องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1049 การต่อสู้ที่ใกล้สิ้นสุด
กลางวันชาวพื้นเมืองบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง พวกคนสเปนหวังว่าพอฟ้ามืด กำลังศัตรูจะไม่รบกลางคืน คิดไม่ถึงพอฟ้ามืด ไฟลุกโชน ควันหนาทึบ ยังโจมตีต่อ
ครั้งนี้ไม่ได้โจมตีเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนเดิม หากมีเป้าหมาย ค่อนไปทางซ้ายของฐานที่มั่นอันที่ตั้งของหอระฆังกับป้อมปืนใหญ่ มีมุมอับ ชาวพื้นเมืองเริ่มโจมตีมุมอับนี้ และตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะโจมตี ไม่สนใจบาดเจ็บล้มตาย
ชาวพื้นเมืองตัดสินใจโจมตี แต่อย่างไรก็เป็นชาวพื้นเมืองโจมตี พวกคนสเปนป้องกันฐานที่มั่นได้ดี ครั้งนี้ถึงกับดียิ่งกว่าตอนกลางวัน ชาวพื้นเมืองไม่อาจเหยียบใกล้กำแพงหิน
ปืนใหญ่บนท้องทะเลยิ่งยิงบางเบาลง หลังชาวพื้นเมืองเริ่มบุกแล้วก็หยุดยิง ทำให้การป้องกันผ่อนลง แต่พวกคนสเปนกลับหวังให้ฟ้าสว่าง
ไม่ว่าอย่างไร พวกศัตรูก็ต้องการพักผ่อน อย่างไรก็ได้มีโอกาสหายใจ และเมื่อมัดฟางติดไฟ ทิศทางลมแม้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนบนฐานที่มั่น แต่กำลังลมแรงไม่มาก คนในฐานที่มั่นกลับถูกควันรมหนัก สองตาแดงก่ำ คอเริ่มแห้งผาก สาเหตุเพราะควันนี้เอง
แสงทองจากฟ้าเริ่มรำไร การบุกเริ่มหยุดลง มัดฟางที่กองหน้าฐานที่มั่นก่อนฟ้ามืดก็เผาหมดสิ้น ระดับความดุเดือดของการต่อสู้เริ่มลดลงไปมาก
กงสุลใหญ่สเปนเปาโล ลูอิสแห่งลูซอนประกาศในฐานที่มั่นกับทุกคนว่า ชายและหญิงสเปนทุกคนต้องต่อสู้เพื่ออิสระและชีวิตตน
คำสั่งหลักมีเป้าหมายใช้กับเจ้าของเรือและพ่อค้าร่ำรวยในพื้นที่หลายคนในป้อมปราการนี้โดยเฉพาะ เพราะพวกเขามีผู้คุ้มกันของตนเอง แต่ไม่ส่งไปร่วมต่อสู้ เดิมเปาโล ลูอิสยังเกรงใจพวกเขา แต่ตอนนี้ยามเผชิญกับความเป็นความตาย อันใดก็ล้วนไม่อาจสนใจ
ตอนประกาศคำสั่งยังไม่มีคนสงสงสัย คนส่วนใหญ่ล้วนยังนอกหลับอุตุกันอยู่ การต่อสู้หนึ่งวันหนึ่งคืนทำให้คนอ่อนล้าหมดแรง
“ท่านกงสุล ศัตรูกำลังเก็บศพ”
ได้ยินทหารรายงาน เปาโล ลูอิสรีบนำคนไปมองด้านนอก แหล่งน้ำในฐานที่มั่นอาศัยแหล่งน้ำใต้ดินสายหนึ่ง แม้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมาปิดเส้นทางน้ำ แต่อย่างไรก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนร้ายอันใด
“ขอบคุณพระเจ้า พวกป่าเถื่อนเหล่านี้ยังรู้จักเผาศพ”
เปาโล ลูอิสกล่าวจบ ก็หันไปสั่งทหารติดตามตน ให้ออกไปสะสมน้ำจืดในป้อมให้มาก เขากังวลว่าศัตรูจะใช้ศพทำให้แหล่งน้ำสกปรก หากเป็นเช่นนี้ ฐานที่มั่นแม้รักษาไว้ได้ แต่ก็ย่อมเผชิญกับเรื่องแสนน่ากลัว
แหล่งน้ำใต้ดินนี้มีปัญหาหนึ่ง คือหากน้ำทะเลหนุนสูงมากไป ก็จะถูกน้ำทะเลหนุนเข้ามา ตอนนั้นก็คงยุ่งยาก เมื่อวานเอาแต่ต่อสู้ทำให้หลายคนไม่ทันได้คิดเรื่องนี้มาก
“การต่อสู้วันนี้จะไม่ดุเดือดแล้ว!”
