องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1071 ทำใจให้นิ่ง ไม่ร้อนใจ
ซื่อจื่อหรือบุตรชายคนโตเว่ยกั๋วกงที่จะรับตำแหน่งต่อในวันหน้า นับว่าเป็นชนชั้นสูงระดับสูงสุดแผ่นดินหมิง เห็นอะไรมามาก รู้หนักเบา คิดว่าเมืองหลวงมีข่าวใดกันที่ทำให้ร้อนใจจนต้องส่งมายังงานเลี้ยงที่จวนถึงมือหวังทง และทำให้หวังทงอ่านแล้วสีหน้าเคร่งเครียดทันที
หวังทงสถานะใด ซื่อจื่อเข้าใจ หวังทงมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเมืองหลวงในตอนนี้ ซื่อจื่อยิ่งเข้าใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีม้าเร็วจากเมืองหลวงตรงมายังเมืองซงเจียงเร่งด่วน
ซื่อจื่ออยากรู้มาก แต่ก็รู้ว่าตนเองไม่ควรถาม แต่ก็ยากจะนั่งอยู่แล้วไม่แสดงสีหน้าออกมา
รายงานด่วน ความจริงนั้นไม่ใช่จดหมายมาจากเครือข่าหวังทง แต่เป็นจดหมายส่งมาจากในวัง หวังทงเข้าใจเรื่องนี้มาก
ญี่ปุ่นคิดอาศัยเกาหลีรุกรานแผ่นดินหมิง เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย จริงเท็จยากจะแยกแยะได้ ในบรรดาขุนนางชนชั้นสูง เรื่องนอกแผ่นดินนั้นไม่มีใครเข้าใจมากเกินหวังทง นำข่าวนี้มาบอกหวังทงเพื่อสอบถามความเห็น ก็นับว่าสมควร
แต่ทว่าแม้ว่ามีระบบที่พักม้าเร่งม้าเร็วด่วนได้ จากเมืองหลวงมายังเมืองซงเจียง ข่าวก็ต้องใช้เวลาสิบวันขึ้นไป นับระยะทาง น่าหนึ่งเดือนได้แล้ว
เห็นได้ว่า ราชสำนักให้ความสำคัญข่าวนี้ในระดับธรรมดา ญี่ปุ่นไม่ได้ต้องการโจมตีเกาหลี แต่จากนั้นจะโจมตีแผ่นดินหมิง อันนี้หวังทงรับรองได้ แต่ทว่ารายละเอียดนั้นต้องตรวจสอบต่อ
หวังทงอ่านจบเงยหน้าขึ้น ซื่อจื่อกำลังยื่นหน้ามองมา สบตากับหวังทง อดไม่ได้ต้องยิ้มกว้าง หวังทงพับจดหมายเก็บ ยิ้มกล่าวว่า
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด ในหนึ่งเดือนนี้ท่านก็คงได้รู้!”
ได้ยินเช่นนี้ ซื่อจื่อก็ไม่ถามอีก คงเป็นเรื่องไม่สำคัญจริง หากเมืองหลวงมีอันใด ญาติมิตรทั้งหลายก็มี ข่าวส่งมาถึงก่อนหน้า แต่ตอนนี้ไม่ได้ยินอันใด คิดแล้วคงเป็นเช่นนี้
**************
ส่งซื่อจื่อกลับไปแล้ว หวังทงก็ไม่ได้รีบร้อนเรียกคนมาหารือ เขาเองก็รอข่าว ตามหลักแล้ว คนของตนที่เมืองหลวง ก็น่าจะส่งข่าวมาเช่นกัน
การค้ากับการขนส่งตอนนี้ระหว่างแผ่นดินหมิงกับญี่ปุ่นล้วนถูกเสิ่นหวั่งครอบครองแล้ว ข่าวทางญี่ปุ่นก็ถูกปิดแน่นหนา คิดจะรู้อันใดก็ไม่ง่าย จูจวิ้นวั่งและเฉินเซินที่ฝูโจวรู้ไม่มาก คนที่เหลือที่รู้และคิดมาแจ้งเตือน รู้ก็ไม่ได้มากกว่าพวกเขา
หวังทงเองก็มีการจัดการ เขาให้พ่อค้าโปรตุเกสส่งคนไปสืบข่าว ต้นเดือนหนึ่งออกเรือไป จะกลับมาก็น่าจะเดือนสอง คนโปรตุเกสกับไดเมียวญี่ปุ่นตะวันตกเฉียงใต้หลายคนมีสายสัมพันธ์ดีมาก สามารถเข้าใจข่าวสารเชิงลึกได้
