องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1055 คนใหม่
ล่วงเข้าสู่เดือนสามปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 18 หวังเซี่ยใกล้สามขวบแล้ว ดูแล้วตัวใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมาก หากไม่พูด ยังคิดว่าเป็นเด็กน้อยหกขวบ กินดีอยู่ดี พ่อแม่มาจากครอบครัวสายบู๊ แน่นอนมีเชื้อสายดี แต่ทว่าทำให้คนรับแทบไม่ไหวก็คือพลังงานเยอะมาก
เด็กตัวแค่นี้เองกลับมีกำลังใช้ไม่หมดไม่สิ้น วันๆ เอาแต่วิ่งไปวิ่งมาในจวนไม่หยุด เรียนเสร็จก็จะชอบมาขลุกที่ทำงานหวังทง อะไรก็ไม่รู้ แต่กลับชอบถาม คำถามล้วนมีมาไม่หยุด ทำเอาเสียงหัวเราะขำมากมาย ทำให้ใต้เท้าหลายคนต้องปวดหัวมาก
หวังทงเดิมคิดว่าตนเองรักเด็ก แต่ตอนนี้ถูกทำเอาปวดหัวไปหมด หวังเซี่ยก็หนึ่งแล้ว ยังมีหวังจงกับหวังหลันที่ยังอยู่ในวัยทารก ในจวนไม่อาจรักไม่เท่ากัน ต้องไปดูแลสักหน่อย แต่เด็กสองคนไม่คุ้นกับหวังทง พออุ้มขึ้นก็แผดเสียงร้องจ้า แต่ไม่ไปก็ไม่ได้ ช่างยุ่งยากแท้
ยามว่าง หวังทงกับหยางซือเฉินสนทนากันอยู่ พูดถึงเรื่องเด็กๆ ล้วนหัวเราะดัง นับเป็นความสุขท่ามกลางงานราษฎร์งานหลวงที่วุ่นวาย
เดือนสามเรื่องราวไม่น้อย นอกจากธนาคารกับโรงผลิตเงินที่กำลังเตรียมการแข็งขันแล้ว พี่น้องตระกูลปัวมายังเมืองซงเจียง ปัวอิงกับปัวอู่ ปัวอิงเป็นบุตรชายรองปัวเฉิงเอิน ปัวอู่เป็นบุตรชายคนโตปัวไป้บุตรบุญธรรมปัวอวิ๋น พวกเขาสองคนมาถึง ก็คิดจะมาเป็นทหารติดตามหวังทง
อิทธิพลอำนาจตระกูลปัวที่หนิงเซี่ยถูกหวังทงถอนรากไปแล้ว ส่วนหนึ่งไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ส่วนหนึ่งไปเทียนจินกับเมืองหลวง แม้ว่าไม่มีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็มีอำนาจวาสนาไม่น้อย
รอให้ลูกหลานตนได้มาติดตามเป็นผู้คุ้มกันนับเป็นธรรมเนียมที่รู้กัน ตระกูลปัวอยู่ตะวันตกเฉียงเหนือมานาน ตำแหน่งหวังทงนั้นสูงระดับใดไม่รู้แม้แต่น้อย พลาดตอนทัพใหญ่ยกทัพปราบตะวันออกทำลายเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว หากตอนนั้นได้ติดตามไป กลับมาย่อมมีความชอบติดไม้ติดมือมา
