องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1078 เมืองราวไห
หน้าประตูเหนือเมืองเปียงยางรองแม่ทัพเหลียวซีจู่เฉิงซวิ่นนำทหารม้าผลักกันไปมา ตะโกนด่าแย่งกันเข้าเมือง ทหารในสังกัดจู่เฉิงซวิ่นเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยไว้ได้ ทำให้สถานการณ์บรรเทาลงบ้าง นายกองพันหนึ่งนำทหารม้า 200 เข้าเมือง คนที่เหลือก็รออยู่ด้านนอกจัดทัพเตรียมพร้อม
ขุนพลทหารเกาหลีที่ตามมาไม่กล้ากล่าวอันใดสักคำ รออยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม ไม่นานนัก ก็มีทหารม้าเข้าเมืองมา มาถึงตรงหน้าจู่เฉิงซวิ่น รายงานกล่าวว่า
“ใต้เท้า ในเมืองมีแต่กำลังศัตรูกองเล็กๆ เห็นทัพใหญ่ พากันหนีกระเจิงไปหมด!”
“ทหารสวรรค์แผ่นดินหมิง ทรงคุณธรรมเกรียงไร ประเทศข้าน้อยช่างโชคดีจริง!”
ขุนพลเกาหลีข่างๆ เริ่มเยินยอ จู่เฉิงซวิ่นบนหลังม้าถึงกับได้ใจใหญ่ สีหน้าล้วนมีแต่รอยยิ้มกว้าง โบกมือวางท่า ออกคำสั่งดังว่า
“นำทัพเข้าเมือง ปราบโจรวัวโค่ว ยึดเปียงยางคืน!!”
ทั้งกองทัพเข้าเมือง เช่นนั้นทุกคนก็สามารถได้แย่งสมบัติและเสพสุขสตรีในเมืองได้แล้วสินะ ทหารม้าทุกคนพากันลิงโลดใจ หัวหน้าระดับขุนพลทหารรับคำทันที พากันเข้าเมืองไม่รอช้า
ดีที่เมื่อครู่จัดระเบียบไว้ได้พอแล้ว ครั้งนี้จึงไม่เกิดเหตุวุ่นวาย ยังคงมีระเบียบ คนนับพันเดินหน้าเข้าเมืองมาแล้ว ดีที่รองแม่ทัพจู่ยังจำได้ว่าเป็นเกาหลี เขาให้ทหารเกาหลีนำทหารเกาหลีหลายร้อยนำหน้าเข้าไปพร้อมกัน
“อืม แม้ว่าพื้นที่เล็ก แต่กลางเมืองควรมีหอกลอง เพียงแต่ถนนหนทางแคบไปสักหน่อย…”
“ประเทศเล็กแต่ก็เลียนแบบประเทศท่าน หากประชาเราอ่อนแอ ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร!”
เทียบกับจู่เฉิงซวิ่นที่วิจารณ์ไม่เกรงใจแล้ว ขุนพลทหารเกาหลีกลับชื่นชมสรรเสริญมาก ท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้จู่เฉิงซวิ่นพอใจยิ่งนัก
“จางกั๋วจงเจ้าลูกเต่า ไปตรวจสอบโจรวัวโค่วก่อน อย่าเร่งร้อนเข้าบ้านเรือนราษฎรปล้นชิงสมบัติ!”
จู่เฉิงซวิ่นมองเห็นทหารกำลังวุ่นวายกันใหญ่ อดไม่ได้สบถด่ากลับไป แต่ไกลเพียงนั้น ด้านหน้าไม่ได้ยิน วาจาตะโกนของจู่เฉิงซวิ่นอย่างไรก็แฝงความว่ารอข้าก่อน แต่ไม่มีผู้ใดสนใจ
“ไปในบ้านหาตัวชาวบ้านมาสองสามคน มาสอบถามความก่อน!”
