องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1050 ปืนใหญ่
ปืนใหญ่กระสุนหนึ่งปอนด์ก็เรียกปืนใหญ่ ปืนใหญ่กระสุน 16 ปอนด์ก็เรียกปืนใหญ่ ในยุคสมัยนี้ ปืนใหญ่เป็นอาวุธที่อานุภาพร้ายกาจที่สุด คำว่า ‘ใหญ่’ ใช้แล้วสมศักดิ์ศรี
ทหารบนหอระฆังสูง เขาสามารถเห็นได้ไม่เหมือนคนอื่น พวกสเปนป้อมปืนใหญ่เบื้องหน้ายังไม่ทันเห็น แต่ก็เริ่มแตกตื่นกันทันที หากชาวพื้นเมืองบุกมาถึงหน้าแล้ว
ชาวฮั่นไม่กล้าบุก แต่ก็โหดเหี้ยมมาก พวกสเปนบนกำแพงหินมองเห็นปืนใหญ่ปืนไฟด้านหลังชาวพื้นเมืองพวกนั้นยิง วิ่งได้ช้าก็จะมีจุดจบที่ความตาย ตอนนี้ชาวพื้นเมืองเหล่านี้เรียกว่าแตกรัง ไม่สู้เรียกว่าหนีเอาตัวรอด เข้าใกล้ฐานที่มั่นยิ่งมาก ก็ยิ่งมีโอกาสรอด
“นายพัน! ท่านดูทางนั้น อย่างน้อยน่าจะเป็นปืนใหญ่กระสุน 16 ปอนด์!!”
ทหารบนหอร้องเสียงหลง ตะโกนเร่งรีบลงมายังทหารเบื้องหน้า นายทหารรีบมองวิ่งขึ้นไปยังหอระฆัง เช้าๆ อันเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเช่นนี้ เจ้าทหารด้านบนยังส่งเสียงร้องเอะอะดังทำให้เขาโมโหมาก นายทหารเดิมทีคิดสั่งสอนเขาสักหน่อย
จากบนหอระฆังสามารถมองเห็นชัดเจนระยะหลายร้อยก้าวได้ บ้านไม้นั่นที่วัวหลายตัวลากมาเปิดด้านหน้าออก เผยให้เห็นตัวกระบอกปืนใหญ่ เป็นปืนใหญ่จริงๆ
นายทหารนั่นพอเห็นตัวกระบอกปืนใหญ่แล้วก็สูดลมหายใจเฮือก ก่อนจะบังคับความตื่นตกใจกล่าวว่า
“ปืนใหญ่ชาวฮั่นทำได้เละเทะมาก ปืนใหญ่พวกเขาอย่างมากก็ 16 ปอนด์ ข้าว่าไม่ถึง 12 ปอนด์!”
ปัญหาคือระยะเช่นนี้ ปืนใหญ่ 12 ปอนด์ก็เพียงพอสังหารแล้ว ด้านหน้าฐานที่มั่นมีปืนใหญ่หลายกระบอกเป็นปืนใหญ่กระสุน 6 ปอนด์ ไว้รับมือชาวพื้นเมือง
นายทหารกล่าวเช่นนี้ แต่ยังเร่งวิ่งลงไป วิ่งไปตะโกนไปว่า
“ยิงปืนใหญ่ ยิงปืนใหญ่ อีกฝ่ายขนปืนใหญ่ขนาดใหญ่มาแล้ว!”
ตอนนี้จะไปยิงปืนใหญ่ได้อย่างไร ทหารที่กำลังป้องกันมองไปยังชาวพื้นเมืองที่กรูกันมาตรงหน้า ยิงปืนใหญ่ไป ทำให้ทหารป้องกันได้พักหายใจบ้าง แต่ระยะและมุมประตูฐานที่มั่นนี่ ปืนใหญ่ด้านหน้ายิงไปไม่อาจได้ผลอันใด
“ปืนไฟยิง!”