“ท่านกงสุล ไยท่านจึงคิดเช่นนี้?”
ขุนนางหนึ่งถามขึ้น เปาโล ลูอิสมองไปยังชาวพื้นเมืองที่เริ่มวุ่นวายกันแล้วก็แค่นยิ้มอธิบายว่า
“ชาวพื้นเมืองตายไปมากพอแล้ว ชาวฮั่นพวกนั้นย่อมไม่อยากเสี่ยงชีวิตมาโจมตีเรา”
****************
“พวกเจ้ามาถึงลูซอน ปลาในแม่น้ำถูกมากใช่หรือไม่ ชาวพื้นเมืองจับปลามา ล้วนขายให้พวกเจ้าไม่เท่าไร!?”
พวกชาวฮั่นที่อพยพมาใหม่ล้วนมารวมตัวกัน ไป๋อู่ก็อยู่ด้วย คนที่ถามยืนอยู่ในที่สูง พอถามออกไป ชาวฮั่นเบื้องหน้าก็สุมหัวกันก่อนจะพยักหน้า
“ชาวพื้นเมืองพวกนั้นบอกว่าภูเขาเป็นของพวกเขา ไม่ให้พวกเจ้าไปล่าสัตว์ บอกว่าป่าเป็นของพวกเขา ไม่ให้พวกเจ้าไปเก็บของป่า ใช่หรือไม่?”
ไป๋อู่เดิมทีเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ที่ถามขึ้นแน่นอนย่อมเป็นเรื่องจริง ชาวฮั่นเบื้องหน้าสีหน้าอ่อนล้าและหวาดกลัวผสมกัน บ้างก็พยักหน้าอย่าเสียไม่ได้ เมื่อวานนี้ พวกชาวฮั่นที่อพยพมาลูซอนใหม่พวกนี้ มือเปื้อนเลือดกันไม่มากก็น้อย ไม่ก็ไปใช้แรงงานหนัก ไม่คุ้นชินเสียเลย รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง พวกเขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนดีที่ถูกโจรสลัดขู่บังคับให้มา ถึงกับยังแอบก่นด่าในใจ
“ปลาในแม่น้ำแม้อวบอ้วน แต่พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมเป็นเช่นนี้? เพราะปลาในแม่น้ำกินพี่น้องเราจนเติบใหญ่ ปีนั้นสังหารพวกเราอย่างโหดร้าย โยนศพลงน้ำ พวกลิงชาวพื้นเมืองชอบเอาเปรียบผู้อื่นทำไมไม่ไปอยู่ที่แม่น้ำกัน เพราะแม่น้ำนี้ ท้องปลาล้วนมีแต่เลือดเนื้อพี่น้องเรา พวกเขาไม่กล้า พวกเขาหวาดกลัว!!”
