องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1042 บนท้องทะเล
สำหรับพวกคนสเปนบนทะเลใต้แล้ว ในหนึ่งปีเวลาที่ดีที่สุดก็คือเดือนสิบเอ็ดไปจบเดือนสองปีถัดไป เวลาสั้นๆ สองสามเดือน แม้สเปนอยู่ในเขตอบอุ่นของยุโรป แต่อากาศร้อนสำหรับชาวผิวขาวแล้ว ก็เรียกว่าร้อนยิ่งกว่าร้อน ในช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุด
พวกเขานับเดือนสิบเอ็ด ชาวฮั่นมักเพิ่งนับเดือนสิบ ทำให้ชาวผิวขาวอึดอัดมาก ทำให้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ชาวผิวขาวรู้สึกว่าชาวฮั่นไม่อาจหลอมรวมกับตนได้
แน่นอนปีใหม่ชาวผิวขาว ชาวฮั่นยังทำงาน เพราะนั่นเป็นแค่เดือนสิบเอ็ดของพวกเขาเท่านั้น บรรยากาศต้นเดือนสิบสองแต่ละอย่างก็ทำพวกคนสเปนรู้สึกอึดอัด
ยังไม่ทันพ้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 พวกคนสเปนก็เริ่มฉลองปีใหม่ 1590 แล้ว ชาวผิวขาวทุกคน ชาวผิวขาวทุกครอบครัว ล้วนร่ำรวยหลังฆ่าสังหารกวาดล้างชาวฮั่นขนานใหญ่ไป แต่ละคนไม่ว่ามีสถานะใดในยุโรป เป็นนักเลงหัวไม้ หรือเป็นทหารหนีทัพ หรือเป็นนักโทษ ตอนนี้พวกเขามีสถานะดังเจ้าของที่ดิน สามารถมีชีวิตที่มีหน้ามีตาพอไปสิ้นชีวิตนี้ และยังพอให้ลูกหลานตนได้ประโยชน์ต่อไปอีกด้วย
ลูซอนต้องการแรงงานชาวฮั่น หลังการสังหารกวาดล้างครั้งนี้ แต่ละคนล้วนไม่สบายใจ สังหารชาวฮั่นสำหรับพวกเขาไม่ได้รู้สึกผิดอันใด หากทำให้จากนี้อาณานิคมลูซอนจะเกิดปัญหา ยากที่จะรับประกันว่าในประเทศสเปนเองจะไม่เอาเรื่อง
แต่ทว่าการสังหารหมู่ผ่านไปไม่ถึงสามเดือน ถึงกับมีชาวฮั่นแผ่นดินหมิงอพยพมา และยังแสดงท่าทางนอบน้อมเชื่อฟังอย่างมาก ทำให้พวกสเปนที่ลูซอนวางใจอย่างยิ่ง เรื่องนี้เป็นไปเหมือนกับที่ชาวพื้นเมืองคิดเอาไว้ ชาวฮั่นนิสัยอ่อนโยน ขอเพียงให้ที่ดินและสิทธิในการดำรงชีวิตพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ค่อยต่อต้านนัก
ชาวผิวขาวถึงกับคิดว่าอีกสองสามปีค่อยสังหารหมู่อีกรอบ ตอนนี้ยังร่ำรวยอยู่ เร่งกลับไปเสวยสุขที่ยุโรปดีกว่า ทุกคนที่คิดเรื่องนี้ ในใจก็ล้วนรู้สึกเสียดายที่ยังไม่อาจลงมือทำได้อีกในตอนนี้
ได้เงินก้อนโต และยังได้ผ่อนคลายสบายใจ ปีใหม่พวกเขาจึงเฉลิมฉลองกันสุดขีด ปกติเสียดายสุราดีและอาหารเลิศรส ยามนี้นำออกมาดื่มกินกันหมดสิ้น
เปาโล ลูอิสได้รับความเคารพเพียงพอ ดื่มไปก็เมามายหนัก ตอนเช้าตื่นมา พวกเขายังไม่ทันได้สติดี ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด
