องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1082 หารือกลางดึก
พูดไปแล้วตอนแรกไช่หนานติดตามเรียนงานจากโจวอี้ในวัง เรียนรู้งานเอกสารมาไม่น้อย เรื่องการทหารก็รู้มาหมด
ต่อมาได้เป็นขันทีคุมกำลังในหน่วยหวังทง รอบกายหวังทงมีบรรยากาศเรียนรู้ที่ดี ไม่ใช่คนชั่วที่มีอันใดต้องปิดๆ บังๆ ทุกคนล้วนพยายามเรียนรู้และเข้าใจ หลายปีมานี้ คนทำงานแต่ละหน่วยงานล้วนก้าวหน้าไปได้ไม่เลว
ตอนแรกไช่หนานทำงานในวังเป็นเหมือนอาลักษณ์ ตอนนี้กลับเป็นคนที่รู้การทหารที่คนในวังยอมรับ วันหน้าหัวหน้าสำนักอาชาหลวงกับผู้ช่วยสำนักสำนักส่วนพระองค์ อย่างไรคงต้องได้สักตำแหน่ง
สวีกว่างกั๋วนำสิ่งที่ตนเองรวบรวมมาได้ทั้งหมด ที่ตนเองคิดว่ามีประโยชน์ ก็ล้วนนำส่งมาหมด เขียนไว้ในจดหมาย
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าสามารถเขียนไปบนฎีกาได้ตามอำเภอใจ จะต้องเรียบเรียงให้เรียบร้อยก่อน เพื่อหาข้อมูลที่จะนำไปสู่เป้าหมายให้มากที่สุด เช่นนี้จึงจะสามารถยิงธนูเข้าเป้า
“ข้าก็แค่รู้เรื่องการเตรียมการกองหนุน ไหนเลยเรียกว่ารู้การทหาร”
ไช่หนานกล่าวเกรงใจ แต่หยิบจดหมายถึงอ่านแต่ต้นอย่างละเอียด ครั้งนี้ใช้เวลามากกว่าเมื่อครู่ ตั้งใจอย่างมาก
พอวางจดหมายลง ไช่หนานก็คว้ากาสุรามาหมุนไปมา กล่าวว่า
“ที่จดหมายว่ามาเรายังไม่พูดถึง พูดแค่หลายวันก่อนข่าวจากบนบกและบนท้องทะเล โจรวัวโค่วแสนกว่าบุกมา น่าจะแน่นอนแล้วกระมัง?”
“กงกงอยู่เทียนจิน ข่าวน่าจะเร็วกว่าทางข้า น่าจะรับรองแล้วว่าราวสองแสนได้ คนเหล่านี้ตั้งรกรากในเมืองหลวงและเทียนจิน กล่าววาจาเหลวไหลไม่มีผลประโยชน์ใดกับพวกเขา”
“สองแสน สองแสน…”
ไช่หนานพึมพำ จากนั้นกล่าวว่า
“ตั้งแต่ฝ่าบาทครองราชย์มา ทัพใหญ่จำนวนทหารแสนกว่ามีแค่สี่ครั้ง รบเมืองกุยฮว่าเฉิง รบเจี้ยนโจว ล้วนกั๋วกงเป็นแม่ทัพ ได้รัยชัยชนะอันรุ่งโรจน์หมด เมืองเหลียวโจวตระกูลหลี่ยกทัพตะวันตกปราบตัวหลุนก็อีกครั้ง ยกทัพปราบตะวันออกเผ่าหนี่ว์เจินก็อีกครั้ง เมืองเหลียวโจวครั้งหนึ่งมีชัยยากเย็น อีกครั้งพ่ายยับเยิน ที่เหลือไม่มีใครมีคุณสมบัติพอ”
หลี่ว์วั่นไฉพยักหน้าลุกขึ้นไปหยิบพู่กัน แท่นหมึกกับกระดาษจากโต๊ะมา ฝนหมึกเตรียมจด ไช่หนานพูดช้ามาก เห็นว่าคิดไปพูดไป
“…ทหารม้าเหลียวซีห้าพันแพ้ราบที่เมืองเปียงยาง หากคิดเช่นนี้ กำลังโจรวัวโค่วย่อมไม่เป็นรองเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกล…”
พูดถึงตรงนี้ หลี่ว์วั่นไฉกล่าวเสริมว่า
“สมัยฮ่องเต้ซื่อจง โจรสลัดตะวันออกเฉียงใต้ก่อความวุ่นวาย ทหารยนอกกองทัพประเทศวัวพวกนั้นก็ทำให้แผ่นดินหมิงเราปวดหัวมากแล้ว นี่ต้องไม่ลืม นับประสาอันใดครั้งนี้เป็นมหาอำมาตย์ประเทศวัวส่งกองกำลังมาเอง”
ไช่หนานพยักหน้า
“ใช่ๆ เป็นเช่นนี้ ใต้เท้าหลี่ว์กล่าวได้ดี โจรวัวโค่วสองแสน ประเมินจากกำลังรบแล้ว คิดอย่างไรก็ย่อมรู้ได้ว่าน่ากลัวเพียงใด ไม่อาจประมาทได้ ไม่เช่นนั้นย่อมก่อให้เกิดนานวันกลายเป็นภัยสั่นคลอนแผ่นดินเรา”
กล่าวไปหลายประโยค ไช่หนานยกจอกสุราขึ้นจิบ ถามขึ้นว่า
“ใต้เท้าหลี่ว์ นำทัพปราบโจรสลัด ศึกเช่นนี้เรียกว่าเป็นศึกระดับชาติ ท่านคิดดู แผ่นดินหมิงขุนพลมากมายเพียงนี้ ตอนนี้ผู้ใดมีคุณสมบัติพอจะเป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพออกศึกนี้?”
