องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1079 กำลังทหารต้องเร็วและไว
ทวนยาวโจรวัวโค่วแทงใส่ไม่หยุด ทหารม้าเหลียวซีถือดาบฟันไม่ถึงอีกฝ่าย ถูกทวนยาวแทงร่วงหลายนาย
ซามูไรบ้างก็สวมเกราะหนัง เกราะไม้ไผ่ ยังมีเกราะเหล็ก มือถือทวนยาวและดาบซามูไรยาวบุกเข้าสังหาร พวกเขาต่อสู้โหดเหี้ยมมาก แม้อยู่ด้านล่างม้า แต่ม้าไม่อาจวิ่งเข้าปะทะได้ ไม่ได้เปรียบอันใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึง จู่เฉิงซวิ่นนำทหารม้ามาห้าพัน เป็นทหารม้าที่เรียกได้ว่าฝึกมามาตรฐาน ยังมีทหารรับเบี้ยหวัดได้รับการฝึกมา ที่เหลือล้วนเป็นทหารอาชีพ
ทหารม้าเหล่านี้เทียบกับซามูไรประเทศวัวที่ผ่านการต่อสู้ใหญ่น้อยมาตลอด ย่อมต่างกันมาก ยิ่งในภาวะคับขันนี้
ตนเองถูกลอบโจมตี กำลังแตกตื่นวุ่นวาย ศัตรูเห็นชัดว่าได้เปรียบ ถนนสายนี้ถูกปิดตายไปหมดแล้ว พลทวนยาวสองด้าน ปืนไฟระดมยิงไม่หยุด สิ้นหวังเช่นนี้ หลายคนแตกตื่น ผู้ใดยังมีใจคิดสู้กับปืนโจรวัวโค่ว คิดสู้ตายกับซามูไรเล่า เงินทองไม่สนใจไขว่ขว้าได้อีก หนีตายกันก่อนดีกว่า
การต่อสู้เช่นนี้เกิดขึ้นทั่วถนนหลายสายในเมืองเปียงยาง ทหารม้าเหลียวซีถูกตีแตกกระจัดกระจายแล้ว ความยุ่งยากแท้จริงอยู่ที่ หากเป็นการรบกลางทุ่ง ทหารม้าแตกกระจัดกระจายกลับหันหลังก็หนีได้ ย่อมไม่เกิดเหตุล้มตายมาก แต่สถานการณ์เช่นนี้ หนีก็หนีไม่ได้ ถนนแคบๆ เปียงยางทำให้ความเร็วและความสามารถทหารม้าสูญสิ้น คนถูกล้อมไว้แล้ว ล้วนไม่สมีทางขยับตัวได้อีก
โจรวัวโค่วใช้ทหารราบเป็นหลัก เชี่ยวชาญพื้นที่ ใช้บ้านเรือนเป็นกำบัง เคลื่อนไหว ล้อมสังหาร ข้อได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองกำลังจู่เฉิงซวิ่นในแผ่นดินหมิง ม้าที่ขี่มีล้มป่วยมาก มาถึงเกาหลีเสี่ยงภัยแย่งความชอบ ไม่ได้รักากำลังม้าให้ดีพอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนเข้าเมืองมา แย่งกันเข้ามา เบียดเสียดกันแน่น ในเวลากระชั้นชิดถึงกับไม่อาจสั่งการกันได้ ทหารหาแม่ทัพไม่เจอ แม่ทัพหาทหารไม่เจอ สูญเสียระบบสั่งการ สูญสิ้นความเป็นกองกำลัง
ปัญหาเหล่านี้หากราบรื่นดีก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ทันรู้ตัว ในสถานการณ์ไม่ราบรื่นเช่นนี้ เริ่มสะสมปัญหา ก็ทำให้เกิดความยุ่งยากใหญ่ แตกกระเจิงง่าย
