องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1069 ตะวันออกแผ่นดินหมิง สามเกาะญี่ปุ่น
ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 ณ หอปราการปราสาทโอดาวาระ เดือนสิบ ปีรัชสมัยจักรพรรดิญี่ปุ่นโกะโยเซอิ เทนโน [1] ที่ 19
ที่นี่เป็นที่พักของคัมปะกุโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่น เป็นพื้นที่ไดเมียวกับซามูไรและขุนนางทั้งหลายอยู่กัน คนที่มาจากตะวันตกหรือทางเหนือมาเห็นปราสาทอลังการงดงามนี้แล้วถึงกับมีคุกเข่าแต่ไกล
บารมีนี้ไม่ใช่เป็นเพราะความใหญ่โตอลังการของปราสาท แต่เป็นเพราะเจ้าของผู้ครองปราสาทนี้ เป็นชายร่างเล็ก ศัตรูเขามักยิ้มเยาะที่เขามีชาติกำเนิดจากชาวนา หน้าตายังเหมือนลิง ยิ้มเยาะเขาที่เคยเป็นคนเลี้ยงม้าและทำงานรับใช้ของไดเมียวโอดะ โนบูนางะ แต่ทว่าเขายังเป็นหัวหน้าหน่วยทหารที่ใหญ่ที่สุดของโอดะ โนบูนางะ สังหารอาเกจิ มิตสึฮิเดะ[2] ล้มอำนาจชิบาตะ คัสสึอิเอะอีกกลุ่มอำนาจของโนบูนางะ บีบโฮโจ อูจิมาซะ[3]ปลิดชีพตนเอง ทำให้ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึขอสงบศึก
ญี่ปุ่นทำสงครามกันมาสองร้อยปี คนที่รวมญี่ปุ่นคนแรกได้จริงๆ ก็คือโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ คนแรกที่บัญชาการรบทัพใหญ่แสนกว่าก็คือโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เขาเป็นคนมีชื่อสมดังคำล่ำลือ
สามารถเป็นซามูไรเมืองโอซาก้าได้ เป็นเรื่องที่มีเกียรติอย่างที่สุด เดินในเมือง สีหน้าย่อมภาคภูมิใจและดีใจอย่างปิดไม่มิด
แต่ทว่าตั้งแต่ต้นสมัยเทนโช [4] ที่ 19 สีหน้าซามูไรระดับกลางในเมืองโอซาก้าล้วนเงียบขรึม ความบันเทิงหลายอย่างล้วนหยุดลง คนชั้นสูงต้องไปหาความสำราญในเมืองอื่นใกล้ๆ แทน แม้แต่ไดเมียวแต่ละแห่งก็มายังเมืองโอซาก้าก็ต้องได้รับการบอกกล่าวก่อนว่า พยายามอย่ามีสีหน้ายิ้มแย้มมากนัก พยายามใส่เสื้อผ้าสีไม่สดนัก
โทโยโตมิ สึรุมะสึบุตรชายรองของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิป่วยจากไป โทโยโตมิ ฮิเดโยชิตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งบนแผ่นดินญี่ปุ่น ไม่มีลูกหลานสืบทอด บุตรชายคนโตฮาชิบะ[5] ฮิเดคัตสึก็ตายไปนานแล้ว บุตรชายรองโทโยโตมิ สึรุมะสึก็มีอายุไม่เกินสามขวบ ทำให้โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเสียใจสิ้นหวังมาก
บรรดาวัดและศาลเจ้าต่างพากันแอบนินทาว่า ‘ฟ้าอิจฉา’ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิจากชาวนาต่ำต้อยมาถึงตำแหน่งสถานะตอนนี้ ช่างโชคดีเกินไป
ตอนนี้ความโชคร้ายเหมือนยังคงต่อเนื่อง ยึดครองภูมิภาคคันโต ล้มโฮไจได้ น้องชายแท้ๆ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ โทโยโตมิ ฮิเดนากะก็ล้มป่วยไม่หาย เพื่อรักษาเขา โทโยโตมิ ฮิเดโยชิให้ฮิเดนากะมายังเมืองโอซาก้าพัก เชิญหมอมีชื่อมารักษามากมาย แต่ก็ไม่มีวิธีรักษา อาการป่วยโทโยโตมิ ฮิเดนากะยังคงเลวร้ายทรุดลงทุกวัน
หมอมีชื่อจากหลายเมืองมารักษา โทโยโตมิ ฮิเดนากะเหลือเวลาอีกไม่มาก ขอให้เตรียมงานได้แล้ว ข่าวนี้ทำให้บรรยากาศปราสาทโอดาวาระที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งหนักขึ้น
เช้าวันนี้ โทโยโตมิ ฮิเดนากะที่นอนไม่ได้สติ ยากจะมีตื่นขึ้นมากระปรี้กระเปร่าได้ ยังมีสาวใช้คอยปรนนิบัติให้ดื่มโจ๊ก ข่าวนี้ไม่ทำให้คนดีใจ ความรู้ที่พอมีอยู่ของทุกคนล้วนรู้ว่านี้เป็นแรงกำลังฮึดก่อนจะจากไป
ดื่มโจ๊กแล้ว โทโยโตมิ ฮิเดนากะก็ส่งไปเชิญโทโยโตมิ ฮิเดโยชิมา…
“พี่ท่าน ข้ามีวาจาอยากกล่าวกับพี่ ให้คนอื่นๆ ถอยออกไปก่อน!”
