องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1022 ข่มบารมียามลงจากเรือ
ครอบครัวหวังทงล้วนไปขึ้นเรือที่เทียนจิน ทังซานนำขบวนเรือไปด้วยตนเอง สำนักทางการที่เทียนจินก็เลือกคนที่ไว้ใจขึ้นเรือมาด้วย เพื่อป้องกันการผิดพลาด
คนงานคนสนิทติดตามมา ยังมีคนจากสำนักทางการที่เทียนจินมาสมทบด้วย ขณะขึ้นเรือก็มีหลายคนถูกให้ลงจากเรือไปทันที ไม่มีเหตุผลใด หลายคนคิดดึงดัน กลับมีคนบอกพวกเขา หากนายท่านยังคงสถานะเดิม ข้างกายมีสายส่งมาจับตาก็ควรอยู่ แต่ตอนนี้ไม่รับราชการแล้ว พวกเจ้าจะติดตามมาทำไมกัน หรือว่ารอให้ถึงกลางทะเลแล้วจับพวกเจ้าโยนไปเลี้ยงปลากัน?
กล่าวจบหลายคนก็รู้งานก้มหน้าก้มตายอมรับ สถานะตนเองถูกเปิดเผยแล้ว เงินหนึ่งหมื่นตำลึง ทองคำแสนห้าหมื่นตำลึงล้วนนำขึ้นเรือเป็นเหมือนสินค้า คนน้อยมากที่รู้
เรื่อถึงเมืองเติงโจว จอดที่เมืองท่า 10 วัน รอให้ขบวนเรือจากเหลียวตงมาสมทบ เรือจากเหลียวตงเป็นเรือที่รับหวังทงมา
ได้บอกกล่าวกับหวังซีเจวี๋ยไว้เรียบร้อยแล้ว หลี่หู่โถวกับไช่หนานเองก็ไม่อาจกล่าวอันใดกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของหวังทง เพราะพวกเขาเองก็รู้สถานการณ์ตอนนี้ หวังทงลาออกเองเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เครือข่ายหวังทงทั้งหมด ไม่ว่ากองทัพหรือการค้า หรือแม้แต่พวกขุนนางบุ๋นเช่นหลี่ว์วั่นไฉ แต่ละฝ่ายก็ล้วนสามารถอยู่ต่อไปได้ ได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัยถ้วนทั่ว
หลี่หู่โถวกับแต่ละกองรวมกัน เลือกทหารเก่า 600 นายปลดประจำการติดตามคุ้มกันหวังทง ติดตามหวังทงลงใต้
ในบรรดาทหารติดตาม ซาตงหนิงสร้างความแปลกใจที่ไม่ไปเป็นทหารเรือที่เทียนจิน หากขอติดตามคอยอารักขา หวังทงไปเมืองซงเจียง
หม่าซานเปียวเดิมทีก็คิดตามไปด้วย แต่ถูกหวังทงห้ามไว้ คนอื่นไม่ว่า มารดาหม่าซานเปียวอายุมากแล้ว ยังเป็นชาวเมืองหลวง คงไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงอากาศ ขอให้อยู่เมืองหลวงดูแลสุขภาพดีกว่า และเมืองหลวงไม่ว่าทางลับหรือที่แจ้งก็ล้วนมีงานหวังทงกองใหญ่ทิ้งให้หม่าซานเปียวจัดการ จะได้มีคนคอยสอดส่องรับมือสถานการณ์
เครือข่ายสามธาราล้วนเป็นสมบัติส่วนตัวหวังทง จางเฉิงหลังพักอยู่ที่เทียนจิน หวังทงแนะนำพวกเขา มีเรื่องใหญ่ใดให้ไปสอบถามความเห็นจางเฉิง
แน่นอนแล้วว่า ครั้งนี้หวังทงลาออกลงใต้ เรื่องนี้ไม่มีคนแจ้งก่อน แต่ทว่าข่าวก็เก็บเป็นความลับได้ไม่นาน หรือไม่ก็เพราะพวกหานเสียไปเยี่ยมเยือน จางเฉิงจึงพอเดาได้บางส่วนว่าต้องการจะทำอะไร แต่ตอนนั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หลังเรื่องเกิดแล้ว ว่ากันว่าจางเฉิงยังทอดถอนใจขึ้นว่า รู้รุกถอย คิดการได้ดี
สำหรับไช่หนาน หลี่หู่โถว จางซื่อเฉียงและหลี่ว์วั่นไฉ หวังทงไม่มีอันใดเป็นห่วง พวกเขาแต่ละคนล้วนมีวิธีการตน