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทหารม้ากองกำลังหมิงที่บุกเข้าบ้านเรือนชาวเกาหลีไปแล้ว เช่นจางกั๋วจงที่ถูกจู่เฉิงซวิ่นสบถด่าไปก่อนหน้า บุกไปสองบ้าน ในที่สุดก็หาได้บ้านใหญ่ บ้านใหญ่นี่นับว่าสร้างแบบแผ่นดินหมิง ขนาดไม่เล็ก ไม่รู้เปียงยางประเทศเกาหลีนี่มีบ้านใหญ่เช่นนี้ด้วย
แต่พอเข้าไปด้านใน ด้านนอกก็เริ่มวุ่นวาย พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว โจรวัวโค่วก็บุกสังหารมารอบทิศ ที่มุมสูงมีโจรวัวโค่วตั้งปืนใหญ่[1]ยิง ยิงล้มไปเจ็ดแปดคน นายกองพันจางกั๋วจงก็เริ่มสบถด่าหันม้ากลับ แต่ไม่ทันแล้ว
ด้านหน้ามีพลทวนยาวโจรวัวโค่วหลายสิบแทงใส่เข้าไม่ปราณี ม้ามีปฏิกิริยาทันที พริบตาคนก็ถูกยกตัวขึ้น มีทวนยาวโจรวัวโค่วแทงใส่ม้า
จางกั๋วจงเป็นนายกองพันได้ก็เพราะเป็นคนสนิทจู่เฉิงซวิ่น อาศัยความกล้าหาญออกศึก ม้าและคนยกตัวขึ้น ทั้งสองขาก็หลุดจากบังโกรนม้า โดดยกดีดตัวขึ้น ก่อนจะลงสู่พื้นอย่างราบรื่น กลิ้งไปกับพื้น หลบทวนยาวมาได้ ตอนลุกขึ้น ก็ถือดาบวิ่งไปยังหน้าประตู
ซามูไรประเทศวัวถือดาบทวนมาขวางหน้าประตู ก้าวเข้ามา ส่งเสียงร้องดังประหลาดก่อนกระโดดฟัน ชาวประเทศวัวใช้ดาบ ดาบแรกร้ายกาจสุด โดดฟัน กำลังมากจนน่าตกใจ จางกั๋วจงยกดาบกันไว้ แต่ความเร็วอย่างไรก็ช้ากว่าหน่อย คิดจะกันไว้ก็ไม่อาจทำได้
จางกั๋วจงได้แต่เอี้ยวตัวหลบ ใช้ไหล่รับไว้ ซามูไรฟันอย่างแรง ดาบนี้พอที่จะทำให้ขุนพลหมิงไหล่ขาด
‘ตึง’ เสียงสะท้อนจากดาบฟัน จางกั๋วจงแสยะยิ้ม ดาบในมือตวัดขึ้นฟัน เกราะซามูไรไม่ได้แข็งแรงเหมือนเกราะหู่เวยของจางกั๋วจง ด้านล่างมีการป้องกันไม่แข็งแรงพอ คนทั้งคนครึ่งล่างถูกฟันฉับ
ทหารราบกับซามูไรประเทศวัวส่งเสียงร้องโหยหวนดัง มีคนจางกั๋วจงอยู่ที่นั่น แต่จางกั๋วจงไม่คิดสนใจพวกเขา รีบมุ่งไปยังหน้าประตู พอออกถนน อย่างน้อยน่าจะเป็นพวกเดียวกันแล้ว ยังพอดูแลกันได้ ซามูไรถูกฟันไปหลายคน ความเร็วก็ช้าลง ด้านหลังมีคนไล่ตามมา
จางกั๋วจงรู้ไม่อาจหนีพ้น วิ่งไปสองก้าว ก็กลิ้งตัวไปอีกทางแทงใส่เท้าโจรวัวโค่วก่อนคว้าทวนยาวกวาดล้ม จางกั๋วจงพลิกตัวไปอีกทาง หมอบลง ดาบใหญ่ในมือฟันไปอีกที ทหารราบคิดไม่ถึงขุนพลแผ่นดินหมิงสวมชุดเกราะจะว่องไวเพียงนี้ได้ หลบไม่ทัน คอถูกดาบตวัดผ่าน ร้องโหยหวนก่อนล้มลง
พอล้มลง จางกั๋วจงก็หันไปคว้าทวนยาวแทงไปอีกที เอี้ยวตัวไปอีกทาง ฟันไปอีกคน อีกคนส่งเสียงร้องประหลาด ซามูไรคนหนึ่งคว้าดาบซามูไรยาวฟันใส่ จางกั๋วจงยกดาบกันไว้ ยกเท้าถีบไปทีหนึ่ง ชาวประเทศวัวตัวเล็ก เขาถีบไป อีกฝ่ายกลับถีบไม่ถึง