พลาดโอกาสนั้นไป เห็นหวังทงไปยังเมืองซงเจียง จึงได้ไม่กล้ารอช้า คิดลำบากใจกันอยู่นาน ถึงตอนนี้จึงได้เข้าใจ ตระกูลปัวตอนนี้มาอยู่ข้างกายหวังทงยังอาจขอตำแหน่งได้ สำหรับที่อื่น ผู้ใดจะสนใจตระกูลปัวเจ้า ตอนนี้เป็นแค่ตระกูลใหญ่มีเงินทอง คนเช่นนี้มีมากนัก
ปัวอิงปีนี้ 17 ปัวอู่ปีนี้ 15 บางทีตอนเด็กได้กินเนื้อมาก ดูแล้วจึงรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กอื่นไม่น้อย ล้วนกำยำล่ำสัน ขาโก่ง คนพวกนี้ขี่ม้าเก่ง ธนูยิงได้ไม่เลว หวังทงแน่นอนรับไว้
พูดไปแล้ว ปัวเฉิงเอินส่งบุตรชายรองมา ปัวอวิ๋นส่งบุตรชายคนโตมา ตระกูลปัวสองสายให้ความสำคัญกับหวังทงต่างกัน แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่หวังทงสนใจ
มีตระกูลปัวมา ทำให้อู๋เอ้อร์ถือโอกาสนำบุตรชายหลายคนของตนมาขอด้วย ตระกูลอู๋แม้ว่าเป็นนักเลงใหญ่ซานตง แต่ก็เป็นแค่ตระกูลใหญ่ในพื้นที่ อาศัยคนมาก ตระกูลอู๋ตอนนี้ต้องเดินไปกับหวังทงให้สุดทางแล้ว แน่นอนหวังว่าได้เข้าใกล้ชิดอีกนิด ยิ่งดี สองคนที่ใกล้ชิดอู๋เอ้อร์ หนึ่งลูกชายอู๋เอ้อร์อายุน้อย สองลูกชายพี่น้องอู๋เอ้อร์ อู๋หงกับอู๋ไห่จึงได้รับการเสนอตัว ล้วนเป็นเด็กน้อยมีฝีมือ เคยฝึกในกองทัพมา
ล้วนคนกันเอง อย่าได้เสียน้ำใจ ล้วนรับเป็นทหารติดตาม ให้ซาตงหนิงรวมฝึก ตามจดหมายว่า บุตรชายถานปิง นามถานหย่งก็กำลังเดินทางมา
ข้างกายมีลูกหลานคนสนิทมาก แม้รักษาวินัยเข้มข้น แต่ทุกคนมารวมกันก็ย่อมคึกคักมาก สถานการณ์ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไมทำให้หวังทงรู้สึกไม่สบายใจ
เริ่มแรก ข้างกายตนมีแต่คนตระกูลถาน ต่อมาเป็นพวกถานต้าหู่และเอ้อร์หู่ ตอนนี้มีคนตายไปในสนามรบบ้าง มีคนป่วยบ้าง ยังมีคนออกไปรับตำแหน่งที่อื่นบ้าง เปลี่ยนเป็นคนหนุ่มชุดใหม่ ไม่รู้พวกเขาเมื่อใดจะได้ออกไปสร้างอาณาเขตตนเองได้ เมื่อใดถึงเวลาจากตนไป
เด็กหนุ่มเหล่านี้มา ก็ล้วนนอบน้อมต่อหวังทงมาก แต่ทว่าแต่ละตระกูลเลี้ยงดูมาดีไป ยังได้ฝึกยุทธกันมาก ล้วนคิดว่าตนเองเก่งกล้าที่สุด ไม่ยอมลงให้กัน ไม่ค่อยเคารพซาตงหนิง
