องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1081 แอบเคลื่อนไหวใต้แรงสะเทือน
ทหารม้าหลายพันถูกลอบซุ่มโจมตีในเมืองเปียงยาง เหมือนว่าสิ้นหมดกองทัพ ข่าวนี้คิดปิดบังก็คงไม่ได้ ข่าวแพร่ไปยังเหลียวหนิงกับเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จากเมืองหลวงแพร่ออกไปยังทุกแห่ง
เหลียวหนิงสะเทือน เมืองหลวงสะเทือน ใต้หล้าสะเทือน ทหารม้าห้าพัน ยังเป็นถึงทหารม้าเก่งกล้าแห่งเหลียวหนิงถึงกับสูญเสียสิ้นเกือบหมดทั้งกองเช่นนี้ได้ ว่ากันว่ามีเพียงแม่ทัพนำกำลังไม่ถึงสามร้อยหนีกลับมายังเขตแดนแผ่นดินหมิงได้ ใช้เวลาสามวันรวบรวมที่เหลือ แต่ก็ได้มาแค่ห้าร้อย
กองทัพทหารม้าพ่ายแพ้ศึก หลังจากนั้นมักจะรวบรวมกลับมาได้ไม่น้อย แต่ครั้งนี้ถึงกับหมดสิ้นเช่นนี้ได้ เรียกได้ว่าถูกทำลายราบคาบยังไม่เกินไปนัก
พวกขุนนางบุ๋นบู๊ที่เดิมดูแคลนโจรวัวโค่วล้วนเริ่มเคร่งเครียดขึ้น กำลังทหารเช่นนี้มาถึงเกาหลี ใกล้กับเมืองหลวงแผ่นดินหมิงเช่นนี้ ก็ย่อมไม่อาจรอดูสบายใจได้แล้ว
ตอนนี้ฮ่องเต้ว่านลี่สามวันห้าวันจึงเสด็จออกประชุมขุนนาง ณ พระตำหนักข้างพระที่นั่งเฟิ่งเทียนเหมินสักครั้ง ทุกวันประชุมเช้า ราชสำนักกับแต่ละหน่วยงานเริ่มแพร่ข่าวไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านมานานเช่นนี้ เทียนจินเป็นเมืองท่ารวบรวมการข่าวได้เพียงพอ เริ่มแรกสุดก็เป็นข่าวจากพ่อค้าทะเลไปยังเมืองหลวง ว่าโจรวัวโค่วแสนกว่าเกือบสองแสน เมืองหลวงล้วนคิดว่าเหลวไหลสิ้นดี แต่ค่อยๆ ไม่นาน จำนวนที่แพร่ข่าวมาก็เริ่มเป็นแสนสองแสนจริง มีแต่ตัวเลขจะมากขึ้น ไม่มีลด กอปรกับข่าวจากเหลียวตงว่าตอนนี้พอจะวิเคราะห์ได้แล้วว่า โจรวัวโค่ว อย่างน้อยก็เป็นทัพใหญ่แสนคนขึ้นไป
ขนาดกองกำลังเช่นนี้ กองกำลังแกร่งเช่นนี้ ปรากฏขึ้นในเกาหลี ช่างเป็นภัยใกล้ตัวจริง สามารถซุ่มโจมตีทหารม้าเหลียวซีห้าพันกว่าหมดสิ้นกอง กำลังต่อสู้เช่นนี้เรียกได้ว่ามองอย่างไรก็ไม่เบา
เริ่มแรกคิดว่าปราบง่ายขอออกศึกก่อนอย่างหลี่หรูป๋อผู้บัญชาการเหลียวซี ยามนี้เรียกได้ว่านั่งอึ้งทีเดียว รุกก็ไม่ได้ถอยก็ไม่ได้ ความสูญเสียเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว ไปรบอีก ย่อมเสียกำลังตนหมดสิ้น แต่ไม่รบ ไม่แสดงท่าที ก็เกรงว่าจะมีความผิดถึงตัวได้
