระกรุณายิ่ง จงรักภักดีอย่างที่สุด….”
ฮ่องเต้ว่านลี่วางจดหมายลงบนโต๊ะ พิงที่ประทับ สองพระเนตรเหม่อมองฟ้า ถอนพระปัสสาสะยาว ไม่รู้ว่าทรงคิดอันใดอยู่
เถียนอี้โจวอี้กับเจ้าจินเลี่ยงเงยหน้ามอง ก่อนทุกคนพากันก้มหน้าลง ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินประตูห้องทรงอักษรดัง เจ้าจินเลี่ยงรีบถอยหลังออกไป เถียนอี้กับโจวอี้ล้วนหันไปมอง ในใจพวกเขาเองก็แปลกใจ ยามนี้ผู้ใดจะมา หรือว่าเป็นฮองเฮาเจิ้งส่งคนมา? ด้วยพระนิสัยฮองเฮาเจิ้ง ย่อมไม่มายุ่งเกี่ยวราชกิจฮ่องเต้ว่านลี่ในยามนี้
เจ้าจินเลี่ยงเปิดประตูออกไปสนทนาครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ย่องกลับมาเบาๆ ไม่รายงานอันใด หากกระซิบข้างกายเถียนอี้สองสามคำ
เห็นเถียนอี้ออกไป เดิมทีฮ่องเต้ว่านลี่ที่เหม่ออยู่ก็เริ่มสังเกตเห็น พอเถียนอี้กลับมา เห็นฮ่องเต้ว่านลี่ขมวดพระขนงก็เข้าใจทันที รีบคำนับกราบทูลว่า
“ฝ่าบาท มีรายงานว่า ครอบครัวหวังทงถึงเทียนจินแล้ว ว่าไปเยี่ยมจางกงกง เรื่องนี้ ….เรื่องนี้….”
เถียนอี้กล่าวติดๆ ขัดๆ ฮ่องเต้ว่านลี่ระเบิดพระอารมณ์ออกมา ตวาดดังว่า
“ว่ามาดังๆ ต่อหน้าเรา เจ้ายังมีอันใดไม่อาจกล่าวได้อีก!”
“ฝ่าบาท ขอพระราชทานอภัยพะยะค่ะ เมื่อครู่คนของเราเพิ่งคิดได้ ครอบครัวหวังทงเดาว่าขึ้นเรือที่เทียนจินไปแล้ว…”
“บัดซบ! บัดซบ!!”
ฮ่องเต้ว่านลี่ตวาดสุรเสียงดังลั่น เถียนอี้สะดุ้ง รีบคุกเข่าลง ทูลติดๆ กันว่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมจะส่งคนไป ส่งคนสำนักบูรพาไปจับตัว….”
“จับมารดาเจ้าสิ….”
ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงคว้าอะไรขึ้นมาสักอย่าง ปาใส่เถียนอี้ ดีที่ปาโดนเอกสาร จึงไม่ทำให้บาดเจ็บ แต่โอรสสวรรค์สบถคำด่าออกมา เป็นอะไรที่หาไม่ค่อยได้พบเห็นนัก แต่ทว่าหลายคนที่นี่ล้วนคนสนิท ล้วนเคยได้ยิน และรู้ว่าแสดงถึงความกริ้วหนักของฮ่องเต้ว่านลี่
โจวอี้กับเจ้าจินเลี่ยงล้วนพากันคุกเข่าตาม เถียนอี้โขกศีรษะ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ฮ่องเต้ว่านลี่ผลักโต๊ะออก ลุกขึ้นยืน ตวัดพระกรไปมาตรัสว่า
“บัดซบไอ้พวกบัดซบสิ้นดี คิดจะจากไปแล้วจบหรือ ไม่มีทาง ใต้หล้ามีเรื่องดีเช่นนี้ที่ไหนกัน วันหนึ่งเป็นบ่าวเรา ชั่วชีวิตก็เป็นบ่าวเรา คิดจะหนีไปเสวยสุขที่แดนใต้สบาย ฝันไปเถอะ เราวันๆ อยู่แต่ในวังวุ่นวายงานแผ่นดิน เจ้าจะไปมีความสุขได้อย่างไร ไม่ได้ ไม่ได้!!”
ฮ่องเต้ว่านลี่ในห้องทรงอักษรอยู่ๆ ก็ตวาดดังลั่น องครักษ์รอบห้องทรงอักษรพากันตกใจ โจวอี้รีบสะกิดเจ้าจินเลี่ยงให้ออกไปรับหน้าไว้ อย่าให้แตกตื่นตกใจกันไปหมด
เจ้าจินเลี่ยงรีบลุกออกไปเปิดประตูบอกกับทุกคน องครักษ์เดิมทีท่าทางเคร่งเครียดมาก แต่พอเห็นเจ้ากงกงสีหน้ายังคงยิ้ม ทำเอาทุกคนงง
“ร่างราชโองการๆ รีบเร่งส่งไปเมืองซงเจียง!!”
Comments for chapter "ตอนที่ 1021 โอรสสวรรค์กริ้วหนัก"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
หยางอี้เป่า
งูพิษ
หยางอี้เป่า
ตัวเองกากก็เอาแต่อิจฉาเขา ไม่เชื่อใจ
เวลาสมควรให้ก็ไม่ให้ ตัวร้ายได้เอาๆ
แล้วอยากให้เขาอยู่ ว่านโง่ก็คือว่านโง่