เห็นชาวพื้นเมืองใกล้จะใช้ไม้พาดคูเมือง นายทหารก็ตะโกนดัง ปืนไฟเริ่มยิงพร้อมกัน ชาวพื้นเมืองในรัศมียิงล้มระเนระนาด หลังถูกยิงหน้าหงาย เพิ่งเริ่มแตกกระจัดกระจายก็ได้ยินพวกสเปนบนนั้นตะโกนรอบทิศ ชาวพื้นเมืองล้มลงไม่หยุด
แม้ชาวฮั่นรอบนอกรื้อบ้านกันอยู่ แต่รอบฐานที่มั่นยังคงมีบ้านที่ยังไม่ได้รื้อ บ้านเหล่านี้มีบ้างเป็นบ้านพวกคนสเปน
มีบ้างเป็นชาวพื้นเมืองชั้นสูง พอดูดีมีราคา แต่ทว่าการต่อสู้สองวัน บ้านเหล่านี้เริ่มพังดูไม่ได้
พังส่วนพัง แต่ก็ยังให้คนบุกเมืองและคนด้านหน้ากำบังตัวได้พอ พวกคนสเปนฐานที่มั่นกำลังอึดอัดในป้อมเพราะกลุ่มควันมาทั้งคืน ก็ไม่รู้ที่เหล่านี้มีคนแอบซ่อนหรือไม่ พวกเขาไม่กล้าเปลืองกระสุนปืนใหญ่ไปกับบ้านเรือนเหล่านี้
ได้ยินเสียงตะโกน ได้เห็นว่าในบ้านมีปืนยิงออกมา ชาวพื้นเมืองถอยหนีกันกระเจิดกระเจิง ถูกสกัดไว้ได้ ฐานที่มั่นมีคนไม่น้อยที่เคยออกไปหาความสำราญด้านนอก สามารถได้ยินเสียงด้านนอกตะโกนชัดเจน ฟังพอเข้าใจ บอกว่าหากยังถอยหลังมา จะจับเฉือนโยนทะเล
ตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลโยนทะเลล่ะก็ ย่อมถูกเกลือในน้ำทะเลแสบไม่น้อย อยู่ไม่สู้ตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กลิ่นคาวเลือดจะนำปลาฉลามมากันในทันที
ชาวฮั่นโหดร้ายเช่นนี้เมื่อไรกัน คนสเปนในฐานที่มั่นตะโกนด่าดัง เพราะพวกเขาเห็นนั้นไม่เพียงแต่เป็นชาวพื้นเมืองที่ถอยไปแล้วกรูกลับมาใหม่ ยังเห็นกำลังจากพื้นที่อื่นพากันบุกขึ้นมาไม่หยุด
แน่นอน พวกคนสเปนไม่รู้ คืนวานชาวพื้นเมืองเกิดเหตุเล็กๆ ถูกจับมาจัดการไปเช่นนั้น สร้างแรงขมขู่ได้มากพอควร
ปืนใหญ่ประตูหน้าฐานที่มั่นสองข้างเริ่มปรับตำแหน่งปืนใหญ่ เตรียมยิงชาวฮั่นที่เคลื่อนปืนใหญ่ขนาดใหญ่เข้าใกล้ แต่ทว่าการก่อกวนของชาวพื้นเมืองและการบุกนั้นทำให้ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ยักษ์มีเวลาเตรียมการเพียงพอ
‘ตูม’ สนามรบล้วนเงียบ ใช่ว่าทุกคนไม่ส่งเสียง แต่เสียงทั้งหมดถูกเสียงปืนใหญ่นั่นกลบมิด
กระสุนปืนใหญ่ลอยแหวกอากาศไม่อาจเรียกว่าเฉียบคม แต่เหมือนว่าเป็นลมพายุใหญ่ที่อยู่ ๆ กระหน่ำขึ้น มุมยิงไม่สูง กระสุนปืนใหญ่ตกลงบนประตูหน้าด้านซ้ายบนกำแพงหินฐานที่มั่น