ที่ไป๋อู่ว่ามาล้วนเป็นความจริง พวกชาวฮั่นที่อพยพมาลูซอนใหม่ ไม่เพียงแต่คนหนึ่งทอดถอนใจ กล่าวว่าพื้นที่ลูซอนอุดมสมบูรณ์ แม้แต่ปลาในแม่น้ำก็ยังอวบอ้วนใหญ่ แต่พอได้ยินเช่นนี้ ก็เข้าใจในบัดดล ในใจพวกเขาใช่ว่าไม่สงสัย เพียงแต่ไม่มีคนถาม
คิดถึงปลาที่กินเนื้อคนพวกนั้นแล้ว ตนเองกินปลานั้น ในตอนนั้นเองก็มีคนอาเจียนออกมา คนที่เหลือก็สีหน้าซีดเผือด
“พวกเจ้าคิดอยากเป็นพลเมืองดี คิดจะอยู่สงบเสงี่ยม แต่พวกผีต่างชาติกับชาวพื้นเมืองไม่ให้พวกเจ้าได้ทำเช่นนั้น พวกเขาเลี้ยงสุกร รอพวกเจ้าอ้วนพีแล้ว พวกเจ้าก็จะถูกโยนไปเลี้ยงปลา พวกเจ้าตรากตรำบุกเบิกพื้นที่มา พวกเจ้าสร้างบ้านกันมา พวกเจ้าสะสมเงินทองกันมา ล้วนจะถูกสัตว์ป่าเหล่านี้แย่งไป พวกเจ้ายอมได้หรือ?”
คนเบื้องหน้าเงียบไปหมด เมื่อวานไป๋อู่วิ่งไปวิ่งมา ลำบากเหน็ดเหนื่อยมาก ยามนี้เริ่มมีความฮึกเหิมมาก เขายกมือตบหน้าอกตนเอง น้ำตานองหน้าคำรามดังว่า
“อย่าได้คิดว่าข้าข่มขู่พวกเจ้า ข้าเปิดโรงโม่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมะนิลานี้ ท่านพ่อท่านแม่ข้า น้องสาวสองคนของข้า ภรรยาข้ากับลูกสาวลูกชาย และคนงานร้านข้าถูกพวกสัตว์ป่าเหล่านี้สังหาร น่าอนาถยิ่ง…น่าอนาถยิ่ง พวกผีต่างชาติกับชาวพื้นเมืองไม่เห็นเราเป็นคน พวกเขาคิดว่าเราเป็นสุกร พวกเขามองไม่เห็นว่าเราจากแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนมา มองไม่เห็นว่าพวกเราทำงานลำบากตรากตรำ สัตว์ป่าเหล่านี้รู้แต่ว่าพวกเรากินอิ่ม มีเงินมากสักหน่อย ก็เพราะแย่งชิงพวกเขาไป พวกเขาต้องจะมาสังหารพวกเรา แย่งคืนไป!!”
ไป๋อู่บนเวทีตีอกชกตัวคับแค้นใจ น้ำตาไหลนองหน้า น้ำเสียงแหบพร่า คนเบื้องหน้าพากันหวั่นไหวตาม คนข้างๆ กล่าวว่า พวกเขาไม่ก็ยังคิดว่าหลอก แต่ไป๋อู่พูดถึงสุดท้ายยังใช้สำเนียงภาษาบ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่จากจีนมาลูซอนมากที่สุด ลูซอนที่เขาพูดมา อย่างไรก็เป็นความจริง ได้ยินก็รู้ว่าไม่เท็จ
“พี่น้องข้าสองคน บอกว่าชาวพื้นเมืองถือมีดเข้าสังหารไปทั่ว พวกเขาสองคนไปหลบในบ่อจึงได้รอดมาได้ แต่ก็เสียสติกันไปแล้ว…”
พูดถึงตรงนี้ ไป๋อู่ก็ไม่อาจกล่าวต่อไปได้ ส่งเสียงร้องไห้ดัง ชาวฮั่นด้านล่างเวที สีหน้าเดิมทีไม่ยินยอม ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไป มองชาวพื้นเมืองพวกนั้น ก็เริ่มไม่ใจอ่อนอีก กลับมีความหวาดกลัวและความแค้นใจ ไป๋อู่หยุดร้อง คำรามเสียงแหบพร่าว่า
“ทัพใหญ่ไม่อาจอยู่ที่นี่นาน พวกเขาช้าเร็วก็ต้องจากไป หรือว่าพวกเรายังจะยอมให้ชาวพื้นเมืองรังแกอีก ยังต้องกลัวพวกผีต่างชาติข่มเหงอีก พวกเราแม้ว่าคนน้อย แต่พวกเราก็ชนะชาวพื้นเมืองและพวกผีต่างชาติที่มากกว่า 10 เท่าได้ พวกเรารอนแรมข้ามทะเลมา ลำบากหาทางรอดกัน พวกเขามาแย่งชิงของๆ เราไปได้อย่างไรกัน พวกเราต้องป้องกัน พวกเราต้องได้ของยิ่งมาก ที่ดินดีเช่นนี้ อากาศดีเช่นนี้ เหตุใดปล่อยให้ลิงกังขี้เกียจเหล่านี้ได้ไป!!”