อย่างไรก็เป็นหลี่เฉิงเหลียงนั่งคุมเป็นหลัก รับมือยังมีหลักการพอ รายงานจากจู่เฉิงซวิ่นส่งไปเมืองหลวงตอนนั้น หลี่หรูป๋อก็ถวายฎีกาขอรับโทษตามไปเมืองหลวงด้วย
ตระกูลหลี่แสดงท่าทีแล้ว อยากขอใช้ทหารทั้งเหลียวซีไปยังเกาหลีรบเป็นตายกับโจรวัวโค่ว ขอราชสำนักอนุญาต
แม้แต่หลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ก็ยังต้องขอออกศึกนี้อย่างไม่มีทางเลือก ตอนนี้ต้องจัดการศึกนี้ให้ดูใหญ่ ให้ใหญ่ที่สุด เพื่อให้ชัยชนะจากนี้ล้างความผิดนี้ได้
แต่ทว่าเกิดเรื่องเช่นนี้แล้ว ราชสำนักไม่กล้าวิเคราะห์โดยประมาทอีกแล้ว ฎีกาผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วกล่าวได้เข้าใจกระจ่างชัด
ผู้ว่าการมณฑลแผ่นดินหมิงนอกจากยูนนานแล้ว ที่อื่นตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลล้วนได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยสำนักทหาร หมายความว่าผู้ว่าการมณฑลมีหน้าที่ต้องดูแลควบคุมการทหารพื้นที่
จู่เฉิงซวิ่นพ่ายศึก สวีกว่างกั๋วแน่นอนต้องรับผิดชอบ สวีกว่างกั๋วเองก็ไม่ปิดบัง ฎีกาเขาแสดงให้เห็นชัดว่าเขาเองก็ขอรับโทษ เรื่องนี้ราชสำนักย่อมไม่ทำอันใดเขา ในใจสวีกว่างกั๋วรู้ดี เพราะตามหลักแล้ว เขาเป็นผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง ไม่ใช่ราชสำนักดันขึ้นมา แต่เป็นในวัง มีในวังหนุนหลังเช่นนี้ แน่นอนไม่จำเป็นต้องห่วงมากนัก
ฎีกาสวีกว่างกั๋วนอกจากขอออกศึกแล้ว ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในเกาหลีละเอียด ขอราชสำนักไตร่ตรองให้หนัก ตอนนี้ต้องเตรียมการป้องกันก่อน จากนั้นค่อยคิดออกศึก
ฎีกากล่าวถึงแผนได้เป็นระเบียบแบบแผนมาก ราชสำนักแน่นอนอนุมัติ ให้สวีกว่างกั๋วเตรียมการป้องกันก่อน จากนั้นราชสำนักจะเตรียมการตามมา
***************
แถบเขาฉางไป๋ซานปรากฏร่องรอยโจรวัวโค่ว ข่าวนี้แสดงให้เห็นความจริงในเวลาไม่นาน ผู้บัญชาการเหลียวหนานซุนโส่วเหลียนกลับไปอี้โจว จัดเตรียมกำลังทหาร
ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วเริ่มสั่งเคลื่อนกำลังทหาร จริงๆ ก็ง่ายมาก ก็แค่ให้ทหารเหลียวตงกับเหลียวซี ยังมีเหลียวหนานไปร่วมกันที่ริมแม่น้ำยาลูที่เป็นฐานที่ตั้งทัพแผ่นดินหมิงตอนนี้ เตรียมการป้องกัน