ระยะห่างเป็นเรื่องยุ่งยาก จากแผ่นดินหมิงไปถึงญี่ปุ่นไม่เรียกว่าไกล แต่ก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเล ใกล้ก็ไม่เรียกว่าใกล้ ข่าวห่างกันสองสามเดือนไม่อาจได้ประโยชน์นัก
ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีเรื่องนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว ต้องการเพียงรู้รายละเอียดแต่ละอย่าง
ไม่ต่างจากที่หวังทงคาดไว้นัก ข่าวต่างๆ จากเมืองหลวงล้วนมาถึงหลังส่งซื่อจื่อกลับไปในวันรุ่งขึ้นก็มาถึงเมืองซงเจียง อันนี้ละเอียดกว่ามาก แน่นอน ล้วนกล่าวถึงทางเมืองหลวง
จดหมายมีเนื้อหาดังนี้ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเขียนจดหมายไปยังพระราชาเกาหลี พระราชาเกาหลีส่งทูตไปยังเมืองหลวง เกาหลีอยู่ใต้อาณัติแผ่นดินหมิง พระราชาเกาหลีก็เป็นแค่ตำแหน่งจวิ้นอ๋องของหมิงเท่านั้น ในระบบแผ่นดินหมิงเรียกได้ว่าต่ำมาก จดหมายเช่นนี้ไม่มีค่าพอจะส่งเข้าวัง
ตามหลักต้องผ่านไปทางสำนักกรมพิธีการ จากนั้นค่อยเข้าวัง ขุนนางส่วนกลางแต่ไรปิดเรื่องพวกนี้ไม่มิด จดหมายนี้ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ราชสำนักไม่ได้คิดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ นำเข้าไปหารือในราชสำนักเปิดเผย ประเทศเล็กๆ ต้องถูกญี่ปุ่นข้ามน้ำข้ามทะเลมารุกราน แล้วค่อยต่อมายังแผ่นดินหมิง เรื่องนี้ฟังแล้วไม่น่าเป็นได้ ราวกับไม่มีอันใดน่าเชื่อถือ
แต่โจรสลัดวัวโค่วคำนี้ก็ทำให้แผ่นดินหมิงอ่อนไหวที่สุด โจรสลัดวัวโค่วจะรุกผ่านเกาหลีเข้าโจมตีแผ่นดินหมิง เรื่องนี้แม้เป็นเรื่องไม่น่าเป็นได้ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญ
แผ่นดินหมิงไม่เชื่อทั้งหมดในเรื่องนี้ ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจางตั้งกฎไว้ว่า ‘ไม่รุกราน’ เกาหลีก็นอบน้อมเคารพแผ่นดินหมิง ทุกปีเกาหลีส่งบรรณาการก็มีเส้นทางกำหนดชัด ตลอดเส้นทางล้วนเป็นฐานทัพใหญ่หรือไม่ค่ายทหาร เหตุใดเป็นเช่นนี้ ก็เพื่อป้องกันป้องกันไว้ก่อน
เกาหลีนำข่าวมา ยังเป็นข่าวไม่น่าเป็นได้ ผู้ใดก็ไม่อยากจะเชื่อ เสนาบดีสือซิงแห่งกรมทหารถึงกับเสนอความเห็นว่า ไม่เกาหลีสมคบโจรสลัดวัวโค่ว ต้องการชักนำทหารแผ่นดินหมิงไปสังหาร จากนั้นก็คงมีความชั่วร้ายอันใดต่อ
การคาดเดานี้เหลวไหลเพียงพอ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ก็เหมือนเป็นไปได้มากที่สุด แน่นอน คาดเดาส่วนคาดเดา ทุกคนก็เดินเส้นทางปลอดภัยไว้ก่อน จึงได้ส่งรายงานด่วนไปยังหวังทง
**************
“กั๋วกง ไดเมียวประเทศวัวไปรวมตัวกันที่ฮิราโดะ คิวชู ทัพใหญ่ข้ามไปยังเกาหลีแล้ว ข้าน้อยขากลับมาได้ยินมาว่า เมืองปูซานของเกาหลีตกในภาวะวิกฤต”
“ทัพใหญ่ประเทศวัวรุกรานเกาหลีมีคนเท่าไร ใครเป็นผู้นำทัพ?”
