องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1048 หาเรื่องใส่ตัว รบเป็นรบตาย
ภายใต้การกดดันของปืนใหญ่ขนาดใหญ่บนเรือรบ ทหารฐานที่มั่นสเปนไม่มีวิธีป้องกันต่อไปแล้ว ชาวพื้นเมืองเริ่มรุกใกล้กำแพงหินแล้ว พวกคนสเปนป้องกันนอกแน่นหนาแต่ในอ่อนแอ กำแพงป้องกันระหว่างที่พักชาวพื้นเมืองกับตนนั้นก็หนาและสูงพอ
อาศัยแรงปีน คิดแล้วไม่อาจปีนเข้ามาได้ ปีนขึ้นมาระยะหนึ่งก็จะมีส่วนนูนออกไปทำให้ปีนไม่ได้ บนพื้นยังมีขุดคูน้ำไว้ความจริงนั้นเป็นโครงสร้างป้อมปราการแบบง่ายๆ จำนวนทหารรักษาการณ์ต่อป้อมนั้นเรียกได้ว่ามากพอ สามารถรับประกันว่าไม่มีจุดใดไร้การป้องกัน
แต่การจะอาศัยเพียงกำแพงหนานี้ ไม่อาจหยุดยั้งชาวพื้นเมืองที่ถูกไล่ต้อนมาได้ ยังต้องใช้ปืนยิงไม่หยุด
ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ยิงไปประปรายทำให้ทหารต้องหันมาสนใจความปลอดภัยตนเอง การป้องกันคนเบื้องหน้าจึงเริ่มหยุดบ้างเป็นจังหวะ ชาวพื้นเมืองในที่สุดก็มาถึงตรงหน้า
หากอาศัยชีวิตคนมาถมคูเมือง ความกล้าชาวพื้นเมืองไม่อาจมีอยู่นานนัก แต่หลังจากรื้อบ้านทิ้งหมด มาทำบันไดไม้และบันไดปีนง่ายๆ ใช้ไม้ปูถมกำแพงเมือง ใช้บันไดลิงปีนขึ้นกำแพง
มีคนตื่นเต้นร้องตะโกนดังขึ้น มีคนเริ่มคว้าเงินทองที่อยู่ตามตีนกำแพงและคูเมือง หลายคนเริ่มปีนเข้าไป นาทีนี้พวกเขาล้วนคิดไปเองว่า หากบุกเข้าไปได้ ไม่เพียงแต่รอดชีวิต ถึงกับยังสามารถแย่งชิงเงินทองชาวผิวขาวได้ด้วย สตรีพวกเขาถูกย่ำยี ความคิดนี้สุมอยู่ในใจชาวพื้นเมืองทุกคนราวกับไฟสุม ยามนี้ตื่นเต้นฮึกเหิมอย่างมาก
ชาวพื้นเมืองใช้บันไดลิงปืนกำแพง สถานการณ์ทหารสเปนก็เริ่มย่ำแย่อย่างมาก ปืนเข้าไปได้มีผลประโยชน์ ไร้กำแพงที่ทำให้สองฝ่ายมีระยะห่าง ไร้กำแพงที่ทำให้ทหารยังคงรักษาเมืองไว้ได้ ตอนนี้ต้องมาปะทะกันตัวต่อตัวแล้ว
ทหารสเปนถือดาบยาว ทวนยาว ทวนเคียว กับปืนไฟอย่างไรก็ได้เปรียบชาวพื้นเมือง ยังได้รับการฝึกฝนมา ได้รับการบังคับให้ทำตามระเบียบกองทัพ แรงกำลังกับกำลังใจการต่อสู้ล้วนเหนือชาวพื้นเมือง ชาวพื้นเมืองที่เพิ่งปีนกำแพงขึ้นมาได้ก็เริ่มถูกสังหารอย่างไร้ปราณี
แต่ที่ยุ่งยากก็คือปืนใหญ่ขนาดใหญ่บนท้องทะเล ทุกครั้งที่เสียงปืนใหญ่ดัง ทหารสเปนล้วนพากันหาที่กำบัง ไม่เช่นนั้นกระสุนปืนใหญ่ถล่มหินกระเด็นใส่ ไม่แบ่งแยกชาวผิวขาวกับชาวพื้นเมือง มีคนตาบอดไปแล้ว ส่งเสียงร้องยึดกำแพงหินไว้แน่น ตามด้วยถูกชาวพื้นเมืองรุมสังหาร นี่เป็นเรื่องน่าตกใจจริง