แก้ปัญหานี้ก็ง่ายมาก ณ สนามฝึกในจวนเหลียวกั๋วกง ทุกคนประลองกันด้วยไม้พลอง ผลปรากฏแต่ละคนล้วนไม่เกินสามกระบวนก็ถูกซาตงหนิงตีร่วง บ้างก็ล้มลงกับพื้น ยอมรับซาตงหนิงจากใจแล้ว จัดไปเป็นทหารประจำหน่วยคุ้มกัน วันหน้าย่อมเก่งกล้าเป็นหลักได้
จนสุดท้าย คนที่มาใหม่เหล่านี้จึงได้รู้ระดับความสามารถตนเอง ในกองกำลังตนบางทีพวกเขาอาจพื้นฐานดีกว่าทหารปลายแถว แต่ด้วยกำลังกับประสบการณ์แล้วก็สู้ไม่ได้
ดีที่เด็กหนุ่มยังอายุน้อย ถูกกำราบไป ในใจไม่มีความแค้น กลับมีความตั้งใจจะฝึกซ้อม หวังทงเข้าใจเรื่องนี้ดี คนของเขาก็ถูกฝึกกันมาเช่นนี้
*****************
ไท่หูกว้างใหญ่ กองกำลังทางน้ำกลับอ่อนแอ ไท่หูหรือแม้แต่บริเวณโดยรอบ เห็นชัดว่าเป็นพื้นที่กฎหมายแผ่นดินหมิงไปไม่ถึง ตอนนี้เมี่ยวลั่งเป็นคนหวังทงมาดูแล ตอนนั้นเคยเป็นคนใหญ่คนโตในไท่หู ตอนนี้กลับมาจากเมืองหลวง กำลังอย่างไรก็ทรงอิทธิพลน้อยลง แต่อาวุธและเรือดีไม่น้อย ยังมีสายสัมพันธ์ทางการ อิทธิพลจึงค่อนข้างยิ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อน
กำลังคุ้มกันหวังทงรับเอาคนหนุ่มมาไม่น้อย เมี่ยวลั่งก็ส่งบุตรชายสองคน เมี่ยวจินหลงและเมี่ยวอิ๋นหลงอายุพอๆ กันมาด้วย ตอนเด็ก เมี่ยวลั่งยังคิดให้เรียนหนังสือ แต่วันนี้สู้มาจนมีวันนี้ได้ เด็กพวกนี้ไม่อาจเรียนหนังสือแล้ว ได้แต่ส่งให้ทำการค้าและฝึกยุทธแล้ว
เมี่ยวลั่งตอนนี้เป็นขุนพลทหารของหวังทง แต่เมี่ยวลั่งก่อหน้าก็เคยเป็นขุนพลทหารราชสำนัก มีความเข้าใจเรื่องวงการการเมืองมากกว่าคนอื่น เขาเข้าใจสถานะหวังทงตอนนี้อยู่ในภาวะเสี่ยง ยังส่งบุตรชายมา เกิดวันหน้าถูกพัวพันไปด้วยก็จะยุ่งยากใหญ่
แต่การเชื่อมสายสัมพันธ์อย่างไรก็เป็นเรื่องดี เมี่ยวลั่งเองรู้ว่าตอนนี้หวังทงเปิดการค้ากับแดนใต้และการค้าท้องทะเลใต้ยิ่งใหญ่เพียงใด รู้สึกลำบากใจมาก
บรรดาคนหวังทง เมี่ยวลั่งกับทังซานสายสัมพันธ์ไม่เลว สองคนอยู่บนท้องทะเล บนทะเลสาบเดียวกัน ไปๆ มาๆ ก็ย่อมมีสายสัมพันธ์เครือญาติ กอปรกับสองคนอายุไม่มาก นิสัยก็ค่อยๆ เข้ากันได้ จึงมักมาดื่มสุราด้วยกัน
