องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1031 ขอใต้เท้าให้ความเป็นธรรม
รอบจวนมีคนมาสอดแนมชะเง้อดู เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดสำหรับหวังทง ตั้งแต่เขามีจวนเป็นของตัวเอง ก็มีคนหลากหลายสายมาจับตาดู มีทั้งศัตรูและคนกันเอง
“ไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเขา ไล่ไปให้หมด”
หวังทงขี้เกียจจะสนใจในเรื่องนี้ ตอนนี้เขาเท่ากับไร้ตำแหน่งขุนนางแล้ว เรื่องเชือดไก่ให้ลิงดูอันใดก็ทำมาหมดแล้ว ไม่อยากจะทำแล้ว ศีรษะในเมืองซงเจียงร่วงพอจะกำราบทุกคนในเมืองนี้แล้ว
แดนใต้มีชีวิตกันเรียบง่าย ครอบครัวหวังทง ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กับหลูรั่วเหมยถือว่าได้กลับบ้านเกิด กินอยู่ก็เคยชิน หานเสีย จางหงอิง ซ่งฉานฉานพวกนางทั้งสามกลับไม่ค่อยชินนัก ทิวทัศน์แดนใต้แม้งดงาม แต่ต้องจากบ้านเกิดตนมา สตรีอายุน้อยก็มักจะไม่ชิน
อาหารการกินและชีวิตเป็นอยู่แม้ดี เรือแต่ละลำจากเหนือมารู้ว่าควรนำอะไรมาขาย เพียงแต่เรื่องคิดถึงบ้านนั้นไม่มีทางแก้ หานเสียคิดถึงพี่ชาย คิดถึงปู่ จางหงอิงกับซ่งฉานฉานอารมณ์ก็ปลอดโปร่งนัก หวังทงตอนนี้ปล่อยตัวสบายมากกว่าแต่ก่อน วันๆ อย่างไรก็ต้องเป็นเพื่อนพูดคุยภรรยาอยู่จวน หวังเซี่ยโตขึ้นทุกวัน ทำให้หวังทงสุขใจมาก
แต่ทว่าสำหรับชายที่นำกำลังทัพใหญ่ออกปราบสี่ทิศมา การมาอยู่บ้านใช้ชีวิตเช่นนี้น่าเบื่ออยู่บ้าง ดังนั้นหวังทงจึงมักออกไปเดินเล่น ไปเดินที่ท่าเรือตามกำหนดเวลาในแต่ละเดือน นับว่าเป็นการตรวจตรา เป็นการปล่อยอารมณ์ ชายอยู่บ้านก็มักจะเบื่อเช่นนี้เหมือนกันหมด
ราวต้นเดือนสิบเอ็ด จางหงอิงกับหลูรั่วเหมยล้วนมีอาการแพ้ท้อง เชิญหมอมาดูอาการแล้วก็ยืนยันเรื่องนี้ สถานะเช่นหวังทงมีบุตรชายแค่คนเดียว ยุคสมัยนี้เรียกได้ว่าไม่ใช่มาตรฐาน หวังทงเองแม้รู้สึกไม่เป็นไร แต่หลายคนก็กังวลแทน เรื่องครั้งนี้นับเป็นมงคลคู่ คนหวังทงในพื้นที่พากันมาอวยพรกันจนเป็นที่เอิกเกริก
หวังทงเองก็ดีใจ แต่ทว่าก็มีเรื่องหนึ่งแทรกขึ้นมา เช่นว่า ซ่งฉานฉานกับไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ล้วนสีหน้ายิ้มแย้มยุ่งกับการต้อนรับและการดูแลในจวน ดีใจเหมือนกับทุกคน แต่ความจริงนั้นกลับไม่เป็นดังนั้น หานเสียกับหวังทงล้วนเคยต้องปลอบซ่งฉานฉานกับไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ที่แอบร้องไห้ แม้หวังทงทำทุกอย่างได้เท่าเทียม แต่สตรีในจวนอย่างไรก็ต้องมีลูก ผู้หญิงในใจล้วนคิดมากเรื่องนี้