จู่เฉิงซวิ่นออกคำสั่ง ทัพใหญ่เข้าเมือง เส้นทางประตูเมืองไปหอกลองเส้นทางหลักนี้ไม่อาจมีทหารม้าเข้ามาอยู่กันได้มาก ไม่มีที่พอ ด้านหลังล้วนถอยไปยังถนนสายอื่น
แต่มีเรื่องแปลกอันหนึ่ง ก็คือบนถนนไร้ผู้คน ตามข่าวแล้ว โจรวัวโค่วเข้าเปียงยางไม่ได้ล้างเมือง ในเมืองอย่างน้อยก็ต้องมีราษฎรหลายหมื่น เหตุใดพอเข้าเมืองมาจึงเป็นเช่นนี้ คนเดียวก็ไม่มี ล้วนหนีไปไหนกันหมด
ยิ่งทำให้คนรู้สึกกังวลใจก็คือ ทหารเล่า? ทหารศัตรูไปไหนกันหมด ทำไมไม่เห็นร่องรอยใดๆ แม้ว่าแค่ไม่กี่พัน ก็ไม่ควรหายตัวไปรวดเร็วเช่นนี้
“แม่ทัพเกรียงไกร คิดว่าโจรวัวโค่วล้วนเกรงกลัวกองกำลังสวรรค์แผ่นดินหมิง หนีกันไปหมดแล้ว”
ขุนพลทหารเกาหลีรู้จักประจบ ประจบสอพลอไป ก็พาทหารม้าเหลียวซีบุกเข้าบ้านเรือนชาวบ้านไป ทางด้านซ้ายจู่เฉิงซวิ่น สามารถได้ยินเสียงร้องตกใจของชาวบ้าน
พวกจู่เฉิงซวิ่นหยุดม้า รอลากคนหนึ่งมาสอบถามความจริง ไม่นาน หลายคนก็ถูกลากมาตรงหน้า โยนมาตรงหน้าม้า ขุนพลทหารเกาหลีหน้าตาไม่ละอายใจ ทำหน้าบึ้งตึงเข้าไปตะคอกถาม คนเบื้องหน้าหลายคนตอบอย่างหวาดกลัว
ต่อหน้าทหารม้าจู่เฉิงซวิ่น มีคนพอรู้ภาษาเกาหลี แปลให้จู่เฉิงซวิ่นฟังเบาๆ ว่า เช้าวันนี้โจรวัวโค่วออกคำสั่งให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน หากออกมาเดินข้างนอกจะสังหารทิ้งให้หมด
“ถามซิว่า โจรวัวโค่วมีเท่าไรกันแน่!? ตอนนี้ไปไหนหมด!?”
ทางนั้นสนทนากัน ก็พบว่าโจรวัวโค่วหลายพันหรือมากกว่านั้น สำหรับที่นี่ โจรวัวโค่วตั้งฐานที่มั่นบริเวณรอบหอกลองทัพใหญ่ควรอยู่ที่นี่
แต่ตอนถามนี้ ทหารม้ายังทยอยกรูกันเข้าเมืองมา ทหารสนิทจู่เฉิงซวิ่นหลายคนเริ่มนำทหารเข้าบุกบ้านเรือนชาวบ้าน และบ้านที่ดูเหมือนมีเงินหลายบ้าน เตรียมกวาดเงินทอง ทัพยกมาครั้งนี้เรียกได้ว่ารวดเร็ว ไม่ว่าทัพด้านหน้าทัพด้านหลัง ไม่ว่าระดับใด ล้วนไม่อยากรั้งท้ายเข้าเมือง สมบัติเงินทองจะได้ไม่ถูกคนอื่นแย่งไปหมด ตนเองไม่ได้อันใด
“ถ่ายทอดคำสั่ง ทหารทุกหน่วยรวมตัว กวาดล้างใจกลางเมือง รอบหอกลองอาจมีทัพใหญ่!!”
“ท่านแม่ทัพ เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้า หลายคน ด้านหลังบ้านนั่น…”
ทหารติดตามนายหนึ่งอยู่ๆ ก็เตือนขึ้น ข้างๆ มีคนยิ้มเยาะ ตะโกนว่า
“แน่นอนมีเสียงฝีเท้า พี่น้องเรามากเพียงนี้กำลังบุกเข้ามาไงเล่า”
“มารดามันสิ วาจาเหลวไหล บุกเข้าไปๆ สังหารโจรวัวโค่ว ให้พวกเจ้าได้เสพสุข ข้าปล่อยพวกเจ้าสามวัน!”