“ขอกั๋วกงอภัย ประเทศวัวทุกคนล้วนจับตาดูชาวฮั่นที่ไม่ใช่คนเสิ่นหวั่ง พ่อค้าทุกคนไม่ให้เข้าออก ข้าน้อยจึงรู้ว่ามีราวสองแสนเท่านั้น ล้วนเป็นทหารกล้าของบรรดาไดเมียว”
ปลายเดือนสอง สายที่ส่งไปก็กลับมา นำข่าวมาด้วย
หวังทงความจริงนั้นไม่ร้อนใจ ญี่ปุ่นโจมตีเข้าทางใต้ที่สุดของเกาหลี ยกพลขึ้นฝั่งโจมตี เกาหลีพื้นที่เล็กๆ แต่อย่างไรก็ใหญ่กว่าเหลียวตงหน่อย อย่างไรก็เป็นประเทศ ก็ควรกำลังต้านทานได้บ้างนี่
ทหารแผ่นดินหมิงไม่ได้อ่อนแอเหมือนก่อนแล้ว กองกำลังหลวงที่แข็งแกร่งเป็นกำลังหลัก หวังทงไม่ห่วงทัพใหญ่สองแสนของญี่ปุ่นเท่าไร บอกตามตรง โจรสลัดวัวโค่วสองแสนอาจออกปล้นชิงบนแผ่นดินเกาหลี แล้วอย่างไร ไม่ใช่อาณาเขตแผ่นดินหมิง ปล่อยพวกเขาไป
มีความคิดเช่นนี้ หวังทงจึงวางแผนรับมืออย่างไรเคร่งเครียดนัก แต่ทว่ากลางเดือนสาม เมืองหลวงในที่สุดก็ได้ข่าวที่แน่นอนมาแล้ว
อย่างไรก็เทียนจินเป็นเมืองท่า เรือหลายลำล้วนเป็นกิจการชนชั้นสูงและคหบดีเมืองหลวง พวกเขาย่อมได้ข่าวบนท้องทะเล รับรองข่าวว่าพระราชาเกาหลีได้รับจดหมายนี้แน่นอนแล้ว
ความจริงนั้นความแน่นอนของข่าวนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งรับรองแล้ว เพราะพระราชาซอนโจแห่งเกาหลีส่งสาส์นมายังเมืองหลวงขอความช่วยเหลือแล้ว
สาส์นของพระราชาซอนโจ กล่าวว่าจังหวัดซอลลาและจังหวัดคยองซังทางใต้ของเกาหลีตกในภาวะคับขัน เมืองหลวงโซอุล(กรุงโซล) กำลังวิกฤต ขอราชสำนักหมิงส่งกำลังทหารไปช่วยด่วน
ตามข่าวที่หวังทงได้รับ ราชสำนักขุนนางใหญ่ต่างยังคงรักษาท่าทีรอบคอบไว้ก่อน มหาอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยคณะเสนาบดีใหญ่ให้ขอตรวจสอบสถานะของราชทูตที่มาขอความช่วยเหลือก่อน ดูว่ามีผู้ใดรู้จักเคยต้อนรับราชทูตนี้บ้าง ช่างบังเอิญ บรรณาการเกาหลีหลายครั้งล้วนเป็นโอกาสอันดีในการค้า ชนชั้นสูงเกาหลีจึงอาศัยโอกาสนี้มาหากำไร คนที่มาแต่ละครั้งล้วนไม่ใช่คนเดียวกัน
ครั้งนี้คนที่ขอความช่วยเหลือกับราชทูตครั้งก่อน เป็นขุนนางเกาหลีจริง แต่สำหรับแผ่นดินหมิง พวกเขาล้วนแปลกหน้า จึงไม่อาจรับรองได้ ตามข่าวหวังทงรู้มา แม้ข่าวญี่ปุ่นโจมตีเกาหลีเป็นที่รับรองแล้ว แต่ขุนนางใหญ่ราชสำนักกับท่าทีในวังยังคงต้องการให้ตรวจสอบรับรอง ล้วนแสดงท่าทีรับมือไม่รีบร้อน ในท่าทีนี้ หวังทงเดาว่า อาจเพราะพวกเขาคิดเหมือนกับตน อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องตนเอง ไปสนใจทำไมกัน
นอกจากที่สอบถามมากันเปิดเผยเหล่านี้แล้ว หวังทงยังรู้ข่าวลับมาบ้าง เช่นว่ามีขุนนางในวังและขันทีคนสำคัญร่วมในการประชุมขุนนางเอ่ยถึงเรื่องนี้ว่า เกาหลีอยู่ใต้อาณัติแผ่นดินหมิง ตระกูลลีเกาหลีคงอยู่หรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด แต่เกาหลีนี้ไม่อาจปล่อยให้โจรสลัดวัวโค่วเข้ามาเคลื่อนไหวได้ จะต้องเสริมกำลัง
