องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1040 ยุคสมัยวุ่นวาย
ตั้งแต่กลางสมัยฮ่องเต้เจียจิ้งมาก็มีภัยเผ่าอันต๋า ตะวันออกเฉียงใต้ก็มีภัยโจรสลัดวัวโค่ว เสียเวลาไป 20 ปี จากนั้นก็ปิดทะเลกับชายแดน ราษฎรแผ่นดินหมิงแต่ละมณฑลคิดอยู่อย่างสงบสุข รักษาระเบียบตอนนี้ให้ยังคงต่อไป ไม่แปรเปลี่ยน
สมัยฮ่องเต้หลงชิ่งมีสนธิสัญญากับเผ่าอันต๋า ยกเลิกคำสั่งห้ามออกทะเล เหล่านี้ล้วนไม่กระทบใหญ่ อย่างไรก็เป็นช่องทางการค้าตอนเหนือ ทางใต้ก็แค่เมืองท่าไม่กี่เมือง ไม่กล่าวถึงทางการ แม้แต่เรื่องส่วนตัวที่ไม่อาจเปิดเผยนับรวมเข้าไป ก็ยังในวงจำกัด ส่งผลกระทบไม่มาก คนส่วนใหญ่สงบนิ่งกันมาก
พ่อค้าใหญ่แดนใต้กับพ่อค้าเกลือเหนือใต้แม่น้ำแค่บนแผ่นดินหมิงก็ทำกำไรก้อนโตแล้ว เจ้าของที่ดินก็สบายใจเป็นเจ้าของที่ดินไป ราษฎรก็สบายใจเป็นราษฎรไป
ไม่ว่าเหนือใต้ออกตก ทุกคนล้วนสบายใจ ขุนนางบุ๋นราชสำนัก บัณฑิตก็ยังคงเอะอะโวยวายเก่ง อันใดที่ไม่เป็นประโยชน์กับพวกเขาก็ล้วนหาทางยกทิ้ง หาเรื่องไม่หยุดหย่อน
แต่หลังปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 มา ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง เทียนจินเปิดทะเล ทำให้คนพบเส้นทางการติดต่อเหนือใต้ผ่านทางน้ำทางทะเลได้ เช่นนี้ย่อมสร้างกำไรก้อนโต
เผ่าอันต๋าถูกทำลายล้างทำให้พ่อค้าพบวิธีการสวมเกราะถือปืนทำการค้า เหมือนว่าสามารถทำกำไรได้มากกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงกับล้วนไม่ต้องใช้ทุนเดิม
กองกำลังหู่เวยบุกเบิกแผ่นดินให้ชนชั้นสูงแผ่นดินหมิง พบว่า ที่แท้ใต้หล้าที่ดินที่อุดมไม่ได้มีแต่ในด่านแผ่นดินหมิง ลุ่มน้ำยังมี แม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซานก็มี เพาะปลูกที่นั่น ไม่ต้องจ่ายภาษี ยังมีโอกาสอีกมากมาย มีผลผลิตหลากหลาย มีการค้าหลากชนิด
ราษฎรสามัญเองก็พบว่า พวกเขาสามารถมีทางออกอีกมากมาย หากพบความอดอยากแห้งแล้งใช่ว่าต้องไปขอทาน หรือไปเป็นชาวอพยพก่อการจลาจล พวกเขาสามารถไปโรงบ้านเพาะปลูกที่ต่างๆ ได้ คนที่มีความกล้าหาญก็สามารถไปเป็นผู้คุ้มกัน อาศัยความฮึกเหิมและความสามารถในการต่อสู้ของตนสู้ให้ได้มาซึ่งอาหารอิ่มและนอนอุ่น
ทุกคนอยู่ๆ ล้วนเปิดโลกทัศน์กว้าง อยู่ ๆ ก็พลันรู้สึกว่าใต้หล้านี้ ไม่เพียงแต่มีแค่แผ่นดินหมิงสองเมือง 13 มณฑล นอกทะเลใหญ่ ตอนเหนือชายแดนทั้งเก้า ยังมีแผ่นดินกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาออกไป ที่เหล่านั้นมีความร่ำรวยเหลือคณานับ ที่แห่งนั้นมีทาสรับใช้อยู่มากมายมหาศาล ล้วนกำลังรอให้เจ้าไปบุกเบิก ให้เจ้าไปแย่งชิง
