องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1064 เรื่องครอบครัว เรื่องงาน เรื่องประเทศชาติ
ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 เงียบสงบเป็นปกติ แต่ชนชั้นสูงเมืองหนานจิงกลับมีข่าวหนึ่งแพร่ออกมา เมืองซงเจียงเหลียวกั๋วกงสั่งการองครักษ์เสื้อแพรเมืองหนานจิงจับคน ให้จับหญิงมีอายุหลายคนที่เปิดเรือสำราญริมแม่น้ำฉินไหวเหอไปยังเมืองซงเจียง
สาเหตุนี้ทุกคนเข้าใจ เรือสำราญพวกนี้เป็นเรือของพวกบรรดาศักดิ์ ภรรยาน้อยเหลียวกั๋วกงคนหนึ่งก็มาจากเรือสำราญเช่นนี้
รับนางรำจากแม่น้ำฉินไหวเหอเป็นน้อย เป็นเรื่องไม่เรียกว่าฉาวโฉ่ในพื้นที่แดนใต้ แต่กลับเป็นคำลือที่ดีถึงความรักสำราญของชายหนุ่ม ตอนนั้นเรือสำราญลำงามของผู้มีบรรดาศักดิ์ถูกเผาไป คนก็มอบให้ไปด้วย ก็นับว่าเหมาะ และเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า เหลียวกั๋วกงเองก็นำเงินมา สองฝ่ายสายสัมพันธ์ไม่เลว เหตุใดอยู่ๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ได้?
เหลียวกั๋วกงอิทธิพลอำนาจล้นฟ้า ทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจ การเคลื่อนไหวนี้หรือว่าเจ้าของเรือสำราญนั่นแย่แล้ว ทุกคนล้วนคาดเดากันไป แต่ทว่าไม่นานก็พบว่าการจับตัวไปไม่ได้ต้องการเอาเรื่องเจ้าของเรือ
แล้วเพื่ออะไรกัน ข่าวแพร่มาช้ามาก ตอนนั้นทุกคนไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้แล้ว เป็นไจ๋ซิ่วเอ๋อร์คิดอยากรู้ว่าตอนนั้นให้นางกินยาอันใดไป
แม่น้ำฉินไหวเหอเพื่อให้สตรีสามารถทำกำไรให้เรือสำราญได้นาน มักจะให้นางดื่มยา ยานี้หลักๆ แล้วทำให้สตรีไม่อาจตั้งครรภ์ มีคนผลเสียกับร่างกายหรือไม่ก็ไม่แน่ใจนัก
ตำรับยาส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างกันนัก ทุกร้านมีความต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นปรุงยาใดให้ดื่ม ก็จำต้องรู้ตำรับยา
ต้นเดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 ซ่งฉานฉานตั้งครรภ์แล้ว หวังทงอายุน้อยแข็งแรง ทั้งวันทุ่มเท แน่นอนย่อมเห็นผล แต่ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กลับไม่มีข่าว คนอื่นไม่พูด ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์เองร้อนใจแล้ว
หมอดังแดนใต้ทั้งหมดถูกเชิญมาหมด ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ไม่เหมือนกับบรรดาภรรยาอื่นของหวังทง นางมาจากแดนใต้ ล้วนคุ้นเคยกับพวกหญิงในตระกูลอำนาจวาสนาแดนใต้ ก็ไม่แปลกตอนนั้นแม่น้ำฉินไหวเหอมีสตรีไม่น้อยที่แต่งเป็นน้อยให้ตระกูลใหญ่ ตอนนี้หวังทงเช่นนี้ แน่นอนมีคนอยากคบหากับสตรีในจวนใกล้ชิด สตรีเหล่านี้พบปัญหาไม่ต่างกัน จึงพากันออกความคิด
