องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1037 หน้าจวนกั๋วกง
หลังซาต้าเฉิงนำกองเรือมายังเมืองซงเจียง เดิมเป็นชาวฮกเกี้ยน เมื่อก่อนเคยเคลื่อนไหวอยู่ทางแดนใต้แถบฮกเกี้ยนเจ้อเจียงอยู่มาก พอเขามา ก็มาเป็นกองเรือปืนใหญ่ให้หวังทง ท้องทะเลก็ไร้ตัวก่อกวนรายใหญ่ออกเคลื่อนไหว
ท้องทะเลกว้างใหญ่ส่วนกว้างใหญ่ แต่พื้นที่หนึ่งๆ ก็จะมีคนมากมายมาหากินได้ตระกูลเดียว ตระกูลอื่นก็ย่อมไม่มีจะกิน หวังทงกับตระกูลซาอิทธิพลอำนาจยิ่งใหญ่เพียงนี้ หากคนอื่นคิดจะหาทางหากิน เช่นนั้นแปดเก้าส่วนก็ย่อมต้องมีจุดจบที่ถูกทำลายราบ ทุกคนล้วนรู้เรื่องนี้ดี
ดีที่ไม่เป็นโจรสลัด ยังมีทีให้พวกเขาได้ร่ำรวยกัน แดนใต้ขนสินค้าผ่านเมืองซงเจียงไม่น้อย หวังทงกับซาต้าเฉิงแม้ว่าเรือมาก แต่พื้นที่ทางนี้พ่อค้าใหญ่แม้ว่าล้วนซื้อเรือต่อเรือ แต่ก็ไม่พอ มีโจรสลัดคิดกลับใจก็ล้วนจะมาหากินเรื่องขนสินค้า ก็ทำกำไรไม่น้อย
ยามนี้ก็มีผลประโยชน์ธรรมเนียมเทียนจิน คนที่คิดขนสินค้าก็ต้องซื้อธงร้านประกันภัยสามธารา รับธงแล้วแขวนขึ้นไป ก็จะมีคนรับประกัน จากนั้นก็จะขนสินค้าที่เมืองซงเจียงได้
ความจริงนั้น นี่นับเป็นการเสียเงินกินเปล่า หลายคนบนท้องทะเลที่มีอิสระมานานก็ไม่อยากถูกบังคับเช่นนี้ จึงคบคิดกับพ่อค้าเล็กๆ หาทางกันเอง แต่ทว่าไม่มีการรับประกันและการควบคุมใด ออกทะเลไป อันใดก็ไม่อาจกล่าวได้
หลังสินค้าเสียหายไปมาก บรรดาพ่อค้าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง เงินจ่ายให้ร้านประกันภัยสามธาราก็เพื่อให้ทุกคนเสี่ยงน้อยลง ไม่ใช่เพื่อเอาเปรียบ
การค้าทะเลกำไรมาก ขนน้ำตาลไปประเทศวัวทีเดียว ก็ได้กำไรมากขึ้นถึงสี่เท่า ผ้าไหมได้ถึงสามขึ้นไป มีสินค้าหายากยังได้ถึงสิบเท่า ประเทศวัวเงินทองมากมาย ด้วยเหตุต่างๆ นี้ทำให้ได้กำไรยิ่งมาก
ตอนนี้สินค้าส่งออกไปมากพอ ความจริงนั้นทำให้กำไรลดลง แน่นอนกำไรลดลงจริง แต่จำนวนมาก คนร่ำรวยก็มาก ผลประโยชน์ยิ่งมาก
แต่ทว่าพวกที่เคยได้กำไรมหาศาลถูกรกระทบตั้งแต่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 มา โจรสลัดเหิมเกริมบนท้องทะเลส่วนใหญ่ก็อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้
โจรสลัดจับตาลงมือกับเรือการค้าที่ออกจากเมืองซงเจียงโดยเฉพาะ พริบตาเสียหายไม่น้อย ร้านประกันภัยในเมืองซงเจียงต้องจ่ายเงินออกไปมากมายด้วยเงินค่าป้ายสงบสุขและเงินค่าซื้อที่ก่อนหน้า จึงจัดการจ่ายครบได้
ในเมื่อมีโจรสลัดใจกล้าเช่นนี้ เช่นนั้นหวังทงก็ย่อมไม่ใจอ่อน ซาต้าเฉิงนำกองเรือออกไปปราบ บนท้องทะเลไม่ก็คุ้มครองไปส่ง ไม่ก็สร้างเรื่องหลอกโจรให้มาติดกับ