อย่างไรก็ต้องให้หวังทงไปปลอบใจ อยู่เป็นเพื่อนหลายวันหน่อย ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ยังดี หากซ่งฉานฉานกลับเอาแต่ดูเหม่อลอยสงสัยว่าตอนนั้นถูกคนป้อนยาให้ดื่มหรือไม่ ทำให้ตอนนี้ยังไม่มีข่าวดี หวังทงจึงเชิญหมอเฉพาะทางจากเมืองหนานจิงมาตรวจเช่นกัน
หมอชื่อดังมีความสามารถ พอตรวจจึงได้รู้ว่ายังไม่ถึงเวลา ไม่ต้องร้อนใจไป จึงได้ทำให้จิตใจหญิงทั้งสองดีขึ้น
ผ่านประสบการณ์นี้ไป สำหรับหวังทงแล้ว เรียกได้ว่าเหนื่อยมาก กล่าวว่าว้าวุ่นใจก็ไม่เกินไปนัก ช่างเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก
นายอำเภอซ่างไห่และรองนายอำเภอรวมทั้งขุนนางทุกระดับล้วนรู้งานเตรียมลาออก มีคนเข้าใจเหตุผล มีคนมองว่าพออำเภอซ่างไห่รุ่งเรืองขึ้นทุกวัน พวกเขายังคิดจะอยู่ต่อ แต่ทว่าล้วนผ่านเรื่อง ‘บังเอิญ’ หลายอย่างมา จิตใจก็หวาดกลัวพากันเตรียมลาออกจากตำแหน่ง
ตอนนี้เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้ากำลังดำเนินไปอย่างร้อนแรง ตำแหน่งนายอำเภอเป็นตำแหน่งงาม หลายคนเคยคิด แต่ก็รู้ความต้องการของหวังทง ตำแหน่งนี้เขากำหนดไว้แล้ว ทุกคนได้แต่หดหัวกลับไป
หยางซือเฉินที่คอยดูแลงานให้หวังทงที่เมืองหลวง มายังเมืองซงเจียง เขามีสถานะบัณฑิตจวี่เหริน มาดำรงตำแหน่งนายอำเภอนั้นไม่เกินไป
บัณฑิตข้างกายหวังทงไม่มาก หลี่ว์วั่นไฉตอนนี้เป็นรองเจ้ากรมระดับสี่ชั้นต้นแห่งศาลซุ่นเทียน สวีกว่างกั๋วก็เป็นขุนนางใหญ่ระดับสามชั้นต้น มีแต่หยางซือเฉินที่ไม่เคยขออะไร ตำแหน่งนายอำเภอนี้หยางซือเฉินความจริงนั้นปฏิเสธ เป็นหวังทงว่าต้องการคนที่ไว้ใจได้มาดูแล เขาจึงได้ยอมรับ
พอทุกอย่างเริ่มดำเนินไป ตำแหน่งนายอำเภอก็ย่อมดูว่างเปล่ามาก ดังนั้นพูดให้ดีก็คือมาเป็นบัณฑิตรับใช้ข้างกายหวังทงนั่นเอง หรือเพราะคิดถึงเรื่องนี้ หยางซือเฉินจึงได้ยอมรับ
อู๋เอ้อร์สร้างครอบครัวแล้ว เขาแต่งกับบุตรสาวคหบดีใหญ่ในเมืองเหยี่ยนโจว เป็นพวกเครือข่ายลักลอบค้าเกลือเถื่อน เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง
อู๋ต้า อู๋เอ้อร์แยกครอบครัวแล้ว มีชีวิตไม่เลว ยังเรียกว่าดีมาก อู๋ต้าอยู่เทียนจินกับนอกด่านสองเส้นทางนี้นับว่าเป็นคนใหญ่คนโต ลูกหลานไม่น้อยติดตามเขา หวังทงลงใต้ อู๋ต้ายังรู้สึกไม่อาจทิ้งทางเหนือไปได้ แต่ก็รู้สึกว่าได้ติดตามหวังทงย่อมมีโอกาสยิ่งดีกว่า ดังนั้นพี่น้องหารือกัน อู๋เอ้อร์ติดตามหวังทงมานานแล้ว ครั้งนี้ก็ตามมา ลูกหลานในตระกูลหากยอมมาด้วย ก็สามารถติดตามมาได้
อู๋เอ้อร์มาถึง ด้วยความช่วยเหลือหวังทง นำคนกวาดล้างการลักลอบค้าเกลือในเมืองซงเจียงหมดสิ้น เส้นทางนี้กำไรมากมหาศาล หวังทงก็ใช่ว่าเห็นแก่เงินทองพวกนี้ หากเพราะพวกค้าเกลือเถื่อนพวกนี้มักมีกำลังอาวุธ นี่เป็นภัยยุ่งยาก ไม่อาจเก็บไว้ได้