สวีกว่างกั๋วจริงๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอันใด เพราะหลังทหารม้าจู่เฉิงซวิ่นพ่ายมา แม่น้ำยาลูเกาหลีฝั่งหนึ่ง ยังมีที่เล็กๆ ของพวกเกาหลีที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอันใด ไม่ได้วิกฤตอันใด แสดงให้เห็นว่าโจรวัวโค่วไม่ได้คิดจะยกทัพมาทางตะวันตกในตอนนี้ สถานการณ์ยังไม่วิกฤตรุนแรง
หม่าหลินเคลื่อนกำลังทหารม้ากับทหารราบรวมแปดพัน ส่งรองแม่ทัพนำมา เหลียวซีก็มีทหารหมื่นหกพันนายมาร่วม ยังเป็นผู้บัญชาการหลี่หรูป๋อนำทัพมาเอง ทหารเก่งกล้าตระกูลหลี่ราวกับว่ามาออกศึกนี้มาหมด นับว่าได้แสดงท่าทีแล้ว เตรียมการดีแล้ว หากมีโอกาสเข้าทำศึก เช่นนั้นตระกูลหลี่ต้องใช้กำลังที่เก่งกล้าที่สุดนำชัยชนะและความดีความชอบมาให้ได้ เพื่อล้างความอัปยศที่เกิดขึ้น
ณ เสิ่นหยาง ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วก็เตรียมไปยังกองกำลังฝ่ายขวาติ้งเหลียวเมืองหวงเฟิ่งเฉิงคุมอำนาจสั่งการ ผู้ว่าการมณฑลที่อื่นมีทหารในสังกัดผู้ว่าการมณฑลสองพันถึงสามพัน นำกำลังโดยขุนพลหน่วยจู่โจม แต่ในมือสวีกว่างกั๋วกลับมีทหารเพียงห้าร้อยกว่า ที่เหลือเป็นแค่ตำแหน่งลอยๆ
แต่สวีกว่างกั๋วหากต้องการรวมกำลังจริง กำลังเก่งกล้าเขาก็สามารถรวบรวมมาได้หลายพันถึงนับหมื่นได้ เพราะรอบเหลียวหนิงมีกลุ่มพ่อค้ากับโรงบ้านเพาะปลูก มีกลุ่มผู้คุ้มกันหน่วยฝึกชาวบ้านใช้งานได้เพียงพอ
เพราะเป็นยามรบ จากเหลียวหนิงไปเมืองหลวง จากอี้โจวไปเสิ่นหยาง ล้วนจัดม้าเร็วไว้นำส่งจดหมายด่วน เพื่อให้การข่าวแต่ละแห่งไปมาถึงกันได้รวดเร็ว
ข่าวจู่เฉิงซวิ่นพ่ายแพ้จากอี้โจวมาถึง หลังสวีกว่างกั๋วเขียนคำรายงานแล้วก็รีบนำไปส่งเมืองหลวง แต่ทว่ารายงานี้ไม่ใช่ฎีกาที่ส่งเข้าวัง แต่ส่งไปยังรองเจ้ากรมหลี่ว์วั่นไฉแห่งศาลซุ่นเทียน
***************
ศึกใหญ่ใกล้ปะทุ พ่ายใหญ่ที่เกาหลี เมืองหลวงเริ่มมีบรรยากาศเคร่งเครียดปกคลุม แต่ทว่าในฐานะรองเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนเช่นหลี่ว์วั่นไฉ กลับไม่ได้ยุ่งกับงานอันใด
จากสายตาคนนอกมองมา รองเจ้ากรมหลี่ว์เหมือนว่าวันๆ ว่างงานยิ่ง ทุกวันเอาแต่พบแขกเลี้ยงแขก สบายยิ่งนัก ทำให้หลายคนไม่เข้าใจ พวกสายงานหวังทง เรื่องอื่นไม่ว่า แต่ทุกคนล้วนไม่ใช่พวกชอบเสพสุขสบาย ทุกคนล้วนรู้เช่นนี้ แต่ตอนนี้หลี่ว์วั่นไฉดูผิดปกติไปสักหน่อยแล้ว