“ไม่ปิดบังกงกง ที่ข้ารู้ก็มีแต่กั๋วกง แม่ทัพคนอื่นไม่รู้ได้”
“ยังมีผู้บัญชาการหลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ ยังมีหลี่หู่โถว”
พูดถึงหลี่หู่โถว สองคนอดไม่ได้กระแอมไอขึ้นพร้อมกัน ล้วนอึดอัด ไช่หนานกระแอมในลำคอก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“หู่โถวอายุยังน้อย ยังไม่เหมาะนำทัพใหญ่ออกศึกลำพัง ฝ่าบาทอาจไม่ทรงพิจารณา แต่ทว่าหลี่หรูซงไม่เหมือนกัน เขาอยู่เมืองเซวียนฝู่เป็นผู้บัญชาการมาหลายปี การรบใหญ่น้อยผ่านมาไม่น้อย แม้ว่าได้ความดีเพราะอาศัยกั๋วกงเรามาก แต่ความดีความชอบอย่างไรก็เห็นกันอยู่ การนำทัพออกศึกนี้อย่างไรก็แถบเมืองเหลียวโจว ไม่ว่าพื้นที่คุ้นเคยหรือว่าเคลื่อนกำลังทหารเมืองเหลียวโจวเอง หลี่หรูซงล้วนมีข้อได้เปรียบที่คุ้นเคย”
“ราชสำนักเกรงว่าคงมีคนไม่น้อยที่ไม่อยากให้กั๋วกงมีโอกาสสร้างความชอบอีก ตระกูลหลี่แต่ไรก็สายสัมพันธ์ ราชสำนักไม่เลว”
หลี่ว์วั่นไฉรับคำต่อ ไช่หนานพยักหน้า ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า
“ต้องเน้นว่าโจรวัวโค่วแข็งแกร่ง ต้องเน้นย้ำว่าศึกนี้สำคัญ ต้องเน้นย้ำว่าผู้ใดสามารถนำทัพใหญ่ได้ชัย แม้หลักการเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นแล้ว แต่ก็คงมีคนกล่าววาจาบิดเบี้ยว ผลคงไม่ได้ดีเท่าไร ขอกล่าววาจาล่วงเกิน ฝ่าบาทตอนนี้ใช้เวลาทรงพระสำราญมาก สนใจเรื่องแผ่นดินน้อยลง หลายเรื่องอาจไม่ทรงเข้าใจเหมือนแต่ก่อน เกรงว่าผู้ใดกล่าวก็คงฟังผู้นั้น”
พูดถึงตรงนี้ หลี่ว์วั่นไฉท่าทีลำบากอยู่สักหน่อย วางพู่กันลงกล่าวว่า
“กงกงกล่าวได้มีเหตุผล ตอนนี้พวกเราที่มีตำแหน่งสูง หนึ่งก็ข้า สองก็ใต้เท้าสวี นอกนั้นก็ไม่ได้มีน้ำหนักกล่าววาจาอันใด เสนาบดีกรมโยธาพานจี้ซวิ่นก็เป็นเราจ่ายเงินให้เขาประทับตรา ไม่รู้เรื่องนี้…ไม่ไปบอกเขา แต่ทางในวัง ก็ขอไช่กงกงลงแรงหน่อย”
“หนึ่งขุนนางระดับสาม อีกหนึ่งระดับสี่ กอปรกับพวกระดับหกเจ็ดอีกสองสามคน ไม่พอจริงๆ ในวังง่ายอยู่ โจวกงกงเข้าใจเรื่องนี้ มีเขาออกหน้า ยังมีเสี่ยวเลี่ยงคอยเสริม อย่างไรก็พอได้ ประเด็นยังเป็นข้างนอก ใต้เท้าหลี่ว์ ชนชั้นสูงทางนั้นมีวิธีใดหรือไม่?”