ความจริงนั้นระบบเดิมไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดชัดเจน เป็นฮ่องเต้ว่านลี่สั่งการผ่านหวังทง หวังทงค่อยไปจัดการคนกลุ่มนี้มาทำงาน ก็เท่ากับหวังทงเป็นคนควบคุม ตอนนี้ทุกคนล้วนขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ว่านลี่ สำหรับฮ่องเต้ว่านลี่แล้ว ตอนนี้โครงสร้างนี้ปลอดภัยกว่า
เมืองหลวงม้าเร็วนำจดหมายไป ไปถึงเร็วกว่าหวังทงหลายวัน กลางเดือนหกราชโองการก็ถึงเมืองซงเจียง
ราชโองการแน่นอนมีหลายฝ่ายสืบข่าว ผู้แทนพระองค์ที่ส่งไปประกาศราชโองการได้รับการสั่งการมาไม่ปิดบังเนื้อหาในราชโองการนี้ ตอนหวังทงยังไม่ถึง ข่าวก็แพร่ไปทั่วแล้ว
“…หวังทงได้รับแต่งตั้งเป็นเหลียวกั๋วกง ยังคงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร เมืองซงเจียงยังให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหลัก ดูและการทหารและราษฎร รวมทั้งวางแผนงานเปิดท่าการค้า…”
จากโหวเป็นกั๋วกง สำหรับหวังทงแล้วก็เป็นเรื่องสมควร การได้ตำแหน่งบรรดาศักดิ์นี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ความจริงนั้นก็เหนือความคาดหมายของทุกคน ความดีความชอบใหญ่เช่นนี้ เดิมทีทุกคนล้วนคิดว่าราชสำนักจะตัดสินใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สมัยฮ่องเต้เจียจิ้งมาถึงตอนนี้ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินหมิงมีศึกสงครามไม่น้อย คนที่ทำความชอบทางด้านการศึกได้รับตำแหน่งแต่งตั้งไปก็ไม่น้อย กั๋วกงตำแหน่งนี้สูงส่ง มีมาแค่สามคน
ตำแหน่งกั๋วกงหวังทงนี้สืบทอดต่อไปยังลูกหลาน เรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ก็หมายความว่า สถานะกั๋วกงหวังทงสืบทอดต่อไป ต่อไปลูกหลานก็ล้วนเป็นกั๋วกง
ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ชั้นสูงเช่นนี้ ใต้หล้านี้ที่มิใช่คนตระกูลจูดำรงตำแหน่งนั้นมีเพียงแค่ตระกูลเดียว นั่นก็คือเว่ยกั๋วกงตระกูลสวีแห่งเมืองหนานจิง ใต้หล้ากว้างใหญ่ เมืองหนานจิงเคยเป็นเมืองหลวง แดนใต้เป็นศูนย์กลางเสบียงอาหารและภาษี จะต้องมีคนจัดการโดยเฉพาะ เมืองหลวงกลับไปอยู่เหนือ สองแห่งห่างกันไกล ยังไม่อาจส่งพระญาติไปนั่งประจำได้ ดังนั้นจึงเป็นตระกูลสวี กับขันทีประจำเมืองหนานจิงและเสนาบดีกรมทหารเมืองหนานจิงสามฝ่ายร่วมกันดูแล เรียกว่าเป็น ‘ราชาแดนใต้’ ก็คงไม่เกินไป
และเพราะมีตำแหน่งงานเช่นนี้ ดังนั้นตระกูลสวีจึงได้สิทธิในการสืบทอดตำแหน่งกั๋วกงต่อไปยังลูกหลาน ตอนนี้หวังทงได้ตำแหน่งนี้แล้ว ความดีความชอบนี้เรียกได้ว่าเป็นที่ประจักษ์ ผู้ใดก็หาติเตียนมิได้
ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรแม้ว่าเป็นตำแหน่งงานมีหน้าที่ปฏิบัติ แต่หน่วยงานตั้งอยู่เมืองหลวง เมืองหนานจิงก็มีนายกองพันสามนายเท่านั้น จะทำอะไรได้ แต่ทว่าถือว่าให้เกียรติมากพอแล้ว เห็นชัดว่าราชสำนักไม่ได้ใช้ลาลับมีดเสร็จก็สั่งฆ่าลา
