องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1030 เรื่องเหนือใต้แผ่นดินหมิง
เดือนสิบเมืองซงเจียงช้าเร็วก็ต้องหนาว เสื้อตัวเดียวเอาไม่อยู่ ข่าวทางเหนือแพร่มาเรื่อยๆไม่หยุด
เมืองเหลียวโจวปรับเป็นเหลียวหนิง ตั้งเป็นมณฑล เหลียวหนิงชื่อนี้เป็นชื่อพระราชทาน ราชสำนักพากันสรรเสริญ ชื่อนี้ตั้งได้ดีจริงๆ แต่ทว่าหวังทงที่พอจำได้เลือนลาง เคยเอ่ยชื่อนี้กับฮ่องเต้ว่านลี่ อาจเป็นไปได้ว่าทรงตั้งตามน้ำมา
ยกเลิกเมืองชายแดน ตั้งสามผู้บัญชาการ เหลียวหนานทางใต้ ผู้บัญชาการซุนโส่วเหลียน เหลียวซีตะวันตก ผู้บัญชาการหลี่หรูป๋อ เหลียวตงตะวันออก ผู้บัญชาการหม่าหลิน หลี่เฉิงเหลียงลาออกจากตำแนห่ง ยุคนอกด่านของหลี่เฉิงเหลียงจบลงแล้ว
พี่น้องลูกหลานตระกูลหลี่ พวกอายุน้อยออกจากยศขุนนาง พาทหารในสังกัดและคนงานออกไปนอกกำแพงเมืองบุกเบิกที่ทาง สร้างโรงบ้าน ทุกคนล้วนเข้าใจ ตระกูลหลี่ตั้งใจจะรวยทางนี้แล้ว
มณฑลเหลียวหนิงตั้งหน่วยงานหลายตำแหน่ง ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลที่คุมทั้งหมด ได้ตัวเลือกเป็นสวีกว่างกั๋วจากเหอหนาน บัณฑิตจวี่เหรินเป็นผู้ว่าการมณฑล เป็นตัวอย่างต่อจากไห่รุ่ย นับเป็นรายที่สอง สวีกว่างกั๋วอยู่เหอหนานใช่ว่ามีชื่อเสียงดีอันใด ถูกตรวจสอบว่าโกงกินก็ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง
ทว่าสวีกว่างกั๋วได้ชื่อเป็นขุนนางสามารถ อันนี้ทุกคนในเหอหนานไม่อาจไม่ยอมรับ วิธีการในวงการขุนนางทุกระดับ สวีกว่างกั๋วล้วนกระจ่างทุกรูปแบบ เข้าใจอย่างมาก คิดจะปิดบังเขานั้นยากยิ่ง แม้แต่ที่ปรึกษาระดับซือเย๋ก็ยังยากเล่นลูกไม้ สวีกว่างกั๋วใช่ว่าใจร้าย ยังรู้จักรุกถอย คุมจังหวะได้ดีมาก ขุนนางใต้ปกครองไม่กล้ามีเรื่องปิดบัง และยังไม่กล้าคิดแค้นอันใด ล้วนตั้งใจทำงาน
สาเหตุไม่ใช่อื่นใด ก็เพราะสวีกว่างกั๋วเป็นบัณฑิตจวี่เหริน ค่อย ๆ ก้าวสู่ตำแหน่ง ย่อมทำงานอะไรมามาก เห็นอะไรมามาก แน่นอนย่อมชำนาญงานมาก ผู้ใดก็คิดปิดบังเขาไม่ได้
เขาสามารถไปเป็นผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง ที่นี่ผู้ว่าการมณฑลไม่เหมือนที่อื่น ที่อื่นเป็นแค่ขุนนางธรรมดา แต่เขาไปเหลียวหนิงดำรงตำแหน่งนี้คนแรก ต้องวางรากฐานบุกเบิก วันหน้าย่อมเป็นที่โปรดปรานใช้งาน ชาวเมืองหลวงหลายคนพากันกล่าวเสียดสีว่าคนเช่นเขาได้ดี ราวกับสุนัขไก่กาขึ้นสวรรค์ ก็เพราะอาศัยบารมีหวังทงหรอก แต่ก็มีคนฉลาดอ่านเข้าใจว่า สวีกว่างกั๋วย่อมเป็นหวังทงส่งเสริมมา ต่อมาไปทำอะไรน่ะหรือ ก็ไปจับตาดูอ๋องลู่นั่นไง งานนี้คิดแล้วคงทำให้ฝ่าบาทจดจำไว้ สามารถมีสถานะเช่นวันนี้ได้ นับว่าทำงานได้ดี สมดังพระทัยฮ่องเต้