ไช่หนานส่ายหน้า หลี่ว์วั่นไฉเผยรอยยิ้มเฝื่อน ส่ายหน้าเช่นกัน กล่าวว่า
“ก็มีแต่ตระกูลเฉิน ตระกูลถัง แต่คนเหล่านี้ ไช่กงกงก็รู้ พอเห็นว่าเป็นคนเครือข่ายเรา เกรงว่าพวกเขากล่าวชื่อขึ้น ก็มีคนหาข้อตำหนิจุดอ่อนออกมากลบทันที ถึงตอนนั้นกลายเป็นการขัดแย้งในราชสำนักอีก มีเรื่องกันขึ้นมา ก็ไม่รู้ผลจะเป็นอย่างไร”
“ก็คงเป็นเช่นนี้…”
ไช่หนานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจกล่าวว่า
“อย่างไรก็ต้องทำ ใต้เท้าหลี่ว์จัดคนไปหารือพวกขุนนางบัณฑิตชิงหลิวที่ใช้งานได้ก่อน อย่างไรก็ต้องออกเสียง หากเงียบ ก็ถูกคนอื่นคิดไปเองว่าเห็นด้วย อย่างไรก็ต้องเริ่มก่อน”
“วันนี้ขอตัดสินใจเรื่องนี้กับไช่กงกงเป็นหลักการก่อน พรุ่งนี้ก็จะให้พวกเขาเริ่มยื่นฎีกา ต้องรอดูทางใต้เท้าสวีแล้ว ใต้เท้าสวีทางนั้นว่าจะลงมือบางอย่าง ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องขึ้นมา”
*****************
ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วส่งคนมาเมืองหลวงไม่หยุด ฎีกาหนึ่งส่งเข้าวัง รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ ไม่รู้เป็นเพราะเจตนาหรือไม่ หลังฎีกานี้เข้าวังก็มักมีข่าวแพร่ออกมารวดเร็วมาก ราชสำนักล้วนรู้กันหมด ในวังปิดอันใดไม่มิด ไม่อาจเก็บเรื่องใดได้สักเรื่อง เรื่องนี้ไม่เท็จ ทุกคนไม่ได้รู้สึกแปลกใจอันใด ก็ปล่อยไปละกัน
แต่หากมีคนคิดใส่ใจตรึกตรองดู ก็จะพบกว่าข่าวรั่วไหลนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนรั่วไหลไปยังมีระเบียบรั่ว แม้ว่าเป็นเรื่องฎีกาเหมือนกัน แต่ก็ย่อมมีแค่บางส่วนทุกคนล้วนรู้ บางส่วนทุกคนไม่รู้ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะหากเป็นฎีกาเหลียวหนิง ไม่ว่าใหญ่เล็ก ล้วนแพร่ไปทั่วเมืองหลวง และข่าวยังได้ความครบถ้วน เห็นได้ชัดว่ามีคนได้อ่านฎีกาก่อน
ตอนนี้มีหลายเรื่องเช่นนี้ ไม่มีใครสนใจเรื่องในฎีกาว่าเผยมาจากไหน จะว่าไปฎีกาพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้พวกเขาแพร่กันไปก็แล้วกัน
ฎีกาสวีกว่างกั๋วกล่าวไว้ไม่น้อย แต่ทว่าขุนนางใหญ่ราชสำนักอ่านแล้ว สถานการณ์ตอนนี้สำคัญมาก เรื่องที่กล่าวในฎีกาเกรงว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกินไปสักหน่อย
เช่นที่สวีกว่างกั๋วว่า ขุนพลเหลียวซีสนใจแต่การทำกาค้า ทหารติดตามฝึกซ้อมน้อยมาก ล้วนใช้ไปคุ้มกันขบวนการค้า เข้าออกในนอกแผ่นดินหมิงขุนพลทหารเหลียวซีในและนอกด่านล้วนมีกิจการกันมาก ที่เทียนจินราวกับทองคำทุกตาราง ขุนพลเหลียวซีกลับมีการค้าแน่นขนัดไปทุกตารางนิ้ว ร้านค้าจำนวนไม่น้อย
สถานการณ์ที่ทุกคนลงมือ ขุนพลได้ใจ หัวหน้าทหาร และพลทหาร ไม่มีแต่ใจเป็นทหารเพื่อแผ่นดิน ล้วนแย่งชิงกันทำการค้า ทุกครั้งที่คุมขบวนการค้าไปก็มักมีสินค้าตนเองติดไปด้วย