ใบหน้าฮิเดนากะผอมจนผิดรูป ซีดขาวไร้สีเลือด ฮิเดโยชิมองเขาอย่างห่วงใย ยกมือขึ้นโบก การเคลื่อนไหวฮิเดโยชิ ทำให้คนในห้องพากันคำนับ จากนั้นก็ถอยออกไปเบาๆ ฮิเดนากะสูดลมหายใจเข้า กล่าวอย่างอ่อนแรงว่า
“พี่ท่าน ทุกคนออกไปแล้วกระมัง อย่างไรก็ต้องระวัง”
โทโยโตมิ ฮิเดโยชิยกมือไปตบมือฮิเดนากะ ล้วนได้ยินแต่เสียงกระดูก ออกคำสั่งดัง ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวรอบๆ ห้อง ซามูไรกับนินจาในความมืดถอยออกไปแล้ว
“ตอนเด็กพี่เคยบอกเจ้าว่า มีเสื้อขนเป็ดคลุมตัวนอกสักตัวก็พอใจแล้ว เจ้าตอนนี้ทุกวันแต่งตัวอะไรกัน ล้วนว่าผ้าแพรไหมแผ่นดินหมิงดีที่สุด ยังปักเลื่อมทองบนผ้า เจ้าไม่รู้หรือไม่ พ่อค้าที่นี่กับบรรดาไดเมียวล้วนยิ้มเยาะเจ้า ว่าเราเป็นชาวนาไม่เคยเห็นโลกกว้าง”
โทโยโตมิ ฮิเดนากะยิ้มกล่าว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิสองตาจ้องมอง ตามมาด้วยยิ้มตาม กล่าวไม่พอใจว่า
“ข้าอยากแต่งอย่างไรก็แต่ง ไม่ต้องให้พวกเขามาพูดมาก ไม่ว่าพวกเขาแต่งกายเช่นไร รู้จักเสพสุขเช่นไร แต่ต้องหน้าข้าก็ยังต้องคุกเข่า”
“พี่ท่านวันหน้าย่อมยิ่งใหญ่ยิ่ง เพียงแต่ข้าคงไม่อาจเป็นเพื่อนพี่ท่านเดินทางต่อไปแล้ว…”
โทโยโตมิ ฮิเดโยชิขยับไปด้านหน้า กุมมือฮิเดนากะไว้ ฝืนยิ้มกล่าวว่า
“อย่ากล่าววาจาไม่เป็นมงคลเช่นนี้ เจ้าเป็นคนรู้ใจที่สุดของพี่ เจ้าเป็นอำมาตย์ของพี่ เราต้องเดินต่อไปด้วยกัน เจ้ายังต้องไปเป็นคัมปะกุเกาหลี…”
หลังโอดะ โนบูนางะจากไป โทโยโตมิ ฮิเดโยชิก็นิ่งเงียบมายิ่งขึ้น ปกติไดเมียวมาพบเขา เขาถึงกับไม่กล่าวมากความ แต่ต่อหน้าโทโยโตมิ ฮิเดนากะในยามนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิกลับพรั่งพรูไม่หยุด
ฮิเดนากะใบหน้าซีดขาวอย่างมาก แต่กลับพอมีสีเลือด ถูกโทโยโตมิ ฮิเดโยชิกุมมือไว้โยกไปมา โทโยโตมิ ฮิเดโยชิรีบหยุดพูด ฮิเดนากะเสียงดังขึ้นอีกว่า
“พี่ท่าน ใต้หล้ายึดมาได้หลายปีแล้ว ชาวนาเราไม่ได้พักผ่อน พวกซามูไรก็เหนื่อยล้าอย่างมาก ตอนนี้พี่ท่านก็ทำให้ใต้หล้าสงบได้แล้ว ก็ควรรักษาเอาไว้ ให้ใต้หล้าได้พักกันบ้าง ให้กลับคืนฟื้นฟู เกาหลีทางนั้นไม่มีอันใดสักอย่าง ไม่ควรค่าแก่พี่ท่านสนใจ พ่อค้าทะเลแผ่นดินหมิงพวกนั้นก็ไว้ใจไม่ได้!”