ซามูไรนั่นโดนถีบเข้ากลางท้องเต็มๆ สีหน้าบิดเบี้ยว ล้มลงกับพื้น มองความกล้าหาญจางกั๋วจงแล้ว พวกโจรวัวโค่วก็สบตากัน พากันหลีกทาง จางกั๋วจงแสยะยิ้ม ตวัดดาบเปิดทางให้ทหารติดตามมาข้างกาย ก่อนกำลังจะแหวกวงล้อมออกไป
ยังไม่ทันได้ขยับ จางกั๋วจงเงยหน้ามองไปบนหลังคา ได้แต่สบถด่าว่า
“มารดามันสิ…”
ปืนไฟด้านบนยิงมา ระยะไม่ถึง 30 ก้าว อานุภาพปืนไฟแม่นรับประกันได้ จางกั๋วจงกับทหารติดตามที่เหลือกลิ้งตัวหมอบกับพื้น โจรวัวโค่วกรูกันเข้ามาอีก เริ่มปะทะกันวุ่นวาย
****************
กองกำลังฝั่งจู่เฉิงซวิ่นยังคงมีกำลังต้านทาน เริ่มแรกมีคนถูกปืนไฟยิงร่วงจากหลังม้า แต่ทุกคนฝึกมาดี ปฏิกิริยาไวพอ
คนวงในคว้าธนูออกมายิงโต้กลับไป คนพวกนี้ใช้ธนูยาว อานุภาพยิงไกลและรุนแรง โจรวัวโค่วสองข้างก็ยิงเช่นกัน รัศมีธนูยิงเช่นนี้ทำเอาสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายมาก
โจรวัวโค่วรู้ว่าแม่ทัพกองกำลังหมิงอยู่ที่นี่ จึงทุ่มกำลังมายิ่งมาก กองกำลังหมิงบาดเจ็บล้มตายยิ่งมาก
“ทุกคนบุกอ้อมไปทางหอกลอง จะหนีออกไปได้ ไม่เช่นนั้นมีแต่ตายในนี้แล้ว มารดามันสิ ตามข้าตะโกน!”
จู่เฉิงซวิ่นเข้าใจแล้ว ส่งเสียงตะโกนดัง คนข้างๆ หนึ่งรับศึก สองตะโกนดัง บนถนนนั้น ทหารม้าแม้ว่าคิดจะหันหลังก็ยาก เสียงยิ่งตะโกนยิ่งดัง บ้านเรือนสองข้างและถนนล้วนมีแต่ปืนและซามูไรประเทศวัว ปืนไฟยิงไม่หยุด
อย่างไรก็ตาย ทหารม้าเหลียวซีด้านหน้าล้วนร้อนใจ ตะโกนด่าดัง รวมตัวกันเป็นกองทหารม้า เตรียมบุกฝ่าออกไป
ด้านหน้ากองปืนใหญ่โจรวัวโค่วมารวมตัวกันอีกแล้ว เรียงแถวยิงหลายตูม แต่ทว่าครั้งนี้อุดทางผู้อื่นอยู่ ทหารม้าเหลียวซีไม่อาจสนใจอันใดได้อีกแล้ว แถวด้านหน้าเริ่มล้มลง ด้านหลังม้าก็จำต้องกระโดดข้ามไป ทยอยบุกออกไป กองปืนใหญ่เห็นเช่นนี้ก็รีบแหวกทางให้
กองกำลังใหญ่บนถนนค่อยๆ เคลื่อนไหวเปิดทาง พลทวนยาวโจรวัวโค่วอุดปิดทางอยู่ด้านหน้า แทงม้าตายไปสองสามตัวและทหารม้าหลายคน คนด้านหลังไม่สนใจยังคงบุกขึ้นหน้า พวกเขารวมตัวกันในเวลากระชั้นชิด อุดไม่อยู่ กองกำลังใหญ่เคลื่อนไหวยิ่งเร็วขึ้นไปอีก
จู่เฉิงซวิ่นคว้าดาบบนหลังม้าออกมา มือหนึ่งคว้าธนู สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดทะยานม้าไปด้านหน้า สถานการณ์นี้ไหนเลยคือความชอบ ดีไม่ดีอาจเป็นหายนะแล้ว
“แม่ทัพ พวกเกาหลีหนีกระจัดกระจายไปไม่น้อย!”
“มารดามันสิ สนใจอะไรพวกเกาหลีมัน พวกเราไปของพวกเราเอง!”