ทหารไม่ทำการทหาร กลับไปมุ่งแต่ร่ำรวยการค้า กองกำลังเช่นนี้เรียกว่ากำลังอันใดกัน จู่เฉิงซวิ่นพ่ายที่เปียงยาง เห็นว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่ความจริงนั้นอาจไม่ใช่
สวีกว่างกั๋วยังตำหนิตนเองในฎีกาไม่น้อยว่า หลังตนเองมายังเหลียวหนิง เพราะเป็นมณฑลใหม่ เหลียวหนิงไม่มีผู้ตรวจการเขต ผู้ว่าการมณฑลคุมคนเดียว ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทกำลังไปกับการดูแลเรื่องราษฎร เรื่องการทหารไม่ได้ดูแลดีนัก เหลียวหนิงสามพื้นที่จากเมืองเหลียวโจวเดิม หลังจากสูญเสียใหญ่หลวงในศึกกับเผ่าหนี่ว์เจินและมองโกลร่วมกำลังกันครั้งนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ฟื้นคืนมา
ยังไม่ได้ฟื้นคืนมายังไม่เป็นไร ทหารสามพื้นที่ยังคงรักษาความสงบเหลียวหนิงได้ นำทหารสามพื้นที่ออกรักษาความสงบจึงเหมือนเป็นการใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่ เหลียวหนิงตอนนี้แม้ว่าเป็นแค่เขตเหลียวตง แต่ความจริงนั้นเป็นพื้นที่ควบคุม ราษฎรไปมาเข้าออก เป็นราษฎรทุ่งหญ้ากับแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน และยังมีชาวเมืองเหลียวโจว บนทุ่งหญ้ากับเผ่าเล็กใหญ่แม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน ล้วนไม่ได้ยอมศิโรราบทั้งหมด
เหลียวหนิงสามพื้นที่ ต้องรักษาความสงบสุขในพื้นที่ตลอดเวลา ไม่ได้ว่างเว้น และแต่ไรมาก็ไม่เคยได้เสริมกำลังเต็มประสิทธิภาพ
สวีกว่างกั๋วได้ความจากปากทหารเกาหลี จากปากพ่อค้า ว่าพวกโจรวัวโค่วล้วนเป็นทหารเก่าที่ประจำการมานานและเชี่ยวชาญการศึก เก่งกล้าสามารถ ยังมีปืนไฟแสนร้ายกาจ
สวีกว่างกั๋วกล่าวไม่ปะติดปะต่อ แต่รวมๆ ดูแล้ว ก็ทำให้คนเกิดภาพในใจได้ง่ายว่า เหลียวหนิงต้องรักษาสถานการณ์เหลียวหนิงตอนนี้ก่อน เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว กำลังเดิมเมืองเหลียวโจวยังไม่ได้ฟื้นตัว กลับถดถอยลงเรื่อยๆ ทัพใหญ่โจรวัวโค่วรุกรานเกาหลีแข็งแกร่งมาก ไม่อาจประมาท ทหารพื้นที่เหลียวหนิงนำมาใช้การไม่ได้ ก็ย่อมต้องเคลื่อนกำลังที่อื่นไป ในเมื่อทหารเหลียวหนิงย่ำแย่ใช้ไม่ได้ เช่นนั้นผู้บัญชาการหลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ก็ไม่มีข้อได้เปรียบที่คุ้นเคยกับทหารเมืองเหลียวโจวอีกแล้ว
โจรวัวโค่วแข็งแกร่งมาก ราชสำนักจะต้องส่งกำลังทัพใหญ่ไปปราบถึงจะปราบได้ราบคาบ ผู้ใดเป็นทัพใหญ่ ผู้ใดจะรับหน้าที่นี่ได้ดี…
แต่ทว่าสวีกว่างกั๋วสถานะชัดเกินไป ไม่ได้เป็นกลาง การกล่าวชักนำจึงไม่ได้ผลมาก นี่เป็นเรื่องที่ทำอันใดไม่ได้
แผ่นดินหมิงทุกระดับตอนนี้พากันมุ่งไปยังเรื่องที่ว่าผู้ใดควรได้เป็นแม่ทัพออกศึก