ก่อนปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 ทุกคนบนแผ่นดินหมิงแม้ปากแข็ง แต่ก็รู้เรื่องพวกนอกด่านนอกกำแพงดี รู้เรื่องโจรสลัดตะวันออกเฉียงใต้ดีว่าแข็งแกร่งเพียงใด แต่พอหลังปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 มีชุดเกราะกับปืน มีรถใหญ่เป็นกำบัง ชาวฮั่นก็พบว่าพวกสัตว์ป่าดุร้ายพวกนั้นก็แค่พวกกระจอก ที่แท้ก็เป็นดังวัวและแพะรอเชือด
นี่เป็นยุคสมัยยิ่งใหญ่ของจิตใจคนที่เริ่มวุ่นวายไม่สงบนิ่ง
*****************
เห็นคนข้างๆ คว้าโอกาสเล็กๆ ได้จนร่ำรวยใหญ่ ได้ยินหลายคนเจอเหตุประหลาดจนได้เป็นคหบดีใหญ่ คนเหล่านั้นสู้ตนไม่ได้ ตอนนั้นยังเคยมาขอร้องให้ตนช่วย ตนยังดูแคลน แต่ตอนนี้แต่ละคนล้วนรวยกว่าตนเอง เรื่องผู้ใดจะยอมได้
พวกเขาทำได้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้ พวกเขาคว้าโอกาสไว้ได้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้ ตอนนี้โอกาสมากมายเพียงนี้ ขอเพียงใส่ใจ ขอเพียงกล้าเสี่ยง ก็ย่อมประสบความสำเร็จแน่นอน
ราษฎรสามัญมีวิธีคิดหนึ่ง พ่อค้าใหญ่ก็ยิ่งมีวิธีการตน ยิ่งมีสถานะสูง ก็ยิ่งสนใจการเทียบเรื่องเช่นนี้ เช่นว่าในเมืองหนานจิง พวกชนชั้นบรรดาศักดิ์ในเมืองเริ่มโมโหหนักมาก เพราะอะไร หาไม่ใช่เป็นเพราะพวกที่ใกล้จะล่มสลายกลับอยู่ ๆ รุ่งเรืองขึ้นมา รุ่งเรืองอย่างไร ก็เพราะเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า ไปตามได้เร็วก่อนใคร ผลปรากฏร่ำรวยใหญ่
พ่อค้าเกลือเหนือใต้แม่น้ำล้วนอาศัยสิทธิพิเศษนั่งเฉยๆ รอรับความร่ำรวย แม้เป็นเช่นนี้ แต่ล้วนมีคนเพราะเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า ลงมือเร็วจนได้ผลประโยชน์ก้อนโต
เห็นตัวอย่างต่างๆ ดังนี้แล้ว กอปรกับคนพวกนี้ทำอันใดก็ป่าวประกาศ ก็ยิ่งทำให้คนจิตใจไม่สงบ วุ่นวายกันอย่างมาก ล้วนจับตาดูกันทุกแห่ง เห็นโอกาสทางการค้าก็จะรีบตามไปทันที
หลังเดือนสาม ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 บัณฑิตนักเล่าเรื่องแต่ละแห่งนอกจากเรื่องเล่าตามประเพณีแล้ว ก็ยังเริ่มเล่าเรื่องราวการรบในรัชสมัยปัจจุบัน
หลังรัชสมัยหมิงไท่จู่หมิงเฉิงจู่ การรบกับต่างเผ่าพันธุ์ก็ล้วนไม่เคยเด็ดขาด สมัยฮ่องเต้หมิงอู่จง การต่อสู้ยังมีความจงใจปิดบังซ่อนเร้น ไม่มีอันใดน่าเล่ากัน ไม่มีคนอยากฟัง แต่ทว่ายุคสมัยนี้เล่าเรื่องพวกนี้ไม่น้อย ได้ฟังแล้วก็ทำให้จิตใจฮึกเหิม
นักเล่านิทานเล่าเรื่องนี้ก็มักมีคนอยากฟัง และคำวิพากษ์ก็มักกล่าวว่าโอรสสวรรค์ทรงพระปรีชาบุ๋นบู๊ ยังมักมีเรื่องเล่าเกร็ดเล็กน้อยไม่น้อย เช่นใครสักคนอยู่เมืองกุยฮว่าเฉิง อยู่นอกกำแพงชายแดนเมืองเหลียวโจว ได้โรงบ้านใหญ่ ทาสหลายร้อยพัน ม้าวัวนับหมื่น