ข้อได้เปรียบไม่ได้ได้เปรียบอีก ชาวพื้นเมืองยังคิดไปเองอีกว่า ชาวผิวขาวอาศัยปืนหากไล่บี้ไปตรงหน้าได้ เช่นนี้ก็จะแตกตื่นตกใจ ฟันกันมั่ว
ความจริงกลับตรงกันข้าม ชาวพื้นเมืองถือดาบ มีกำลังการต่อสู้ไม่ได้ดีไปกว่าพวกอินคาในละตินอเมริกาเท่าไร ทหารสเปนมีชุดเกราะป้องกัน อาวุธชั้นดีกับการต่อสู้ที่กล้าหาญ จึงกวาดล้างพวกชาวพื้นเมืองที่บุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า การต่อสู้ระยะประชิดเช่นนี้มีมีความยุ่งยาก ก็คือไม่อาจทำให้ไม่เกิดการบาดเจ็บล้มตาย จะได้เปรียบอย่างไร แต่ก็ต้องมีเหตุผิดพลาด
นายร้อยสเปนนายหนึ่งใช้ปืนสั้นยิงชาวพื้นเมืองตายไปหนึ่ง จากนั้นฟันตายไปอีกหนึ่ง จากนั้นปืนไฟก็ขว้างออกไป ลงหัวชาวพื้นเมืองที่เพิ่งปืนพ้นกำแพงมาร่วงลงไป ตามด้วยเสียงปืนใหญ่บนท้องทะเลดัง เขาก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ
ระยะยิงปืนใหญ่หนักนี้ เส้นทางลอยมาของกระสุนปืนใหญ่เห็นชัด พอจะวิเคราะห์มุมตกได้ ครั้งนี้ยิงไม่น่าจะยิงกำแพงหิน
แต่การยิงนี้กำลังสังหารหมู่โหดเหี้ยม คนเมื่อขาดสมาธิ ก็ย่อมอันตราย ไม้ไผ่สองท่อนแทงลอดช่องว่างชุดเกราะเข้าไป ….
บาดเจ็บล้มตายไปเช่นนี้ ทำให้พวกทหารคนสเปนเสียขวัญ กงสุลใหญ่เปาโล ลูอิสเองก็สวมเกราะถือกระบี่ เขาเองก็เตรียมลงสู่สนามต่อสู้ ในยามนี้ ที่เขาทำได้ก็คือตะโกนใส่คนตรงหน้าว่า
“เปิดประตูใหญ่ฐานที่มั่นเรา ทหารสี่กองออกไปขับไล่ชาวพื้นเมืองควรตายนี้ไปให้หมด”
เทียบกับการติดพันเฝ้าฐานที่มั่นไว้ ไม่สู้ออกไปสู้กันในสนาม ไล่ชาวพื้นเมืองไป เป็นการจัดการที่ถูกต้อง
ประตูฐานที่มั่นเปิดออก ยกบันไดลงพาด ชาวพื้นเมืองพากันเฮโลวิ่งเข้ามา ถูกแทงตายกันตรงช่องประตู ทหารสเปนสี่ร้อยวิ่งออกมา
กำลังการต่อสู้ชาวพื้นเมืองไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง เผชิญกับการสังหารเช่นนี้ ก็ทนไม่ไหวในทันที พากันแตกกระเจิงไปคนละทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาพบว่าปืนใหญ่กับปืนไฟด้านหลังไม่ยิงอีก ไม่ส่งกำลังรบอีก ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องดึงดันบุกเข้าไป ฐานที่มั่นพวกคนสเปนเก็บกวาดพื้นที่ด้านหน้าให้ว่างได้อย่างรวดเร็ว บนพื้นล้วนมีแต่เลือดและเนื้อชาวพื้นเมือง สถานการณ์คุมไว้ได้ชั่วคราวแล้ว