โรงบ้านเพาะปลูกนอกกำแพงเมืองผุดขึ้นเรื่อยๆ นอกกำแพงเมืองยังมีที่ทางยังไม่ได้บุกเบิกพื้นที่อีกมาก ขึ้นเขาตัดไม้ก็ต้องการแรงงานคน รับราษฎรยากจนจากในด่านมาอยู่ในพื้นที่มณฑลเหลียวหนิงเองยังไม่พอ นอกกำแพงเมืองยังจะไปหวังอะไร พวกที่ไปถึงก่อนสุดก็คือพวกเครือญาติขุนพลชายแดน ไปถึงก็กวาดล้างป้อมค่ายเผ่าหนี่ว์เจิน จับตัวไปเป็นทาสที่เหลียวหนิง จากนั้นยังเรียกรับราษฎรมาเพิ่มอีก
ร้านค้าใหญ่จากเมืองหลวง เทียนจิน ซานซีพากันออกมาตั้งร้านค้านอกกำแพงเมืองรับซื้อสินค้าพื้นเมือง และยังเลียนแบบพวกบนทุ่งหญ้า ตั้งกองกำลังการค้าติดอาวุธออกขยายอาณาเขต ค้าขายสินค้าและยังเตรียมการไว้รองรับราษฎรในเมืองอาณานิคม
เหลียวหนิงเป็นมณฑล เมื่อก่อนตอนที่อากาศเริ่มเข้าฤดูหนาว ตอนเหนือเหลียวหนิงจะเคร่งเครียดที่สุด เพราะฤดูก่อนหน้าเลี้ยงดูม้าอวบอ้วน พวกมองโกลบนทุ่งหญ้าก็จะเตรียมรุกรานลงใต้มาปล้นชิง
แต่ทว่าปีนี้ไม่เหมือนเดิม เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นกับกองกำลังอื่นๆ ตอนเข้ามารบกับเหลียวโจวได้สูญเสียกำลังไปไม่น้อย ยังไม่ทันได้ฟื้นกำลัง กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าไปปักหลักมั่นที่ตัวหลุนเคลื่อนไหวต่อสู้ไม่หยุด จุดมุ่งหมายการต่อสู้ก็ง่ายมา เพื่อแย่งชิงม้าวัวและแรงงานคน
ตอนนี้ในและนอกกำแพงเหลียวหนิง ต้องการแรงงานคนกับม้าวัวจำนวนมาก ของเหล่านี้หากนำไปขายในพื้นที่ได้ก็ย่อมได้กำไรมาก
ในเวลานี้ ทัพใหญ่ปราบตะวันออกล้วนกลับเข้าด่านมาแล้ว ทุกคนอยู่ๆ พบว่า เมื่อก่อนที่หลายสิบหัวจะตัดได้ทีแสนยากลำบาก แต่ตอนนี้หลายร้อยหัวเป็นเรื่องง่ายมาก กองกำลังพ่อค้าบนทุ่งหญ้าจัดการทำลายเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนแปลกใจ เมื่อก่อนกลัวกันราวกับหวาดกลัวพยัคฆ์ ที่แท้ก็เป็นเช่นนกกาสุนัขนี้เองหรือ?
พอกลับถึงเมืองหลวง ตามธรรมเนียมเดิมทีต้องจัดเลี้ยงกองทัพ ยังต้องไปจัดพิธีเซ่นไหว้ศาลบรรพชนฮ่องเต้ แต่ทว่าฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ได้จัดงานนี้
สำหรับว่าเพราะเหตุใดนั้น ทางเมืองหลวงก็มีข่าวมาว่า ฮ่องเต้ว่านลี่แอบตรัสว่า หวังทงไม่อยู่ เราไม่รู้สึกอยากจะสนใจเรื่องการทหารพวกนี้ ยังไงก็ประหยัดไว้ละกัน!