กล่าวถึงตรงนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิก็เศร้าหยุดพูด โน้มตัวไปด้านหน้า กล่าวว่า
“โคอิจิโร่ ซามูไรกับทหารสร้างความชอบกันมาก ไม่มีที่ทางที่จะมอบให้อีกแล้ว มีแต่ต้องไปยึดเกาหลี ยึดแผ่นดินหมิง เช่นนี้จึงจะทำให้พวกเขายังคงจงรักภักดี ไม่เช่นนั้น ใต้หล้าแผ่นดินเรานี้คงเอาไม่อยู่อีกแล้ว โจรทางตะวันตกตอนนี้ก็คิดไม่ภักดีเรา พวกเขาไม่ได้สูญกำลัง ข้าคิดจะส่งพวกเขาไปเกาหลีให้หมด ให้พวกเขาไปหาทางรอดเอาเอง”
ฮิเดนากะถอนหายใจยาว มองตาลุกเป็นไฟของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ น้ำเสียงอ่อนแรงกล่าวว่า
“พี่ท่านไม่พอใจเกาะสามเกาะเราหรือ ยังต้องไปหาแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ให้ได้หรือ พี่ท่าน ตระกูลโมริทางไซโกกุนั้นไม่ใช่ภัยหายนะแล้ว ส่งตระกูลโยชิกาว่ากับโคบายากาว่าสองตระกูลนี้แต่งตั้งออกไปที่อื่นก็น่าจะพอทำให้เกิดความสงบสุขได้แล้ว พี่ท่าน….”
พูดถึงตรงนี้ โทโยโตมิ ฮิเดนากะกลับหยุด ชะเง้อมองไปรอบๆ ทิศอย่างระแวดระวัง กดเสียงให้เบากล่าวว่า
“พี่ท่าน รอบๆ ไม่มีคนแอบฟังใช่ไหม?”
โทโยโตมิ ฮิเดโยชิขมวดคิ้วส่งเสียงตะโกน ได้ยินเสียงตอบจากที่ไกลเป็นเสียงเท้า วิ่งมาหน้าประตู โทโยโตมิ ฮิเดโยชิสั่งการไปอีก คนผู้นั้นถอยออกไป รอบๆ เงียบไร้สำเนียง มีแต่เสียงหอบหายใจของโทโยโตมิ ฮิเดนากะ เขาจ้องมองโทโยโตมิ ฮิเดโยชิกล่าวว่า
“พี่ท่าน ภัยแท้จริงมิใช่โมริทางไซโกกุ ที่ต้องใช้กำลังทหารก็มิใช่เกาหลี หากเป็นภูมิภาคคันโต ภูมิภาคคันโตมีแปดเมืองในครอบครอง อิทธิพลอำนาจมีมาก จึงเป็นภัยคุกคามพี่ท่านที่แท้จริง!!”