รอบกายโอบล้อมไปด้วยชาวพื้นเมืองสตรีสามนาง แน่นอนทุกคนล้วนไม่คิดอันใด เปาโล ลูอิสส่ายโอนเอนไปมา ตีให้ตื่นคนหนึ่ง ให้นางไปตักน้ำมาให้ตนดื่ม เทียบกับสตรีฮั่น เขาชอบนางพื้นเมืองเหล่านี้มากกว่า ดังนั้นศึกสังหารหมู่ได้สตรีมา เปาโล ลูอิสเล่นได้ไม่กี่วันก็ขายให้อาณานิคมอื่นไป
ชาวพื้นเมืองลูซอนให้ความภักดีกับพวกสเปนมาก แค่ชาวผิวขาวเอาที่ดินและบ้านเรือนชาวฮั่นให้พวกเขาไปเท่านั้น
เปาโล ลูอิสเองเข้าใจดีว่า ที่นาและบ้านเรือนเหล่านี้ยกให้ชาวพื้นเมืองไป ไม่กี่ปีก็คงรกร้าง ไม่อาจดูแลได้ แต่ผู้ใดจะสนใจกัน
ดื่มน้ำไป เปาโล ลูอิสก็นอนแผ่สบายอยู่บนเตียง สตรีและเงินทองมีพร้อม หากมีบางเรื่องไม่อาจนำมาสนทนาได้ ระยะนี้เรือสินค้าถูกปล้นชิงมากกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ดีที่เรือการค้าจากทวีปอเมริกากับทางอินเดียยังมีกำลังต่อสู้ไหว จึงได้ไม่ทำให้เกิดความเสียหายหนักอันใดไปกว่านี้
แม้เห็นเรือปืนใหญ่เล่านั้น พวกโจรสลัดใจกล้าก็ยังเข้าใกล้ปีนขึ้นมา คนเรือบนเรือการค้าก็มักต้องต่อสู้กันหนักหนากว่าจะสลัดหลุดได้ แต่ก็ยังมีบาดเจ็บล้มตาย
จากตะวันออกตะวันตกมาถึงท่าเรือมะนิลา เรือต่างๆ ได้แต่เข้าเทียบเมืองท่าแล้ว พวกพื้นเมืองจึงได้รู้ข่าวเรือ หากเรือเกิดเรื่องระหว่างทาง ทางมะนิลาไม่อาจรู้ได้แม้แต่น้อย อย่างไรตนเองก็จะครบวาระกลับประเทศแล้ว เปาโล ลูอิสจึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก
สำหรับเขาแล้ว ชีวิตมีความสุขอย่างมาก วันหน้าน่าจะยิ่งสุขีกว่านี้
**************
ท้องทะเลทะเลใต้ เรือติดอาวุธติดธงโปรตุเกสเข้าเทียบเรือสเปนอีกลำ เรือโปรตุเกสกำลังพยายามยกธงให้พวกเขาหยุดรับการตรวจสอบ
เรือสเปนความจริงนั้นยังใหญ่กว่าเรือการค้าติดอาวุธอีกฝ่ายไม่น้อย แต่อยู่บนท้องทะเลมานาน เห็นเรืออีกฝ่ายท่าทางเป็นเรือปืนใหญ่ก็รู้ว่าไม่อาจหนีพ้นอีกฝ่ายได้ การจะโดนไล่ล่า สู้ยอมรับการตรวจสอบแต่โดยดีดีกว่า
บทท้องทะเลทะเลใต้นี้ กำลังโปรตุเกสเหนือว่าสเปน เรือการค้าติดอาวุธมีแต่เป็นของทางการโปรตุเกส
“ควรตาย กษัตริย์สเปนตอนนี้ก็เป็นกษัตริย์โปรตุเกส[1] เหตุใดบ้านนอกเหล่านี้ยังไม่รู้จักเหตุรู้จักผล!”
บนเรือมีคนกระซิบด่าทอ บนท้องทะเลพบปะกัน ที่ควรป้องกันก็ต้องป้องกัน เรือการค้าสเปนนี้ปืนใหญ่ล้วนบรรจุกระสุนเตรียมพร้อมยิง แต่อย่างไรก็ใช่ปะทะโจรสลัดอังกฤษ และไม่ได้ปะทะพวกฮอลันดาที่แสนละโมบ จึงไม่ได้ระแวงมากนัก
เรือสองลำเข้าเทียบกันใกล้ ระยะใกล้พอที่จะเห็นว่าคนบนดาดฟ้าเรืออีกฝั่ง เรือการค้าสเปนมีคนอึ้งไป พากันตะโกนดังว่า
“บนนั้นมีพวกผิวเหลือง!!”