ตอนนี้ทหารสามกองกำหนดแล้ว ถานปิงไปซานซี ลี่เทาไปส่านซี ซุนซิงไปหนิงเซี่ย จากนั้นเมืองกุยฮว่าเฉิงก็จัดการพิเศษ น่าจะให้ฉีอู่ไปทางนั้น
มีบางเรื่องว่าไปแล้วก็แปลกนัก ตอนหวังทงกุมทัพใหญ่ ราชสำนักทุกหน่วยพากันหวาดระแวง เกรงว่าเขาคิดจะก่อการเป็นอื่น แต่พอหวังทงขอไปเมืองซงเจียง ฮ่องเต้ว่านลี่กับราชสำนักขุนนางใหญ่เลือกกองกำลังหู่เวยแต่ละกองให้อยู่รอบเมืองหลวง กลับเลือกกลับกัน
แน่นอนต้องเลือกที่วางใจที่สุด ลี่เทา ซุนซิง ถานปิง แม้ว่าเป็นคนโปรด แต่ทว่าเบื้องหลังพวกเขาก็มีกลุ่มอิทธิพลหนุน เช่น สายสัมพันธ์ลี่เทากับเมืองเซวียนฝู่และเมืองจี้โจว สายสัมพันธ์ถานปิงกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ สายสัมพันธ์ซุนซิงกับกองกำลังเมืองหลวง เหล่านี้ล้วนไม่อาจให้อยู่เมืองหลวงต่อ
ไม่เหมือนหานกัง หานกังเป็นพี่ชายภรรยาหวังทง สายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหวังทง คนเช่นนี้ย่อมจงรักภักดีฝ่าบาทอย่างที่สุด จะต้องให้อยู่ต่อข้างพระวรกาย
กองกำลังหู่เวยถูกกระจายไปยังแต่ละพื้นที่ ก็เป็นสิ่งที่คาดไว้แล้ว หลายคนยังคิดว่าหลังเรื่องนี้ จะแตกระบบกองกำลังหู่เวยหมดสิ้น เทียนจินจะกลายเป็นก้อนเนื้อให้รุมกันได้ แต่ทว่าไช่หนานได้เป็นผู้ช่วยสำนักอาชาหลวง หลี่หู่โถวได้แต่งตั้งเป็นโหว สองคนยังคงนั่งประจำเทียนจิน ท่าทีนี้ทำลายความฝันหวานของทุกคนสิ้น แน่นอนสำนักอาชาหลวงตอนนี้ในวังค่อยๆ ไม่เหมือนเดิม ตอนนี้กลายเป็นเพียงขันทีบู๊ในวัง ตำแหน่งดูแลกองทัพที่เคยมีมาก็เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ทำหน้าที่ดูแลท้องพระคลังในวังฝ่ายใน ดูแลกิจการส่วนพระองค์ต่างๆ มากกว่า
ใต้หล้าล้วนจับตาดูกองกำลังหู่เวยจะทำอย่างไรต่อไป เมืองชายแดนจะจัดการอย่างไร เมืองเหลียวโจวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และคนที่กระทบจะอย่างไรต่อไป
แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า หลายครั้งหลังการประชุมราชสำนัก ราชสำนักมีราชโองการว่าตอนนี้ตอนเหนือสมบูรณ์ เพื่อจะแบ่งเบาภาระแดนใต้ แบ่งเบาเสบียงที่ขนมาจากคลองส่งน้ำ แน่นอนเงินจากคลังก็ย่อมไม่แจกจ่ายไป
แต่เส้นทางน้ำจากทงโจวถึงเทียนจินเริ่มขุดลอกขยายเส้นทาง เทียนจินยังสร้างท่าเรือใหม่ เทียนจินหลายโรงต่อเรือล้วนรับคำสั่งซื้อเรือจำนวนมาก พ่อค้าเสบียงอาหารเทียนจินก็ได้ข่าวว่าปีหน้าทางการจะมาซื้อเสบียงจากเทียนจิน
ความจริงนั้นเป็นเพราะราชสำนักต้องการนำเสบียงอาหารที่ขนจากทางใต้ผ่านคลองส่งน้ำไปขนทางทะเลแทน การขนทางคลองส่งน้ำทุกปีสิ้นเปลืองมาก นอกจากค่าใช้จ่ายของเสบียงเองแล้ว แต่ละฝ่ายยังกอบโกยผลประโยชน์ไปอีก กลายเป็นผลประโยชน์ก้อนโต ผลประโยชน์เช่นนี้แน่นอนไม่อาจตัดทิ้งในทันที คงต้องหาทางค่อยๆ ลงมือ
ชัยชนะใหญ่นอกด่าน บารมีราชสำนักยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมา ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปหมด การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ย่อมไม่มีคนสนใจมากนัก
