องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1062 ฮิราโดะไม่ใช่เทียนจิน
โจรดำรงชีวิตอยู่ในฮิราโดะที่ตั้งระหว่างจังหวัดฮิเซ็น[1]กับจังหวัดชิกูเซ็น มีกำลังพันกว่า มักคุกคามการคงอยู่ของฮิราโดะ โจรเหล่านี้ปล้นพ่อค้าบนท้องทะเล มักจะชนะกำลังไดเมียวในพื้นที่ ความจริงนั้นทุกคนล้วนเข้าใจดี โจรเช่นนี้มีซามูไรตระกูลโมริเป็นกำลังหลัก รับเอาทหารหนีทัพจากตระกูลโอโตโมะและโจรสลัดอื่น ก็เพื่อมารับมือพื้นที่เช่นฮิราโดะผืนนี้
ตระกูลโมริ[2] เป็นกลุ่มอิทธิพลอำนาจลงหลักปักฐานทางไซโกกุ แม้โทโยโตมิ ฮิเดโยชิครองอำนาจครอบคลุมประเทศวัวแล้ว ปราบไดเมียวทั่วคิวชูแล้ว แต่ตระกูลโมริคุมคิวชู ดังนั้นหากไม่อาจคุมมาถึงฮิราโดะ ก็ต้องไม่ปล่อยให้ฮิราโดะเจริญขึ้นได้
หลังเสิ่นหวั่งกลับมาฮิราโดะ เ รื่องแรกที่จัดการก็คือปราบโจรพวกนี้ พวกเสิ่นหวั่งคุ้นเคยพื้นที่ฮิราโดะมาก โจรกลุ่มนี้ถูกพบร่องรอยในเวลาไม่นาน จากนั้นก็ถูกล้อม
ซามูไรตระกูลโมริมีชื่อเสียงเกรียงไกรทั่วผืนแผ่นดินในยุครบกัน คิวชูนอกจากนักรบตระกลูชิมัสสึแล้ว อิทธิพลอำนาจที่เหลือล้วนไม่ได้ความ พวกเขายังเกรงกลัวกองโจรกลุ่มนี้มาก ไดเมียวกับหลายตระกูลประเทศวัว แม้ว่ารู้เจ้าทะเลอำนาจมาก แต่ในใจก็ยังมีความดูแคลนหลายส่วน คิดว่าโจรสลัดอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบได้กับซามูไรบนผืนแผ่นดิน
เสิ่นหวั่งส่งคนออกปราบโจรสลัด ไดเมียวแต่ละแห่งและคนในประเทศพากันรอดูเรื่องสนุก หากเสียเปรียบมา เช่นนั้นทุกคนก็ย่อมมาเจรจาเงื่อนไข
แต่ทว่าการต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ซามูไรประเทศวัวที่นั่งดูผลพากันตกใจมาก คนของราชาไตรธาราเสิ่นหวั่งเชี่ยวชาญการต่อสู้ และการต่อสู้ยังใช้ปืนใหญ่ ทำให้โจรสลัดถูกทำลายราบคาบ
ไดเมียวในยุครบกันก็มีปืนใหญ่ แต่ก็เป็นปืนที่ประคองยิงด้วยสองมือ ถูกเรียกว่า ‘กระบอกใหญ่’ เรียกให้ถูกก็คือปืนใหญ่เสือหมอบฉบับอานุภาพด้อยประเภทหนึ่ง
ชาวผิวขาวถูกชาวประเทศวัวคิดว่าเป็นพวกป่าเถื่อนทางใต้ การค้ากับประเทศวัวก็มีมาก เมืองท่าหลายเมืองยังมีร้านค้าและโบสถ์ชาวผิวขาว และยังมีไดเมียว ‘คริสเตียน’ ก็คือพวกไดเมียวนับถือคริสต์นิกายคาทอลิค เช่นตระกูลโอโตโมะที่คิวชู
ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเช่นนี้ ทำให้ปืนใหญ่แท้ๆ ประเทศวัวเองก็มี แต่มีไม่มาก ส่วนใหญ่ล้วนตั้งอยู่ตามกำแพงเมองเพื่อไว้ป้องกัน เช่นกำแพงเมืองของทางตระกูลโอโตโมะมีปืนใหญ่ขั้นเทพ ‘ทลายเมือง’ แต่ปืนใหญ่กระบอกนี้เป็นแค่ปืนกระสุนหกปอนด์เท่านั้น และยังล้าหลังมาก
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าในการรบกลางสนามรบสามารถใช้ปืนใหญ่ได้ด้วย และยังเป็นปืนมีล้อ ใช้ม้าสองตัวลากมาก็เคลื่อนมาได้ จากนั้นยังยิงได้เร็ว
เดิมทีโจรกลุ่มนั้นคิดจะบุกปะทะ ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงตูมไปสองระลอก ทั้งกองกำลังล้วนก็ต้านทานไม่ไหว แตกกระเจิงไปหมด จากนั้นถูกลูกน้องเสิ่นหวั่งสังหารสิ้น
เรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคน การต่อสู้ทำให้สะเทือนกลุ่มอิทธิพลอำนาจในเกาะคิวชู ข่าวที่เกี่ยวข้องไม่เพียงแต่มาจากไดเมียวคิวชู ยังถูกส่งไปยังโอซาก้าและเหอเป่ยอย่างรวดเร็ว
แต่ละคนล้วนคิดเช่นนี้ หากข้ามีอาวุธทรงอานุภาพเช่นนี้ได้ หรือหากข้าได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากเสิ่นหวั่ง เจ้าทะเลแผ่นดินหมิงผู้นี้ได้ ก็เท่ากับสามารถเป็นใหญ่ในผืนแผ่นดินใต้หล้านี้ได้แล้ว แน่นอนใต้หล้าที่ว่าก็คือประเทศวัว
ตระกูลริวโซจิกับตระกูลอาริมะไม่มีความทะเยอทะยาน พอใจอยู่ใต้บังคับบัญชาก็แล้วไป หากตระกลูชิมัสสึ ตระกูลโอโตโมะและตระกูลโมริ ตระกูลโคบายากาว่าล้วนมาสอบถาม ดูว่าจะสามารถได้รับการสนับสนุนจากเสิ่นหวั่งหรือไม่ อย่างน้อยก็ขอซื้อปืนใหญ่แบบนี้ไปบ้าง
แม้ประเทศวัวตอนนี้ยังมีไดเมียวหลายสิบ กลุ่มอิทธิพลอำนาจร่วมร้อยยังคงอยู่ แต่เหล่านี้ล้วนถูกโทโยโตมิ ฮิเดโยชิคุมไว้ได้แล้ว เผชิญหน้ากับกองกำลังนับพันนับหมื่น อิทธิพลอำนาจทหารนับพันหมื่นเช่นนี้ เสิ่นหวั่งก็ไม่กล้าเหิมเกริมเหมือนเมื่อก่อน
เรื่องผูกเป็นพันธมิตรนี้ล้วนถูกเขาปฏิเสธนุ่มนวล แต่เรื่องการซื้อขายปืนใหญ่กลับรับปาก อาวุธเช่นนี้ นักรบประเทศวัวล้วนยอมจ่ายเงินทองไม่จำกัดเพื่อซื้อหามาครอบครอง ปืนใหญ่กระบอกหนึ่งสามารถมาขายที่นี่ได้กำไรกว่าแผ่นดินหมิงหลายเท่า หลายสิบเท่า เงินที่เอามาจ่ายยังเป็นทองคำแท้ๆ
กำไรยิ่งใหญ่เช่นนี้เสิ่นหวั่งไม่อาจปฏิเสธ หลังประมูลกันในราคาสูงแล้ว เสิ่นหวั่งก็เริ่มรับค้าขายปืนใหญ่