ในเดือนสาม ตระกูลอู๋ส่งบุตรชายสองคนมาให้หวังทง เมี่ยวลั่งบอกว่าคนเขาจับปลาตัวใหญ่ได้ ต้องจัดการปรุงอย่างดี เชิญทังซานมาดื่มด้วยกัน
แผ่นดินหมิงทำอาหารมักชอบใช้พริกไทย แดนใต้ชอบใส่น้ำตาล พริกไทยมาจากต่างแดนทาทะเล น้ำตาลเป็นของสูงค่า สองอย่างเป็นเครื่องปรุงแสดงสถานะ อร่อยไม่อร่อยอีกเรื่อง แต่ทว่าทุกคนล้วนยินดี หวังทงกลับไม่ชอบนัก เขามักชอบใช้น้ำจากสาหร่ายทะเลตุ๋นหรือไม่ก็ผงกุ้งปรับรส
สาหร่ายทะเลตุ๋นเป็นน้ำกับผงกุ้งเหมือนผงชูรส อาหารเช่นนี้ทำออกมา แน่นอนยุคสมัยนี้ไม่ค่อยได้ลิ้มรสชาติสดใหม่แบบนี้
ความเคยชินหวังทงนี้ คนหลายคนพากันเลียนแบบ เทียนจินล้วนกลายเป็นกระแสนิยม เมืองซงเจียงก็เริ่มเป็นที่นิยม
สุราเป็นสุราดี อาหารก็เป็นอาหารรสเลิศ เมี่ยวลั่งกับทังซานอยู่ในสายงานนี้ล้วนคอแข็งไม่เบา ต้องดื่มสักหลายจอกจึงเริ่มเปิดใจคุยได้
“…กล่าวกับพี่ทังตามตรง บุตรชายสองคนข้าอายุไม่น้อยแล้ว มีแนวทางมากมาย หนึ่งไปหาพื้นที่ที่ดินงามๆ สักผืนที่หลูโจว หรือว่าส่งพวกเขาไปรับใช้กั๋วกงดี….”
“เจ้ากลัวว่าวันหน้ากั๋วกงจะสูญเสียอำนาจ สถานะไม่มั่นคงกระมัง!”
เมี่ยวลั่งคิดกล่าวอันใด ทังซานก็กล่าวออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เมี่ยวลั่งหัวเราะแหะๆ แต่ก็ไม่ได้ละอายอันใด กล่าวเพียงว่า
“ข้าเข้าใจดี พวกเราตีรันฟันแทงมาหมด ก็มักป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ไว้ก่อน หากเป็นตอนอยู่เทียนจิน….”
“เจ้ารู้ไหม ครั้งนี้กองเรือออกทะเลไปทำอะไร? ลูซอนประเทศเล็กๆ ถูกกั๋วกงยึดมากได้ เจ้าในเมื่อกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็จะบอกความจริงว่า แม้ว่าอยู่แผ่นดินหมิงต่อไม่ได้ อาศัยเรือกั๋วกง ปืนใหญ่นี่ คนเหล่านี้ ที่ไหนไปไม่ได้ ข้าหากไม่ใช่เพราะภรรยาไม่เอาไหน ให้กำเนิดแต่พวกใช้ไม่ได้ ก็คงส่งบุตรชายให้กั๋วกงไปนานแล้ว โอกาสตอนนี้หาได้ยาก เจ้ายังลังเลอันใด คิดความเสี่ยงอันใด สานสัมพันธ์ได้ก็รีบสานซะเถอะ ตอนนี้โอกาสดีไม่รีบคว้าไว ตอนนี้เจ้าทรงอิทธิพลบนไท่หู ตระกูลอู๋ที่ซานตงก็ไม่เลว ถานปิงตอนนี้สถานะผู้บัญชาการ หรือว่าไม่รู้ว่าอะไรคือเสี่ยงกัน?”