ภาษีเมืองกุยฮว่าเฉิงและเมืองรอบๆ ล้วนส่งเข้าท้องพระคลังในวัง ครั้งนี้นอกกำแพงเมืองชายแดนเมืองเหลียวโจว กรมอากรก็ไม่คิดปล่อย ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเก็บภาษีน้อยเรียกว่ามีคุณธรรมแล้ว เงินทองภาษีที่นาลด ก็ย่อมต้องมาเล็งจากภาษีการค้าแต่ละแห่งแทนแล้ว ทว่าพวกนี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตในวัง ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็จับตาดูไม่วางตา เมืองซงเจียงทางนั้นบอกว่าเป็นของท้องพระคลังกรมอากร ทางนั้นมีหวังทงจับตา ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ไปหาทางนอกด่านแทนแล้ว
กรมอากรเลือกคนส่งไป โรงบ้านเพาะปลูกนอกกำแพงเมืองไม่ใช่ของทุกคนที่เป็นทหารเหลียวหนิงก็เป็นของชนชั้นสูงเมืองหลวงและเทียนจิน สองฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้กัน ผู้ใดก็ไม่อาจข่มผู้ใด ไม่รู้ทำเช่นไร ได้แต่สร้างการสมดุล จ่ายเงินไปตามระเบียบธรรมเนียม
ข่าวนี้แพร่ไปถึงเมืองหลวง ทำให้หลายฝ่ายตกใจ หากพอคิดก็เข้าใจว่าเหตุใดจึงสามารถเก็บภาษีได้
*****************
เมืองหลวงเกิดเรื่องมากมาย สำหรับหวังทงแล้วก็ไม่แปลก แม้หลายเรื่องมาถึงเขาใช้เวลา 20 วันหรือ 1 เดือนก็ตาม แต่ทว่าส่วนใหญ่ก็พอเดาได้ ล้วนเป็นเรื่องตามมาหลังฎีกาลาออก ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
เมืองซงเจียงในฤดูใบไม้ร่วงแม้ว่าหนาวเย็นมาก แต่อำเภอซ่างไห่และบริเวณโดยรอบกลับคึกคักยิ่ง พูดเรื่องอื่น แค่เรื่องที่มีโกดังหลายแห่งตั้งขึ้น ในโกดังมีผงฟูกับหนังสัตว์จากตอนเหนือ เรือจากตอนเหนือยังมากันไม่หยุด
นับเวลาแล้ว น่าจะไม่ทันเดินทางกลับก่อนเปิดทะเลหน้าหนาวแล้ว พวกเขามาถึงเมืองซงเจียง ขนของจากตอนเหนือแต่ละอย่างมาขาย จากนั้นก็ขนสินค้าแดนใต้กลับไปเต็มลำ อาศัยเส้นทางคลองส่งน้ำกับทางบนที่ไม่สะดวก ไม่อาจตอบสนองความต้องการของเหนือใต้ได้เพียงพอ
ที่น่าสนุกก็คือ เทียนจินมีเรือใหญ่มา ใช้หินหมาสือกันเรือโคลงมาเป็นดังเครื่องอับเฉา ผลปรากฏเมืองซงเจียงขาดแคลนพอดี หินเหล่านี้ขายได้ราคาไม่เลว
ผงฟู หนังสัตว์และของนอกด่านอย่างโสมคนเป็นต้น สินค้าเหล่านี้แดนใต้ล้วนขาดแคลน ไม่ง่ายกว่าจะนำมาในปริมาณมากๆ ได้ ราคาก็ย่อมถูก ดีที่ไปแล้วยังขายสินค้าตนได้ สองทางได้กำไร ไยไม่กระทำ พริบตาก็มีพ่อค้ามารวมตัวกันมาก คึกคักยิ่ง
เดิมเมืองซงเจียงไม่ต่างกับพื้นที่อื่น สินค้าพวกนี้ข้ามต่างมาล้วนจ่ายภาษี ครั้งนี้เปลี่ยนธรรมเนียม เข้าเมืองซงเจียงไม่จ่ายภาษี ออกจากเมืองซงเจียงจึงจ่ายภาษี ดูเหมือนจ่ายเงินน้อยลงไม่เท่าไร แต่กลับดึงดูดพ่อค้ามากันได้มากยิ่งขึ้น ขุนนางกรมอากรกับสำนักอาชาหลวงที่ส่งไปเมืองซงเจียงเก็บเงินจนเมื่อยมือ คิดไปถึงตอนเหลียวกั๋วกงยังมาไม่ถึงเมืองซงเจียง สถานการณ์เงียบเหงาแล้ว ก็รู้สึกเลื่อมใส่ยิ่ง
เมี่ยวลั่งออกกวาดล้างโจรสลัดทางไท่หูกับแดนใต้แต่ละแห่ง ยังคงดำเนินต่อไป คนถูกส่งมาเรื่อยๆ แต่เมืองซงเจียงยังคงรักษาความสงบได้ดี หวังทงเองก็ชินกับการที่ออกไปเดินรอบชมบริเวณพื้นที่ก่อสร้างและตามท้องถนนทุกวัน ดูภาพทิวทัศน์แดนใต้ ดูการก่อสร้างที่เริ่มคึกคัก ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
วันที่ 2 เดือนสิบเอ็ด หวังทงได้รับรายงานจากผู้คุ้มกันว่ารอบจวนมีคนมาแอบสอดส่อง