กล่าวถึงสุดท้าย ด้วยกำลังที่เหลืออยู่ของฮิเดนากะ วาจานี้เห็นชัดว่าตะโกน แต่ร่างกายโน้มต่ำลงของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิไปฟัง กระซิบเบาๆ อย่างไม่ทันรู้ตัวว่า
“ตระกูลโทกูงาวะ[6] ตอนนี้ข้ายังแตะต้องไม่ได้ หากมีเรื่องกัน ก็ต้องสูญเสียกำลังมาก แผ่นดินนี้ก็จะสะเทือนไปด้วยทั้งแผ่นดิน ถึงตอนนั้นตระกูลโมริ ตระกลูชิมัสสึตระกูลโชโซกาเบะเหล่านี้ย่อมก่อการตามมาด้วย…”
“ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึยากจะทนรับได้จริงๆ ตั้งแต่สมัยหลังโนบูงาวะมาถึงตอนนี้ ตระกูลโทกูงาวะขยายอิทธิพล พี่ท่านหากคิดจะให้แผ่นดินนี้สงบ ก็ต้องกำจัดทิ้งก่อน”
มองเห็นความร้อนใจของโทโยโตมิ ฮิเดนากะ ฮิเดโยชิสีหน้าเผยรอยยิ้มบาง ตบมือที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกของฮิเดนากะกล่าวว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วง ซามูไรตะวันออกย่อมไปเกาหลี พวกเขาล้วนต้องไปด้วย”
ได้ยินฮิเดโยชิกล่าวเช่นนี้ สีหน้าฮิเดนากะผ่อนคลายลงทันที สีหน้าที่เริ่มมีสีเลือดนั้นก็เริ่มจางหายไป ดวงตาเป็นประกายเมื่อครู่ก็เริ่มไร้แสง โทโยโตมิ ฮิเดโยชิกุมมือฮิเดนากะ หลั่งน้ำตาอย่างไม่อาจควบคุมไว้ได้ ฮิเดนากะหอบหายใจแรงและเริ่มแผ่วเบาลง
“…มาเอดะเป็นคนภักดี…นากาโอะเป็นคนสา…”
พูดไปๆ ก็เริ่มไม่ได้ยินเสียง โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเขยิบเข้าใกล้ฟัง ได้ยินแต่โทโยโตมิ ฮิเดนากะพึมพำกล่าวว่า
“…ข้าวกับหัวไชเท้าอร่อยจริง วันหน้าจะได้กินอิ่มทุกวันไหม…”
โทโยโตมิ ฮิเดโยชิไม่อาจคุมน้ำตาที่พรั่งพรูของตนได้อีก วาจานี้เป็นเขากับโทโยโตมิ ฮิเดนากะวัยเด็กที่ผ่านมาด้วยกัน สำหรับพวกเขาแล้ว ตอนนั้นได้กินข้าวกับหัวไชเท้าก็เรียกว่าฟุ้งเฟ้อมากแล้ว
……
ซามูไรปราสาทโอดาวาระอยู่ๆ ได้ยินคัมปะกุตะโกนเสียงแหบพร่า แต่ละคนร้อนใจ รีบวิ่งมากัน ได้ยินโทโยโตมิ ฮิเดโยชิตวาดดังให้พวกเขาถอยออกไป ในใจพวกเขาล้วนระทึก หากเรื่องนี้ทำโยะโดะ โดะโนะ[7] ตกใจ หาคนรับผิดชอบมา ดีไม่ดีคงมีคนต้องคว้านท้องแล้ว
ทุกคนวิ่งกันมาที่นี่ ซามูไรคนหนึ่งแง้มประตูเบาๆ ความจริงนั้นตอนพวกเขาวิ่งมาที่นี่แล้วก็รู้สึกวางใจ เพราะพวกเขา ได้ยินเสียงร้องไห้ของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิที่เศร้าเสียใจอย่างมาก
***************
เดือนสิบปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 19 น้องชายโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ โทโยโตมิ ฮิเดนากะป่วยตายที่เมืองโอซาก้า โทโยโตมิ ฮิเดนากะเป็นที่ปรึกษาทางการทหารอันดับหนึ่งของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ เทียบกับโทโยโตมิ ฮิเดโยชิที่ใจร้อนมุทะลุแล้ว โทโยโตมิ ฮิเดนากะใจกว้างสามารถดึงสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลโทโยโตมิกับไดเมียวต่างๆ ได้
มีคนกล่าวว่า ‘เรื่องในตระกูลเป็นริคิว เรื่องงานหลวงเป็นฮิเดนากะ’ แต่ริคิวต้นปีคว้านท้องปลิดชีพตนเองไปแล้ว ฮิเดนากะมาป่วยตาย พ่อบ้านนอกและในตระกูลโทโยโตมิล้วนตายจากไปหมดแล้ว
ไดเมียวที่มีสถานะพอ ไม่ก็ส่งเครือญาติมายังโอซาก้า ไม่ก็ส่งคนสนิทมีสถานะเพียงพอมา เพื่อปลอบใจใต้เท้าคัมปะกุใต้เท้า
ต้นปีเพิ่งจะย้ายมาภูมิภาคคันโต คุมภูมิภาคคันโตแปดเมืองใหญ่อย่างตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึ อ้างเหตุป่วยไม่อาจมาได้ แต่ก็ส่งบุตรชายกับญาติผู้ใหญ่มา ข่าวการจากไปของโทโยโตมิ ฮิเดนากะแพร่ไปทั่วภูมิภาคคันโต พ่อครัวตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึใช้มะเขือเป็นจำนวนมาก
คนคุ้นเคยกับตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึล้วนรู้ ไดเมียวผู้นี้ชอบกินมะเขือที่สุด พ่อครัวยิ้มกล่าวว่าใต้เท้าโทกูงาวะคงอารมณ์ดีไม่น้อย จากนั้นคืนนั้นพ่อครัวก็หายตัวไปไร้ร่องรอย คนในครัวถูกส่งไปค่ายทหารใกล้กัน มะเขือไม่ได้เป็นอาหารในตระกูลโทกูงาวะอีกนาน
เจ้าทะเลเสิ่นหวั่งแผ่นดินหมิงที่ฮิราโดะมีรุ่งเรืองที่เมืองโอซาก้าตอนนี้ ดำเนินการค้าอยู่ที่เมืองท่าฮิเซ็น เป็นเมืองท่าที่ยกให้เขามาดูแลผลประโยชน์ ให้สถานะซามูไรกับเขา
………………………………………………
[1] เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 107 ของญี่ปุ่นครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1586-1611.