มีคนแนะนำหมอดีมาในทันที ปรุงยาเฉพาะให้ ตำรับยาทำลายสุขภาพตอนนั้นต้องรู้ก่อนว่ามีอันใดบ้างจึงจะได้
การจะรู้ได้ก็เป็นเรื่องง่ายมาก ก็ให้ไปถามคนในตอนนั้นให้หมด แต่ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์หลายปีนี้เริ่มทำให้โมโหมากแล้ว จึงลงมือไปจับตัวมาทันที เรื่องนี้หวังทงไม่คิดอันใดนัก ให้นางได้ระบายอารมณ์บ้างก็ดี จับก็จับ
ผลปรากฏเป็นเรื่องดี รู้ตำรับยา หมอก็พากันคิดเรื่องหน้าตาตระกูลใหญ่ ไม่อาจพูดกระจ่างนัก แต่หมอก็ยังมั่นใจ รับประกันว่า ยาตอนนั้นไม่แรงนัก ตอนนั้นสามารถบำรุงขจัดได้ ง่ายมาก
ได้ยินข่าวนี้ ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ซ่งฉานฉานความจริงนั้นเป็นภรรยาที่งานยุ่งที่สุดคนหนึ่ง ตอนนี้ดีกว่าตอนนั้น เพราะหานเสียกับจางหงอิงสามารถดูแลงานในจวนได้แล้ว นางจึงเพียงแค่ดูแลงานนอกจวนอย่างเดียว หานเสียพอตั้งครรภ์ ซ่งฉานฉานสีหน้ายิ้มแย้มสนับสนุนช่วยเหลือ ยังเคยคุยปลอบใจไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ไม่ต้องร้อนใจไป ครั้งนี้ตนตั้งครรภ์ ก็ตั้งใจมาก ไม่กล้าละเลยประมาทแม้แต่น้อย
เช่นเรื่องงานนอกตอนนี้ต้องมอบให้คนอื่นทำแทน คนรู้เรื่องจวนเหลียวกั๋วกงล้วนรู้ ซ่งฉานฉานดูแลงานนอกจวน เช่น เงินที่ส่งเข้ามา ต้องผ่านมือนาง ไม่เพียงเช่นนี้ เครือข่ายการข่าวหวังทงในเมืองหลวงก็เป็นซ่งฉานฉานดูแล ถึงกับยังมีจดหมายติดต่อกับภายนอกหลายแห่ง ก็เป็นซ่งฉานฉานจัดการ
เลือกเวลามาแล้วก็มานั่งปิดม่านกั้นอยู่ในห้องหนังสือ หวังทงก็อยู่ สื่อชีกับซาตงหนิงล้วนมากัน ให้ซ่งฉานฉานส่งมอบงานทีละอย่าง
สำหรับเรื่องจดหมายติดต่อ ยกให้ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ดูแลชั่วคราว ความรู้สตรีหวังทงนั้น ก็มีแต่ซ่งฉานฉานกับไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ที่ทำงานลับเช่นนี้ได้
ไม่พูดเรื่องนี้ ติดตามมาจากนอกด่านอย่างซุนเผิงจวี่ตอนนี้เป็นผู้คุ้มกันหวังทงก็น่าเบื่อมาก ตอนนั้นเดิมทีล้วนมีตำแหน่งรองนายกองพัน ผลปรากฏพอกลับไป ครั้งนี้กลับมา ก็ต้องมาแย่งกับคนหนุ่มใหม่ๆ มากมาย ต้องดูความสามารถ ต้องอย่าลืมว่าตอนนั้นซาตงหนิง สถานะไม่ได้สูงกว่าเขามากนัก
****************
เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าใกล้สองปีแล้ว เพราะมีเทียนจินเป็นต้นแบบ มีแดนใต้กับลุ่มน้ำแยงซีเกียงร่ำรวยรุ่งเรืองเป็นแรงสนับสนุน ก็เริ่มเป็นรูปร่างอย่างรวดเร็ว ตามความคิดหวังทง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 น่าจะไม่มีไรต้องทำแล้ว แต่ทว่าเขาคิดผิด
พอถึงเดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 เสฉวน หูกว่าง เจียงซี เจ้อเจียง ฮกเกี้ยนถึงกับยังมีกวางตุ้ง บรรดาพ่อค้าพากันมาเมืองซงเจียง ทยอยกันมาคารวะเหลียวกั๋วกง
ตอนนี้ ‘กลุ่มพ่อค้า’ คำนี้เริ่มมีบันทึกในหนังสือ แม้แต่คนเรียนหนังสือล้วนรู้ตอนนี้พ่อค้าแต่ละที่สมาพันธ์กัน แต่ละคนมีอิทธิพลอำนาจ กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงกับเทียนจินถูกคนอื่นนำไปเลียนแบบ เป็นกลุ่มที่ทำให้ทุกคนพัฒนาไปด้วยกัน ได้ส่งและเสริมกันและกน เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดมา ซานซีกับเขตปกครองเหนือ และเหลียวหนิงล้วนเรียนรู้ไว ที่อื่นๆ กำลังเลียนแบบ ปรับเปลี่ยนไปตามพื้นที่ตน
ทุกคนมีหน่วยกำลังมาก เสียงแน่นอนย่อมดัง คนที่เสนอขึ้นมาเป็นหัวหน้า หวังทงก็ต้องได้พบ นี่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองซงเจียง
หวังทงกับพ่อค้าเหล่านี้คุยงาน มีเรื่องหนึ่งที่ต้องเน้นย้ำ ก็คือเมืองซงเจียงต้องเสียภาษี ไม่อาจหลีกเลี่ยงคดโกง ที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย อย่างไรราชสำนักก็ยังอาศัยเงินทองก้อนนี้ หวังทงเองก็อาศัยก้อนนี้ หากไม่จ่าย ก็เท่ากับตัดชุดแต่งงานให้คนอื่นได้สวม พ่อค้าได้ประโยชน์ไปฝ่ายเดียว
พ่อค้าแผ่นดินหมิงหนีภาษีกันเก่งอันดับหนึ่ง ถึงกับมีบัณฑิตเขียนส่งเสริมว่าไม่ควรเก็บภาษีการค้า เป็นการกระทำของผู้ดี แต่กับหวังทงแล้วไม่ได้
ดีที่กลุ่มพ่อค้าจากที่ต่างๆ ล้วนเข้าใจ พ่อค้าอย่างไรก็ไล่ตามกำไร สามารถทำกำไรก้อนโตได้ ภาษีแค่นี้ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ ถึงกับคิดว่าจะจ่ายมากขึ้นด้วยตนเอง แน่นอน เรื่องนี้ก็เพื่อขอสัดส่วนเพิ่ม
ทุกคนเริ่มคุยกันเรื่องน้ำตาลก่อน เมืองซงเจียงเข้าร่วมตลาดน้ำตาลเป็นเรื่องใหญ่สำหรับลุ่มน้ำแยงซีเกียงและเมืองซงเจียงที่จะผ่านทางน้ำและทะเลไปยังที่ต่างๆ ผลประโยชน์มหาศาลไม่ว่า หากใช้เส้นทางน้ำขนส่ง การขนส่งทางคลองส่งน้ำก็ง่ายมาก การค้านี้ได้กำไรมาก แต่หากคุยกันไม่ดีอาจทำให้บางกลุ่มกำไรไม่ได้มาก บางกลุ่มอาจล้มละลายไปเลยก็ได้
ดังนั้นทุกคนจึงต้องการให้หวังทงออกหน้าจัดการ แต่ละแห่งให้แบ่งสรรสัดส่วน ไม่กล่าวเรื่องอื่น หากทำไม่ดี พื้นที่เหนือแม่น้ำแยงซีเกียงในเขตปกครองใต้ แดนใต้กับเจ้อเจียงในเขตปกครองใต้ เจียงซีกับหูกว่าง พื้นที่เหล่านี้แอบลักลอบกันก็ยุ่งยากใหญ่แล้ว ทุกคนจัดการแบ่งสรรพื้นที่ จึงจะรับประกันได้ว่าทุกคนล้วนกำไร