ตั้งแต่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 17 มา บัณฑิตจิ้นซื่อจากเทียนจินก็มีสิบกว่าคนแล้ว บัณฑิตจวี่เหรินยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีมายมายในพื้นที่ ยอมเสียเงินเรียนหนังสือ อย่างไรก็ย่อมมีผลสำเร็จได้
คนเหล่านี้ไปเป็นขุนนางท้องที่ บ้างก็อยู่เมืองหลวงเป็นขุนนางบัณฑิตชิงหลิว บัณฑิตจวี่เหรินส่วนใหญ่ในเมืองหลวงและเทียนจินมีตำแหน่งงานจริง มาจากที่ใด จุดยืนก็ย่อมเอนไปทางที่นั่น ขุนนางบุ๋นจากเมืองต่างๆ แดนใต้ ทั้งวันเอาแต่ทำเพื่อพวกพ้องบ้านเกิดตน ด้านหนึ่งก็ต้องการลดภาษีการค้า อีกด้านหนึ่งก็เอาแต่ครอบครองที่ดิน พวกที่มาจากเทียนจินแน่นอนย่อมเอนเอียงมาทางเทียนจิน ผลประโยชน์กลุ่มพ่อค้าและภาษีการค้า พวกเขายังคงต้องการให้เก็บต่อไป เพราะหากลดภาษีการค้า เทียนจินกับเมืองซงเจียงย่อมไม่ลด กลับทำให้การค้าที่อื่นใช้ราคาต้นทุนต่ำแย่งชิงตลาดกับกลุ่มพ่อค้าเมืองท่า แต่การรบเพิ่มพื้นที่นั้นพวกเขาเห็นด้วย เพราะการรบรวมพื้นที่ยิ่งรุนแรง ชาวนาไร้ที่นาไร้อาชีพก็ยิ่งมาก ทำให้เมืองท่ากลุ่มพ่อค้ายิ่งได้แรงงานมาเพิ่ม การบุกเบิกพื้นที่เพาะปลูกแต่ละแห่งก็สามารถมีคนมาทำงานกันมากขึ้น
การได้รับการสนับสนุนจากขุนนางบัณฑิตนั้น ตอนนี้ทั้งราชสำนัก บัณฑิตจากเมืองซงเจียงทางใต้ บัณฑิตจากซานซี ค่อยๆ รวมเป็นเสียงเดียวกับเทียนจิน
ก่อนหน้าที่พวกเขาวิจารณ์เหมือนหรือต่างกับบัณฑิตแดนใต้นั้น หลายคนมองแล้วก็เข้าใจ ที่แท้อาศัยแอบอ้างคุณธรรม อาศัยแอบอ้างหลักการปราชญ์โบราณก็เพื่อแย่งชิงในราชสำนัก ก็เพื่อผลประโยชน์เช่นนี้
สรุปคือ ตอนนี้ทิศทางค่อนไปทางขุนนางบุ๋นกลุ่มเมืองท่ากับกลุ่มพ่อค้าอาณานิคม หลี่ว์วั่นไฉใช้งานได้ ในแง่มุมหนึ่งนั้น หลี่ว์วั่นไฉเองก็เป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดในหน่วยงานที่มีตำแหน่งขุนนาง ยังมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหัวหน้ากลุ่มพ่อค้าของหวังทง แน่นอนมีพูดจาออกเสียงได้
หลี่ว์วั่นไฉระยะนี้พบปะกับคนเหล่านี้ หากคิดให้ดีด้วยสถานะขุนนางบุ๋นก็จะพบว่า พวกเขาอย่างไรก็ย่อมมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มพ่อค้าเมืองท่าไม่มากก็น้อย มีบางคนแม้ว่าไม่ได้มาจากที่เหล่านี้ แต่ก็ได้ผลประโยชน์ไม่น้อย สายสัมพันธ์แน่นอนแน่นแฟ้นแล้ว