“เผาพวกมันเป็นปุ๋ยไปเลย!!”
คนเบื้องหน้าไม่รู้เป็นผู้ใดตะโกนตามมา บรรยากาศเศร้าสลดที่เริ่มถูกกระตุ้นขึ้น พริบตาก็จบลง ทุกคนล้วนหัวเราะดัง หวังทงยืนอยู่ด้านหลังมาตลอด ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว หานเถี่ยอยู่ข้างกายเขามาได้ระยะหนึ่งแล้ว กอปรกับพี่สาวและพี่ชายสั่งสอนอบรมมา ก็ฉลาดอยู่มาก เห็นสภาพการณ์นี้ ก็เข้าไปกระซิบว่าว่า
“กั๋วกง ข้าน้อยจะไปจับตัวมา!”
หวังทงกำลังจะพยักหน้า ได้ยินไป๋อู่ลุกขึ้นตะโกนดังว่า
“พี่ชายท่านนี้กล่าวได้ถูกต้อง พวกเราไม่เพียงแต่จะจับพวกเขามาถมที่ให้อุดม ยังจะให้พวกเขามารับใช้เราดังวัวม้า จับตัวสตรีพวกเขามาหยอกเย้าให้สนุกสนาน พวกผีต่างชาติอาศัยอะไรเป็นนายท่านได้ ทำไมพวกเราทำไม่ได้กัน พวกเราแบ่งหน่วยกัน มีอาวุธ พวกชาวพื้นเมืองราวลิงกันจะเท่าไรกัน!!”
คนเบื้องส่งเสียงเฮดัง แต่ละคนสีหน้าล้วนเริ่มบ้าคลั่งหลายส่วน ไป๋อู่น้ำตาแห้งแล้ว คำรามโบกมือดังว่า
“แย่งสมบัติพวกเขามา จับตัวผู้ชายมาทำนาทำไร่ให้เรา จับตัวผู้หญิงมาเป็นเมียน้อยเรา เมื่อวานทุกคนได้จากชาวพื้นเมืองไปไม่น้อยกระมัง !”
หวังทงยกมือห้ามหานเถี่ย ยิ้มกระซิบว่า
“ไป๋อู่นี่ก็ไม่เลวนะ!”
****************
มัดฟางไม่ขาดแคลน เอามาห่อศพไว้หมดแล้ว กองฟืนสุมเข้าไปเริ่มเผาอีก ควันลอยโขมง
เห็นกลุ่มควันหนา พวกคนสเปนในฐานที่มั่นก็เริ่มเงียบกริบ ควันเช่นนี้บนท้องทะเลพบเห็นง่าย หากถูกเรือพบเห็น ล้วนต้องเข้าไปช่วย อ่าวมะนิลาเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญ อีกฝ่ายเหิมเกริมเช่นนี้ เห็นชัดว่ามีความมั่นใจมาก
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกคนสเปนในฐานที่มั่นล้วนยังสัปหงก หนึ่งวันหนึ่งคืนไม่ได้พักผ่อน ช่างทำให้เหน็ดเหนื่อยหมดแรงอย่างยิ่ง ได้นอนสักครู่ อย่างไรก็ดี
“ชาวพื้นเมืองโจมตีอีกแล้ว!!”