พวกคนสเปนบนกำแพงหินหลายคนได้เห็นปืนใหญ่ตอนยิงมาลงกระเด้งกำแพงไปยังลานหน้า ยังมีคนหาที่หลบในเวลากระชั้นชิด มีคนวิ่งหลบสองข้างทาง ต้องการหนีออกจากพื้นที่
กระสุนปืนใหญ่ถล่มบนกำแพงหิน กำแพงหนาเริ่มสะเทือน พวกสเปนล้วนถูกสะเทือนล้มลง พื้นที่ที่ถูกยิง ก้อนหินกระเด็น แผ่นหินแตกกระจาย เศษหินปลิวว่อน ทำเอาพวกชาวพื้นเมืองเลือดตกยางออก บาดเจ็บล้มตายราบ
ความสะเทือนนี้ส่งผลไปทั่วฐานที่มั่นจนรู้สึกได้ เปาโล ลูอิสออกจากที่กำบัง ตะโกนไปบนกำแพงหิน
“ยิงโต้ ยิงโต้!”
น่าอัศจรรย์ยิ่ง พวกคนบนกำแพงหินถึงกับไม่ได้บาดเจ็บจากปืนใหญ่นี้ แต่ละคนล้วนกำลังมึน ไม่ต้องให้กงสุลใหญ่พวกเขาตะโกน พวกเขาก็รู้ว่าควรยิงโต้ แต่ปืนใหญ่หนักเช่นนี้ การป้องกันฐานที่มั่นน่าจะยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว
การบุกตีฐานที่มั่นหลายแบบหลายวัน ตอนนั้นเห็นแล้วว่าเหลวไหล รู้สึกว่าโง่เขลา แต่ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว ที่แท้คิดจะเคลื่อนปืนใหญ่หนักมายิงฐานที่มั่นให้ได้ผล มีปืนใหญ่หนักนี้ ไม่ต้องเปลืองแรงโจมตี ใช้ปืนใหญ่ยิงระเบิดเปิดออกก็พอ
แต่ทว่าระยะยิงตอนนี้ ใช้ปืนใหญ่ฐานที่มั่นพอยิงโต้ได้ อย่างน้อยก็คุมสถานการณ์ไว้ก่อน ไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายยิงปืนใหญ่ได้อีก
ทหารปืนใหญ่รีบเร่งวิ่งมายังหน้าปืนใหญ่ กำลังคว้าอุปกรณ์ ทันใดคนทางด้านซ้ายก็รู้สึกวูบ ล้มลง
บนกำแพงหินพริบตาเสียงร้องตกใจไปทั่ว กำแพงเริ่มทะลายลงไปครึ่งหนึ่ง ปืนใหญ่ยิงมา ทำโครงสร้างพัง ทางนั้นมีปืนใหญ่ขนาดใหญ่อีก เดิมก็เหมือนแขวนอยู่แล้ว ตอนนี้ทหารปืนใหญ่เหยียบขึ้นไปอีก รองรับน้ำหนักไม่ไหว กำแพงพังลงไปครึ่งหนึ่ง
นี่ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บล้มตาย แต่ทหารปืนใหญ่ร่วงลงไป อย่างมากก็กระดูกหัก แต่ทว่าชาวพื้นเมืองบุกเข้ามานี่สิ ทหารปืนใหญ่ในเวลากระชั้นชิดนี้ได้แต่หยิบอาวุธในมือขึ้นสู้ ไม่ก็รอความตาย
