องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1056 อยากไปก็ไป
“ในเมื่อเขาอยากไป เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่อาจรั้งไว้ได้”
หวังทงอ่านหนังสือขอรับโทษจางซื่อเฉียงแล้ว ก็ยิ้มกล่าวขึ้น ประโยคที่สองน่าสนใจกว่าว่า
“หากเสิ่นหวั่งสามารถถึงยุโรปกับทวีปอเมริกา ก็ย่อมมีผลสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่จะหากินทะเลเหนือใต้แผ่นดินหมิงนี่ หนีไปทำไมกัน…”
ไม่พูดถึงการค้าทะเลตอนเหนือที่มีเทียนจินเป็นศูนย์กลาง ยึดลูซอนมาได้ ทะเลจีนใต้ก็จะค่อยๆ กลายเป็นเป้าหมายในการค่อยๆ รุกคืบของกองเรืออิทธิพลอำนาจเทียนจินกับเมืองซงเจียง
แม้กลุ่มเสิ่นหวั่งยังคงอิทธิพลอำนาจบนท้องทะเล แต่การมาแยกตัวออกจากหวังทงไปเอง จะมีผลประโยชน์เท่าไรกัน บางทีอาจยังมีผลเสียมากกว่า ไม่ต้องให้คนฉลาดมากมาคิดก็วิเคราะห์เข้าใจไม่ยาก
“กั๋วกงเมตตา นายกองพันจางกล่าวเช่นนั้น เรื่องนี้เป็นเพราะเขาสะเพร่าทำความผิดใหญ่ เขาจึงได้มาขอรับโทษจากกั๋วกงด้วยตนเอง”
คนนำจดหมายมาส่งคุกเข่าอยู่ ได้ยินหวังทงวิจารณ์ก็ไม่กล้ารอช้า โขกศีรษะนอบน้อมกล่าวขึ้น หวังทงโบกมือ กล่าวเรียบๆ ว่า
“เดินทางมาไกล คุกเข่าทำไม เรื่องเทียนจินมากมาย ยากที่จะไม่เกิดช่องโหว่ ให้จางซื่อเฉียงกับซุนต้าไห่ดูแลต่อไปให้ดีๆ ก็พอ!”
คนนำจดหมายมากำลังจtโขกศีรษะ หวังทงน้ำเสียงเย็นเยียบ กล่าวว่า
“ตอนนั้นจัดการไว้ดีแล้ว หากทุกคนทำงานตั้งใจ ผลัดเปลี่ยนคนเฝ้า ก็ไม่เกิดเหตุถูdเสิ่นหวั่งซื้อตัวไป หากมีคนตรวจตลอดตามกำหนด ก็คนไม่ปล่อยให้เสิ่นหวั่งหนีไปได้เป็นเดือนจึงค่อยรู้ตัว นี่เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะทุกคนตอนนี้ล้วนตำแหน่งสูงเงินทองมาก ล้วนไม่ตั้งใจทำงาน รู้สึกว่าเรื่องราวมากมายไม่สนใจไม่ไปถามไถ่ก็จะจัดการไปได้เอง ธรรมเนียมเป็นธรรมเนียม คนทำตามธรรมเนียมเป็นคน ต้องคอยตรวจสอบเสมอ ต้องคิดไตร่ตรองเสมอ เช่นนี้จึงจะไม่เกิดช่องโหว่ ธรรมเนียมก็มิใช่ตายตัว ต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เช่นนี้จึงจะไม่ก่อให้เกิดเรื่องผิดพลาด”
“ข้าน้อยล้วนจดไว้แล้ว!”
“เจ้าไม่ต้องจด ข้าจะส่งคนเขียนจดหมายไปเอง ไม่เพียงแต่ใต้เท้าเจ้า คาดว่าแต่ละที่ล้วนมีปัญหาเหมือนกันหมด”
ขณะพบหน้ามีหยางซือเฉินอยู่ด้วย ให้คนส่งจดหมายจากเทียนจินออกไปแล้ว หวังทงถอนหายใจกล่าวว่า
“ท่านหยางจดที่ข้ากล่าวเมื่อครู่ออกมา ให้คนส่งส่วนตัวนำไปส่งแต่ละที่!”