ทุกคนก่นด่า แต่ก็ได้แต่จับอาวุธเริ่มเตรียมป้องกัน
คืนวานหวังทงผลัดกันพักผ่อน ผลัดกันไปไล่ต้อนชาวพื้นเมืองตีเมือง ชาวพื้นเมืองเหน็ดเหนื่อยไม่ต้องสนใจ ขอเพียงทหารเราสามารถได้พักผ่อนเพียงพอก็พอ
“เรือที่ไปท่าเรือทางใต้กลับมาแล้ว คืนวานเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้!”
“อาจขนเสบียง…… ”
การบุกครั้งนี้ไม่ได้เป็น ‘จุดอับ’ ในพื้นที่นี้ ไม่ว่าปืนใหญ่หรือทหารเฝ้ากำแพง ล้วนรู้สึกเหมือนไม่อาจทำอะไรได้ดังใจ ดีที่คืนหนึ่งมานี้ หาวิธีรับมือได้ เข้าติดตั้งปืนใหญ่ไว้ในมุมกำแพงหินที่ห่างจะจุดอับราว 20-30 เมตร
ชาวพื้นเมืองบุกเข้ามา นอกจากด้านหน้ายิงด้วยปืนแล้ว ด้านข้างก็มี ผลเช่นนี้ยิ่งดี ชาวพื้นเมืองบุกมาได้ครึ่งทางก็จะถูกยิงแตกกระจัดกระจาย
“ไอ้ลิงควรตาย มาสิมา!”
ทหารสเปนเฝ้ากำแพงสบถด่าเบาๆ ทหารเขาล้วนเตรียมพร้อมยิงแล้ว อยู่ๆ นอกกำแพงเมืองก็ได้ยินเสียงดังครืนหลายเสียง จากนั้นก็มีเสียงแหวกอากาศมา ศัตรูถึงกับติดตั้งปืนใหญ่ในแผ่นดินได้แล้ว
ชาวพื้นเมืองยังไม่ทันตั้งสติกับเสียงนี้ได้ แต่ทหารผิวขาวฐานที่มั่นรู้ความร้ายกาจดี ได้ยินเสียงนี้ ล้วนแตกตื่นหาที่หลบกันจ้าละหวั่น กระสุนปืนใหญ่หลายลูกตกลงบนกำแพงหินกับลานด้านในฐานที่มั่น ได้ยินร้องโหยหวน มีคนโชคร้ายแล้ว หลบไม่ทัน
“เป็นปืนใหญ่กระสุนสามปอนด์ มาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือหอระฆัง จากทางต้นไม้นั่น!”
มีคนวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วถึงทิศทางที่ตั้งปืนใหญ่ ปืนใหญ่ในด่านเริ่มอลหม่าน เตรียมยิงโต้
ชาวพื้นเมืองมีครั้งหนึ่งบุกมาถึงหน้ากำแพงได้ ใช้บันไดไม้พาดคูเมือง จากนั้นก็โยนบันไดลิงปีนขึ้นไป พวกคนสเปนยังคงกล้าหาญต่อสู้ ชาวพื้นเมืองโผล่หัวขึ้นมา ก็ถูกนายทหารหนึ่งฟันหัวร่วงลงไป จากนั้นยังดึงบันไดทิ้ง
หลังปืนใหญ่ถล่ม ปืนใหญ่ในจุดบอดก็หยุดยิง ชาวพื้นเมืองผ่านการต่อสู้มาหนึ่งวันหนึ่งคืน หิวและเหนื่อยมาก และยังเริ่มหวาดกลัว ทำให้พวกเขาไม่ได้คลั่งเหมือนเดิม เห็นอาวุธร้ายแรงแล้ว และพวกสเปนยังต่อสู้กล้าหาญ พอแตะเข้าพื้นที่ก็โดนตีโต้กระเจิง
ใช้คำว่า กระเจิง เรียกว่าให้เกียรติพวกเขา ดีที่พวกชาวฮั่นติดอาวุธโหดร้ายเหมือนว่ายังเห็นใจ ไล่ต้อนพวกเขามาในรัศมียิงปืนของฐานที่มั่น แล้วก็ไม่สนใจอันใดอีก ในตอนนี้อย่างไรก็มีระยะห่าง วิ่งช้าหน่อยก็วิ่งช้าได้ แอบหลบก็แอบได้ อย่างไรก็ไม่มีคนอยากไปสู้ตาย
“นั่นคืออะไร!!”
ทหารบนหอระฆังพบว่าด้านหน้าฐานที่มั่นแปลกไป ชาวฮั่นเหมือนว่าเคลื่อนกำลังมาแล้ว ชาวพื้นเมืองเกือบพันถูกชาวฮั่นติดอาวุธจำนวนมากกว่าพวกเขาขับไล่มา ถึงกับยังเป็นขบวนแถวหนาแน่นได้ ด้านหลังมีวัวหลายตัวลากอะไรมาสักอย่าง มองเห็นแล้ว ทหารด้านบนก็ขยี้ตาอีกที เหมือนว่าเป็นบ้านฟางหลังใหญ่ ยังมีคนคอยปูทาให้บ้านฟางนั่นเข็นมา มองออกว่า บ้านฟางนั้นหนักมาก หรือว่าเป็นของไสยศาสตร์ หรือว่าเป็นอาวุธโจมตี
แม้มีเรื่องราวพิสดารมากมายหลายอย่าง แต่ทว่าทุกคนล้วนรู้ เครื่องมือโจมตีไม่มีประโยชน์อันใดกับกำแพงหินหนาเช่นนี้ นับประสาอันใด ปืนใหญ่ตรงหน้ายังหนาแน่นอีก มีปืนใหญ่ขนาดใหญ่สี่กระบอก ปืนใหญ่กระสุนหกปอนด์อีกสามกระบอก ล้วนเอาอยู่
ชาวพื้นเมืองเฮโลบุกเข้ามาอีก การต่อสู้หลายครั้งหนึ่งวันหนึ่งคืน ปืนใหญ่ฐานที่มั่นยิงไกลที่สุดเท่าไร ทุกคนล้วนรู้ชัดแล้ว ชาวฮั่นติดอาวุธยังคงเดินมาหยุดนอกรัศมียิง เห็นการเคลื่อนไหวชาวฮั่น พวกสเปนในฐานที่มั่นก็รู้สึกวางใจอยู่บ้าง ขอเพียงไม่กล้าบุกแลกชีวิต ก็ย่อมต้านทานไว้ได้
พวกสเปนกลับเริ่มรำคาญชาวพื้นเมืองตรงหน้ามาก ราวกับแมลงวันกำลังตอมหึ่ง ๆ แม้ว่าไม่ได้ทำร้ายอันใด แต่ก็อยากจะลงมือไล่ไป สำหรับชาวพื้นเมืองตรงหน้า ทหารปืนใหญ่เริ่มถอย ทหารปืนไฟขึ้นหน้า เตรียมยิง
อยู่ ๆ ทั้งฐานที่มั่น ถึงกับแม้แต่ชาวพื้นเมืองด้านนอกล้วนได้ยินทหารบนหอระฆังร้องเสียงหลงตะโกนดังมาว่า
“ปืนใหญ่ ทางนั้นมีปืนใหญ่!!!”