ความจริงนั้นเสิ่นหวั่งขายปืนใหญ่นั้นมีแหล่งที่มาไม่มากนัก และที่พึ่งพาได้เพียงแห่งเดียวก็คือเทียนจิน ทางนั้นมีเรือรบเล็กขาย เรือที่มีปืนใหญ่ 10 กว่ากระบอก ล้วนถอดออกมาขายได้ ตามราคาประเทศวัวยอมจ่ายแล้ว ปืนใหญ่พวกนี้ถึงกับทำกำไรจนได้ค่าต้นทุนซื้อเรือคืนมาเลยทีเดียว
สำหรับปืนใหญ่ที่เสิ่นหวั่งใช้ต่อสู้กับโจรนั้น เขาซื้อมาจากโรงช่างสามธาราด้วยทองคำ ซื้อตัวคนดำเนินการแล้วก็ซื้อปืนใหญ่ที่ถูกลงทะเบียนว่าผลิตผิดพลาดมาได้สี่กระบอก จากนั้นก็ใช้กำลังคน ทำแท่นรถปืนใหญ่ ตั้งเป็นกองกำลังได้กองหนึ่งแบบไม่เป็นแบบแผนนัก
แต่ทว่าแผนการร่ำรวยเสิ่นหวั่งถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว หวังทงมีคำสั่งควบคุมเรือปืนใหญ่ เสิ่นหวั่งไม่อาจมีเส้นทางให้ได้มาซึ่งปืนใหญ่อีกแล้ว ที่อื่นๆ เขาเองก็ไม่มีหาซื้อมาได้
ความจริงนั้น เสิ่นหวั่งซื้อเรือปืนใหญ่ที่เทียนจินก็อ้อมไปอ้อมมาหลายทอด เขาอยู่เทียนจินมีลูกน้องที่ยังไม่เป็นที่รู้กันเปิดเผย มีสถานะเป็นพ่อค้าทะเล เทียนจินหลายเรื่องไม่เปิดทางให้เสิ่นหวั่ง แต่ผ่านลูกน้องเป็นตัวแทนซื้อมา จึงได้มาอย่างง่ายดาย หากตอนนี้ผู้ใดก็ไม่อาจซื้อได้
**************
“คืนเงินมัดจำพวกเขาไปให้หมด เจ้าไปเอง ตอนไปจะต้องนอบน้อมมีมารยาท วันนี้ที่นี่ยังมีหลายเรื่องที่ต้องอาศัยพวกเขา เจ้าเข้าใจไหม?”
ในจวนเสิ่นหวั่ง เสิ่นหวั่งสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวกับลูกน้องคนสนิท ลูกน้องแต่งกายแบบชาวประเทศวัว รับฟังอย่างนอบน้อมยิ่ง ด้านนอกมีหีบไม้กองกันอยู่ ผู้คุ้มกันที่นำมากับชายแบกหามกำลังรออยู่
อากาศคิวชูอุ่นกว่าเมืองซงเจียงแผ่นดินหมิง ทุกคนสวมเสื้อชั้นเดียว มองดูหีบไม้พวกนั้น เสิ่นหวั่งสีหน้ายิ่งเคร่งเครียด เงินทองมาถึงมือยังต้องคายออกไป เขาจะไปดีใจได้อย่างไร
“ตอนนี้ไม่เหมือนวันวาน ไม่ใช่พวกเราตอนนั้น รังเกียจพวกเขาก็ย่อมทำให้ยุ่งยาก ต้องเก็บไว้ในใจ ตอนนี้พวกเขาเป็นนาย เจ้าเป็นบ่าว เข้าใจไหม?”
เสิ่นหวั่งยังคงกำชับ น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ลูกน้องรีบรับคำ
กำลังสั่งอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากในจวนด้านใน เหมือนฟังไม่ค่อยชัดนัก เสิ่นหวั่งมีที่พักในฮิราโดะกว้างใหญ่ ได้ยินเสียงนี้ได้ คิดว่าเสียงร้องไห้ดังไม่น้อย
แม้ว่าได้ยินไม่ชัด แต่ทุกคนล้วนฟังออกว่าเป็นเสียงร้องไห้เด็กน้อย เสิ่นหวั่งสีหน้าดำสนิท เสียงเย็นกล่าวว่า
“มีอะไรอีกล่ะนี่?”
