องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1028 ครั้งนี้ต้องไปถึงก่อนให้ได้
หลายอำเภอในเมืองซงเจียงแม้ว่าติดทะเล แต่จากตัวอำเภอไปยังริมทะเลก็ยังเดินทางไม่สะดวกนัก ริมทะเลไม่อาจมีสิ่งก่อสร้างพื้นฐานอันใด อย่างไรตอนที่ยังมีภัยโจรสลัดวัวโค่วนั้น เมืองซงเจียงก็ประสบภัยไม่น้อย นโยบายห้ามเปิดทะเลยังคงดำเนินอยู่ จึงค่อย ๆ กลายเป็นที่รกร้าง
เทียนจินยังมีท่าเรือทหาร อย่างไรก็พอมีรากฐาน แต่เมืองซงเจียงล้วนต้องสร้างขึ้นใหม่ การก่อสร้างทุกอย่างก็ต้องเริ่มแต่ต้นหมด
งานก่อสร้างแต่ละอย่างล้วนต้องเริ่มตั้งแต่ศูนย์ การก่อสร้างไม่เล็ก ไม่ว่าอุปกรณ์ก่อสร้างหรือกำลังคนก็ต้องใช้มาก เรื่องอุปกรณ์ก่อสร้างยังดี เมืองซงเจียงร่ำรวย เพราะเปิดท่าการค้า ราชสำนักยังให้สิทธิพิเศษ ภาษีก็สามารถนำมาสร้างได้ มีเงินมีของไม่ต้องกังวล เมืองซงเจียงติดทั้งแม่น้ำแยงซีเกียงและทะเลตงไห่ ในเมืองยังมีแม่น้ำหลายสายไปยังเมืองต่างๆ ใช้เรือขนไปยังคลองส่งน้ำเรียกได้ว่าสะดวกไม่น้อย
ที่ทำให้กังวลคิดไม่ตกก็คือแรงงานคน เมืองแดนใต้มีประชากรมาก แต่แต่ละเมืองแดนใต้ไม่ค่อยมีราษฎรยากจนอดอยากจะเรียกตัวมาใช้งานได้
หวังทงมาถึงเมืองซงเจียงจึงได้รู้ ราษฎรในพื้นที่ปกติกินดีอยู่ดี ทั้งข้าวขาวและปลา ชีวิตที่แม้แต่เจ้าของที่เล็กๆ ในตอนเหนือยังไม่อาจเทียบได้
เมืองติดทะเลแผ่นดินหมิงมากมาย หลังปิดทะเลจากรุ่งเรืองก็กลายเป็นซบเซา แต่เมืองซงเจียงไม่เหมือนกัน หลังปิดทะเล ยังคงอาศัยกิจการทอผ้าในพื้นที่ดำรงสถานะต่อไปได้ ถึงกับยังขยายอิทธิพลออกไปยิ่งใหญ่กว่าเดิม ที่นาในพื้นที่ก็อุดมสมบูรณ์ พื้นที่อื่นๆ ก็ทำโรงทอผ้า หรือไม่ก็เดินทางค้าขาย ทุกปีโรงงานในเมืองซงเจียงยังต้องจ้างแรงงานจากเมืองอื่นมา ไหนเลยจะมีคนว่างงานมาร่วมงานก่อสร้างได้
เมืองรอบเมืองซงเจียงล้วนไม่แตกต่างกับเมืองซงเจียง คนในพื้นที่ยังต้องจ้างแรงงานมาจากต่างเมืองเพื่อทำงานใช้แรงงาน คิดจะหาแรงงานก็เรียกได้ว่ายาก
ดังนั้นการจะเรียกแรงงานในพื้นที่ ถือเป็นการสร้างความเสียหายให้กับราษฎรคหบดีในพื้นที่มาก เขาไปทำงานก่อสร้างวันหนึ่ง กิจการที่บ้านไม่รู้เสียหายไปเท่าไร กำไรเงินทองลดลงเท่าไร ทุกคนจะยินยอมได้อย่างไร อย่างไรย่อมโกรธแค้น
เริ่มแรก เพียงแค่อาศัยแรงงานนับพันของเมืองซงเจียงมารับมือ จากนั้นก็พยายามให้หลายตระกูลมาร่วมรับผิดชอบ ดีที่สังหารไปร้อย จับได้พัน ทำเอาทุกคนในเมืองซงเจียงพากันหวาดกลัว จึงได้ดำรงสถานการณ์ต่อมาได้ แต่ก็มิใช่แผนการที่ดีในระยะยาว
ดังนั้นการปราบโจรสลัดจึงกลายเป็นวิธีการที่ดีในการเสริมแรงงาน เพราะเทียนจินรุ่งเรือง พวกทางทะเลแถบนั้นจึงขยายอิทธิพลขึ้นเหนือ เขตปกครองใต้กับแถบเจ้อเจียงนี้จึงกลายเป็นระยะเวลาว่างเว้นอิทธิพลอำนาจ พวกโจรสลัดหน่วยเล็กๆ ก็พากันออกเคลื่อนไหว ทะเลไม่สงบ พ่อค้าก็พากันอ้อม โจรสลัดเหิมเกริมและยังสมคบกับคนบนบก ทำให้แต่ละเมืองแต่ละอำเภอราวกับเต็มไปด้วยหมอกพิษดำปกคลุมไปทั่ว