จู่เฉิงซวิ่นเริ่มร้อนใจ สถานการณ์ราบรื่นเกินไป ทำให้เขารู้สึกไม่ถูกต้องนัก ทหารถ่ายทอดคำสั่งคว้าแส้สะบัดใส่ทหารด้วยกัน ออกไปถ่ายทอดคำสั่ง
ทหารม้าราว 300 ล้อมรอบจู่เฉิงซวิ่น บุกขึ้นหน้าไป เดิมขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวล้วนมีทหารติดตามตนเอง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้กองกำลังพวกเขาเกรียงไกร ทหารม้า 300 นี้ ร้อยคนวงในสุดสวมเกราะหู่เวย ถืออาวุธโรงช่างสามธารา นี่เป็นชีวิตของจู่เฉิงซวิ่น และยังเป็นเขาเองที่จ่ายเงินก้อนนี้เพื่อทหารติดตามกลุ่มนี้
เริ่มเข้าใกล้หอกลอง ก็เหมือนกับแผ่นดินหมิง รอบๆ หอกลองมักเป็นพื้นที่โล่ง หลายครั้งทำเป็นตลาดนัด ที่นี่ดูออกว่ามีร่องรอยการตั้งทัพ พื้นที่มีรอยด่างๆ
จู่เฉิงซวิ่นตลอดทางมาเริ่มเงียบลง ในใจทุกคนก็ยิ่งเริ่มเตรียมพร้อม นี่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ทำให้คนรู้สึกบอกไม่ถูกว่าเกิดอันใดสักอย่าง
บนหอกลองไม่มีคน หากทหารศัตรูอยู่ในเมือง จากที่สูงเช่นนี้มองออกทั่วเมืองก็ย่อมมองเห็นกองกำลังที่หลบซ่อน จู่เฉิงซวิ่นเองมองไปยังหอไม้ด้านบนอย่างงงๆ
ทันใดนั้นเอง บนหอกลองก็มีคนโผล่หัวขึ้นมา เหมือนว่ามีคนสองคน แต่ละคนในมือมีธงแดง โบกอย่างรวดเร็ว
หลายคนได้สติรั้งบังเหียนม้าไว้มั่น ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น พวกเขาทันใดนั้นก็รู้ทันที ถนนสายนี้เป็นด่านหน้าสุด ห่างจากกองกำลังทหารม้าหมิงหลายสิบก้าว มีทหารโจรวัวโค่วชุดเกราะปรากฏตัวขึ้น แต่ละคนล้วนแบกลังไม้ มือหนึ่งก็ถือปืนใหญ่วัวโค่ว
“โจรวัวโค่ว!! โจรวัวโค่ว!!”
อยู่ๆ ด้านหน้าก็ปรากฏศัตรู ปฏิกิริยาแรกทหารม้าเหลียวซีไม่ใช่บุกสังหาร หากตกใจส่งเสียงตะโกนดัง จากนั้นก็คิดได้ ระยะห่างศัตรูใกล้เพียงนี้ ควรบุกเข้าไป
บนสนามรบ ความละเลยแม้เพียงน้อยก็ล้วนทำให้เกิดความผิดพลาดถึงชีวิตได้ อีกฝ่ายตอนโจรวัวโค่วตะโกนดัง โจรวัวโค่วที่บุกเข้ามาก็เข้ามาตั้งแถวบนถนนอย่างรวดเร็วแล้ว ด้านหน้าคุกเข่าลง ด้านหลังยืน ระดมยิงทันที
ระยะไม่กี่สิบก้าว ปืนไฟในมือโจรวัวโค่วที่ถูกเรียกว่าปืนใหญ่สำแดงอานุภาพเพียงพอ ทหารม้าแถวหน้ายังไม่ได้ตั้งตัว ก็ถูกยิงล้มไปสิบกว่า ทหารม้าด้านหลังยามนี้ส่งเสียงตะโกนดังบุกเข้าไป โจรวัวโค่วก็ยิงปืนระลอกสองออกมา หลายแถวยิงออกมา ทหารม้าเหลียวซีล้มลงไม่หยุด
พริบตา ปืนไฟยิง เสียงร้องโหยหวนดัง เสียงฝีเท้าม้าและเสียงสยถด่าของขุนพลทหารอีกฝ่าย ล้วนดังไปทั่วเมืองเปียงยาง ทั้งเปียงยางราวกับปะทุดังขึ้น
“บุกเข้าไป! บุกเข้าไป!!”