สำหรับผู้บัญชาการหลักเมืองซงเจียง ตำแหน่งกำหนดหน้าที่ละเอียด ทุกคนมองก็ล้วนเข้าใจ ก็เท่ากับว่ามอบเมืองซงเจียงใส่มือหวังทง
นอกจากเมืองซูโจว ใต้หล้าก็มีเมืองซงเจียงร่ำรวยที่สุด ที่นี่ตอนนี้ก็เท่ากับมอบให้หวังทงแล้ว หลายคนพากันน้ำลายหก แต่ทว่ามาคิดให้ดีก็จะเข้าใจ ใช้เมืองซงเจียงเป็นดังตอบแทนความชอบหวังทง ราชสำนักความจริงนั้นเรียกว่าใจแคบไปสักหน่อยแล้ว
***********
ชาวเมืองซงเจียงไม่ได้คิดอันใดในเรื่องที่ตระกูลสวีคืนเดียวถูก ‘โจรสลัด’ ล้างตระกูล เมืองซงเจียงไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดเหลืออีกแล้ว
ตระกูลสวีทิ้งที่นาไว้ผืนใหญ่ มีแต่คนคิดครอบครอง ผลปรากฏว่าร้านสามธารามาถึงก่อน ที่นาดีเมืองซงเจียง ยังมีกิจการโรงทอผ้า ร้านสามธาราก็คว้ามาไว้ในมือได้อย่างรวดเร็ว และร้านสามธารายังทำการค้าได้ยุติธรรมกว่าตระกูลสวีมาก แต่ไรมาไม่เคยทำเรื่องกดราคาซื้อขาย
ที่นาตกอยู่กับร้านสามธารา โรงทอผ้าก็ถูกร้านสามธาราครอบครองไป การค้าเมืองซงเจียงก็เท่ากับว่าตกอยู่ในมือหวังทงไปแล้ว ตอนนี้ให้ตำแหน่งผู้บัญชาการหลักเมืองซงเจียงไปอีก ก็เท่ากับเป็นที่แน่นอนแล้ว
ตอนนี้เมืองซงเจียงเป็นพื้นที่หวังทงไปแล้ว เขามาที่นี่จะทำอะไรได้นั้น ชาวเมืองซงเจียงใช่ว่าไม่เห็น
ทางอำเภอซ่างไห่ ร้านสามธาราก็จ้างคนไปก่อสร้างแล้ว เริ่มสร้างจวนใหญ่ให้หวังทง
และก่อนหน้านี้ มีขุนนางบู๊ชื่อ เมี่ยวลั่ง มาตรวจตรายังเมืองซงเจียง เมี่ยวลั่งเป็นผู้ใด ราษฎรไม่กระจ่าง แต่คนที่เมี่ยวลั่งพามาด้วยนั้นกลับมีคนไม่น้อยจดจำได้ ก็เป็นคนที่ตอนนั้นเคยอยู่ไท่หูก่อเรื่องพวกนั้นไม่ใช่หรือ? ว่ากันว่าเป็นโจรทะเลสาบไท่หูกลุ่มใหญ่ที่สุด ต่อมาก็หายตัวไปกันหมด คิดไม่ถึงถูกทางการดึงตัวไป ว่ากันว่าคนกลุ่มนี้ล้วนเป็นลูกน้องหวังทง
เดิมคิดว่าเขาเป็นคนจากนอกพื้นที่มาเป็นขุนนาง คงมีหลายอย่างไม่สะดวก ผู้ใดจะคิดว่ายังมีคนใหญ่คนโตรู้ที่ทางในพื้นที่ช่วย เช่นนี้จะไม่สะดวกได้อย่างไร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนนี้ขุนนางใหญ่น้อยในเมืองซงเจียงปฏิบัติหน้าที่ ล้วนมาจากหน่วยงานที่เทียนจิน เช่นนั้นก็ย่อมเป็นคนหวังทง เขามาที่นี่ ใช่ว่าเหมือนกับอยู่เทียนจินหรือ
ใกล้เดือนเจ็ดแล้ว เรือหวังทงมาถึงเมืองซงเจียง คนใหญ่คนโตในท้องที่และขุนนางเมืองซงเจียง ยังมีพวกมากอำนาจวาสนาจากเมืองหนานจิงล้วนพากันมาต้อนรับ
เห็นขบวนเรือหวังทงมากัน เรือใหญ่เสาใบเรือสามถึงห้าใบ บนเรือยังมีปืนใหญ่ดำมะเมื่อม และยังมีเรือคุ้มกันติดตามหวังทงมาอีก ท่าทีทุกคนย่อมนอบน้อมยิ่ง อาศัยเรือใหญ่เหล่านี้ ผู้คุ้มกันกลิ่นอายสังหารรุนแรงเหล่านี้ หวังทงก็ย่อมสามารถวางตัวเหิมเกริมในแดนใต้ได้เต็มที่