กล่าวมากมาย วาจาก็ยังคงเหมือนเดิม กลับยังคงมีท่าทีไม่เร่งร้อน กรมทหารมีคำสั่งให้สามผู้บัญชาการเหลียวหนิงเริ่มเตรียมการเสริมกำลังป้องกัน จะได้ไม่ให้พอถึงเวลาแล้วไม่พร้อมรบ
เทียบกับเมืองหลวงแล้ว หวังทงเองไม่เคร่งเครียดอันใด ราชสำนักย่อมต้องการเคลื่อนกำลัง หากปล่อยให้โจรสลัดวัวโค่วยึดเกาหลีไป เช่นนี้เส้นทางทะเลกับทางบกก็ย่อมมีโอกาสคุกคามมาถึงเมืองหลวงหมิง นี่เป็นสิ่งที่ราชสำนักแผ่นดินหมิงยอมไม่ได้เด็ดขาด แต่ราชสำนักก็ยังคงมั่นใจ ตอนนั้นโจรสลัดวัวโค่วล้วนถูกชีจี้กวงและอวี๋ต้าโหยวขับไล่ออกจากท้องทะเลไปแล้ว ตอนนี้กำลังทหารแผ่นดินหมิงเก่งกล้ายิ่งกว่าตอนนั้น จะไปกลัวได้อย่างไร
หวังทงสนใจในเรื่องนี้ก็มีขอบเขต ตอนนี้ตนกำลังต้องดูแลเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า ไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับการทหาร ที่ทำได้ก็แค่อาศัยการข่าวสายต่างๆ พยายามช่วยเหลือราชสำนักรวบรวมข่าวให้มากที่สุด แต่จดหมายและรายงานด่วนที่มายิ่งมาก ดูท่าแล้วราชสำนักเองก็หวังให้เขาทำเช่นนี้
แต่ทว่าบรรดาภรรยาหวังทงกลับไม่คิดเช่นนี้ พวกนางเป็นห่วงมาก หลายปีนี้ แผ่นดินหมิงพอมีอันใดแม้เล็กน้อย สุดท้ายก็จะต้องเป็นหวังทงนำทหารออกไปตอนปีใหม่ แม้ล้วนได้ชัยชนะใหญ่กลับมา แต่คนอื่นมีความสุขยินดีปรีดาฉลองปีใหม่ ตนเองบรรดาภรรยาและลูกหวังทงกลับต้องหวาดกลัวไม่เป็นสุข วันเวลาเหล่านี้ไม่อยากต้องทนรับอีกเลย
ได้ยินบรรดาภรรยาเป็นห่วง หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“ครั้งนี้ย่อมไม่ไปแล้ว ปีที่ 21 นี้ พวกเราจะได้ฉลองกันทั้งครอบครัว ข้ามาอยู่เมืองซงเจียงเป็นกั๋วกงสงบสุขแล้ว เหตุใดจะต้องนำทหารไปรบอีกเล่า ในมือฝ่าบาทเองก็มีคนใช้งานได้มากมายเช่นนั้น?”
วาจานี้ทำให้บรรดาภรรยาต่างวางใจไม่น้อย แต่ทว่าจางหงอิงก็แอบคุยกับหานเสียว่า
“ท่านพี่อย่าไปเชื่อวาจานายท่าน คืนวานนายท่านอยู่ที่ห้องน้อง นอนพลิกตัวไปมาไม่หลับ ยามดึกยังออกไปฝึกเพลงทวนกลางลานด้านนอก”
**************
ประเทศวัวต้องการเปิดศึกกับแผ่นดินหมิง แม้แต่เมืองซงเจียงก็ล้วนรู้ข่าวนี้ แต่ทุกคนไม่เคร่งเครียด ญี่ปุ่นรบกันเองมาเกือบสองร้อยปี ทุกคนก็ยังคงมีการค้าระหว่างกันอยู่เกือบร้อยปี ตอนนี้เคร่งเครียดเช่นนี้ ไม่แน่การค้าจะยิ่งดี อย่างน้อยราคาก็ย่อมถีบตัวสูงขึ้น
แม้แต่เหลียวกั๋วกงอ่านแล้วไม่เคร่งเครียดมาก ตอนนี้ไม่รู้คิดทำอันใด ทุกวันไปจัดเลี้ยงในร้านสุรานอกเมือง เชิญพ่อค้าและเจ้าของเรือมาสนทนา