ผลปรากฏว่าเหนือคาดหมาย การป้องกันเข้มงวด ทำให้เกิดเรื่องน้อยลง แต่ยังคงไม่ได้กวาดล้างใหญ่อันใด เพราะพวกโจรสลัดจมูกไวมาก หวังทงไม่คิดว่าโจรสลัดจะมีความสามารถเพียงนี้ สามารถรู้สถานการณ์ได้ จึงได้วิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ไม่อาจปราบแค่บนท้องทะเล หากยังต้องหารังบนแผ่นดินกวาดล้างให้ราบคาบด้วย
ยามนี้ก็ได้ใช้ความสามารถเมี่ยวลั่ง เขาชำนาญเรื่องริมฝั่งน้ำ รู้ที่ใดหลบซ่อนได้ ที่ใดเป็นรังผู้ใด กอปรกับการประสานกับองครักษ์เสื้อแพรเมืองหนานจิง กวาดล้างรังโจรไปสิบกว่าแห่ง พื้นที่แถบนี้เริ่มสงบแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าก่อการอีกแล้ว
กวาดล้างโจรสลัด คนบงการเบื้องหลังก็ยังถูกเปิดโปงออกมา ทำให้หวังทงตกใจก็คือคนเหล่านี้หลายคนเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ บ้างก็เป็นพวกมีชื่อเสียงคุณธรรมเป็นที่เคารพในพื้นที่ คิดไม่ถึงพวกเขาล้วนเป็นพ่อค้าทรงอิทธิพลบนท้องทะเล
สำหรับเมืองเจียซิ่ง เมืองหางโจวกับเมืองหนิงปอ หวังทงใช่ว่าไม่มีวิธี เขียนจดหมายส่งไปยังนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรเมืองหางโจว อีกฉบับไปยังผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง เรื่องราวระบุไว้กระจ่าง นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรดูแลพื้นที่นั่น หากผู้ว่าการมณฑลไม่คิดช่วย ก็ลองดูผลกันที่เมืองหลวง มีสายสัมพันธ์เช่นนี้ พวกที่เจ้อเจียงที่ยังคิดว่าเองว่าตนจะรอด ก็ย่อมถูกกวาดล้างสิ้น
ผ่านเรื่องนี้ไป หวังทงเริ่มเข้าใจ เหตุใดถานกวน ชีจี้กวงและคนอื่นๆ จึงสามารถกวาดล้างโจรสลัดทางตะวันออกเฉียงใต้ได้ ยังมีหลายคนต่อต้านการเปิดทะเล หาเหตุที่ฟังขึ้นและฟังไม่ขั้นมาสนับสนุนให้ปิดทะเลต่อไป คิดให้ดีถึงที่มาแล้ว ดีไม่ดีก็เกี่ยวพันกับคหบดีแดนใต้พวกนี้ ขอเพียงปิดทะเล กำไรมหาศาลก็ยังคงอยู่ มิน่าหลังเปิดทะเล เสียงต่อต้านในราชสำนักจึงเกิดขึ้นตลอด
แต่ทว่าพวกลูกไม้เหล่านี้ต่อหน้าหวังทงล้วนใช้การไม่ได้ หวังทงรับมือเรื่องพวกนี้ด้วยท่าทีไม่โต้แย้งอันใดกับพวกเจ้าหากใช้ข้อได้เปรียบด้านกำลังกวาดล้างพวกเจ้าทิ้ง จากนั้นค่อยหาทางจัดการราชสำนัก
หลังเดือนสามปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 พวกที่คิดว่าจะรอดหรือพวกที่ยังไม่ตายใจก็ล้วนไม่อาจไม่ยอมรับว่า ไม่อาจขวางกั้นเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าได้อีกแล้ว วันหน้าสินค้าเขตปกครองใต้กับเจ้อเจียงและเส้นทางแม่น้ำแยงซีเกียง คิดจะทำการค้าออกทะเล คงต้องมาทางเมืองซงเจียงแล้ว