สั่งสอนไปยกใหญ่ เมี่ยวลั่งดื่มติด ๆ กันหลายชาม ก่อนจะหน้าแดงก่ำ ยิ้มแหะๆ
เดือนสามเมี่ยวจินหลงกับเมี่ยวอิ๋นหลงสองคนก็เข้าร่วมเป็นผู้คุ้มกันหวังทง แต่ทว่าในเมื่อเป็นทหารทางการ คำว่า ‘หลง’ แปลว่ามังกรนี้จึงเป็นคำต้องห้าม เปลี่ยนขื่อเป็นเมี่ยวจิน เมี่ยวอิ๋น ก็ไม่มีอันใดไม่เหมาะ
เมี่ยวจินเมี่ยวอิ๋นไม่เหมือนกับผู้คุ้มกันหวังทงพวกนั้น พวกเขาสองคนคิดแต่จะออกทะเล ก็คืออยากไปทำงานบนเรือรบ ตามคำของเมี่ยวลั่ง สองคนนี้แต่เล็กก็อยู่ไท่หูมา แต่เล็กก็เคยออกทะเล เห็นทะเลใหญ่แล้ว ก็หลงใหลทันที วันๆ คิดแต่เรื่องบนท้องทะเล แต่ตระกูลเมี่ยวมีอิทธิพลอำนาจบนไท่หูไม่น้อย จึงไม่ให้พวกเขาไป ดังนั้นจึงดึงกันมาถึงตอนนี้
หวังทงนำกองเรือไปลูซอน และการต่อสู้ด้วยเรือใหญ่พวกนี้หลายครั้ง พี่น้องตระกูลเมี่ยวล้วนได้ยินมามาก เรียกได้ว่าราวกับเทพนิยาย มีโอกาสนี้ แน่นอนขอขึ้นเรือไปด้วย
*****************
“เวลาไม่มีเรื่องก็ไม่มี พอมีเรื่องก็เรื่องมากจริง”
หวังทงเคยทอดถอนใจเช่นนี้ เดือนสามเป็นเป็นเช่นนี้ จากเรื่องผลิตเงินเหรียญไปถึงรับทหารติดตาม จากเรื่องหลังกลับจากท้องทะเลมาก็ไม่ได้ว่าง แต่ละเรื่องมากันไม่ขาด
ตอนใกล้เดือนสาม ก็มีม้าด่วนนำข่าวจากเทียนจินมา เป็นจดหมายจางซื่อเฉียงเขียนมาเอง ในนั้นกล่าวว่า ‘เสิ่นหวั่ง ภรรยาและบุตรหายตัวไปแล้ว’
เดิมใช้ภรรยาและบุตรเสิ่นหวั่งเป็นตัวประกัน นั่นเป็นเพราะการขนส่งทางทะเลเทียนจินไม่พอ และยังไม่อาจปกป้องความปลอดภัยท้องทะเลเทียนจินได้เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องให้เสิ่นหวั่งเจ้าทะเลใหญ่สุดบนท้องทะเลยอมจำนน อาศัยชีวิตภรรยาและบุตรชายเขามารับรองความปลอดภัยให้เทียนจิน
ใช้สตรีและเด็กมาข่มขู่บังคับให้เกิดความสงบสุขนั้น คนสายหวังทงไม่ชินเท่าไร ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องมีเกียรติอันใด แต่เพื่อให้สงบสุข จึงได้ยอมทำอย่างเสียไม่ได้
พอต่อมา กองกำลังทางน้ำกวางตุ้งย้ายมา กองเรือเริ่มก่อตั้ง อิทธิพลอำนาจเช่นซาต้าเฉิงก็มาสวามิภักดิ์ พวกมีกำลังบนท้องทะเลหลายคนก็ล้วนอาศัยเทียนจินเป็นแหล่งเงินทอง สถานการณ์ปลอดภัยจึงเป็นโอกาส ความจริงนั้นเสิ่นหวั่งเองก็อาศัยเทียนจินร่ำรวย แน่นอนไม่มีการข่มขู่อันใด และไม่มีความเสี่ยง สำหรับการดูแลภรรยาและบุตรเสิ่นหวั่งก็ผ่อนคลายลงไปมาก เสิ่นหวั่งเข้าอออก ก็ไม่ได้จับตาดูแน่นหนาเหมือนแต่ก่อน