เรือรบชาวผิวขาวจะมีพวกลูกเรือผิวเหลือง แต่ย่อมไม่มีสถานะเป็นระดับหัวหน้าใหญ่หัวหน้ารอง เสียงตะโกนเหมือนออกคำสั่ง เรือตรงข้ามก็พากันตะโกนดัง หน้าต่างเรือด้านข้างลำเรือเหมือนว่าปะทะกับปากกระบอกปืนใหญ่พอดี ดาดฟ้าเรือก็มีปืนใหญ่เล็กถูกดันออกมา จากนั้นก็ยิงปืนใหญ่
ระยะห่างแค่นี้ เป็นระยะรัศมียิงเรือปืนใหญ่ แม้เรือสเปนจะเตรียมพร้อม แต่ตอนยิงปืนใหญ่ ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
ช้าไปก้าวหนึ่งก็หมายถึงความเป็นความตาย นับประสาอันใดกับปืนใหญ่เรือตรงข้ามยังมากกว่า ยิ่งยุ่งยากก็คือเรือสเปน คนส่วนใหญ่ล้วนยุ่งกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ อีกฝ่ายกลับผลักปืนใหญ่ที่กระสุนอานุภาพสาดกระจายออกมายิงคนบนดาดฟ้าเรือโดยเฉพาะ
เพื่อให้ระยะยิงแม่นยำ กระสุนกระจายพวกนี้จึงใช้ลูกเหล็กเล็กหลายสิบมารวมเป็นก้อนกระสุน ความหนาแน่นและขอบเขตสังหารเรียกได้ว่ากว้างมาก ปืนใหญ่หกกระบอกรวมกำลังก็เพียงพอแล้ว
เสียงร้องโหยหวนบนดาดฟ้าเรือดังไประงมไปทั่ว ไม่มีคนยืนอยู่อีกแล้ว ในเวลาปะทะกระชั้นชิด ปืนใหญ่สเปนถึงกับดังขึ้นแค่สองนัด ก็หมดแล้ว
“วางอาวุธยอมจำนน ไม่เช่นนั้น จะให้พวกเจ้าจมตายไปพร้อมกับเรือ!!”
ด้านข้างเรือถูกยิงเป็นหลายรู เลือดบนดาดฟ้ากระจัดกระจายไปทั่ว ศพกองเกลื่อนกลาด เรือนี้เป็นเรือที่พ่ายแพ้แน่นอนแล้ว ตอนนี้มีโอกาสจำนน ก็ย่อมคว้าไว้ บนท้องทะเล ยังคงเห็นความสำคัญเชลยที่เป็นลูกเรือ มักจะให้พวกเขาทำงานให้เรือลำใหม่
แต่ก็เป็นไปได้ที่จะสังหารหมด มีความเป็นไปได้ที่จะจับไปปล่อยบนเกาะร้างให้หาทางรอดเอง แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องลองโอกาสน้อยนิดนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขางงก็คือ เรือปืนใหญ่ทันสมัยยิ่งใหญ่เช่นนี้ อนุญาตให้คนผิวเหลืองขึ้นไปครอบครองได้อย่างไร
เรืออีกลำยอมจำนน เรือเข้าเทียบสนิท ใช้เรือเล็กส่งคนขึ้นไป ควบคุมบนเรือไว้ได้เด็ดขาด คนบาดเจ็บล้วนช่วยฟันอีกทีก่อนจะโยนลงทะเลไป พอฉลามมา กระดูกก็ไม่เหลือ
ลูกเรือสเปนถูกนำไปสอบทีละคน พวกคนสเปนถูกส่งมาที่นี่ คนที่เหลือให้ไปอีกทาง
ทุกคนต่างพากันแปลกใจในการจัดการนี้ แต่ทว่าพวกเขาก็เข้าใจทันที พอเสียงคำสั่งดัง ลูกเรือสเปนก็ถูกสังหารเรียบไม่มีเหลือ คนที่เหลือถูกนำไปติดตามเรือโปรตุเกสจากไป หรือว่าโปรตุเกสกับสเปนเปิดศึกแล้ว?