ความวุ่นวายนี้ ทำให้ปืนใหญ่อีกสองทางไม่อาจยิงได้ กำแพงที่ล้มครืนลงทำให้ชาวพื้นเมืองปีนขึ้นมาง่าย ทหารบนกำแพงไม่อาจสนใจอันใดอีกแล้ว ได้แต่ยิงปืนไฟในมือ ไล่ชาวพื้นเมืองที่ปีนขึ้นมา
เสียงตูมดัง เมื่อครู่ที่แตกตื่น เพียงพอให้ปืนใหญ่หนักบรรจุกระสุนเสร็จ เสียงปืนใหญ่ดัง คนใกล้ประตูใหญ่กำแพงเมืองรีบวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น หาที่กำบัง เมื่อครู่ปืนใหญ่สำแดงอานุภาพแล้วว่ายิ่งใหญ่เพียงใด ไม่เพียงชาวผิวขาวบนกำแพงหิน แม้แต่ชาวพื้นเมืองตรงหน้าก็ต้องแตกตื่นหนีตาย จะได้ไม่ถูกเศษหินที่กระสุนปืนใหญ่ยิงแตกมาโดนตัว
กำแพงหินฐานที่มั่นสะเทือนแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้า การป้องกันของพวกคนสเปนไม่อาจปิดประตูใหญ่อีก แต่สามารถออกไปโจมตีได้ตลอด ประตูใหญ่ยิ่งอ่อนแอลง
ปืนใหญ่ยิงรอบสอง ประตูใหญ่ก็ล้มครืนลง ปืนใหญ่ด้านบนล้วนไม่อาจใช้การได้อีก ทั้งประตูเอียงกระเท่เร่ แม้ว่ามีที่สูง แต่ก็ไม่ต้องปีนแล้ว
ที่ทำให้พวกคนสเปนฐานที่มั่นหนาวใจก็คือ จำนวนและคุณภาพปืนใหญ่ชาวฮั่นถึงกับล้วนเหนือกว่าของฐานที่มั่น ดังนั้นเพียงแค่ยิงปืนใหญ่กระบอกนี้ ก็ทำให้ยุ่งยากพอแล้ว
สองวันอันยาวนาน แต่ก็มองออกว่า ชาวฮั่นคิดเร่งรบให้จบ ดังนั้นจึงได้สิ้นเปลืองแรงชาวพื้นเมืองมาก ใช้วิธีการต่างๆ ขนปืนใหญ่ขนาดใหญ่มา หากอีกฝ่ายอยากให้การสู้รบยาวนาน เช่นว่าหนึ่งเดือน ยึดฐานที่มั่นก็ย่อมสบายกว่านี้
ภายใต้การยิงของปืนใหญ่เล็กเหล่านี้ ชาวพื้นเมืองไม่ว่ายินยอมหรือไม่ก็ต้องบุกเข้าฐานที่มั่น ปืนไฟบนกำแพงหินเริ่มยิงประปราย ชาวพื้นเมืองเองไม่อยากไปปีนที่อื่นแล้ว ถูกปืนใหญ่ยิงเปิดประตูหน้าฐานที่มั่นแล้ว ก็ง่ายที่จะปีนเข้าไปแล้ว
ชาวพื้นเมืองกรูกันเข้ามา แต่ก็ต้องแตกพ่ายกลับไป เพราะพวกสเปนติดอาวุธครบบุกออกมา ปืนไฟยิง ทวนยาวแทง ดาบใหญ่ฟัน ชาวพื้นเมืองถือไม้ไผ่ไม่อาจต้านทานได้ ครั้งนี้พวกคนสเปนที่ออกมามีกำลังเกือบพัน
ชาวพื้นเมืองแตกกระเจิงแล้ว ทหารสเปนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ไล่ล่าสังหารชาวพื้นเมืองที่หนีกลับ แต่วิ่งไปหาปืนใหญ่ขนาดใหญ่