หยางซือเฉินพยักหน้า มองในห้องไม่มีคน ลังเลครู่หนึ่งกล่าวว่า
“กั๋วกง เทียนจินทางนั้นยังดี ทหารหลวงเมืองชายแดนแต่ละแห่งไม่ง่าย สถานะกั๋วกงตอนนี้…ไม่สะดวก!”
“ไม่ว่าเส้นทางการค้าเทียนจินหรือเมืองซงเจียง หรือกำลังทหารแต่ละหน่วย ยังมีกองกำลังพ่อค้าติดอาวุธบนทุ่งหญ้าพวกนั้น หากไม่รักษาธรรมเนียม เช่นนั้นทุกอย่างล้วนหมดสิ้น ไร้ธรรมเนียม อำนาจวาสนาพวกเขา สถานะและอำนาจของข้าและพวกเขาก็ย่อมสูญสิ้น พูดไม่น่าฟังก็คือ วันนี้อำนาจบารมีเกรงว่าคงสั่นคลอนแล้ว จดหมายต้องเขียนไป แต่ทว่าท่านหยางเองก็คิดได้ถูกต้อง ช่วยข้าร่างฎีกาด้วย ให้ฝ่าบาทรู้เรื่องทางนั้น ให้ฝ่าบาททรงร่วมจับตาตรวจสอบ เช่นนี้จึงจะเหมาะสมรอบด้านหน่อย!”
หวังทงถอนหายใจกล่าว หยางซือเฉินจึงได้ร่างจดหมาย หวังทงเดินออกไปนอกห้อง ให้ทหารติดตามไปเรียกคนมา
ทังซานกับหูอันตอนนี้เป็นหัวหน้าเรือรบหวังทงเมืองซงเจียง เป็นคนคุมกองเรือบนท้องทะเล ซาต้าเฉิงไม่ได้ตามกลับมาด้วย เขาอยู่ดูแลลูซอน
“เสิ่นหวั่งไม่อยู่เทียนจินแล้ว กองเรือเขายังไม่รู้วันหน้าเป็นมิตรหรือศัตรู กองเรือเขา เทียบกับเราแล้วอย่างไร?”
“ขอกั๋วกงวางใจ อย่าเห็นว่าเสิ่นหวั่งได้ชื่อเจ้าทะเลใหญ่สุดบนท้องทะเล เขาก็แค่มีเรือมาก หากสู้กับเราจริง ๆ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เรา”
ทังซานรับประกัน เรือปืนใหญ่หวังทงเป็นกำลังหลัก ร่วมกับเจ้าทะเลทรงอิทธิพลอำนาจอื่นๆ กำลังเสิ่นหวั่งจะไปกระไรนัก
“กั๋วกง ต้องการลงมือกับเสิ่นหวั่งหรือ?”
หูอันตอนนี้ว่างมาก ตอนนี้เปิดศึกก็หมายถึงเงินทอง เขาจึงได้กระตือรือร้นมาก หวังทงส่ายหน้ากล่าวว่า
“ตอนนี้เสิ่นหวั่งเป็นพ่อค้าทะเลทั่วไป เขานำครอบครัวมาอยู่เทียนจิน สองฝ่ายยังมีน้ำใจให้กัน ในเมื่อเขาคิดไม่ตกหนีไปเอง ก็ไม่ต้องไปสนใจ หากเขายังกล้าสมคบโจรสลัด พวกเจ้าค่อยลงมือก็ไม่สาย!”