พวกคนสเปนกลับเข้าฐานที่มั่น ชาวพื้นเมืองแตกกระจัดกระจาย แต่หลังจากแตกกระจัดกระจายไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีชาวฮั่นติดอาวุธบี้เข้ามา ชาวพื้นเมืองที่ถูกภาพสังหารเมื่อครู่กดดันตอนนี้ก็คิดจะบุกทะลายการขวางกั้นของทหารชาวฮั่น แต่ทว่าพวกเขาใช้ชีวิตพิสูจน์ให้เพื่อนร่วมชาติเห็นแล้วว่าทางนี้ไม่ได้ผล
กองฟางมัดเสร็จจำนวนมากถูกโยนเข้ามา มีคนใช้ภาษาชาวพื้นเมืองตะโกนดังว่า
“เอาไปโยนใส่ฐานที่มั่นพวกคนสเปนเบื้องหน้า สามมัดก็จะให้พวกเจ้าถอยไปในที่ยิ่งปลอดภัย หากโยนทิ้งก่อนหรือเล่นลูกไม้ ก็จะสังหารเจ้าทิ้งซะ”
สามารถเห็นคนหนึ่งยืนอยู่ที่สูง คิดแล้วก็น่าจะเป็นพวกที่จับตาดูกองฟาง ตำแหน่งนี้มองเห็น ห่างจากฐานที่มั่นไม่ไกลนัก ที่ควรเห็นก็เห็นได้กระจ่าง คิดจะแกล้งทำก็ยาก
ที่ทำให้ชาวพื้นเมืองหวั่นไหวก็คือคำว่า ‘ยิ่งปลอดภัย’ แต่เช้ามาถึงตอนนี้ แต่ละก้าวล้วนเป็นความตาย ทุกคนมองไม่เห็นโอกาสรอดชีวิต ชาวพื้นเมืองตอนนี้ไม่กล้าคิดถึงโชคดีอันใด พวกเขาตอนนี้หวังเพียงแค่พักหายใจ อย่างน้อยก็ยังได้หายใจ
เหมือนกับอยู่กลางทะเลทราย คนที่แห้งผากไม่คิดจะมีชีวิตรอดแล้ว คิดแต่ได้ดื่มน้ำ แม้จะเป็นแค่หยดเดียวก็ตาม ชาวพื้นเมืองตอนนี้ไม่เคยมีคนคิดว่าตอนพวกเขาลงมือกับราษฎรฮั่นที่บริสุทธิ์ ชาวฮั่นที่สิ้นหวังพวกนั้นคิดอันใด
มัดฟางถูกชาวพื้นเมืองนำไปโยนทิ้งด้านหน้า ชาวพื้นเมืองกลับมาอีกรอบ หยิบมัดฟางไปอีก โจรสลัดชาวฮั่นไล่ต้อนพวกเขาด้วยคำสั่งง่ายมาก ปืนใหญ่ดัง ก็กวาดคนตายไปแถบ จากนั้นแต่ละคนล้วนรู้ว่าต้องบุกเข้าฐานที่มั่นต่อ
พวกคนสเปนในฐานที่มั่นไม่มั่นใจแล้วว่า ตนเองจะรักษาเมืองท่านี้ได้ไหม จะยืนหยัดรอทหารมาช่วยไหวไหม นี่เป็นการต่อสู้วันที่สองเอง ถึงกับมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ได้
แต่พวกเขาไม่มีผู้ใดกล้าผ่อนกำลังลง พวกคนสเปนไม่กล้าปล่อยให้ชาวพื้นเมืองบุกเข้าฐานที่มั่น ปีก่อนการสังหารหมู่ครั้งนั้น ชาวพื้นเมืองโหดเหี้ยมกระหายเลือดกับชาวฮั่นอย่างไร พวกเขาเห็นกับตา แม้ตอนนั้นพวกเขายิ้มให้กำลังใจ แต่ก็ไม่ถึงกับเชียร์ อย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดกับตัวพวกเขาเอง
มัดฟางส่วนใหญ่ชาวพื้นเมืองไม่ได้เอาไปโยนกองที่ตีนกำแพงฐานที่มั่นการยิงบนกำแพงยังคงหยุดยั้งพวกเขาไว้ได้ แต่ทว่า เสียงปืนใหญ่บนท้องทะเลดังขึ้นทุกครั้ง ชาวพื้นเมืองก็บุกเข้าไปใกล้เข้าไปอีกนิดทุกครั้ง
มัดฟางแต่ละมัดนำไปกอง ลูซอนฤดูนี้แห้งแล้งมาก มัดฟางติดไฟง่าย พวกคนสเปนเองก็ไม่ได้โง่ เห็นสภาพการณ์นี้แล้ว พวกเขาก็คิดไปถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้ไฟมาโจมตี แต่ที่พวกเขางงก็คือตอนนี้ทิศทางลมกำลังพัดเข้าฝั่ง การสุมควันนี้ ใช่ว่าควันจะลอยเข้ากำแพงเมืองหรือ การทำเช่นนี้ใช่ว่าทำร้ายพวกที่ล้อมกำแพงไว้หรอกหรือ
สำหรับกำแพงหินริมทะเลใหญ่นี้ ไฟเผาทำความเสียหายได้น้อยมาก หลักๆ น่าจะต้องการใช้ควันสุมคน แต่หากทำเช่นนี้จริง ความจริงนั้นเท่ากับการปกป้องป้อมปราการ ไม่รู้จริงว่าคิดทำอะไรกัน
******************
คนขนมัดฟางบาดเจ็บล้มตายน้อยกว่าการต่อสู้มาก ชาวฮั่นติดอาวุธที่โหดร้ายทารุณมาทั้งวันอยู่ๆ ก็ใจดีขึ้นมา หลังขนมัดฟางไปหมด คนโชคดีก็ได้พักผ่อนและกินข้าว อาหารก็ได้มาจากบ้านที่ถูกทำลายทิ้งไปนั่นเอง
หลังพักผ่อนได้ครู่หนึ่ง ก็มีคนจำนวนมากถูกคุมตัวไปท่าเรือทางใต้ เรือทางนั้นใกล้จะเทียบท่าแล้ว
ฟ้าค่อยๆ มืดลง ชาวฮั่นติดอาวุธที่ปิดทางไว้ก็ค่อยๆ กลับไปยังพื้นที่ว่างที่ เก็บกวาดพื้นที่ว่างให้สะอาดก่อนจะเริ่มกินข้าวและพักผ่อน
ชาวพื้นเมืองแม้จำนวนมาก แต่กลางวันก็บาดเจ็บล้มตายกันไปมาก พวกชาวพื้นเมืองที่ไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกายได้ก็ถูกจัดการดังว่าเป็นศพไปแล้ว ในเวลานี้ก็ควบคุมง่ายมาก
สถานการณ์ตอนนี้ แม้ไม่โจมตี เพียงแค่ล้อมไว้ โรคระบาดที่เกิดจากศพที่ตายก็ย่อมเพียงพอที่จะทำให้ฐานที่มั่นนี้หายนะ
ชาวฮั่นรู้ พวกคนสเปนก็รู้ แต่หลังจากรบดุเดือดมาทั้งวัน พวกคนสเปนคิดแต่จะพักผ่อนให้พอ มีเวลาสั้นๆ ให้หายใจหายคอบ้าง เพราะผู้ใดล้วนรู้พรุ่งนี้ยังต้องต่อสู้อีก บางทีพรุ่งนี้อาจเป็นการรบสำคัญแห่งความตายก็เป็นได้
กองมัดฟางที่ไปสุมอยู่หน้าฐานที่มั่นสเปน จำนวนไม่น้อย ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้ว มีแต่แสงท้องฟ้าส่องสว่าง ลมก็เบาลงไปมาก แต่ยังคงพัดมาจากทะเล
เห็นกองมัดฟางเหล่านี้แล้ว พวกคนสเปนที่ไร้ความหวังก็หาความสุขที่ยากจะมีเพียงนิดนี้ ด้วยการหัวเราะใส่ความโง่เขลาของพวกชาวฮั่น เสียกำลังไปมากมายเพียงนี้ ควันพวกนี้ได้แต่รมตัวเองแล้ว ไม่น่าขันหรอกหรือนี่?