เพิ่งเริ่มวุ่นวายหนัก ทหารเกาหลีที่ติดตามจู่เฉิงซวิ่นมาก็หนีกันแตกกระจัดกระจายไปครึ่ง ถนนเบียดเสียดเช่นนี้ ถึงกับไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เหตุใดจึงคุ้นชินเส้นทางหนีได้เพียงนี้ คนที่เหลือไม่ถึงร้อยล้วนรวมตัวกันอยู่รอบกายขุนพลทหารเกาหลี ร่วมกันหนีพร้อมกับทัพใหญ่
จู่เฉิงซวิ่นกับทหารในสังกัดไม่ลังเลบนสนามรบ ม้าทหารม้าอื่นเริ่มออกอาการป่วย กีบเท้าเน่า แต่ม้าพวกเขาดูแลมาอย่างดี และยังนั่งได้ถึงสองคน กำลังม้ายังดีพอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เกราะบนตัวพวกเขาที่แน่นหนาพอ อาวุธยอดเยี่ยมพอ
วิ่งไปยิงไปสองข้างทางไม่หยุด ฝีมือธนูพวกเขาไม่เลว ยิงทหารประเทศวัวส่งเสียงร้องโหยหวนร่วงลงมาไม่หยุด
จู่เฉิงซวิ่นยิงไปสามดอก ทุกดอกยิงโจรวัวโค่วล้ม เห็นที่ว่างด้านหน้าหอกลองแล้ว อยู่ๆ มีคนใช้ภาษาเกาหลีตะโกนดัง จู่เฉิงซวิ่นฟังไม่เข้าใจ แต่ภาษาเกาหลีที่ตะโกนไม่ใช่มาจากทหารเกาหลีข้างกาย จู่เฉิงซวิ่นอึ้งไป แต่ก็ยิ่งน่าแปลก พริบตาทหารเกาหลีที่ตามมาก็กระเจิดกระเจิงไปคนละทาง และมีคนตะโกนตาม
ไม่ได้การแล้ว! จู่เฉิงซวิ่นได้สติทันที มีปัญหาจริงๆ แล้ว ทหารเกาหลีข้างๆ ล้วนหนีออกจากกองทัพในทันที มีคนวิ่งไปด้านหน้า ยังมีคนหยิบอาวุธหมิงโยนไปให้ อยู่ๆ กลางกองทัพเกิดเหตุวุ่นวาย ทหารม้าเหลียวซีตะโกนด่าทอดัง เตรียมลงมือ
แต่ยามนี้ก็มีเหตุเปลี่ยนแปลง รอบๆ นอกจากปืนไฟยิงกระหน่ำแล้ว ถึงกับมีเสียงธนูแหวกอากาศมา ทหารม้ารอบนอกไม่ทันได้ป้องกัน ก็ถูกยิงร่วงทันที
ชาวประเทศวัวถึงกับยังมีธนู จู่เฉิงซวิ่นเริ่มตกใจ เขาแต่ไรรู้สึกว่าปืนไฟยิงได้ช้า เทียบไม่ได้กับธนู แต่คิดไม่ถึงอีกฝ่ายมีธนูเหมือนกัน และตอนมา คนเกาหลีไม่เคยพูดถึง พวกเขาว่าโจรวัวโค่วไม่มีอาวุธนี้
ตอนนี้เห็นพื้นที่กว้าง กลับได้ยินเสียงกลองดัง ทหารม้าบุกขึ้นหน้า โจรวัวโค่วกรูกันออกมากองใหญ่ บ้างก็ถือทวนยาว แต่ละกองล้วนมีซามูไรนำทัพ และยังมีโจรวัวโค่วแบกปืนใหญ่มาตั้งด้านหน้า ทุกทางออกล้วนปิดเส้นทางไว้หมด
ทหารม้าเหลียวล้วนกระชากม้าหยุด จู่เฉิงซวิ่นสีหน้าเริ่มเคร่งเครียดดำคล้ำ ตวัดดาบสังหารขุนพลทหารเกาหลีข้างๆ ตายในดาบเดียว คำรามดังว่า
“พี่น้องเรา สู้ตายเปิดทางยังมีหวังรอด บุก!!!”
…………
***ทหารม้าเหลียวโจวพ่ายที่เมืองเปียงยางครั้งนี้ มีอยู่บันทึกประวัติศาสตร์จริง
[1] ปืนใหญ่ที่พวกวัวโค่วใช้คือปืนแบก