***************
เดิมเจียงซีกับหูกว่าง[1] มีสินค้ามากมายล้วนใช้เส้นทางบกขนไปยังกวางตุ้ง จากนั้นค่อยขนออกทะเล ตอนนี้มีเมืองซงเจียงก็ยิ่งสะดวก พวกเขาล้วนสามารถขนลงแม่น้ำไปทางตะวันออก แล้วไปออกทะเลที่เมืองซงเจียง
เส้นทางเมืองซงเจียงกับทะเลใต้ ปลายปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 16 ก็เปิดเส้นทางแล้ว เรือผ่านไปมานับวันยิ่งหนาแน่น ลูซอนสังหารหมู่ชาวฮั่น ปลายเดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 ก็มาถึงเมืองซงเจียง
พ่อค้าที่นำข่าวมาไม่ได้คิดมาอันใด พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าทอดถอนใจ สมควรเห็นใจ พูดจากใจก็แค่เรื่องที่สนทนากัน เอาไว้กลับไปเล่าให้ทุกคนฟัง ก็แค่เห็นใจกันเท่านั้น การค้าต้องทำอย่างไรก็ยังคงทำต่อไป
หากก็พอมีคนที่มีมนุษยธรรมอยู่บ้าง จึงไม่ทำการค้ากับพวกพ่อค้าสเปน แผ่นดินหมิงเปิดท่าการค้าสองแห่ง ฟะรังคีค่อยๆ ถูกขับออกไป ทุกคนแยกโปรตุเกสกับสเปนออก เมืองซงเจียงกับเทียนจินไม่มีชาวสเปน
คนที่เดินทางกลับจากท้องทะเล ที่เมืองซงเจียงมีธรรมเนียมว่ากลับมาผ่านด่านภาษี นอกจากตรวจนับสินค้าจ่ายภาษีเสร็จ ยังต้องเล่าเรื่องที่ตนได้พบได้เห็นมาบนท้องทะเลและเมืองท่าต่างชาติ
ทำเช่นนี้แม้ว่าไม่มีประโยชน์ใด แต่ก็สามารถทำให้ได้มีเรื่องสนทนาจิบชาเชื่อมสายสัมพันธ์กับขุนนางเมืองซงเจียง สำหรับพ่อค้าแล้วไม่ใช่เรื่องไม่ดี อย่างไรก็ได้ผ่อนคลาย
ที่ทำการเมืองซงเจียง ผู้ที่รับผิดชอบงานล้วนมีองครักษ์เสื้อแพรคอยประกบ ข่าวที่ได้ล้วนจัดระเบียบเขียนก่อนรายงาน
กลางเดือนสาม ไป๋อู่ก็มาถึงเมืองซงเจียง แม้ว่าเขาถูกความแค้นบดบังตา แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ ท่านนั้นที่เมืองกวางเจา ‘เห็นใจ’ เล่าทุกอย่างละเอียด และยังให้ค่าเดินทางมาอีก ก็รู้สึกได้แล้วว่าเป็นการหาทางออกให้ตนเอง
จากเมืองกวางเจามาถึงเมืองซงเจียง เส้นทางราวหนึ่งเดือนกว่า ไป๋อู่เพราะร้อนใจและโมโหอัดอั้น ระหว่างทางล้มป่วยไปหลายวัน เงินค่าเดินทางก็หมด สุดท้ายเส้นทางช่วงหลังใช้การขอทานเลี้ยงชีพจึงมาถึงได้ พอมาถึงเมืองซงเจียง ก็มีสภาพไม่แตกต่างจากขอทานจริงๆ
จวนเหลียวกั๋วกงสอบถามผู้ใดก็รู้ว่าอยู่ที่ใด เร่งเดินทางมา เห็นผู้คุ้มกันหน้าประตูเข้มงวด ไม่กล้าบุกเข้าไป ได้แต่เดินไปไกลราว 20 ก้าว เห็นผู้คุ้มกันจะมาขับไล่ก็ลงคุกเข่าโขกศีรษะ เสียงดังตะโกนว่า
“ขอกั๋วกง ให้ความเป็นธรรมด้วย!!”