รอบฐานที่มั่นมีแต่ศพ บนท้องทะเลยังมีเรือรบ มะนิลารบดุเดือดมาทั้งวันในที่สุดก็เงียบลงไปทั้งสองฝ่ายราวกับเหนื่อยล้ามาก ล้วนต้องกรพักผ่อนกับจัดระเบียบใหม่
ฟ้าค่อยๆ มืดลง ฟ้ามืดราวกับเป็นสัญญาณ รอบฐานที่มั่นอยู่ๆ มีเสียงปืนใหญ่ดัง บนกำแพงหินฐานที่มั่นอลหม่านทันที พวกสเปนที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าอย่างมากล้วนขี้เกียจจะยิงโต้ แต่ไม่อาจไม่เคลื่อนไหว ตั้งแต่การต่อสู้ตอนกลางวันพวกเขาก็รู้แล้วว่า ศัตรูมีปืนใหญ่ แต่ตอนนี้ปืนใหญ่ยิงต้องใช้ตามองคาดคะเนเป้าหมาย มืดๆ ดึกดื่นจะไปแม่นได้อย่างไร
ในเวลากระชั้นชิด คนบนกำแพงหินไม่รู้ว่ายิงปืนใหญ่มาจากที่ใด กลางคืนไม่อาจมองเห็นทิศทางมาของกระสุนปืนใหญ่ แต่ทว่าครั้งนี้พวกเขาเห็นแล้ว กระสุนปืนใหญ่แดงฉานลอยมากลางอากาศ ถึงกับมองเห็นกระสุนปืนใหญ่วาดเป็นเส้นทางสีแดงฉาน กลางคืนน่าตกใจมาก
ทำไมจึงแดงฉานเป็นสาย เรื่องนี้ได้คำตอบรวดเร็ว กระสุนปืนใหญ่ไม่ได้ยิงฐานที่มั่น แต่ยิงกองมัดฟางหน้าฐานที่มั่น นี่ย่อมไม่ต้องการความแม่นอันใด พื้นที่ใกล้ฐานที่มั่นกองเต็มไปด้วยมัดฟาง กระสุนปืนใหญ่ตกลงพื้น ก็พอดีลงตรงกลาง
ตกลงไปไม่นาน ก็เริ่มลุกติดไฟ ควันพวยพุ่งออกมา ทำให้คนคิดไม่ถึงก็คือศัตรูใช้กระสุนปืนใหญ่เผาไฟแดงฉาน ใช้มาเพื่อจุดไฟกองมัดฟาง
กลางคืนจุดกองมัดฟาง ลมพัดมาเบาๆ แต่ลมไม่เปลี่ยนทิศ ควันยังคงลอยเข้าแผ่นดิน คนที่ได้รับผลกระทบก็ยังคงเป็นพวกที่ล้อมไว้
เปลวไฟเริ่มคุกรุ่น ควันเริ่มหนา บดบังทัศนียภาพพวกคนสเปนในฐานที่มั่นหมด เหมือนว่าขณะเดียวกัน ปืนใหญ่บนท้องทะเลก็ยิงอีก คนบนกำแพงเริ่มพากันมองไป
***************
ท่าเรือทางใต้เป็นพื้นที่น้ำตื้น แต่ก็มีพื้นที่น้ำลึก เรือรบวนรอบแล้วหาที่เข้าเทียบท่าได้ พื้นที่น้ำที่พวกเขาอยู่นี้หากใกล้ชายฝั่งก็มีความเสี่ยงที่จะเกยตื้น