ทุกคนในห้องพากันก้มหน้า เสิ่นหยาง บุตรชายเสิ่นหวั่งถูกตามใจจนเคยตัว คนในสายเครือข่ายเสิ่นหวั่งล้วนรู้ สองปีนี้เจ้าทะเลเลี้ยงดูสตรีหลายคนไว้ที่ฮิราโดะ คิดจะมีลูกชายอีกสักคน นางเล็กๆ ก็เลี้ยงดูไว้ทั้งในประเทศวัวและแผ่นดินหมิงไม่น้อย
แต่ก็ช่างโชคร้าย เดิมทีสตรีประเทศวัวให้กำเนิดบุตรชายมาคน แต่ร้อยวันก็ตาย จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย อาจเพราะเป็นเช่นนี้ ทายาทหาได้ยากเช่นนี้จึงราวกับแก้วในมือ แทบจะอมไว้ในปาก ตามใจเช่นนี้ คนของเสิ่นหวั่งแอบมองแล้วไม่เห็นด้วย แต่ล้วนรู้เสิ่นหวั่งต้องการมอบกิจการต่อให้บุตรชาย แต่ไร้สามารถราวเศษสวะเช่นนี้ จะมีความสามารถสืบทอดกิจการได้อย่างไร อย่าทำลายทิ้งก็นับว่าไม่เลวแล้ว
คนนอกกล่าวเช่นนี้ ในจวนเสิ่นหวั่งกลับไม่กล้ากล่าว พอเสิ่นหวั่งถามขึ้น ก็มีคนงานรีบวิ่งออกไป เสิ่นหวั่งยิ่งรำคาญใจ โบกมือขึ้นอย่างรำคาญมาก เป็นสัญญาณว่าให้ไปคืนเงินได้แล้ว
ไปนั่งนิ่งอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง เสิ่นหวั่งก็ลุกเดินเข้าไปในจวนด้านใน พอก้าวเข้าไปด้านในชั้นสอง ก็เห็นคนงานวิ่งมา มาถึงตรงหน้ารายงานนอบน้อมยิ่งว่า
“นายท่าน นายน้อยว่าอยากกลับเทียนจิน…”
วาจายังกล่าวไม่จบ ก็ถูกตบหน้าไปอย่างแรง คนงานได้แต่กุมหน้ารีบคุกเข่าโขกศีรษะ ไม่กล้ากล่าวอันใดอีก เสิ่นหวั่งสบถเสียงเย็นก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
เพิ่งจะก้าวเข้าไป ก็ได้ยินเด็กน้อยส่งเสียงแผดร้องไห้ดัง
“ข้าจะกลับเทียนจิน ที่นี่ไม่มีอะไรสักอย่าง ถนนหนทางก็สกปรก ชื้นๆ ทั้งวัน….”
สำหรับลูกคนรวยที่ถูกเอาใจจนเคยตัวแล้ว จากเมืองเทียนจินแสนรุ่งเรืองมายังเมืองท่าฮิราโดะที่แสนธรรมดา ความแตกต่างกันมาก ทำให้เขาไม่อาจปรับตัวได้ ตั้งแต่มาฮิราโดะ วันๆ ก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
เสิ่นหวั่งหน้าดำคล้ำเดินเข้ามา เห็นภรรยาตนสีหน้าลำบากใจปลอบใจบุตรชาย เห็นตนเข้ามา เจ้าเด็กอ้วนราวกับลูกบอล เสิ่นหยาง ก็ร้องไห้ยิ่งดัง เสิ่นหวั่งเดินไปด้านหน้า เหวี่ยงเด็กน้อยลงพื้น ตบไปสองที เขาเป็นคนจับดาบ มือย่อมหนักไม่น้อย พอตบไปสองที เจ้าเด็กอ้วนนั่นปากก็มีโลหิตซึม
“ลูกยังเล็ก ท่านตบเขาอย่างนี้ได้อย่างไรกัน”
เด็กน้อยล้วนนิ่งอึ้งไปแล้ว เพราะเสิ่นหวั่งแต่ไรไม่เคยตีเขา ภรรยาเสิ่นหวั่งกลับร้อนใจแทน พออึ้งไปแล้ว เด็กน้อยก็แผดเสียงร้องดังยิ่งกว่าเดิม
“ร้องไห้บ้าอะไรกัน เจ้าตัวบัดซบไม่เชิดชูตระกูล วันหน้าเจ้าอยู่ฮิราโดะนี่ไปดีๆ อย่าได้คิดกลับไปอีกแล้ว!”