แต่ละคนล้วนคิดอย่างหวาดกลัว ปัญหาคือพวกเขาล้วนเป็นพวกมาจากยุโรป ไม่ควรที่พวกเขาไม่ได้ยินข่าว แต่บนท้องทะเลตะวันออกกลับรู้ และยังมีเรื่องน่าแปลกหนึ่ง พวกเขามองออกว่า พวกผิวเหลืองบนเรือนั่นเหมือนเป็นชาวฮั่น และชาวฮั่นก็เห็นชัดว่าไม่ได้จ้างมา เหมือนว่าเป็นคนมีผู้นำมา
บนผืนทะเลนี้ โจรสลัดแผ่นดินหมิงเหิมเกริมยิ่ง ตอนนี้ยังมีเรือปืนใหญ่ตะวันตก คนเหล่านี้จะทำได้ถึงขั้นใด ไม่อาจจินตนาการได้จริง ๆ
ปืนใหญ่ยิงระลอกหนึ่งแม้ว่าทำให้เรือเป็นรูมากมาย แต่ทว่ายังคงซ่อมแซมได้ หลังซ่อมแซมง่ายๆ แล้ว เรือก็มุ่งไปยังตอนเหนือ ลูกเรือที่เหลือมีคนคิดว่าหรือไปแผ่นดินหมิง แต่ทว่าพวกเขาคิดผิด เรือแล่นได้ครึ่งวัน ก็มีเรือเหมือนเรือจีนหลายลำรออยู่ บนนั้นมีลูกเรือดูแล เชลยกับสินค้าที่ได้มาล้วนถูกขนขึ้นเรือเหล่านั้น เรือการค้า ‘โปรตุเกส’ ติดอาวุธกลับเดินทางกลับไปทางเดิม
เชลยเหล่านี้รอนแรมอยู่บนท้องทะเลไม่น้อย ตอนถึงฝั่ง ก็รู้สึกหนาว พวกเขาไม่รู้ว่าตนมาถึงที่ใด รู้แต่ว่าเป็นเมืองท่าที่ทรุดโทรมมาก ด้านในมีเรือปล้นมาเหมือนกันหลายลำ เพราะบนเรือมีรูเหมือนถูกปืนใหญ่ยิง มีคนงานชาวฮั่นกำลังซ่อม ถึงกับยังเห็นคนหน้าตาแบบมีเลือดผสมชาวผิวขาวกำลังสาละวนกับงาน
พวกเขาถูกนำตัวมาขังไว้ที่นี่รวมกัน แต่ไม่ได้ทรมานมากนัก หากทำงานหนัก ทุกวันต้องสร้างท่าเรือ ถึงกับยังต้องทำความสะอาดและขนย้ายของบนเรือ
จากนั้นเรือที่มาที่นี่นับวันยิ่งมาก พวกเชลยก็นับวันยิ่งมาก มีคนคิดเห็นเรื่องเหมือนกันอันหนึ่ง ก็คือในนี้ไม่มีคนสเปน
*****************
เดือนสิบเอ็ด ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 เหลียวกั๋วกงไปตั้งฐานที่เกาะโจวซานสำเร็จ หานเสียต้องการพ่อบ้าน จางหงอิงกับหลูรั่วเหมยล้วนเพิ่งคลอด หวังทงตื่นเต้นดีใจ ไม่สนใจภรรยาและบุตรต้องการการอยู่เป็นเพื่อน หากพาไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กับซ่งฉานฉานนั่งเรือออกทะเลไปมีสุขอย่างอิสรเสรี
หากกล่าวว่าชนชั้นสูงแดนใต้เตือนได้ผลก็คงได้ หวังทงครั้งนี้ไปได้นำเรือปืนใหญ่กับเรืออื่นๆไปหมด อาวุธครบ พร้อมผู้คุ้มกันไปกันหมด
นี่ก็คือเหลียวกั๋วกงที่ไม่มีแววผู้มีบุญวาสนา ออกทะเลเดิมก็เป็นเรื่องเหลวไหล นำผู้คุ้มกันไปมีประโยชน์ใด เกิดลมพายุใหญ่ก็ล้วนจมลงทะเลไปเลี้ยงปลาหมด