ในใจทุกคนล้วนมีความคิดหนึ่ง ตอนนี้เทียนจินเป็นพื้นที่รุ่งเรืองที่สุดในใต้หล้านี้ และยังรุ่งเรืองไม่เหมือนที่อื่น ยังมีเป็นการค้ามือสะอาดไม่มีสินบนและปลอดภัย มีระเบียบชัดเจน ทุกอยางล้วนมีกฎเกณฑ์ดี ที่หลายแห่งไม่มี สำหรับการค้าเหนือใต้และทะเลนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ร้านค้าต่างๆ เต็มไปด้วยสินค้าจากทุกสารทิศ เป็นภาพในพื้นที่ตอนนี้ที่ไม่มีที่ใดเหมือน
อยู่เทียนจิน ทุกคนไม่ว่าสถานะสูงต่ำ รวยจน ล้วนอยู่กันอย่างเคารพกฎหมาย ไม่เหมือนที่อื่น ที่พวกสูงกว่าจะรังแกเอาเปรียบตามใจ แย่งชิงกันตามใจ
ที่เช่นนี้ ที่พักเช่นนี้ กล่าวว่าสวรรค์ก็ไม่เกินไปนัก ไม่รู้พ่อค้าเท่าไรคิดมีที่พักและร้านค้าบนถนนใหญ่เช่นนี้ ชนชั้นสูงเมืองหลวงเท่าไรคิดอย่างมาสร้างโรงบ้านรอบเทียนจินก็ไม่มีที่ ได้อยู่ที่นี่ เป็นที่ใต้หล้าล้วนไม่กล้าคิด ยังคิดจากไป
มีความคิดนี้ การป้องกันจึงหย่อนยานยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเสิ่นหวั่งเปิดโรงต่อเรือที่เทียนจิน โรงต่อเรือในชื่อตนเองก็มีหลายร้าน การค้าก็มาก เพียงแค่คนตระกูลเสิ่นและคนสนิทเสิ่นหวั่งที่เทียนจินก็มีเปิดร้านค้าไม่น้อย นับรวมแล้วก็ร้อยกว่า พวกเช่นนี้ ไหนเลยคิดจะจากไปได้
ด้วยความคิดเช่นนี้ตลอดมาจนเดือนสามจึงได้พบว่าเสิ่นหวั่งหายตัวไปแล้ว แม้แต่คนรับใช้สนิทยังหนีหายตัวไปด้วย
พอสอบถาม พบว่าครอบครัวเสิ่นหวั่งราวเดือนหนึ่งก็ไปกันแล้ว ทั้งจวน ทุกระดับ ล้วนถูกเสิ่นหวั่งใช้เงินเลี้ยงดูอิ่มหนำ องครักษ์เสื้อแพรที่ส่งไปเป็นสายก็รับเงินไปมากสุด
ไม่ได้มีวิธีหนีที่พิสดารอันใด เป็นเสิ่นหวั่งกับภรรยาและบุตรปลอมตัวเป็นคนงาน เดินออกจากประตูใหญ่ไปอย่างไม่ได้หลบซ่อน จากนั้นด้านนอกก็มี ‘คนขายของ’ มาก ปะปนเข้ากับฝูงชน หายไปไร้ร่องรอย
คนงานและสายสืบจวนนี้หายตัวไป เพราะล้วนกลัวเกิดเรื่อง ถึงกับแอบนัดแนะกันหนีไป พอถึงต้นเดือนสามค่อยถูกพบ
จางซื่อเฉียงกับซุนต้าไห่ล้วนร้อนใจ หวังทงมอบเทียนจินให้พวกเขาดูแล คิดไม่ถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ ช่างเสียหน้ายิ่ง รีบส่งคนไปจับตัวมา คนงานในจวนจับมาได้หลายคน แต่เสิ่นหวั่งหายตัวไปไร้ร่องรอย พอสอบถามขึ้นไปมาก็ไม่ได้ความอันใด
ยุ่งกันได้สองสามวัน ข่าวก็ไปถึงหูไช่หนาน ไช่หนานเห็นแล้วก็เข้าใจเตือนตรงๆ อย่าได้คิดแก้ปัญหาเองแล้วค่อยไปบอกหวังทง ไม่พูดถึงว่าตอนนี้แก้ปัญหาไม่ได้ ยังต้องมีโทษอีก ให้หวังทงคิดหาวิธีมาดีกว่า!