ได้ยินเช่นนี้ ผู้คุ้มกันหน้าประตูจวนเหลียวกั๋วกงจึงไม่ลงมือขับไล่ ได้แต่กล่าวอย่างรำคาญใจว่า
“กั๋วกงไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน เจ้ามีความขัดข้องอันใดให้ไปที่ทำการอำเภอร้องทุกข์ ไม่เช่นนั้นก็ไปตีกลองที่หน้ากรมอาญาเมืองหนานจิงนั่น ก็ย่อมให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าได้”
ตั้งแต่หวังทงออกหน้าช่วยเหลือสองพ่อลูก คนมาร้องทุกข์โขกศีรษะหน้าประตูก็ยิ่งมากขึ้น ตั้งแต่ขโมยไก่เพื่อนบ้าน ไปจนสงสัยภรรยาคบชู้ก็ไม่น้อย แต่ละเรื่องแม้แต่อำเภอก็ยังขี้เกียจจะสนใจ หวังทงไหนเลยมีเวลา จึงไล่ไปให้หมด ต่อมาถูกรบกวนมากเข้า ก็ตั้งธรรมเนียม หากไม่ไป ก็จะจับไปโบยที่ทำการอำเภอค่อยว่ากัน จึงไล่ไปกันได้
“เรื่องข้าน้อยมีแต่เหลียวกั๋วกงให้ความเป็นธรรมได้ นอกจากท่านแล้ว คนอื่นจัดการไม่ได้”
“แต่ละคนล้วนกล่าวเช่นนี้ เจ้าไก่หายหรือว่าสมบัติถูกแย่งไปล่ะ ไปแจ้งอำเภอสิ”
ผู้คุ้มกันเริ่มเห็นเป็นเรื่องขำขัน ต่อมาเห็นมากเข้า ยังเคยถูกหลอกอีกหลายครั้ง พวกเขาล้วนเริ่มไม่อาจอดทนได้อีก ไม่อยากพูดจาสาวความยาวยืดอีก
“นายท่านทั้งหลาย นี่เป็นเรื่องคดีนับหมื่นชีวิต ทางการไม่อาจจัดการได้ ข้าน้อยไปเมืองกวางเจาร้องทุกข์กับทัพเรือ ทางนั้นก็จัดการไม่ได้!”
ไป๋อู่ตะโกนดัง ผู้คุ้มกันกำลังจะลงมือ พอได้ยินวาจานี้ก็หยุดมือ เรื่องราวความคับแค้นพิสดารพวกเขารับรู้มาไม่น้อย แต่ ‘หลายหมื่นชีวิต’ เกรงว่าน่าตกใจเกินไปแล้ว ไป๋อู่โขกศีรษะดังหลายที หน้าผากเริ่มห้อโลหิต ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจแน่วแน่แล้ว ในบรรดาผู้คุ้มกันที่พอมีประสบการณ์ สามารถมองเห็นเปลวไฟแห่งความแค้นในแววตาไป๋อู่ได้ นี่เป็นภาพของผู้มีความแค้นยิ่งใหญ่จริง
ผู้คุ้มกันสบตากัน พากันหยุดนิ่ง คนหนึ่งก้าวเข้าไปกล่าวว่า
“กั๋วกงไม่อยู่จวน เจ้ากลับไปพักก่อน รอให้กั๋วกงกลับมาค่อยว่ากัน”
วาจานี้ไม่อาจปลอบใจไป๋อู่ เขาโขกศีรษะกล่าวว่า
“กั๋วกงวันหนึ่งไม่กลับมา ข้าน้อยวันหนึ่งก็ไม่ไปไหน”
กล่าวจบ เดิมคิดว่าผู้คุ้มกันจะโมโหเข้ามาขับไล่ คิดไม่ถึงผู้คุ้มกันสบตากัน ไม่สนใจอีก
จากนั้นอีกหลายวันถัดมา ไม่มีคนมาขับไล่เขา ตกค่ำยังมีคนเอาพรมมาห่มให้ อาหรการกินก็นำมาให้ด้วย เพียงแต่ไม่ให้คุกเข่าหน้าประตูใหญ่ ให้เขาแอบไปริมทางหน่อย มีคนให้ข้าวให้น้ำ ยังใจดีมาคุยกันเขาอีก
เริ่มแรกไป๋อู่ไม่คิดสนใจ แต่ผู้อื่นมาดูแล อย่างไรก็นับว่ามีน้ำใจ หลายวันเล่าไปเล่ามา เรื่องที่เล่าก็เล่าออกมาหมด
เขาคุกเข่าได้วันที่ 10 ก็หมดหวัง เพราะเขาไม่เคยพบเหลียวกั๋วกงเข้าออก ไป๋อู่คิดในใจ ย่อมเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ต้องการพบเขา หรือไม่ก็จงใจหลบหน้า ในใจสิ้นหวัง ไม่มีหวังในชีวิต หรือว่าต้องไปเมืองหลวง ไป๋อู่ถึงกับคิดจะชนประตูฆ่าตัวตาย
หวังทงกลับถึงจวนในวันที่ 10 เขาไปจัดการท่าเรือปืนใหญ่อยู่ราวครึ่งเดือนได้ ไม่ได้สนใจจะกลับบ้าน
[1] หมายถึงมณฑลหูหนานและหูเป่ยของแถบแม่น้ำแยงซีเกียงในปัจจุบัน