แต่ทว่าแผ่นดินหมิงไม่มีแม่ทัพเรือเก่ง ทะเลแถบเมืองซงเจียงล้วนเป็นเหลียวกั๋วกงคุม ผู้ใดก็ไม่รู้หวังทงแท้จริงแล้วไปทำอะไรบนเกาะ มีเรือการค้ามักไปมาหลายรอบ นำสินค้าไปส่ง ทุกคนรู้สึกว่าเหลียวกั๋วกงอยู่บนเกาะนั่น
เหลียวกั๋วกงไม่อยู่ เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าก็มอบให้นายอำเภอซ่างไห่หยางซือเฉิน นายกองร้อยสื่อชี และขุนพลซาตงหนิงดูแล พวกเขาเป็นลูกน้องหวังทง แน่นอนคุมเข้มจวนหวังทง คนธรรมดาไม่อาจเข้าออก ในจวนเหลียวกั๋วกงมีเรือนเล็กหนึ่งอยู่ๆ มีคนเข้าพักอาศัย ว่ากันว่าเป็นสาวใช้ล้มป่วยสองคน เรื่องกินอยู่ทุกอย่างล้วนมีคนส่งไปให้และนำออกมา คนในจวนพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทว่าก็แค่คุยกันทั่วไปเท่านั้น
**************
พูดถึงหมู่เกาะรอบลูซอน เป็นท่าเรือดีมีเรือจอดอยู่มากมาย ดูท่าแล้ว เรือใหญ่ตะวันตกก็มี เรือกวางตุ้งก็มี หลายคนคึกคักกันบนเกาะ
ลูซอนนอกจากมะนิลาที่นับว่าเจริญรุ่งเรืองแล้ว ที่อื่นก็ล้วนรกร้าง ชาวพื้นเมืองใช้เรือไม้เดี่ยวหรือไม่ก็พวกแพไม้ คิดจะข้ามเกาะก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ต้องกลัวข่าวรั่วไหล
พวกหวังทงขึ้นพักบนเกาะ ก็ไปเดินวนรอบเกาะดูสถานการณ์ก่อนรอบหนึ่ง ความจริงนั้นชนเผ่าที่นี่ล้วนไม่ได้มีใจคิดไปส่งข่าวอันใด พวกเขาถึงกับไม่รู้ว่าทางมะนิลามีพวกชาวผิวขาว
“กุ้งมังกรทำเสร็จแล้วยัง?”
มีคนตะโกนดัง ไม่นานก็มีคนยกจานกุ้งมังกรบนจานไม้ใบใหญ่ออกมาส่งให้หวังทง ส่งกลิ่นหอมเตะจมูก หวังทงกินอย่างเอร็ดอร่อย
หวังทงกับทหารติดตามกินกันนั้นล้วนเป็นกุ้งปูและปลาตัวตัวๆ แต่พวกที่ดูเป็นลูกเรือโจรสลัดกลับกินเนื้อ และกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ทังซานคว้าแผ่นแป้งมาค่อยๆ เคี้ยวกลืนลงไป หวังทงยิ้มถาม ทังซานตอบตรงๆ
“กั๋วกงไม่ค่อยได้ออกทะเล พวกนี้ทั้งวันกินแต่กุ้งปลา ล้วนกินกันจนเอียน ครั้งนี้มาที่นี่ บนเรือมีหมูกับไก่เป็ดให้ฆ่าเอาได้ ของพวกนี้จึงจะเป็นของดีของทุกคน”
ซาต้าเฉิงข้างๆ ใช้มีดหั่นปลา หั่นไปก็กล่าวไปว่า
“ชาวประเทศวัวชอบกินปลาดิบๆ จิ้มซอสและวาซาบิ ข้าน้อยอยู่ผิงฮู่มานาน ก็ชินกับวิธีการกินพวกนี้แล้ว ตอนนี้เลยได้รสชาติอยู่”
หวังทงยิ้มพยักหน้า คว้ามีดสั้นตนออกมาเผาไฟไปมา ตัดมาชิมไปหนึ่งชิ้น กล่าวว่า
“คนที่ส่งกลับไปเมืองซงเจียงไว้ใจได้ไหม?”