ข้างเรือรบมีแพไม้หลายแพกำลังต่อกันลอยอยู่ เชือกเส้นโตร้อยดึงไว้กับแผ่นดิน เรือปืนใหญ่เริ่มขนชิ้นส่วนรถปืนใหญ่ ชิ้นส่วนเหล่านี้หนักมาก ยังไม่ทันได้ตั้งบนแพไม้ คนบนแพไม้ก็ใช้เชือกเส้นใหญ่รัดไว้แน่น
พอชิ้นส่วนวางบนแพไม้ แพไม้ก็จมลงน้ำไปอีก ไม้มัดกันแน่นพอ แพไม้ล้วนไม่มีทางลอยขึ้น ย่อมต้องจมลงไปในน้ำ
แต่แพไม้อย่างไรก็มีแรงพยุงอยู่บ้าง ยังใช้เชือกใหญ่รัดต่อกันไว้ ความจริงนั้นแพไม้ใช้เพื่อพยุงให้นิ่ง เพื่อให้ชิ้นส่วนโลหะไม่ถูกของใต้ทะเลขัดไว้ อีกด้านหนึ่งของเส้นเชือกมัดเข้ากับตัววัวหลายตัว วัวก็ใช้หนังกับเชือกรัดไว้ด้วยกัน ทางนี้ให้สัญญาณ อีกทางก็ไล่ต้อนม้าวัวให้ลากขึ้นฝั่ง
สำหรับปืนใหญ่กระสุน 18 ชั่งยิ่งยุ่งยาก ใช้เชือกรัดปากปืนใหญ่ไว้ ปืนใหญ่ใช้หนังที่ชุบน้ำมันรองไว้ ด้านนอกใช้ไม้ต่อกัน รอบแพไม้ยังมีหนังวัวกับกะลามะพร้าวรอบ พยายามให้ลอยตัวให้มากที่สุด
ปืนใหญ่ลากมาได้แล้ว เรือมีความเสียหายบ้าง ต้องให้คนบนเรือเร่งซ่อม ปืนใหญ่ลงน้ำก็จมลำไปสองฉื่อกว่า ดีที่คนจำนวนมากคอยประคองใต้น้ำ พวกลูกเรือที่ว่ายน้ำเก่งล้วนลงไปออกแรงใต้น้ำ ดีที่เป็นท่าเรือมีหาด แม้ว่าดินอ่อน แต่คนก็ยังลงไปยืนได้
บนฝั่งไม่เพียงแค่วัวหลายสิบตัว ยังมีคนจำนวนมากที่เหมือนว่าชักคะเย่อร่วมออกแรง ปืนใหญ่ค่อยๆ ถูกลากขึ้นฝั่ง
พอขึ้นฝั่งก็ยังยุ่งกว่าริมทะเลเสียอีก หลังประกอบรถปืนใหญ่เสร็จ ก็พบว่าดินที่อ่าวมะนิลาไม่แข็งพอ แต่ก็ยังพอมีวิธี ก็ได้แต่ถมไปเข็นไป ใช้ไม้กับเศษหินโรยให้เรียบ จากนั้นค่อยลากไป กว่าจะก้าวไปได้ ต้องใช้แรงคนร่วมร้อย
ค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้ฐานที่มั่นเรื่อยๆ …
******************
จากฐานที่มั่นกลางดึกมองได้ไม่ไกลนัก ตอนนี้ทุกคนจับจ้องไปที่ปืนใหญ่บนท้องทะเล มีควันลอยปิดบังไว้ ยิ่งทำให้พวกคนสเปนงง ชาวฮั่นถึงกับไล่ชาวพื้นเมืองมาโจมตีท่ามกลางควันหนา ใช่ว่าหาเรื่องลำบากตัวเองหรือ? ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรกัน พวกคนสเปนล้วนไม่รู้