ปราบโจรสลัด หนึ่งเพื่อให้ได้แรงงานจำนวนมาก สองเพื่อให้เส้นทางการค้ามีความปลอดภัย ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสามารถนำของที่กวาดล้างมาได้มาขายไปซื้อเสบียงอาหาร เพื่อมาให้แรงงานที่ทำงานก่อสร้างในโครงการเปิดท่าการค้า นี่เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งในการเปิดท่าเรือเมืองซงเจียง ที่นี่เดิมก็เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ขอเพียงมีเงินก็สามารถซื้อหาอาหารได้
พวกในพื้นที่เดิมทีก็หวาดกลัวเหลียวกั๋วกงมาก ช่างมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด แต่หลังปราบโจรสลัด ทุกคนร้องชมว่ายอดเยี่ยม
ตอนหวังทงขอให้แต่ละตระกูลส่งคนมาช่วยก็พอหารือได้ แต่เรื่องหน่วยฝึกการต่อสู้นั้นไม่มีทางหารืออันใด แต่แรงงานยังคงต้องให้มา แต่แต่ละตระกูลก็มีเสียงบ่น ทว่าพอเห็นโจรสลัดถูกปราบจับมาเป็นเชลยแรงงาน ทุกคนก็ได้เห็นว่าปกป้องราษฎร ทำประโยชน์ให้กับตนเองจริงๆ
สำหรับของที่กวาดล้างได้มา หวังทงนำขายที่เมืองซงเจียง และซื้อหาสิ่งของสำหรับการก่อสร้างจำนวนมาก ก็ยิ่งทำให้การค้าต่างๆ พากันหลั่งไหลมาที่นี่ ทำให้ตลาดเมืองซงเจียงเริ่มคึกคักยิ่งกว่าเดิม
แรงงานโจรสลัดมากมาย มีคนเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่ ตอนนี้ไม่อาจคาดหวังอันใดกับหน่วยกองพันทหารเมืองซงเจียง พวกที่จัดการได้ก็มีแต่คนหลายร้อยที่เป็นผู้คุ้มกันเหลียวกั๋วกงกับทหารเรือบนเรือใหญ่ แต่เรือใหญ่พวกนั้นไม่ได้อยู่ตลอดเวลา ไม่อาจพึ่งพาได้นัก
ความจริงนั้นเชลยแรงงานราวสองพัน พวกเขาเองเห็นว่าคนคุมไม่ได้เยอะ จึงเริ่มก่อการ ตอนนั้นคนหวังทงมีแค่ 200 ที่คอยควบคุมพวกเขา
พอเห็นว่าก่อเรื่อง ก็มีคนรีบไปรายงานในเมือง ข่าวรายงานงานไปตลอดทาง ทุกแห่งพากันแตกตื่นตกใจ แต่ละตระกูลล้วนรวบรวมกำลังคนงานชายคิดว่าจะหนีกลับเข้าเมืองหนีหรือไม่
พอรวมกำลังในเมืองมาได้หลายร้อยคิดมาช่วยเหลือ ก็พบว่าเชลยได้ถูกำราบเรียบร้อยแล้ว เวลาสั้นๆ ผู้คุ้มกันแค่ 200 สังหารไปได้เกือบ 400 เชลยไหนเลยเคยเห็นพยัคฆ์ร้ายเช่นนี้ แต่ละคนพากันหวาดกลัวขวัญกระเจิง
หัวแต่ละศพถูกเสียบประจาน เสียไม้ไปไม่น้อย แต่ยิ่งทำให้คนที่เหลือพากันหนาวสันหลัง ทำให้ทุกคนยิ่งมั่นใจในกำลังของหวังทง เรื่องการฝึกคนงานชายให้รู้การต่อสู้นั้น ทุกคนก็พากันเห็นด้วย ไม่สูญเสียกำลังตน เช่นนี้ก็ต้องใช้เชลย ใช้เชลยก็กลัวว่าจะก่อเรื่อง คนงานตนต้องได้รับการฝึกจึงจะวางใจได้ อย่างไรก็คนกันเอง
แต่ทว่าพวกเขากลับคิดไม่ถึง พวกที่หวังทงฝึกมา ก็จะต้องกลายเป็นคนหวังทง
***************
“เมี่ยวลั่งหลายวันนี้ออกจับโจรที่ไท่หู ตอนนี้ถูกคนด่าน่าอนาถยิ่ง ถูกเรียกว่าพวกนักเลงล้มเหลว!”