วาจานี้ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้แล้ว เสิ่นหวั่งออกจากเทียนจินไปเรื่องนี้ไม่เท่าไร ประเด็นคือการละเลยนี้แสดงให้เห็นถึง การปล่อยปละ นี่จึงเป็นความยุ่งยากใหญ่แท้จริง
****************
หลังจดหมายหวังทงไปถึงเมืองหลวง ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงให้ความสำคัญอย่างมาก ตอนนี้หวังทงไปเมืองซงเจียงแล้ว เช่นนั้นทรัพย์สินเงินทองกับกองกำลังที่เทียนจิน สำหรับพระองค์แล้วไม่ใช่ภัยคุกคามแฝง หากเป็นเสากำลังสนับสนุนอย่างดี หากแตะต้องเสานี้ หรือทำให้กำลังอ่อนแอลง ล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำ หวังทงฎีกากล่าวไว้ แน่นอนย่อมให้ความสำคัญที่สุด ทุกฝ่ายล้วนทำตาม
สำหรับเทียนจิน เรื่องขุนพลทหารแบ่งกันออกไปประจำที่ต่างๆ คำกำชับและเตือนของหวังทงเดิมก็ให้ความสำคัญอย่างที่สุด ตอนนี้ยังมีคำสั่งเตือนจากโอรสสวรรค์ ก็ย่อมกลายเป็นเรื่องที่ต้องทำใหญ่อันดับหนึ่ง และฮ่องเต้ว่านลี่เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ดียังส่งเจ้าจินเลี่ยงไปโดยเฉพาะ เจ้าจินเลี่ยงไปในฐานะผู้ตรวจการตำแหน่งผู้ช่วยสำนักขันทีสำนักอาชาหลวง
ขันทีที่ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงไว้พระทัยที่สุดออกจากเมืองหลวงมาตรวจเอง ทุกคนแน่นอนเข้าใจความสำคัญเรื่องนี้ดี พากันทำการอย่างรอบคอบ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยดี ไม่กล้าให้เกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
ในจดหมายหวังทง เทียนจินให้ไช่หนาน หลี่หู่โถว จางซื่อเฉียงและซุนต้าไห่ร่วมกำลังผลักดัน ให้กู่จื้อปินร้านสามธาราผลักดันต่อ ให้ถานปิงผลักดันเมืองกุยฮว่าเฉิง และเมืองซงเจียงแน่นอนย่อมนำโดยหวังทง ทุกระดับเริ่มจัดกากรตรวจสอบเรียบร้อย ตรวจสอบกันและกัน ไม่ให้ผิดพลาดมีช่องโหว่อันใด
ไม่ว่ากองกำลังหรือท้องที่ ไม่ว่าคนในของระบบหวังทง การจัดการครั้งนี้ล้วนตอบรับอย่างดี เรียกว่า ‘ปฏิรูป’
เสิ่นหวั่งจากเทียนจินไปแล้ว ร้านค้าเขาที่เทียนจินและโรงเรือก็ล้วนไม่มีการเคลื่อนไหวใหญ่ใด แน่นอนเรื่องนี้แพร่ออกไป สำนักองครักษ์เสื้อแพรกับผู้คุ้มกัน ร้านสามธาราก็รีบเข้าจับตาคนที่เกี่ยวข้องกับเสิ่นหวั่งและกิจการทั้งหมดทันที
กิจการสำคัญหลายแห่ง เดิมล้วนเป็นคนในครอบครัวหรือคนสนิทเสิ่นหวั่ง แต่ครั้งนี้ตามเสิ่นหวั่งไปด้วย แต่การค้ายังคงดำเนินไปปกติ เรือแปดร้อยกว่ายังคงออกทะเลไปยังที่ต่างๆ ที่เหลือก็ล้วนอยู่ต่อเพื่อทำการค้ารับช่วงต่อ
การกระทำเช่นนี้ก็พอเข้าใจได้ ล้วนเป็นเพราะหลังหลบหนี ได้เห็นเทียนจินเป็นดังอู่เงินอู่ทอง ผู้ใดก็ย่อมไม่คิดทิ้งไปง่ายดาย สามารถทำการค้าที่นี่ได้ก็ล้วนต้องทำการค้าต่อไป
จดหมายตอบกลับหวังทงเร็วมาก พอได้จดหมายหวังทงแล้ว จางซื่อเฉียงกับซุนต้าไห่ก็ลำบากใจมาก แม้ว่าไม่ได้ตำหนิ แต่การจัดการหลังจากนี้ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจมาก
สองคนทางหนึ่งก็ร่วมแรงกันจัดการปฏิรูปใหม่ อีกทางก็ยังป้องกันเสิ่นหวั่งเข้มงวด ภรรยาและบุตรเสิ่นหวั่งถูกกักไว้ที่เทียนจิน เดิมว่าเป็นตัวประกัน แต่ความจริงนั้นก็ทำให้เสิ่นหวั่งเป็นพ่อค้าใหญ่เทียนจินที่ทำให้ทุกคนวางใจ มีคำว่า วางใจ แล้ว ก็ย่อมทำอะไรง่ายไปหมด
เช่นว่า พานหมิงดูแลแรงงานต่างๆ ที่เทียนจิน ยังมีโกดังและลานสินค้า การขนถ่ายอันใดก็จะอำนวยความสะดวกให้เรือกับสินค้าเสิ่นหวั่งก่อน ล้วนได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง ตอนนี้เรือมากมายมารวมกันที่เทียนจิน จอดเรือซ่อมเรือก็ต้องต่อคิว เรือเสิ่นหวั่งย่อมได้สิทธิก่อน
โรงต่อเรือเมืองซงเจียงเพิ่งก่อตั้ง สามารถต่อเรือใหญ่ได้ ไม่ว่าเรือใหญ่ข้ามสมุทรตะวันตกหรือเรือฮกเกี้ยนเรือกวางตุ้ง เป็นโรงต่อเรือขนาดเท่าทางเหนือ เป็นโรงต่อเรือสามธาราเทียนจิน พูดให้กระจ่างก็คือ จากท่าเรือเมืองหางโจวไปทางเหนือ เป็นโรงต่อเรือเพียงแห่งเดียวที่ทางการให้การยอมรับ
และโรงต่อเรือมีกำลังผลิตสูง ได้ไม้เก่าจากนอกด่านเป็นข้อได้เปรียบ เป็นตัวเลือกอันดับแรกของเจ้าทะเลและพ่อค้าทะเล
เสิ่นหวั่งแน่นอนก็คิดต่อเรือที่โรงต่อเรือนี้ และมีใบสั่งไม่น้อย ยังสั่งเรือปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง 15 กระบอกแบบตะวันตกลำใหญ่ เป็นเรือใหญ่กว่าปกติ โรงต่อเรือผลิตให้แค่เรือของพ่อค้าทะเลเครือข่ายสามธาราเท่านั้น
ตอนนี้ในเมื่อเสิ่นหวั่งไปแล้ว สิทธิพิเศษเหล่านี้ล้วนยกเลิกหมด ดีที่จางซื่อเฉียงทำงานมีหลักการ เรือโรงต่อเรือแน่นอนไม่ให้เขาได้สร้าง แต่เงินทองล้วนคืนกลับไปยังกิจการเสิ่นหวั่ง เหตุผลก็คือไม้ไม่พอ
เรือเล็กปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง 15 กระบอกบอกได้อย่างไรว่าไม้ไม่พอ เหตุผลนี้ไม่อาจหลอกลวงผู้ใด แต่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงท่าทีหนึ่งว่า หากคิดทำการค้าการค้าต่อที่นี่ ไม่มีคนขัดขวาง แต่ทว่าวันหน้าทุกคนก็เป็นคนแปลกหน้าแล้ว เรือปืนใหญ่โรงต่อเรือสำหรับบรรดาเจ้าทะเลแล้วนับว่าเป็นอาวุธ ของสำคัญเช่นนี้ไม่ให้เจ้า
แน่นอนสิทธิพิเศษเทียนจินให้แก่เสิ่นหวั่งล้วนถูกยกเลิก เทียนจินธรรมเนียมครบ เจ้าทำการค้าการค้าดี ๆ ไม่มีผู้ใดหาเรื่องเจ้า ทุกอย่างทำไปปกติ คนอื่นก็ยังทำการค้าเช่นกัน
****************
หวังทงจับตาดูเสิ่นหวั่ง เสิ่นหวั่งจากเทียนจินไป เทียนจินก็ยังคงมีสายตาม ความจริงนั้นจากเทียนจินไป เสิ่นหวั่งไม่ได้ออกทะเล หากไปอยู่ที่เมืองเหอเจียน ทุกวันคนสนิทเขาที่เทียนจินก็จะมารายงานถามไถ่
หากบอกว่าไม่เป็นห่วงก็คงไม่ใช่ เสิ่นหวั่งเองเตรียมการจากไปแล้วจบทุกสิ่ง ตอนนี้หวังทงไม่ว่าด้านใดขยับ ราชาไตรธาราเช่นเขาก็ล้วนทนรับไม่ได้ แต่กำไรการค้าเทียนจินก็ช่างมากมาย ทำให้ไม่อาจละทิ้งไปได้ หากสามารถทำการค้าที่นั่นได้ อย่างไรก็ยังต้องทำ
เรื่องไม่ต่างกับที่เสิ่นหวั่งวิเคราะห์ พวกหวังทงไม่ใช่พวกทำอะไรโดยอารมณ์ แต่ไรมาก็วิเคราะห์และตัดสินจากกำไรขาดทุน เสิ่นหวั่งสำหรับหวังทง เป็นแค่พ่อค้าทำการค้า ไยต้องมีเรื่องขัดแย้งกับเงินทองด้วยเล่า?