กรมควบคุมเกลือทางการเรียกได้ว่าไม่ได้เรื่อง เมืองซงเจียงกินใช้กันก็ย่อมเป็นเกลือเถื่อน การค้าเกลือเมืองซงเจียงนั้นพังพินาศไปนานแล้ว การค้าเกลือเถื่อนจึงมอบให้อู๋เอ้อร์ไปจัดการต่อ การค้าเกลือเถื่อนที่นี่ราคาไม่สูง แต่ก็เป็นการค้าที่ใหญ่พอควร อู๋เอ้อร์ยังมีส่วนกำไรจากการค้าหนังสัตว์ ก็รู้สึกได้ว่าตนเองเลือกถูกแล้ว
ด้วยความพยายามของคนกลุ่มหนึ่ง เมืองหลวงเตรียมมอบตำแหน่งให้ซาตงหนิงเป็นขุนพลทหารเมืองซงเจียง ตอนหวังทงกุมกำลังทัพใหญ่ ราชสำนักพยายามหาทางป้องกันเขา ตอนนี้เขามาอยู่เมืองซงเจียง ฮ่องเต้ว่านลี่กลับพยายามให้สิทธิพิเศษเขาให้มากที่สุด แสดงให้เห็นถึงพระเมตตาพิเศษ
เทียบกับหัวหน้าต่างๆ ในกองกำลังหู่เวยตอนนี้ ต่ำสุดก็เป็นระดับขุนพลภาค ตำแหน่งขุนพลซาตงหนิงนี้ไม่เท่าไร แต่ดีที่หวังทงสั่งการได้สะดวกก็เท่านั้น
สื่อชีเองก็มีตำแหน่ง เขาเป็นนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรเมืองหลวง ส่งมาประจำเมืองซงเจียง เพราะหวังทงเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ดังนั้นสื่อชีจึงขึ้นตรงหวังทง ทุกคนล้วนเข้าใจ หากเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าสุดท้ายได้แบบเทียนจิน เช่นนั้นนายกองร้อยก็จะได้เป็นนายกองพันโดยปริยาย
สื่อชียังคงแอบเปิดลานฝึก ใช้รังโจรเดิมสองแห่งเป็นสถานที่ฝึก การปราบโจรสลัดครั้งนี้ก็มีเด็กชายถูกนำตัวกลับมา มีบ้างถูกโจรสลัดจับตัวมาใช้งาน พวกมีครอบครัวรออยู่ แน่นอนส่งกลับไป บางคนเป็นลูกกำพร้า จึงถูกรับมาเลี้ยงดูที่นี่
มีลานฝึกที่นี่ ก็ย่อมต้องมีครูฝึก อย่าเห็นว่าเป็นแค่ลานฝึก เพราะค่าใช้จ่ายเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของกองทหารเก่าหวังทง สิ้นเปลืองมาก แต่ทว่าเงินที่นี่ไม่ใช้เงินกองกลาง หากใช้เงินจากซ่งฉานฉาน
เมี่ยวลั่งผู้กำเนิดจากโจรน้ำแดนใต้ได้รับตำแหน่งขุนนางตรวจการทางน้ำ แม้ว่าตำแหน่งแค่ระดับเก้า แต่ความจริงนั้นเป็นผู้ตรวจการทางน้ำทั้งเมืองซงเจียง ภาระรับผิดชอบมาก ไม่มีเสียเปรียบ
กล่าวถึงบรรดาลูกน้องล้วนมีตำแหน่ง ความจริงนั้นชีวิตปกติไม่ได้เปลี่ยนไปอันใด อย่างไรก็อยู่ทำงานในอำเภอซ่างไห่ ทุกหน่วยทำงานตนไปเท่านั้น ซาตงหนิงสามวันจะไม่อยู่วันหนึ่ง เพราะต้องไปฝึกกองทหารในเมืองซงเจียงและหน่วยกองพันแต่ละแห่ง จะได้ไม่เกิดเหตุผิดพลาด
*****************
ระบบอำเภอซ่างไห่หากอยู่ตอนเหนือ ก็เรียกได้ว่าเพียงพอจะเป็นเมืองแล้ว ตอนยังไม่ได้เปิดท่าการค้าก็รุ่งเรืองมากอยู่แล้ว พอเปิดท่าการค้า พ่อค้าใหญ่แต่ละแห่งล้วนพักที่นี่ ก็ยิ่งเป็นการเติมความรุ่งเรืองให้กับความรุ่งเรืองเดิมที่มีอยู่ให้เจิดจรัสยิ่งขึ้น