หวังทงยิ้มกล่าว วันนี้จวนเหลียวกั๋วกงจัดงานเลี้ยง เชิญนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรซาต้าเฉิง และคนของหวังทงจากเทียนจิน ส่วนใหญ่เป็นคนในสำนักองครักษ์เสื้อแพร มีสถานะขุนนาง อย่างไรก็สะดวก
ครั้งนี้งานเลี้ยงเรียบง่าย หวังทงแน่นอนนั่งเป็นประธาน อู๋เอ้อร์ สื่อชีและเหล่าทหารติดตามก็นั่งเรียงกันไป ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ทุกคนพากันยิ้ม อู๋เอ้อร์กล่าวว่า
“กั๋วกงคงน่าจะได้ยินมาแล้วว่า เส้นทางน้ำไท่หู และคนใหญ่คนโตตามแม่น้ำต่างๆ พากันด่าทอ แต่ก็ส่งคนมาสานสัมพันธ์ บอกว่าหากกั๋วกงเห็นความสำคัญพวกเขา พวกเขาก็จะรีบนำกำลังมาสวามิภักดิ์ ขอเพียงกั๋วกงให้โอกาสพวกเขาได้แก้ตัว พวกเขาย่อมยอมมาเป็นพลเมืองดีที่เมืองซงเจียง”
ทุกคนล้วนยิ้ม หวังทงยกจอกสุราขึ้น ทุกคนพากันรีบลุกขึ้นคำนับตอบ ซาต้าเฉิงนั่งทางด้านขวาหวังทง เทียบกับตอนที่หวังทงเห็นครั้งแรก ตอนนี้ขาวขึ้นมาก อย่างไรก็บำรุงเลี้ยงดูกันอยู่ที่เทียนจินมานาน ไม่ต้องลมฝน อยู่สุขสบายมาก จึงเลี้ยงดูจนมีลักษณะดังผู้มากอำนาจวาสนา
“ซาต้าเฉิง ตอนแรกบอกให้เจ้าส่งคนมา เหตุใดจึงนำกำลังมาเอง การค้าทางเมืองเหลียวโจวไม่เสียเวลาหรือ”
“ขอกั๋วกงวางใจ จากเทียนจินไปเมืองเหลียวโจว เส้นทางทะเลปลอดภัย ไม่มีคลื่นลมใด พี่น้องเราเองแล่นไปมาชำนาญ ไม่เสียเวลาอันใด เรื่องของกั๋วกงสำคัญที่สุด จะให้คนอื่นทำได้อย่างไร ข้าน้อยจึงนำคนมาด้วยตนเอง”
พูดถึงตรงนี้ ซาต้าเฉิงยิ้ม กล่าวว่า
“เรียนกั๋วกงให้ได้ทราบก่อนว่า มาครั้งนี้ไม่เสียเปรียบ ตอนมาขนผงฟูกับหนังสัตว์ ตอนกลับขนผ้าไหมกับผ้าฝ้ายไป ไปมานี่ก็เรียกได้ว่ากำไรหลายเท่า วันหน้าต้องมาให้บ่อยๆ สักหน่อยแล้ว!”
สินค้าเหนือใต้ขนไปมา การค้าต้นทุนทางคลองส่งน้ำก็ราวห้าเท่าหรือมากกว่าการขนส่งทางทะเล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงด่านต่างๆ ระหว่างทาง สิ้นเปลืองยิ่งกว่า แค่ค่าขนส่ง คลองส่งน้ำก็มากว่าขนส่งทางทะเลมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซาต้าเฉิงครั้งนี้ได้ขนสินค้าอันเป็นที่ต้องการของเหนือและใต้โดยเฉพาะ
ทุกคนหัวเราะ หวังทงเองก็พยักหน้ากล่าวว่า
“เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า หลายคนในราชสำนักยังคงวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเมืองซงเจียงไม่มีผงฟู ไม่มีหนังสัตว์ จะดูว่าข้าหวังทงจะทำกำไรมหาศาลจากสินค้าใด พวกเขาคงคิดไม่ถึงว่า สินค้าตอนเหนือจะมาทางทะเลมาถึงเมืองซงเจียงได้ หากนำไปขายริมแม่น้ำแยงซีเกียงแดนใต้นี่ได้ สินค้าตอนใต้มายังเมืองซงเจียงออกทะเลไปยังที่ต่างๆ ก็เพียงพอจะทำให้เมืองซงเจียงรุ่งเรืองแล้ว”
ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนติดตามหวังทงมานาน หวังทงกล่าวเช่นนี้ก็ย่อมเข้าใจ ทุกคนล้วนพยักหน้า หวังทงเอ่ยถามขึ้น
“บุตรชายเสิ่นหวั่งตอนนี้เข้าเรียนในสำนักศึกษาแล้วกระมัง ว่ากันว่าเสิ่นหวั่งตอนนี้ตั้งรกรากที่เทียนจินแล้วหรือ?”