“ขอกั๋วกงวางใจ คนบนเรือล้วนเป็นพี่น้องเก่าเรา ฮูหยินทั้งสองก็ให้สาวใช้เป็นเพื่อนไปด้วย ข่าวไม่รั่วไหล และไม่มีเรื่องน่าเสี่ยงอันใด”
“เฮ้อ เกาะโจวซานคลื่นลมแรง ยังอากาศแบบนี้อีก พวกนางสองคนรอนแรมกลับไป ข้าไม่ค่อยวางใจ ใจแข็งมานานหลายปี ตอนนี้รู้สึกปล่อยวางไม่ได้เลย!”
หวังทงยิ้มกล่าวทอดถอนใจ ซ่งฉานฉานกับไจ๋ซิ่วเอ๋อร์เพียงนั่งเรือวนมารอบหนึ่ง ให้คนเห็นว่าจากไปแล้วเท่านั้น ความจริงนั้นวันนั้นก็นั่งเรือกลับไปเมืองซงเจียงแล้ว กลับไปแล้วก็ให้ไปอยู่ในเรือนที่ลับตา มีภรรยาติดตามไปด้วย ทำให้คนรู้สึกว่าหวังทงมาเที่ยวบนเกาะดูเป็นความจริงมากยิ่งขึ้น
กองเรือใหญ่เช่นนี้จากเมืองซงเจียงลงใต้ ไม่มีข่าวรั่วไหล เพราะกองเรือหวังทงรอบนอกล้อมด้วยเรือเจ้าทะเลทางใต้ พวกเขาคิดปิดข่ว บนท้องทะเลย่อมไม่มีข่าวรั่วไหล
แต่เส้นทางเดินเรือเช่นนี้ไม่สบายนัก โคลงเคลงไปมา พอถึงที่นี่ ลูกเรือโจรสลัดยังดี แต่พวกหวังทงทนแทบไม่ไหว ยังต้องขึ้นฝั่งมาพักผ่อนสักครู่
“ท่าเรือส่วนตัวที่ฮกเกี้ยนต้องจับตาดูให้ดี ข่าวไม่ใช่ว่าไม่ให้แพร่ออกไป แต่ให้แพร่ออกไปตอนนี้ อย่างไรคงยุ่งยาก ช่างน่าขัน ข้าทำงานให้แผ่นดินหมิง ถึงกับต้องหลบพวกขุนนางท้องที่”
“คนทางนั้นรวยได้ก็เพราะอาศัยขนผงฟูที่เทียนจิน รากฐานล้วนกั๋วกงจัดให้ กั๋วกงสั่งงานให้พวกเขาทำ เป็นเพราะเห็นความสามารถ จะว่าไป ทางนั้นก็เป็นที่ข้าน้อยเติบโตเป็นใหญ่มา คนสนิทก็คอยจับตาดูอยู่ใกล้ชิด ทุกอย่างล้วนรอบคอบมาก ขอกั๋วกงวางใจ”
หวังทงค่อยๆ พยักหน้า วางตะเกียบในมือลง คิดไปมาก็กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“เสร็จเรื่องนี้แล้ว พวกเรารีบกลับไป สินค้าปล้นมาก็พอได้ แต่เรือพวกนั้นสิจึงเป็นของมีค่าใช้งานได้แท้จริง”
ซาต้าเฉิงกับทังซานล้วนพยักหน้า ใช้เรือปืนใหญ่หวังทงออกปล้นบนท้องทะเล ช่างเป็นเรื่องที่สะใจอย่างที่สุดเรื่องหนึ่ง ประเด็นก็คือเรือจากตะวันตกพวกนั้นใช้งานได้ดีมาก วันหน้าได้ใช้งาน ไม่พูดเรื่องอื่น แค่ตอนนี้ก็คนที่คิดการได้ไว ก็มาถามถึงเรื่องการจัดการเรือหลังจากนี้แล้ว
หวังทงไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่พวกโจรสลัดกับตระกูลใหญ่ที่ถูกล่อลวงมาร่วมกันนั้นต้องการ และเรือการค้าสเปนที่อ่าวมะนิลาแม้ว่ามาจอดเทียบชั่วคราว แต่ผู้ใดก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะอยู่กันนานอีกเท่าใด ตอนลงมือ หากฐานที่มั่นสเปนมีกำลังเพิ่มมาอีกส่วน ทางนี้ก็ย่อมยุ่งยากอีกส่วน