ตอนนี้สิ่งที่คุกคามฐานที่มั่นที่สุดก็คือปืนใหญ่ขนาดใหญ่กระบอกนั้น เรือปืนใหญ่บนท้องทะเลแม้ว่าจำนวนมากกว่า แต่ถูกปืนบนป้อมปืนใหญ่สกัดไว้ได้ อย่างมาก็แค่เสียหายผิวๆ แต่หากปล่อยให้ปืนใหญ่ขนาดใหญ่นี่ยิงเอายิงเอา ทั้งฐานที่มั่นย่อมทะลายแน่
พอรู้ว่าพวกด้านนอกเป็นชาวฮั่นแล้ว พวกคนสเปนก็เริ่มมั่นใจมาก แต่พอพบว่าเป็นปืนใหญ่ขนาดใหญ่ พวกเขาตัดสินใจส่งคนไปแย่งปืนใหญ่ พวกคนสเปนมั่นใจในตัวเองว่า ใช้กำลัง 800 ก็สามารถตีพ่ายชาวฮั่นติดอาวุธที่มากกว่าหลายเท่าได้
ด้านนอกมีสิ่งก่อสร้างมาก พวกคนสเปนมากันแน่นหนา วิ่งเหยาะๆ มาอย่างเร็ว ปืนใหญ่เบาสี่ทิศยิงระลอกแรก จากนั้นก็ยิงไม่ค่อยได้ผลอะไรนัก ที่เหนือคาดคนสเปนก็คือ ปืนใหญ่ชาวฮั่นไมได้สนใจการออกมาโจมตีของพวกเขา ยังคงทำความสะอาดปากกระบอกปืนใหญ่เตรียมยิงต่อ
พลปืนใหญ่ไม่แตกตื่น ก็เท่ากับรอถูกบุกเข้าไปสังหารทิ้ง ทหารสเปนตะโกนบุก ทหารเองก็ล้วนตะโกนรีบเร่งฝีเท้า
เสียงตูมดังครั้งที่สาม แม้รู้กระสุนปืนใหญ่จะยิงข้ามหัวตนเองไป แต่พอได้ยินเสียงแหวกอากาศมา อย่างไรก็ต้องก้มตัวหลบตามสัญชาตญาณ หยุดไปครู่หนึ่ง
กระสุนปืนใหญ่ตกลงยังด้านกำแพงหินฐานที่มั่น ปืนใหญ่ครั้งนี้ปรับมุม ไม่ได้ยิงไปทางซ้ายแบบเดิม
ชาวพื้นเมืองที่กรูกันเข้าต่อสู้กับพวกคนสเปนรู้สึกถึงคลื่นปืนใหญ่กระทบ เดิมทีร่องกำแพงที่เปิดเล็กน้อยตอนนี้เปิดกว้างมากขึ้นไปอีก
“เร่งกันหน่อย…”
นายทหารสเปนนำหน้ามาตะโกนดัง ตะโกนไม่ทันจบ พลันได้ยินเสียงสองข้างถนนดังเป็นจังหวะกลอง เสียงกลองไม่แปลกอันใดสำหรับพวกคนสเปน เป็นจังหวะกลองให้เดินทัพ จากนั้นหน้าปืนใหญ่หนัก ถือปืนไฟ ทหารชาวฮั่นสวมเกราะยืนเรียงแถวสองแถวออกมา จากนั้นก็เรียงเป็นหน้ากระดาน
“เตรียมยิง!”
วาจานี้พวกคนสเปนฟังไม่เข้าใจ แต่ทว่าเห็นการเคลื่อนไหวอีกฝ่าย พวกเขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไร เสียงกลองเริ่มตีเป็นจังหวะ เห็นพลทวนยาวเริ่มปรากฏตัว
ระยะเช่นนี้ สามารถมองเห็นหน้าทหารอีกฝ่ายไม่ใช่คนโปรตุเกส เป็นชาวฮั่น เป็นชาวฮั่นที่ปีก่อนยังถูกสังหารราวลูกแกะเชื่อง ๆ พวกคนสเปนรู้สึกหนาวยะเยือก ตอนไหนกันที่ชาวฮั่นมีกำลังเช่นนี้ได้ กำลังทหารแผ่นดินหมิงไม่ใช่ว่าหยุดอยู่ที่ยุคขี่ม้ารบพุ่งหรือ?