ในเมื่อมาขนน้ำตาล เช่นนั้นทุกคนย่อมล้วนนำสินค้ามาขายเมืองซงเจียงด้วย แต่ระหว่างทางก็ขายไปยังแดนใต้ด้วย และยังอาจจะใช้เส้นทางน้ำขนไปยังพื้นที่เหนือแม่น้ำและที่อื่นๆ อีก พอมาแล้วก็ใช่ว่าจะแค่น้ำตาล ยังต้องขนอย่างอื่นกลับไปด้วย
เรื่องพวกนี้ก็ต้องแบ่งสรร ทุกคนมีสินค้าใกล้กัน ในกลุ่มพ่อค้าหนึ่งก็ต้องจัดสรรปันส่วนกัน ไม่เช่นนั้น สินค้าตนเองก็อาจเกิดเหตุราคาขัดแย้งกันได้
มีการตั้งร้านน้ำตาลที่เมืองซงเจียงเฉพาะ แน่นอนเป็นร้านน้ำตาลสามธารา รับหน้าที่ค้าขายน้ำตาลเป็นหลักและแบ่งสรรให้แต่ละแห่ง อีกเรื่องร้านสามธารากับร้านค้าใหญ่แดนใต้ ซานซี หูกว่าง ก็มีสถานะเดียวกัน รับหน้าที่ตัดสินใจเรื่องราคาสินค้าไปมา เพื่อให้พอมีขอบเขต ไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวายเกินไปนัก
นอกจากนี้ ตั๋วเงินเครือข่ายสามธาราก็เริ่มใช้กันในขอบเขตภายในที่กำหนด พ่อค้าใหญ่ที่มากันเหล่านี้เดิมก็เป็นระดับแนวหน้าของระบบการค้าในท้องที่ ย่อมพอเข้าใจกันและกัน แน่นอนยอมรับได้เป็นเรื่องดี แต่ละเจ้าล้วนคิดจะให้ตนเองออกตั๋วได้บ้าง แต่ตนเองออกตั๋วไม่แน่ว่าร้านค้าสาขาตนเองจะยอมรับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข้างนอก สามธาราเป็นกิจการเครือใหญ่ ตั๋วเงินจึงเป็นที่เชื่อถือของทุกคน
ตั๋วเงินทุกคนล้วนคิดออกเอง แต่ตอนนี้ใช้ได้อย่างวางใจที่สุดก็คือของสามธารา อย่างไรก็ต้องใช้ของสามธารา แต่เครือข่ายสามธาราออกตั๋วพวกนี้ เดิมก็เพื่อใช้กันเอง อย่างน้อยก็กล่าวกับคนนอกเช่นนี้ ดังนั้นกลุ่มพ่อค้าแต่ละแห่งจึงขอให้หวังทงอำนวยความสะดวกเรื่องนี้
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เครือข่ายสามธาราต้องการอยู่แล้ว ก็แค่รับปาก และยังให้แต่ละแห่งตั้งสาขา ลงมือกันยกใหญ่ แต่ข้อเรียกร้องของกลุ่มพ่อค้าแต่ละแห่ง เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ได้ยุ่งยาก อย่างน้อยก็ง่ายมาก
แต่ทว่าเหรียญทองกับเหรียญเงินนั้น ทุกคนยังต้องรอบคอบให้มาก นี่เป็นเรื่องทำง่ายยิ่งกว่าตั๋วเงิน มีเตาหลอมผู้ใดล้วนทำได้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เรื่องนี้หากคุมสมดุลไม่ได้ย่อมเกิดเรื่อง มีพ่อค้าเพียงสามเจ้าที่กล่าวหารือเรื่องนี้กับหวังทง ว่าอยากขอรับหน้าที่นี้
‘พวกมากอำนาจวาสนาแดนใต้ยามนี้มารวมกันที่เมืองซงเจียง’ วาจานี้ไม่รู้ผู้ใดกล่าวออกมา แต่กล่าวได้จริงแท้ พวกที่สามารถมีการค้าใหญ่ในแผ่นดินหมิง และกล้าออกนอกพื้นที่ก็ล้วนมาทำการค้าที่เมืองซงเจียง ผู้ใดจะมาตัวเปล่ากัน เบื้องหลังคนเหล่านี้ก็ย่อมมีคนหนุนหลัง