ที่ให้เสิ่นหวั่งยิ้มก็ไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ก็คือ พวกคนของเขาทั้งหมดไม่อยากให้เขาจากเทียนจินไป บอกว่าหากไปแล้ว พวกเรามีกิจการที่เทียนจิน หุ้นส่วนต่างๆ เกรงว่าล้วนถูกทางการริบไปหมด ตอนนี้ใต้หล้าสถานที่เช่นเทียนจินสามารถนั่งเฉยๆ ก็ทำกำไรมาก หาได้ที่ใด
เสิ่นหวั่งเป็นใหญ่บนท้องทะเล เพราะพลาด ถูกหวังทงบังคับมาเทียนจินเกือบสิบปี แม้สิบปีนี้ไม่ได้เอาเปรียบเขา แต่เขาก็คงไม่อาจยอมรับได้ เงินทองเสิ่นหวั่งแน่นอนเสียดายมาก แต่ที่ควรปล่อยก็ต้องปล่อย
แต่ทว่าเทียนจินทำงานรอบคอบกว่าที่เสิ่นหวั่งคิดมาก กิจการต่างๆ ของเสิ่นหวั่งล้วนไม่ได้ถูกริบ คนของเขาที่เทียนจินก็ยังคงไม่ได้ถูกจับตัว สำหรับเงินหุ้นที่เสิ่นหวั่งตั้งแต่เริ่มแรกลงทุนที่ต่าง ๆ ก็ยังทำตามธรรมเนียม แบ่งแยกคืนเงิน กิจการต่างๆ ที่เสิ่นหวั่งร่วมทุนไว้ล้วนส่งเงินคืน จัดการระบุแยกให้ชัดเจน นับว่าไม่ติดค้างกันแล้ว
เรื่องนี้อยู่ๆ เกิดขึ้นในเทียนจิน เป็นเรื่องกะทันหัน เพราะเสิ่นหวั่งมีทุนร่วมหลายอย่าง เงินจองที่ให้โรงต่อเรือไว้ รวมๆ กันแล้ว ก็สองสามแสนตำลึงได้ ร้านสามธารากับร้านประกันภัยบอกว่าควักเงินก็ควักออกมาหมด ส่งให้อีกฝ่ายไป ยังมีพวกร้านเล็กๆ กลัวว่าร้านสามธาราจะไม่มีเงิน รีบมาทวง ผลปรากฏได้รับเงินไปทันที ทุกคนล้วนร้องชม ว่าสามธาราทรงอิทธิพลและอำนาจมากจริง
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงอำนาจเงินของสามธารา ยังแสดงให้เห็นอีกเรื่องว่า ธนาคารสามธาราใกล้จะออกตั๋วเงินนั้นเชื่อถือได้ นับว่าเป็นการทำโฆษณาไปในตัว
สำหรับเสิ่นหวั่ง การคืนเงินร่วมทุนของอีกฝ่าย ไม่ได้เกินไปนัก ในเมื่อทุกคนปรบมือจากกันโดยดี ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานให้เจ้าอีก ให้เงินเจ้าพร้อมดอก แต่รู้ส่วนรู้ หากคิดเข้าใจอาจไม่ เสิ่นหวั่งตอนนั้นก็แค่เพื่อสานสัมพันธ์หวังทงจึงได้ร่วมทุน หลายปีดอกเบี้ยล้วนมากกว่าต้นทุนที่ได้ลงไปมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หุ้นส่วนแต่ละแห่งทำให้เกิดความสะดวกต่างๆ ได้รับผลประโยชน์ยิ่งมาก
เงินรายได้มากมายทุกปีไม่มีอีกแล้ว สิทธิพิเศษต่างๆ ไม่มีอีกแล้ว เห็นแล้วก็เหมือนไม่ได้สูญเสียอันใด แต่คิดให้ยาวนานแล้ว กลับรู้สึกว่าตนถูกเฉือนเนื้อทิ้งไป ที่ยิ่งทำให้รู้สึกหมดหวังทำอะไรไม่ได้ก็คือ เนื้อชิ้นนี้เป็นตนเองลงมือตัดทิ้งเองกับมือ