“เพื่อพระเจ้าและกษัตริย์เรา บุกเข้าไป!”
คนอยู่หน้าสุด คิดจะถอยก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่ถือโอกาสตอนปืนไฟอีกฝ่ายยังไม่อาจยิงต่อเนื่อง บุกไปปะทะตัวต่อตัวกันด้านหน้า สถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าอยากรบตัวตาย แต่หากหนีก็ย่อมถูกไล่สังหาร บาดเจ็บล้มตายยิ่งอนาถกว่า พวกนายทหารผู้นำกองยังพอมีความเป็นคน ตะโกนดังแล้ววิ่งไปด้านหน้า
เสียงกลองไม่หยุด สุดท้ายเข็นปืนใหญ่ออกมาสี่กระบอก ทหารปืนใหญ่ตะโกนสั่งให้ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งสี่กระบอก เข็นไปด้นหน้าสุดของกองกำลัง
ปากปืนใหญ่วางแนวราบ กระสุนก็ควรจะบรรจุไว้นานแล้ว มีปืนใหญ่ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงนั้น คนสเปนบนฐานที่มั่นย่อมคิดออกมาแย่งปืนใหญ่ ทหารเหล่านี้กับปืนใหญ่รออยู่ที่นี่นานแล้ว คิดแล้วว่าปืนใหญ่น่าจะบรรจุกระสุนแล้ว แปดเก้าส่วนน่าจะเป็นกระสุนแบบกระจายลูก
‘ตูม ตูม ตูม ตูม…’ ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว ปืนใหญ่สี่กระบอกยิง เป็นกระสุนกระจาย ไม่ใช่เศษเหล็ก หากเป็นลูกเหล็กเล็กๆ หลายสิบลูกโยงกัน เช่นนี้ย่อมยิงได้ไกลยิ่งขึ้น
กระสุนเหล็กนับร้อยก่อเป็นม่านกระสุน ครอบคลุมกองทหารสเปนทั้งหมด แม้ทหารสเปนสวมเกราะ แต่เกราะไม่อาจทานกำลังลูกเหล็กจากปืนใหญ่ที่ยิงมาด้วยความเร็วสูงได้
พวกทหารที่บุกหน้าสุดกับทหารด้านหลังสองสามแถวล้วนถูกปืนใหญ่เล็กยิงกวาดไปหมด คนที่เหลือไม่ได้กล้าที่จะบุกขึ้นหน้าอีก
ความจริงนั้น ตอนบุกมาเขายังมีความเชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด พวกเขารู้สึกว่าพวกตะวันออกย่อมไม่ได้เก่งกล้าไปกว่าทหารสเปน ชาวฮั่นแค่อาศัยคนมาก ได้แต่อาศัยชาวพื้นเมืองมาโจมตี แต่พอโดนปืนใหญ่ถล่มคานี้ ได้เห็นความเป็นระเบียบของทหารชาวฮั่นและอาวุธ พวกเขาก็เริ่มหมดหวังสิ้นเชิง พวกเขาตอนนี้คิดแต่วิ่งกลับไปในฐานที่มั่น ที่นั่นอย่างน้อยยังมีเครื่องมือต่อสู้ และคนยังมากอยู่สักหน่อย
แต่ทว่าทหารหวังทงย่อมไม่ให้โอกาสพวกเขาอีก ปืนใหญ่ยิงเสร็จ ปืนใหญ่หยุดยิง ทหารปืนไฟรีบเข้ายิง คนด้านหลังร้องโหยหวนล้มลง ทั้งกองกำลังวุ่นวาย ไล่สังหารเริ่มต้นขึ้น