บรรยากาศการค้าแดนใต้กลิ่นอายรุนแรง ได้ยินเรื่องร่ำรวยพวกนี้ก็มักทำให้คนตื่นเต้นกัน มีนักเล่าที่ฉลาด ไม่เล่าเรื่องยกทัพปราบตะวันออกตะวันตก กลับเล่าแต่เรื่องที่ราษฎรอพยพไปต่างบ้านต่างเมืองแล้วร่ำรวยใหญ่ ปรากฏได้รับความนิยมยิ่งมาก จากบ้านเกิดตัวเปล่า ออกไปกล้าต่อสู้ฟันฝ่า ปรากฏร่ำรวยใหญ่ นิทานเช่นนี้ ได้รับความนิยมจากทุกระดับ ถึงกับแม้แต่ขอทานคนหาบเร่ยังชอบฟังเรื่องราวเช่นนี้
เรื่องเล่าเช่นนี้เล่ากันมากเข้า ก็มีคนไม่น้อยทอดถอนใจ เสียใจภายหลังที่ตนเองไปไม่ทันคนอื่น ตอนนี้บนทุ่งหญ้าตอนเหนือ ก็มีพ่อค้ากับคนใหญ่คนโตไปแบ่งสรรกันหมดแล้ว นอกกำแพงเมืองเหลียวหนิงก็ล้วนเป็นชนชั้นสูงกับพ่อค้าทางเหนือแบ่งกันหมดไปแล้วเช่นกัน โอกาสร่ำรวยหมดแล้ว
ในบรรยากาศเช่นนี้ ก็มีหนังสือหนึ่งแพร่ออกมา หนังสือนี้เรียกว่า บันทึกทะเลใต้ เนื้อหาเป็นเรื่องแปลกที่เล่ากันในเมืองหลวง
สำหรับสตรีทะเลใต้ก็บรรยายไว้ไม่น้อย เรื่องทรัพย์สินเงินทองทะเลใต้ก็บรรยายละเอียดมาก บอกว่าที่นั่นมีเหมืองทอง เหมืองเงินต่างๆ และยังไม่ได้ถูกขุดสักเท่าไร ที่นั่นยังมีเครื่องเทศและไม้แข็งต่างๆ นำไปขายให้เรือต่างชาติตะวันตกได้กำไรถล่มทะลาย หากขนกลับมาได้ กำไรก็ยิ่งมากยิ่งขึ้น
ที่นั่นทำนาข้าวได้ปีละ 3 ฤดู ชาวพื้นเมืองล้วนอ่อนแอ ขอเพียงสามารถลงมือสังหารให้พวกเขากลัว พวกเขาก็จะยอมเชื่อฟังเป็นทาสรับใช้เพาะปลูกให้อย่างดี
ทุกอย่างล้วนมีรายละเอียดตัวอย่าง ไม่ต้องอาศัยเรื่องเล่าไร้หลักฐาน หลายคนไปทะเลใต้รวยมา ทำงานขยันขันแข็งในพื้นที่ หากไม่ถูกสังหารดังสุกรไปเสียก่อน สะสมเงินทองลืมตาอ้าปากนั้นก็ง่ายมาก
สมุดเล็กนั่นยังกล้าเล่าเรื่องหนึ่งว่า ความร่ำรวยเหล่านี้ล้วนต้องจ่ายภาษีให้กับพวกต่างชาติตะวันตกในพื้นที่ ที่บันเตินกับซูลู และมะละกา ยังต้องจ่ายภาษีให้หัวหน้าเผ่าชาวพื้นเมือง หากไม่จ่าย เช่นนั้นจะมีผลประโยชน์ได้อย่างไร
ที่กล่าวมาไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้ ยังมีเรื่องต่างชาติตะวันตกในทะเลใต้แต่ละแห่งไม่มาก ก็แค่พันคน หรืออาจแค่ร้อยคน ก็สามารถยึดครองพื้นที่ได้ อาศัยเรือรบและป้อมปราการที่มีปืนประจำการ สมุดเล็กนั่นยังเอ่ยถึงอย่างดูแคลน เรือรบพวกนี้เทียบกับเรือใหญ่ที่จอดเทียบท่าที่เมืองซงเจียงแล้วก็ไม่เท่าไร ทหารชาวผิวขาวรับมือชาวพื้นเมืองยังเรียกได้ว่าเก่งกล้า แต่เทียบกับคนของเหลียวกั๋วกง เรียกได้ว่าห่างไกลมาก
สมุดเล็กนี้ยังกล่าวถึงเรื่องเล่าหลายเรื่อง เช่นว่า เรือหนึ่งไปยังที่แห่งหนึ่งในทะเลใต้ อยู่ ๆ คิดได้ เห็นชาวพื้นเมืองบนฝั่งร่ำรวย ก็คิดจะเอาชีวิตเข้าแลก ไปสังหารปล้นชิงมาร่ำรวยแล้วก็กลับประเทศ กลายเป็นคหบดีคนดี ยังแอบบอกว่ามีใครบ้างจริงบ้างเท็จบ้าง แต่ก็ยิ่งดูน่าเชื่อขึ้นเรื่อยๆ
ว่ากันว่าการเทียบนี้ไม่ได้มีอันใดผิด คนเขียนสมุดเล็กนี่แม้ว่าไม่ได้กล่าวถึงตรงๆ แต่หากวิเคราะห์ให้ดีก็ย่อมรู้ว่าเป็นคนเมืองซงเจียง เมืองซงเจียงไปทะเลใต้ไม่น้อย ทั้งวันเห็นผู้คุ้มกันหวังทงกับเรือใหญ่ แน่นอนย่อมเปรียบเทียบเช่นนี้