จากจวนเหลียวกั๋วกงไปถึงตัวเมือง เส้นทางต้องใช้การเดินทางราวครึ่งชั่วยาม หลังจากตามทางทุกแห่งสงบปลอดภัย หวังทงมักจะออกมาพร้อมผู้คุ้มกัน แต่งกายเป็นชาวบ้านไปเดินเล่นในเมือง ในตัวเมืองหลายแห่งไม่น้อยที่ดูแล้วรุ่งเรืองกันเป็นส่วนมาก
หวังทงแต่งกายแบบชาวบ้านปลอมตัวมา ทหารติดตามก็เช่นกัน กองกำลังเช่นนี้ คนมองก็รู้ว่าเป็นระดับใต้เท้ามาเอง ย่อมไม่กล้ามาหาเรื่อง สำหรับทหารเฝ้าประตูอำเภอซ่างไห่ ก็ล้วนเคยร่วมงานเลี้ยงจวนเหลียวกั๋วกง ก็ยิ่งไม่กล้าผิดพลาด พากันทำเป็นมองไม่เห็น
“คนที่มาจับตาดูจวนเราไม่อยู่แล้วหรือ? ตามธรรมเนียม ระยะใกล้เข้าใกล้ไม่ได้ ระยะไกลอย่างไรควรมีนี่นะ!”
หวังทงเดินไป ก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ ซาตงหนิงข้างๆ ยิ้มตอบว่า
“กั๋วกงคงไม่ทราบ ตอนเริ่มต้นยังมีมาสามคน แต่พอกั๋วกงสำแดงบารมี ต่อมาก็มีแค่คนเดียว คนผู้นี้ตอนนี้หลบอยู่ไกลออกไป”
ขณะพูดอยู่นั้นทหารติดตามด้านหลังก็เข้ามากระซิบ ซาตงหนิงขมวดคิ้ว หันไปมอง กล่าวอย่างเสียไม่ได้ว่า
“คนผู้นั้นยังตามมาอยู่!”
หวังทงหันไปเหลือบมอง ไม่ต้องใช้วิธีการสายสืบอันใด หันไปที่ไกลๆ ก็มองเห็น เป็นชายวัยกลางคนในชุดยาว กำลังตามมา เห็นท่าทางแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังร่องรอย แต่ทว่าท่าทางปิดๆ บังๆ กลับทำให้เขายิ่งดูเตะตา
“ใครกัน?”
“เห็นว่าเป็นบัณฑิตมีตระกูลในเมืองนี้ เรียนหนังสือมา แต่ไม่ได้สอบตำแหน่งใด แยกครอบครัวออกมาใช้ชีวิตเองแล้ว ไม่ได้ยินว่าเขากับทางการหรือในพื้นที่มีปัญหาใด ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่ค่อยได้สนใจ”
หวังทงพยักหน้า มองไปทางประตูเมือง เห็นหวังทงมา ทหารเฝ้าประตูก็รีบมองมาทำท่าทางคำนับอย่างภักดี พวกเขากลัวหวังทงอย่างที่สุด แวบแรกที่เห็นหวังทงมายังจะเข้ามาโขกศีรษะ หากถูกตำหนิไป จึงได้ทำตัวเงียบมากขึ้น ทำเป็นมองไม่เห็น
พอเข้าเมืองไป หวังทงชอบไปทางตะวันตกของเมืองหาร้านสุราเล็กๆ ริมทะเล ร้านสุรานี้เรื่องอื่นไม่ว่า แต่สงบมาก สุรานั้นเป็นสุราดีจากเมืองเซ่าซิง รสหอมแรง กินกับปลาแห้งท้องถิ่น ถูกปากหวังทงมาก เขาดื่มไปนิดหน่อย มองไปยังคนเดินผ่านไปมา เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ที่ดีทางหนึ่ง
วันนี้พอเดินเข้าประตูมา คนงานและเถ้าแก่ร้านก็พอเดาสถานะของแขกประจำนี้ได้ พากันนอบน้อมอย่างมาก เห็นเขามา คนงานก็รีบเข้ามาทักทาย
หวังทงยิ้ม เพิ่งพยักหน้าก็พลันได้ยินเสียงเอะอะด้านหลัง มีคนตะโกนว่า
“ขอใต้เท้าให้ความเป็นธรรมด้วย!!”