บนท่าเรือบรรดาผู้มากอำนาจวาสนาจากหนานจิงและเฟิ่งหยาง แน่นอนเขตปกครองใต้ทุกระดับ ขุนนางบางคนมาเอง บางคนส่งคนมา คนเหล่านี้ต้อนรับก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องก็คือมาดูสถานการณ์ หวังทงเมื่อก่อนเหิมเกริมทั่วหล้า อาศัยว่าเป็นคนโปรดฮ่องเต้ว่านลี่ กองกำลังหู่เวยกับองครักษ์เสื้อแพรก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญอันหนึ่ง
ตอนนี้เขาเพื่อลาออกจากตำแหน่งหนีคำครหา องครักษ์เสื้อแพรไม่อาจครอบครอง กำลังทหารก็ทิ้งไว้ที่เหลียวตง ตอนนี้หวังทงไม่มีอำนาจอันใดสักอย่าง ก็แค่ตำแหน่งเหลียวกั๋วกงกับผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรที่ปลอมๆ เท่านั้น แค่ตำแหน่งผู้บัญชาการหลักเมืองซงเจียงจะเท่าไรกัน ก็แค่ระดับผู้ว่า
หวังทงตอนนั้นลงใต้มา ทั้งทำร้ายคน ทั้งเผาเรือ แต่ละแห่งล้วนถูกกำราบกันย่ำแย่ไปหมด ก่อนไปยังถูกเจ้าขูดเงินทองไปอีกก้อนโต ตอนนี้เจ้ามาอีก มาอย่างไร้อำนาจ ไหนว่าเจ้าร่ำรวยนักหนา ครั้งนี้ควรให้เจ้าได้เจ็บตัวบ้างแล้ว หรือว่าให้เจ้าได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าไร้คนเหลียวแลเสียบ้าง
แต่พอเห็นปืนใหญ่เหล่านี้ เห็นเรือใหญ่เหล่านี้ เห็นทหารคุ้มกันแต่ละคนท่าทางน่ากลัว หวังทงถึงกับใช้เรือขนทหารม้ามาอีกร้อยกว่า
ทุกคนพากันสบตากัน ไร้วาจาจะกล่าว ไม่ว่าหวังทงตอนนี้สถานะใด กำลังกองนี้แสดงให้เห็นกระจ่าง ผู้ใดล้วนไม่กล้ากล่าวอันใด อย่างน้อยหากคิดข่มก็ย่อมไม่ต้องคิดแล้ว หรือว่าตัวอย่างที่เห็นก่อนหน้ามากมายนั้นไม่พอ อย่าได้ซ้ำรอยเดิมเป็นดี
*************
“ใต้เท้าทุกท่าน ท่านคหบดีทุกท่าน ข้ามีความดีความชอบใด ถึงกับให้ทุกท่านมารอรับที่นี่ได้ ช่างน่าละอายจริง ขอคารวะทุกท่าน!”
หวังทงเดินลงจากเรือมา ก็ยังคงคำนับด้วยมารยามถามเช่นนี้ ทุกคนก็ย่อมตอบรับตามธรรมเนียม หวังทงมองไปยังรอบทิศ ยิ้มกล่าวว่า
“ข้าตอนอยู่บนเรือ ได้ยินว่าเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า คนและของล้วนขาดแคลน งานก่อสร้างเสียเวลาดำเนินการไปมาก ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้ามาก พวกเราไม่อาจทำให้ทรงพระเมตตามานั้นสูญเปล่า!”
หวังทงมาถึงก็เริ่มคุยงาน ทุกคนแปลกใจมาก ยังยกฮ่องเต้ว่านลี่มาอ้าง ทุกคนแน่นอนล้วนต้องเออออตาม พากันแสดงท่าทีเห็นด้วยหรือไม่ก็แสดงท่าทีเจ็บปวดเสียใจ หวังทงฟังทุกคนกล่าวจบก็ยิ้มกล่าวว่า
“ในเมื่อทุกท่านล้วนมีความคิดเดียวกัน เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว อีกห้าวัน เมืองซงเจียงก็จะจัดการตรวจสอบที่ดิน นับจำนวนราษฎรที่นี่ มีคนก็ให้คน มีแรงก็ลงแรง จะต้องทำให้งานเปิดท่าการค้าดำเนินการให้เร็วที่สุด”
ทุกคนพากันอึ้งไป กลับไม่กล้ากล่าวโต้แย้งอันใด หวังทงนี่มาถึงเมืองซงเจียก็แสดงอำนาจข่มทุกคนทันที