“ขอรับ เสิ่นหวั่งตอนนี้วิ่งการค้าจากตอนเหนือเราไปยังประเทศวัวและเกาหลีโดยเฉพาะ เขาไม่ค่อยได้ลงใต้แล้ว ข้าน้อยขอกล่าวล่วงเกินสักคำ หากไม่ใช่เสิ่นหวั่งกับข้าน้อยล้วนอยู่เทียนจิน ไหนเลยที่นี่จะให้พวกราวมดปลวกเหล่านี้กระทำการเหิมเกริมได้ เสิ่นหวั่งเองก็มีชื่อเสียงก้องใต้หล้านี้อยู่ไม่น้อย ตอนนี้ทุ่มเทฝากความหวังไว้กับบุตรชาย”
ซาต้าเฉิงยิ้มกล่าว ยังหันไปมองซาตงหนิงข้างๆ ด้วยความภาคภูมิใจ หวังทงยิ้ม พยักหน้ากล่าวว่า
“หากพวกเรามาช้าไปอีกสองสามปี ไม่แน่ว่าคนทางใต้ก็อาจจะมากันแล้ว ยางที่ที่นี่ก็จะมีคนเช่นพวกเจ้าเกิดขึ้นก็ได้ แต่ทว่าตอนนี้พวกเรามาถึงแล้ว เช่นนั้นย่อมไม่มีที่ให้พวกเขาได้เติบโตแล้ว”
กล่าวสนทนากันไปสักพัก ทุกคนดื่มสุรายินดี เมืองหลวงและเทียนจินมีข่าวใหม่ แดนใต้ก็ได้รับรู้ ทุกฝ่ายยินดีปรีดา ซาต้าเฉิงมองซาตงหนิง ลังเลกล่าวว่า
“มาครั้งนี้ เดิมทีมีเรื่องหนึ่งคิดขอกั๋วกง แต่เกรงว่าเป็นการสร้างความยุ่งยากให้กั๋วกง”
หวังทงยิ้มพยักหน้า วาจาที่สามารถมาเอ่ยปากที่นี่ได้นั้นคิดแล้วคงไม่เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะรับปาก
“ตระกูลซาคิดอยากย้ายมาที่นี่ มาทำงานให้กั๋วกงที่เมืองซงเจียง สถานการณ์ตอนนี้ อาจทำให้กั๋วกงยุ่งยาก…”
“อ๋อ นี่เป็นเรื่องดีนี่ แต่ทว่าเจ้าตอนนี้มีการค้าที่เทียนจินไม่น้อย ทิ้งมาได้ลงหรือ?”
“ที่เป็นอยู่ตอนนี้ใช่ว่าเป็นเพราะเมตตาของกั๋วกงหรือ จะว่าไป เรือตระกูลซาทำการค้าเทียนจินไปเมืองเหลียวโจว มีอาและลุงตงหนิงดูแล ย่อมไม่เกิดเรื่องอันใด ไม่คิดปิดบังกั๋วกง พื้นที่เทียนจินใหญ่เช่นนั้นกลับให้เสิ่นหวั่งครองส่วนใหญ่ไปคนเดียว ข้าน้อยเห็นแล้วก็อิจฉา ตอนนี้เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า ข้าน้อยย่อมไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ให้ผู้อื่น”
กล่าวจบก็หัวเราะดังออกมา คนในห้องก็พากันหัวเราะตาม หวังทงวางจอกเหล้าลงบนโต๊ะ กล่าวว่า
“หากเจ้ามาช่วยข้านับเป็นเรื่องดี เทียนจินมีหอปืนใหญ่และแม่ทัพเรือพร้อม เมืองซงเจียงยังว่างเปล่า หากเจ้ามาก็เรียกได้ว่าครบ แต่ทว่าอย่างไรไม่อาจมีเพียงเจ้ามาฝ่ายเดียว ร้านประกันภัยสามธาราร้านเงินสามธารา โรงต่อเรือสามธารา โรงช่างสามธาราก็ต้องมาด้วย ข้าจะร่างจดหมาย ท่านนำกลับไปเทียนจิน”