จากข่าวที่หวังทงได้มา อ๋องครองพื้นที่ต่างๆ ระดับจวิ้นอ๋องก็มีกิจการมาไม่น้อย สายสัมพันธ์หลายคนยังเกี่ยวพันถึงเสนาบดีต่างๆ ในเมืองหลวง สำหรับผู้บัญชาการแต่ละแห่งส่วนใหญ่ล้วนมีกิจการ แดนใต้ไม่ต้องพูดถึง พ่อค้าหลายคนหาสืบลงไป ยังมีตำแหน่งขุนนางหลายคน
พวกมีเงินและสถานะหลายคนมาอยู่เมืองซงเจียง ก็ย่อมคึกคักไม่ธรรมดา สายสัมพันธ์ระหว่างกันก็ย่อมเชื่อมต่อให้ดี อีกเรื่อง แดนใต้เรื่องสำราญมีมาก มาครั้งหนึ่งก็ย่อมหาความสำราญก่อนกลับ
ชนชั้นสูงเมืองหนานจิงในเมืองเองล้วนวางสถานะตนลง เรื่องดีเช่นนี้ต้องมาร่วมวงคึกคักจึงจะดี รู้จักคนให้มากอีกหน่อยก็มีเส้นทางทำมาหากินเพิ่มอีกเส้นทาง นับประสาอันใดกับเบื้องหลังคนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกขุนนางใหญ่ จะว่าไปแล้ว แม้ไม่คิดทำการค้า ไปเมืองซงเจียงชมความคึกคักก็ดี ปีใหม่นี้หลายคนยังฉลองไม่หนำใจ!
บนแม่น้ำฉินไหวเหอ ในเมืองหยางโจว ที่หาความสำราญไม่อาจปล่อยตนล้าสมัย พากันมายังเมืองซงเจียง ร้านอาหารร้านสุรา การค้าต่างๆ ล้วนพากันมายังเมืองซงเจียง พากันร่วมผสมโรงคึกคัก
ความสำราญอย่างไรก็เป็นเรื่องรอง งานหลักทุกคนก็ต้องทำ ร้านน้ำตาล ธนาคาร และแต่ละการค้าก็ย่อมตั้งสาขากันที่เมืองซงเจียง ล้วนพยายามจัดตั้งให้เร็วที่สุดได้เป็นดี
หลายแห่งไม่ใช่ร้านค้าจิปาถะที่ทุกวันจะมีคนมา และก็มีพ่อค้าตนเข้าออก เป็นที่สำคัญ เรื่องอื่นไม่ว่า เอกสารกระดาษและเงินทองจำนวนมากต้องเก็บที่นี่ ดังนั้นต้องดูภูมิฐานและปลอดภัย
เลือกไปเลือกมา หลายแห่งในเมืองซงเจียง อย่างไรก็รอบจวนเหลียวกั๋วกงเหมาะที่สุด มีทหารเหลียวกั๋วกงอารักขา ยังใกล้เมืองท่าที่มีทหารน้ำสามารถมาช่วยได้ตลอด ธนาคารสามธาราจึงตั้งอยู่ตรงแถวจวนเหลียวกั๋วกง ให้เป็นศูนย์กลางก็เหมาะที่สุด สะดวกที่สุด
ในเมื่อกำหนดแล้ว ก็ย่อมเริ่มสร้างบนถนนสายนี้ ทุกคนล้วนเข้าใจแล้วว่านี่เป็นวันหน้าของเมืองซงเจียง ถึงกับเป็นศูนย์กลางการค้าในวันหน้าเลยทีเดียว ใกล้กับที่นี่เท่าไร พื้นที่นั่นก็ยิ่งดี ย่อมเป็นว่าแต่ละร้านค้า คนเหนือใต้ต่างพากันมาซื้อหาพื้นที่และลงมือก่อสร้าง
หวังทงตั้งกฎไว้นานแล้วว่า ห้ามก่อสร้างเละเทะให้ยุ่งยาก แต่ทว่าการก่อสร้างรอบบริเวณจวนเหลียวกั๋วกง จะรอบคอบอย่างไร ก็ย่อมมีเสียงดังอึกทึกและฝุ่นฟุ้งกระจาย เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ สตรีและลูกเล็กในจวน ยังมีที่ตั้งครรภ์ จะทนสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ดีที่เมืองซงเจียงมีบ้านพักตากอากาศไม่น้อย หวังทงจึงย้ายออกไป เพื่อให้ครอบครัวได้สงบสุข