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ทัพใหญ่ กำลังหลักหวังทงอย่างไรก็จำกัด ยังต้องการเจ้าทะเลและพ่อค้าใหญ่ช่วยเหลือ หากอีกฝ่ายกำลังต้านทานเข้มแข็ง ทำให้เกิดความเสียหายก็ย่อมยุ่งยากใหญ่ ย่อมมีคนทนไม่ไหวถอนตัวไปก่อน
ความจริงนั้น หวังทงสร้างองค์กรนี้ขึ้นมา กล่าวว่าระยะนี้ให้ทุกคนแบ่งสรรสิ่งที่ได้จากบนท้องทะเลนี้กัน บรรดาเจ้าทะเลโจมตีเรือตะวันตกยากมาก มีบาดเจ็บล้มตาย ได้ส่วนแบ่งน้อย แต่กองเรือหวังทงกลับได้ไปมาก หากแบ่งให้ทุกคนเท่ากัน จึงได้ไม่น้อย เช่นนี้จึงซื้อใจทุกคนไว้ได้
หวังทงคิดการได้รอบด้านเช่นนี้ แต่ทว่าเรือที่ได้มาวันหน้าจะหากนำไปใช้ ก็จะเป็นกำลังใหญ่บนท้องทะเลนี้ หวังทงรู้ดี คนอื่นๆก็ย่อมรู้ดียิ่งกว่า บรรดาเจ้าทะเลตลอดทางลงใต้ ล้วนยิ่งนอบน้อมหวังทงขึ้นเรื่อยๆ เกรงใจอย่างมาก
และยังรู้ว่าหวังทงไม่สนใจสมบัติเงินทอง ทุกคนจึงล้วนนำของมาแสดงความสามารถตน มีคนมอบสมุนไพรมีค่า มีคนคิดจะไปเปิดร้านที่เมืองซงเจียงในวันหน้า มีคนคิดจะส่งมอบสตรีตะวันตกให้ แม้ว่าไม่ได้สวยเท่าสตรีแผ่นดินหมิง แต่อย่างไรก็มีความแปลกใหม่ที่เป็นต่างชาติไม่ใช่หรือ?
ในเรื่องพวกนี้ หวังทงเองก็รู้สึกยิ้มก็ไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ แต่ทว่าเรียกพ่อค้ามาลงค้าขายเมืองซงเจียง ทุกคนร่วมกันทำการค้าต่างๆ เรื่องนี้เขายอมทำให้ได้ ส่วนเรื่องสตรีทะเลใต้งดงามแล้ว กลับส่งคืนกลับไปหมด หวังทงเดิมทียังคิดเลือกเฟ้นหน้าตาดีสองสามคนส่งไปเมืองหลวง ต่อมาคิดได้ว่า คนพวกนี้มีที่มาไม่ชัด และได้เห็นได้ยินมากไป อย่างไรก็อย่าหาเรื่องให้ตนเองเดือดร้อนจะดีกว่า
*****************
เดือนแปดปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17ไป๋อู่ก็กลับมายังลูซอน พวกที่เดินทางมากับเขายังมีราษฎรจำนวนมากจากฮกเกี้ยนและกวางตุ้ง ไป๋อู่พยายามตั้งสติอย่างมากต่อสิ่งที่ได้เห็นได้ยิน ตอนที่เขาเห็นคนที่เดินทางมาด้วยกันดีอกดีใจกับที่ดินที่พวกสเปนยกให้พวกเขา ไป๋อู่เดือดแค้นในใจราวไฟสุม เพราะเขารู้ว่าเป็นแค่การเลี้ยงสุกรของพวกชาวผิวขาว รอเวลาให้อวบอ้วนแล้วค่อยเชือดก็เท่านั้น
[1] ค.ศ.1580 ราชบัลลังก์โปรตุเกสว่างลง พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ของสเปนจึงผนวกราชบัลลังก์โปรตุเกสรวมเข้าไว้กับราชบัลลังก์สเปนภายใต้กษัตริย์องค์เดียว