คนเราก็เป็นเช่นนี้ ให้สิทธิพิเศษเขา เขามักคิดว่าแน่นอนเป็นเรื่องสมเหตุผล แต่พอวันหนึ่งโดนตัด ก็มักรู้สึกว่าตนเองเสียผลประโยชน์
การกระทำของเขาเช่นนี้เห็นผลในทันที เสิ่นหวั่งจากเทียนจินได้สองเดือน กำไรการค้าทุกแห่งของเขาก็ลดฮวบลงทันที
ตอนนั้นที่ภรรยาถูกกักตัวที่เทียนจิน ตนเองถูกจำกัดอิสรภาพ มักคิดจะหากทางจากไป แต่ตอนนี้ท้องทะเลกว้างใหญ่ มีอิสระเต็มที่ กลับพบว่าใช่ว่าสวยงามดังที่ตนคิด
ลูกน้องตอนนี้ไม่อยากให้เสิ่นหวั่งจากเทียนจินไป แน่นอนย่อมรู้สึกไม่อยากไป พวกเขาชินกับความรุ่งเรืองเทียนจิน เทียนจินสินค้ามากมาย สะดวกหลายสิ่ง ธรรมเนียมกระจ่าง ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นจากที่ใด ล้วนเตรียมจะตั้งรกรากที่นี่แล้ว พอจากไปเช่นนี้ อะไรก็เอาไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ปกติได้สิทธิพิเศษมา การค้าที่ทำกันง่ายดายก็เริ่มยากแล้ว
หลายเรื่องผสมกัน ทำให้เสิ่นหวั่งเริ่มหัวเสีย คนบนท้องทะเลขอแค่กำไรมหาศาล ที่เทียนจินพอไร้สิทธิพิเศษ กำไรแม้ว่ายังคงมาก แต่เสิ่นหวั่งที่ทำกำไรมหาศาลมาตลอดรู้สึกว่าสามารถหาทางออกได้ด้วยการลงทะเลใต้
ก่อนหน้านี้ เสิ่นหวั่งคิดแต่ว่าจะหนีจากเทียนจินอย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นบนท้องทะเลไม่ได้ใส่ใจนัก เรื่องที่เกิดที่ลูซอนก็ไม่ได้เข้าใจละเอียดนัก
รู้มาไม่ละเอียด ตอนนี้เดือนห้าแล้ว ข่าวลูซอนแพร่มาแล้ว ถูกหวังทงกับอิทธิพลอำนาจบนท้องทะเลทางใต้ยึดลูซอนไปแล้ว เสิ่นหวั่งแน่นอนเข้าใจว่าหมายถึงสิ่งใด ก็หมายความว่า คนที่ครอบครองลูซอนได้ก็สามารถค่อยๆ รุกรานทะเลใต้ได้ทีละคืบ เช่นกัน หากไม่ใช่คนลูซอน ก็ต้องถูกกันให้อยู่นอกทะเลใต้
เสิ่นหวั่งไม่คิดว่ายามนี้ตนเองจะสามารถเข้าสู่ทะเลใต้ได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัว ไม่ทำการค้าก็ไปได้ แต่ก็ไปแบบพ่อค้าปกติ เช่นนั้นก็ไร้ความหมาย
เสิ่นหวั่งคิดไม่ถึงว่าตนเองจากไปแล้ว สถานการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นนี้ นับวันยิ่งคับแค้นยิ่งมาก ตอนนี้เขาได้แต่ไปผิงฮู่ทำการค้ากับชาวประเทศวัว แม้เส้นทางนี้ เขาก็ไม่อาจครอบครองเพียงผู้เดียว
***************
อำเภอซ่างไห่ เมืองซงเจียงตอนนี้เริ่มมีความคล้ายเทียนจินหลายส่วนแล้ว หลายแห่งล้วนก่อสร้าง กำลังคนขาดแคลนแต่ไรก็เป็นปัญหาใหญ่ ราษฎรแดนใต้ไม่ได้ลำบาก ผลปรากฏเรือที่มาทำการค้าที่เมืองซงเจียงล้วนถูกยื่นเงื่อนไขว่า ต้องนำคนงานจากตอนเหนือมาเองให้มาก จึงจะมาทำการค้าที่นี่ได้