****************
เดือนสาม ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 หลี่ฮั่วหลงผู้ตรวจการใหญ่เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจว สามมณฑลยื่นฎีกาโอรสสวรรค์ ขอให้ส่งกองกำลังหลวงส่านซีไปปราบจลาจลที่เสฉวนจรดกุ้ยโจว
ตระกูลหยางเมืองปัวโจวในสมัยถังก็มาปกครองที่นี่แล้ว เพราะที่นี่เป็นพื้นที่ซับซ้อน หลายชนเผ่ามารวมตัวกัน ปกครองแล้วก็ไม่ได้ผลประโยชน์ใด ดังนั้นราชสำนักแต่ละสมัยมาล้วนรับการสวามิภักดิ์จากตระกูลหยาง แต่งตั้งตระกูลหยางเป็นขุนนางที่เรียกว่า เซวียนเว่ยสื่อ ให้พวกเขาปกครองชนเผ่าที่นี่ไปเอง ไม่เก็บภาษี
นั่งปกครองที่ใดนานไป รู้หน้าที่ก็ดี แต่หากมีใจคิดคด นั่งปกครองนานไปนั่นเองทำให้คิดก่อการกบฏขึ้นมาได้
ตระกูลหยางอยู่ในสบพื้นที่สามมณฑล เข้าใจสถานการณ์เสฉวน หูกว่างและกุ้ยโจวอย่างมาก ทางการท้องที่และทหารทางการล้วนอ่อนแอไร้กำลัง ชาวฮั่นมีกำลังก็แยกกันอยู่ ไม่อาจรวมตัวกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาวฮั่นมีกำลังทั้งวันเอาแต่หาเรื่องตระกูลหยาง
ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 ตระกูลหยางก็เริ่มก่อการ ที่เรียกว่าก่อการ ก็คือสังหารปล้นชิง และยังมีหัวหน้าเผ่าต่างๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ร่วมวงปล้นวางเพลิงด้วย ชาวฮั่นที่มีอำนาจก็เริ่มจับปลาในน้ำขุ่นด้วย เรื่องก็เริ่มบานปลายใหญ่ขึ้น
แต่เมืองปัวโจวไม่เหมือนที่อื่น รอบๆ มีขุนนางท้องที่ปกครอง พูดให้ถูกก็คือหัวหน้าเผ่าเล็กเผ่าใหญ่ต่างๆ พวกเขาสังหารกันเอง ทางการขี้เกียจสนใจ ตระกูลหยางเมืองปัวโจวมีที่ปรึกษาหลายคนล้วนเรียกได้ว่ามีความคิดแยบยล ตระกูลหยางขยายพื้นที่ไป ก็ส่งคนไปขอสำนึกผิดกับทางการไปอีกทาง บอกว่าตนเองยอมออกเงินออกแรงเพื่อสำนึกผิดนี้
เริ่มแรกราชสำนักคิดว่าเขามีใจสำนักผิด ขุนนางท้องที่ก็จะให้อภัยยอมรับ และเตรียมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป แต่หลายครั้งเป็นเช่นนี้ ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ก็เริ่มเข้าใจตระกูลหยางนี่คิดทำอะไรกันแน่
หรือว่าปราบ หรือว่าให้ผลประโยชน์ตระกูลหยางยิ่งมาก เสฉวนยังตัดสินใจไม่ได้ ก็แอบยอมรับกันไปว่าให้เขายึดครองขยายพื้นที่ไป แต่พอปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 18 สถานการณ์ยังคงไม่หยุด แต่ละแห่งล้วนเริ่มร้อนใจแล้ว…