เสิ่นหวั่งตวาดเสียงดังลั่น สองแม่ลูกไม่ค่อยได้เห็นเขาดุร้ายเช่นนี้มาก่อน ล้วนพากันตกใจนิ่งไป เด็กอ้วนเสิ่นหยางเดิมไม่ได้ร้องไห้จริง ยามนี้กลับตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงดัง
“เจ้าทะเล เจ้าทะเล มีเรื่องด่วนๆ!”
กำลังมีเรื่องในครอบครัว อยู่ ๆ ด้านนอกมีคนส่งเสียงตะโกนร้อนใจมา ในจวนด้านในเป็นพื้นที่ส่วนตัว คนงานสาวใช้มาตะโกนเช่นนี้ ไร้ธรรมเนียมตระกูลใหญ่ไม่ได้ คนที่มาตะโกนก็ย่อมเป็นชาวท้องทะเล และต้องมีเรื่องเร่งด่วนมาจึงได้กล้ามาตะโกนดัง
“ทำตัวดีๆ เรียนหนังสือฝึกยุทธให้ดี หากขี้เกียจ ข้าจะจับเจ้าแขวนบนเสาตากลม!!”
สั่งเฉียบขาดแล้ว เสิ่นหวั่งก็ก้าวออกไปทันที พอประตูปิด ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ด้านหลังแผดดัง เสิ่นหวั่งไม่สนใจ
“เจ้าทะเล ตระกูลโคบายากาว่าเคลื่อนกำลังแล้ว ปิดทางทุกทางแล้ว บอกว่ามีคนจากชิโกกุมา แต่ไม่รู้ว่าผู้ใด แต่อย่างน้อยมีซามูไรคุ้มกัน 400 เหมือนว่ามาจากเกาะฮอนชู”
“ซามูไรคุ้มกัน 400? คนเหล่านี้มาทำไมกัน? เรือเราและทางบกจัดการเตรียมพร้อม หรือว่าเป็นใต้เท้าใหญ่ท่านใด?”
ซามูไรคุ้มกัน 400 ซามูไรประเทศวัวล้วนสังกัดไดเมียว อาวุธและการฝึกล้วนยอดเยี่ยมที่สุด เป็นกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไดเมียว ด้วยกำลังไดเมียว สามารถนำซามูไรคุ้มกัน 400 มาทีเดียวได้จะต้องเป็นใต้เท้ายิ่งใหญ่แน่นอน
แต่ทว่าเสิ่นหวั่งกำลังสงสัยอยู่ ตระกูลโคบายากาว่ากำลังหลักล้วนอยู่ฮอนชู ที่ฮิราโดะไม่มีคนมากเพียงนี้ แม้ว่าซามูไรคุ้มกัน 400 ก็ไม่ได้ทำให้เสิ่นหวั่งกลัว เสิ่นหวั่งสามารถจับพวกเขากินได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องเปลืองกำลังอันใด คนเช่นนี้มาทำไมกัน
ความจริงนั้นไดเมียวกับชนชั้นสูงประเทศวัวล้วนเข้าใจเรื่องนี้ แต่ละตระกูลเก่าพยายามไม่มาฮิราโดะ พวกเขาเข้าใจ ที่ไม่ใหญ่เช่นที่นี่ไม่อาจมีคนสั่งการสองคนได้
“ส่งกำลัง 200 คนมาคุ้มกันที่นี่ ไปสั่งการพี่น้องเราที่ท่าเรือให้ระวังภัย ที่ฮิราโดะ ไม่อาจให้คนอื่นก่อเรื่องได้ ระวังไว้ก่อนเป็นดี”