ขุนนางอยู่เมืองหลวงรวมพรรครวมพวกเป็นเรื่องปกติมาก หลี่ว์วั่นไฉนับเป็นสายโอรสสวรรค์ ทำเช่นนี้ยังเรียกได้ว่าเป็นการทำหน้าที่แทนฮ่องเต้ ผู้ใดกล้าหาเอาผิดไม่
ใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เมืองหลวงบรรยากาศแม้ว่าเคร่งเครียด แต่บรรยากาศเทศกาลก็ยังคงมีไม่น้อย ไช่หนานทีดูแลเทียนจินกับกองกำลังหลวงก็ย่อมกลับมารายงานการปฏิบัติงานที่เมืองหลวง พูดให้ถูกก็คือมามอบของขวัญ ทักทายกับที่ต่างๆ บางครั้งยังต้องสมาคมกับพวกชนชั้นสูง เพื่อได้รายงานกิจการพวกเขาที่เทียนจิน
ปีนี้เกาหลีมีทัพใหญ่โจรวัวโค่ว เทียนจินก็ต้องป้องกันทางทะเลอีกครั้ง ไช่หนานเข้าเมืองหลวงมายังมีงานอื่นที่ต้องทำอีก ต้องไปรายงานการเตรียมการป้องกันเทียนจินต่อเมืองหลวง
งานหลวงแน่นอนล้วนทำกลางวัน ตกค่ำก็ย่อมเป็นเวลาส่วนตัว เหมือนเมื่อก่อน ส่วนใหญ่ก็มารับเลี้ยงหลี่เหวินหย่วนไม่ก็หลี่ว์วั่นไฉ ครั้งนี้เป็นหลี่ว์วั่นไฉ
ณ จวนรองเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน คนรับใช้ได้รับคำสั่งให้ถอยออกไปหมดแล้ว บอกว่านายท่านกับไช่กงกงมีเรื่องหารือส่วนตัว คนอื่นให้ถอยหลบไป เรื่องเช่นนี้มีไม่น้อย จัดอาหารสุราเสร็จ พ่อบ้านเข้ามาดูรอบหนึ่ง จากนั้นก็ให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องถอยห่างออกไป ตนเองไปยกเก้าอี้มานั่งเฝ้าหน้าประตูชั้นนอก
“ไช่กงกง ใต้เท้าสวีเขียนจดหมายมาถึงข้า ข้าคิดว่าเขาว่ามามีเหตุผล ไช่กงกงเชิญอ่าน”
ในห้องจุดเทียนใหญ่ แขวนโคมไว้หลายแห่ง แสงสว่างมาก ไช่หนานรับจดหมายมาเปิดออก ไม่นานก็อ่านจบ ไช่หนานหยิบจอกสุราขึ้นมากลับไม่ดื่ม หากหมุนเล่นเงียบไป
“ไช่กงกง ใต้เท้าสวีกล่าวมาได้มีเหตุผล อำนาจวาสนาทุกคนล้วนขึ้นกับกั๋วกง แต่ตอนนี้กั๋วกงไปอยู่เมืองซงเจียง หลายเรื่องก็เหมือนเรือทวนน้ำจริง ไม่ก้าวหน้าไปก็ย่อมถอยหลัง ฮ่องเต้แม้ไว้พระทัย แต่อย่างไรก็ห่างไกล พระเมตตาเพียงใดก็ย่อมเริ่มจืดจาง หากต้องการให้กั๋วกงรุ่งเรืองตลอดไป ความดีความชอบไม่อาจผ่อนเบา!”
ไช่หนานวางจดหมายลง มองหลี่ว์วั่นไฉอย่างละเอียด ค่อยๆ พยักหน้า หลี่ว์วั่นไฉเขยิบเข้าใกล้กล่าวว่า
“ไช่กงกงอยู่ในกองทัพ รู้การทหาร คิดว่ากล่าวอันใดย่อมยิ่งน่าเชื่อ ท่านว่า?”