จู่เฉิงซวิ่นคำรามดัง แต่บนถนนกองกำลังเริ่มแตกกระจายไปหมดแล้ว คำสั่งเขาไม่อาจไปถึงทุกคนได้ ตอนนี้เสียงเท้า เขาเองก็ได้ยิน
ไม่เพียงแต่เขาได้ยิน ทหารม้าที่บุกเข้ามาบนท้องถนนเองก็ล้วนได้ยินเสียงฝีเท้า ทุกมุมในถนนสายใหญ่กับบ้านเรือน และทางซอกซอยล้วนมีแต่โจรวัวโค่ว ปืนไฟยิงกระหน่ำ
ทหารม้าเหลียวซีที่คิดแต่ละปล้นชิงเงินทองและหาความสุข ไม่ทันระวังตัว พริบตาก็ถูกยิงกระหน่ำหน้าหงายร่วงจากหลังม้า แต่ทหารม้าเหลียวซีมีคนมากเพียงพอ โจรวัวโค่วยิงปืนไฟไม่ได้มากอันใด ยิงมาระลอกแรก บรรจุกระสุนไม่ง่าย ทหารม้ายังคงมีเวลาตั้งสติ ทุกคนล้วนรู้ ยามนี้บุกเข้าไปสามารถสังหารศัตรูได้ อย่างไรตนก็ขี่ม้า ศัตรูเป็นทหารราบ
ทหารม้าถืออาวุธบุกเข้าไป โจรวัวโค่วแบกปืนใหญ่ตนหลบเข้าซอยทันทีรวดเร็ว ไม่ก็โดดลงจากกำแพงไป มองไม่เห็น
“ตามไปสังหารโจรแม่สุนัขเลี้ยงทิ้งให้หมด!”
ขุนพลทหารหนึ่งสบถด่าทอด้วยความโมโห ทหารม้ารีบตามไป คนแน่นอนไม่อาจเร็วกว่าม้า แต่เมืองเปียงยางถนนแคบ ยังมีตรอกซอยมาก โจรวัวโค่วเห็นชัดว่าได้เปรียบพื้นที่ทหารม้าเหลียวซี วิ่งไปวิ่งมา ยากจะตามทัน
ทางนี้มองเห็นว่าจะไล่ตามทันบนถนนสายยาวสายหนึ่ง ด้านหน้าก็ปรากฏโจรวัวโค่วที่ใกล้ตามทัน กลับได้ยินว่ามีคนตะโกนภาษาประเทศวัว ไม่รู้ว่าอะไร
เสียงตะโกนอยู่ๆ ดังขึ้น จากนั้นสองข้างทางก็มีโจรวัวโค่วถือทวนยาววิ่งออกมา ตั้งแถวรับกลางถนน ถึงกับตั้งแถวทวนยาวแบบรอปะทะ แต่ทว่าแถวแบบนี้มองแล้วไม่มั่นคง ทหารม้าเหลียวซีถึงกับมองเห็นสีหน้าหวาดกลัวของโจรวัวโค่วได้ชัด สถานการณ์นี้พวกเขาคุ้นเคยดี ขอเพียงบุกเข้าไป ไม่แน่ว่าแถวรับศึกอาจแตกกระเจิง
“สังหาร!!”
ทหารม้าด้านหน้าสุดล้วนตะโกนดังบุกเข้าไป แต่ในตอนนั้นเอง สองข้างถนนก็มีเสียงปืนไฟดัง มีคนส่งเสียงร้องโหยหวนร่วงจากหลังม้า
แต่ระยะห่างเท่านี้ ได้แต่บุกเข้าไปแล้ว แต่ทว่ากีบเท้าม้าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว วิ่งไม่หยุดเช่นนี้ไม่ได้พักผ่อนพอ อยู่ๆ รอบด้านที่เงียบก็เริ่มเอะอะวุ่นวาย ม้าส่งเสียงร้องหวาดกลัวอย่างมาก เห็นทวนยาวอีกฝ่าย ม้าของทหารม้าเหลียวซีล้วนไม่ยอมบุกเข้าไป
ม้าบางตัวยกตัวทะยานขึ้น สะบัดทหารด้านหลังร่วงลงมา มีม้าบางตัวล้มลงกับพื้นทันที ทำเอาทหารม้าบนหลังร่วงลงไปถูกทับตาย ถนนไม่กว้างนัก ด้านหน้าอุดกันแน่น ด้านหลังก็เข้าไปไม่ได้ พลปืนไฟโจรวัวโค่วบรรจุกระสุนเสร็จแล้วเริ่มยิงอีกระลอก…