เสิ่นหวั่งออกคำสั่งเสร็จ หัวหน้าที่มารายงานก็รีบออกไปทันที เสิ่นหวั่งเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า ด้านหลังฉากกำบังมีกล่องหนึ่ง คว้ามีดสั้นเล่มหนึ่งมาเสียบในรองเท้า จากนั้นก็คว้าปืนสั้นสองกระบอกมาบรรจุกระสุน และยังเตรียมจุดตะเกียงบนโต๊ะ ไว้เป็นที่จุดชนวนในเวลาเร่งด่วน
ปืนสั้นสองกระบอกนี้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โรงช่างสามธาราผลิตให้กับคนมีเงินพกกัน เสิ่นหวั่งเองก็ซื้อมาพกไว้ป้องกันตัว ปืนไฟโรงช่างสามธาราขายให้กับพวกนอกกำแพงเมืองกับคนออกทะเลทั่วไป ในมือเสิ่นหวั่งเองก็มีหลายร้อยกระบอกทั้งสั้นและยาว ปืนใหญ่ราคาค่อนข้างสูง ใช้เงินติดสินบนโรงช่างสามธารานำออกมาได้สี่กระบอกนั่นก็เสี่ยงภัยไม่น้อยแล้ว
เทียนจินมีสายสืบไม่น้อย โรงช่างสำคัญเช่นนี้ย่อมเข้มงวดมาก เสิ่นหวั่งนำปืนใหญ่มาได้ก็เรื่องแดงขึ้น คนโรงช่างถูกจำคุก ถูกจัดการถอนรากถอนโคนไปหมดข้อหาฉ้อฉล หากตอนนั้นซื้อมาได้มากกว่านี้หน่อย ตอนนี้ก็คงได้ผลประโยชน์ยิ่งมาก และอาศัยของพวกนี้ ซื้อหาน้ำใจจากชนชั้นสูงเพื่อการค้ากับประเทศวัวได้แล้ว มีผลประโยชน์กับตนเองวันหน้ายิ่งมาก
ตอนนี้คิดได้ดังนี้ก็สายไปเสียแล้ว เสิ่นหวั่งด่าในใจ ตอนนี้เขาจึงได้พบว่าตนเองไม่ว่าถูกบีบหรือยินยอมอยู่เทียนจินเอง ผลประโยชน์ล้วนได้เหมือนกัน ล้วนไม่ต่างกับตอนนี้ ซาต้าเฉิงไปสวามิภักดิ์ด้วยตนเองตอนนี้ไปกินพื้นที่ลูซอนแล้ว ตนเองหากออกตัวเองสักหน่อย ทะเลใต้นี่ใช่ว่าไม่มีที่สำหรับตน แต่สถานการณ์ตอนนี้ คิดถึงตรงนี้ เสิ่นหวั่งก็ยิ่งโกรธแค้นหวังทงมากขึ้น คิดไม่ถึง กิจการตนเพราะเทียนจินจึงได้ขยายอิทธิพลมาก มากจนทำให้คนประเทศวัวต้องตกตะลึง
จัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ พ่อบ้านชาวประเทศวัวจวนเสิ่นหวั่งก็มาพบ คนผู้นี้เป็นคนเก่งในพื้นที่นี้ การข่าวฉับไว เขาได้ยินเสียงด้านนอก ก็รีบมาบอกว่า
“นายท่าน คนที่มาครั้งนี้เพื่อมาตรวจสอบนายท่านครั้งก่อนต่อสู้กับโจรสลัด ตั้งแต่ใต้เท้าคัมปะกุประกาศว่า ‘ห้ามรบกันเอง’ แล้ว ก็จับตาดูเรื่องพวกนี้แน่นหนามาก”
เสิ่นหวั่งขมวดคิ้ว ยังไม่พูดอันใด ก็ได้ยินเสียงผู้คุ้มกันวิ่งมาอย่างเร่งด่วนกล่าวว่า
“เจ้าทะเล มีเทียบเชิญมา!”
[1] จังหวัดเก่าแก่ของญี่ปุ่นในพื้นที่ของจังหวัดซากะและนางาซากิ
[2] ตระกูลซามูไร