สามารถทำการค้าที่เมืองซงเจียงได้ย่อมทำกำไร คนตอนเหนือแม่น้ำก็ลำบากกันมาก รับมาทำงานก็ง่ายมาก พ่อค้าเกลือหลายคนก็ยิ่งง่าย แม่น้ำเหนือใต้ไม่รู้มีคนยากจนเท่าไร เรียกรับพวกเขาส่งมาทำงานแรงงานที่เมืองซงเจียง ยังได้ชื่อว่าเป็นนักบุญ ยังได้ทำการค้าทำกำไรที่เมืองซงเจียงอีก ไยไม่กระทำเล่า
ครึ่งปีแรกในปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 18 เมืองซงเจียงยังไม่ทำกำไรเท่าไร ไม่มีภาษีมากมายเท่าไร เพราะเงินทองที่ได้มาจากแต่ละด่านการค้าล้วนนำมาใช้จ่ายเป็นค่าก่อสร้างและแรงงาน สามารถทำให้สมดุลรายรับรายจ่ายเท่านั้น
พอถึงเดือนหก เถ้าแก่ร้านสามธาราคนหนึ่งกลับมาจากลูซอน มารายงานเรื่องลูซอนแก่หวังทง
ทุกอย่างราบรื่นดี เป็นคำบรรยายภาพลูซอนตอนนี้ การแบ่งผลประโยชน์ของหวังทงให้เจ้าทะเลกับพวกอิทธิพลเหล่านั้นทำให้ลูซอนเป็นเหมือนพื้นที่ตนเอง รู้ว่ายิ่งตั้งใจทำ ตนเองก็ยิ่งได้ผลประโยชน์มาก พวกเขาทำเรื่องผิดกฎหมายมามาก จึงแอบคิดกันว่าจะให้ลูซอนเป็นดังเส้นทางถอย
แต่ละร้านล้วนหาคนจากแผ่นดินหมิงไปลูซอน ความจริงนั้นธรรมเนียมที่วางไว้รองรับเรื่องนี้มาก ผู้ใดรับคนมาได้ ก็เป็นคนผู้นั้น สามารถใช้งาน สามารถได้ประโยชน์
มีคนมากันยิ่งมาก ก็ยิ่งรวมกำลังเป็นกองกำลังหน่วยใหญ่ ก็สามารถสร้างอาณานิคมที่เกาะต่างๆ ในลูซอนก็สามารถได้รับพื้นที่กับผลประโยชน์ยิ่งมาก
แต่ทว่าทุกอย่างล้วนไม่อาจขาดการสนับสนุนของหวังทง ผู้คุ้มกันสามธาราคุมปืนใหญ่กับเรือรบ ยังเป็นทหารเก่งกล้าที่ปลดประจำการมาจากกองกำลังหลวง ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นกำบังให้ลูซอน แต่หากชาวผิวขาวยกทัพมาจริงก็คงยุ่งยากยิ่ง
ในหลายเดือนนี้ ความจริงนั้นก็มีเรือการค้าชาวผิวขาวเข้ามาขนถ่ายสินค้า พวกเขาได้เห็นความแปลกไปของริมฝั่ง พวกเขาแน่นอนได้เห็นเรือรบชาวฮั่นกับปืนใหญ่บนฝั่ง ดังนั้นก็ทำการค้ากันไป จากนั้นก็จากไป แต่หากไม่มีกำลังคุ้มกันจากร้านสามธารา ทุกอย่างเกรงว่าคงไม่เป็นเช่นนี้
เถ้าแก่ผู้นี้เล่าเรื่องมาจบแล้ว ยังเสนอความคิดกับหวังทง ระบบการจัดการทะเลใต้เป็นระบบแล้ว แต่เรื่องเส้นทาง สินค้าจากที่นี่ไปใช่ว่าเทียบกับฮกเกี้ยนและเจ้อเจียงได้ เส้นทางเดินเรือไปมา ขาเดียวไม่คุ้ม เขาเสนอให้ปลูกอ้อยที่ลูซอน เพื่อทำน้ำตาลอ้อย เช่นนี้ เรือไปยังเมืองซงเจียงก็จะได้มีสินค้าติดเรือไปด้วย