สมุดนี้ช่างทำให้คนหวั่นไหวเสียจริง แผ่นดินหมิงเล่าเรือท้องทะเลไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกบันทึกเรื่องพิสดาร มีรายละเอียดมาก ถามพ่อค้าที่เคยไปทะเลใต้มาว่าตามที่กล่าวกันนั่นไหมก็บอกไม่ได้แน่ชัด แต่แปดส่วนเรียกได้ว่ามีอยู่
ทางนั้นมีความร่ำรวยมากมาย ยังไม่มีการป้องกันใด ก็เท่ากับว่าวางรอให้คนไปเอาหรือ? พ่อค้าตอนเหนือแผ่นดินหมิงคว้าทุกอย่างบนทุ่งหญ้ามาได้ คว้าทุกอย่างแถบแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซานมาได้ เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาไม่ไปคว้าทะเลใต้มาบ้าง
ทุกคนล้วนเคยได้ฟังพ่อค้าตอนเหนือว่าทำอย่างไร แม้ไม่เคยได้ฟังมา ก็อาจ ‘มีคนตั้งใจ’ เตือนให้รู้ เจ้าจะเดินอาดๆ ไปคว้าไม่ได้ ต้องทำให้พวกเขากลัว ต้องข่มให้อยู่ ค่อยลงมือสังหาร และกำลังตระกูลเดียวไม่พอ ต้องรวมกำลังเป็นหมู่คณะจึงจะได้ นี่เป็นการค้าหนึ่ง นี่เป็นความร่ำรวย หากไปกันมากย่อมมั่นใจว่าสำเร็จมาก แต่ละคนแบ่งกันก็ย่อมพอเพียง
ทุกคนมีเงินในมือ ในเมื่อหวั่นไหวแล้ว และยังมีตัวอย่างมากมายตรงหน้า เช่นนั้นก็ไปลงมือกัน เริ่มจากราคาเรือใหญ่กวางตุ้งขึ้นราคาแล้ว คนยังสั่งทำกันมาก คนซื้อก็มาก แน่นอนราคาก็สูงตาม จากนั้นมีคนไปสอบถามโรงต่อเรือหวังทงถึงเรื่องเรือปืนใหญ่ว่าราคาเท่าไร
มีคนแอบถามส่วนตัวว่าหากจะเติมปืนใหญ่บนเรือต้องใช้เงินเท่าไร หลายคนรวมตัวกัน เหนือใต้แม่น้ำมีพ่อค้าที่ร่ำรวยมาก คนหนึ่งต้องการซื้อเรือหลายลำ
เรือปืนใหญ่ 10 ลำ แน่นอนไม่ใช่ว่าจะต่อก็ต่อได้ เหลียวกั๋วกงช่างมีหัวการค้า อันใดก็คิดกำไรได้ บอกว่าต่อไม่ได้ในทันที แต่หากรีบใช้ก็ให้เช่าไป
ทุกคนรู้ดีแก่ใจ เหลียวกั๋วกงคงร่ำรวยแล้ว สถานะสูงศักดิ์ทำให้ไม่อาจเข้าร่วมได้ มีการชี้แนะจากหวังทง เช่นนี้เรื่องนี้ย่อมสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทุกคนล้วนแสดงท่าทีกันออกมา ค่าเช่าเท่าไรว่ามา
เรือปืนใหญ่ส่วนเรือปืนใหญ่ สินค้ายังอยู่บนฝั่ง หากไม่ได้เรือปืนใหญ่ ได้เรือกวางตุ้งลำใหญ่มาก็ได้ พวกกล้าตายมีมาก แต่กล้ารอนแรมออกทะเลไปต่างบ้านต่างเมืองสังหารปล้นชิงผู้อื่นหาไม่ง่าย โจรสลัดแน่นอนเป็นทางเลือกอันดับหนึ่ง
พวกกล้าตายบนท้องทะเลอยู่ๆ ก็พบว่าตนเองเนื้อหอม มีหลายแห่งจ้างพวกเขาราคาสูงไปเป็นผู้คุ้มกันจวน
ไม่เพียงแต่พ่อค้าเข้าร่วมกระแสนี้ ตามรายงานข่าวจากองครักษ์เสื้อแพรเมืองหนานจิง เว่ยกั๋วกงกับชนชั้นสูงหลายตระกูลก็มีขับไล่บางคนออกจากตระกูล หากก็ได้เข้าร่วมกับชนชั้นสูงสายสัมพันธ์ใกล้กันทันที จากนั้นพวกเขาก็ซื้อเรือจ้างคน
นี่เป็นยุคสมัยแห่งความวุ่นวายเสียจริง