[2] มิตสึฮิเดะเป็นผู้บัญชาการกองทัพของโอดะ โนบูนางะ แต่ในปี ค.ศ. 1579 มิตสึฮิเดะได้รับคำสั่งให้บุกปราสาทยางามิ มิตสึฮิเดะไม่ต้องการให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น จึงใช้วิธีเจรจาโดยส่งมารดาไปเป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับการให้ฮิเดฮารุยอมสวามิภักดิ์ต่อโนบูนางะ แต่โนบูนางะไม่เห็นด้วย ได้สังหารพรรคพวกและมารดาของมิตสึฮิเดะ ทำให้มิตสึฮิเดะลอบสังหารโนบูนางะที่วัดฮอนโนในปี ค.ศ. 1582 และตั้งตนเป็นใหญ่ แต่หลังจากนั้นเพียง 13 วันก็ถูกโทโยโตมิ ฮิเดโยชิสังหาร
[3] ไดเมียวปกครองเขตคันโตของญี่ปุ่นในยุคเซ็งโกะกุ
[4] ชื่อปี “เทนโช” เสนอโดยโนบูนางะให้กับราชสำนักของจักรพรรดิญี่ปุ่นสาเหตุที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนยุค เพราะต้องการให้แก้เคล็ด ซึ่งยุคเทนโชนี้ยาวนาน 20 ปี (ค.ศ. 1573 – 1593) ในยุคนี้มีจักรพรรดิ 2 สมัยได้แก่โอกิมะจิ เทนโน ครองราชย์ปี ค.ศ. 1557 – 1586 และโกะโยเซอิ เทนโน ครองราชย์ปี ค.ศ. 1586 – 1611
[5] นามสกุลเดิมของฮิเดโยชิ
[6] โอดะ โนบูนางะถูกลอบสังหาร ในเวลานั้นตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึพำนักอยู่ที่บริเวณใกล้กับเมืองโอซาก้าในปัจจุบัน พร้อมกับกำลังพลเพียงน้อยนิด เกรงว่าตนจะถูกลอบสังหารจึงได้เดินทางอย่างหลบซ่อนกลับไปยังปราสาทโอกาซากิ ต่ออิเอยะสึในฐานะที่เป็นข้ารับใช้คนสำคัญของโอดะ โนบูนางะ และมีกำลังพลมาก เป็นอุปสรรคขัดขวางการเถลิงอำนาจของฮิเดโยชิ เกิดการสู้รบกันในเวลาต่อมา แต่ไม่ปรากฏมีผู้แพ้ชนะ จึงเจรจาสงบศึก โดยที่ตระกูลโทกูงาวะยอมเป็นพันธมิตรกับฮิเดโยชิ ฮิเดโยชิได้ส่งน้องสาวมาเป็นภรรยาเอกของอิเอยะสึ แต่ทั้งโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทกูงาวะ อิเอยะสึต่างหวาดระแวงกันตลอดมามีเหตุการณ์อีกมากมายเกิดขึ้น ฮิเดโยชิได้มอบดินแดนทางแถบคันโตอันห่างไกลและกันดารที่เคยเป็นของตระกูลโฮโจให้ปกครองที่ปราบไปให้อิเอยะสึ เขาได้เลือกปราสาทเอโดะเป็นฐานที่มั่นใหม่ของตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึไม่ส่งกองทัพของตนเข้าร่วมการรุกรานเกากลีกับฮิเดโยชิในค.ศ. 1592 รักษากำลังทหารของตนเอง ไม่ให้เสียไปกับสงครามที่ไม่คุ้มค่า
[7] บุตรสาวโอดะ โนบูงาวะ ต่อมาเป็นภรรยาน้อยฮิเดโยชิ