องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1083 ผู้ได้รับเลือก
แม้สวีกว่างกั๋วยื่นฎีกาไม่หยุด แต่สถานการณ์ก็ยังคงเป็นไปในทิศทางแบบที่พวกหลี่ว์วั่นไฉวิเคราะห์ สวีกว่างกั๋วพูดมา คนอื่นๆ ก็รีบพากันสนับสนุนตาม
ประเด็นก็คือวาจาสวีกว่างกั๋ว สถานะชัดเกินไป วาจาที่กล่าวมาก็ดูมากเกินไป พลังชักนำจึงไม่ค่อยได้ผล
ทุกคนล้วนมองออกถึงเจตนาของสวีกว่างกั๋ว ก็แค่เพื่อคิดให้หวังทงได้ออกศึกนำกำลังอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด หวังทงตอนเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเมืองหลวง ทุกคนในเมืองหลวงถูกข่มแทบหายใจไม่ออก ขุนนางแค่ขยับ เขาก็เงื้อดาบแล้ว
หากครั้งนี้ให้เขาไปปราบโจรวัวโค่วที่เกาหลีอีก สร้างความชอบอีก จากนี้ทุกคนจะทำเช่นไร แม้ว่าไม่ได้มีภัยถึงชีวิตตน แต่คนเช่นนี้อย่างไรก็ทำให้ทุกคนเหมือนถูกจำกัดอิสรภาพ
พูดไปแล้วก็น่าแปลก ตั้งแต่ได้ข่าวโจรวัวโค่วรุกรานเกาหลี จากนั้นข่าวมาถึงตอนนี้ ราชสำนักแผ่นดินหมิงถึงกับไม่มีคนคิดว่าจะแพ้ การทหารเปลี่ยนแปลงง่าย แพ้ชนะไม่อาจคาดเดา ผู้ใดก็ไม่กล้ามั่นใจเต็มที่ แต่แผ่นดินหมิงครั้งนี้กลับมั่นใจเช่นนี้
แม้จู่เฉิงซวิ่นนำทหารม้าหลายพันบุกเข้าเปียงยางถูกลอบโจมตีพ่ายแพ้ยับเยิน แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าปราบวัวโค่วที่เกาหลีเป็นการสร้างความชอบใหญ่
สถานการณ์ตอนนี้อย่างไร แน่นอนไม่อาจกล่าวได้ แต่ทว่าชัยชนะนี้ย่อมเป็นของแผ่นดินหมิง ตอนนี้เมืองหลวงไม่มีคนกล่าวเช่นนี้ ไม่มีคนเขียนอะไรเช่นนี้ออกมา แต่ทว่าการวิเคราะห์ทุกสิ่งอย่างล้วนได้ข้อสรุปว่า ผู้ใดเป็นแม่ทัพใหญ่ ผู้นั้นก็ได้ความชอบใหญ่ ผู้นั้นก็ย่อมเป็นที่ยอมรับอย่างมากในวันหน้า
ตั้งแต่รัชสมัยว่านลี่ที่ 5 มา แผ่นดินหมิงรบต่างชาติ ล้วนมีอุปสรรคบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะชนะติดๆ กัน ภัยนอกด่านแผ่นดินหมิงพวกนั้น ที่มีกำลังหลายหมื่นถึงแสนอันแสนแข็งแกร่ง ก็ถูกปราบสิ้นชาติไปหมดแล้ว
มีชัยชนะเช่นนี้อยู่ ทุกคนก็ย่อมวิเคราะห์เหตุในเกาหลีได้ว่า แผ่นดินหมิงย่อมมีชัย แผ่นดินหมิงย่อมมีชัยชนะใหญ่
สวีกว่างกั๋วกล่าวเช่นนี้ มีขุนนางกรมปกครองและขุนนางกรมทหาร ยังมีขุนนางบัณฑิตที่เคยไปเหลียวหนิงพากันวิพากษ์วิจารณ์ ล้วนว่าตระกูลหลี่พ่ายแพ้ใหญ่ครั้งนั้นมาก็พยายามฝึกทหาร กำลังรบเก่งกล้ากว่าแต่ก่อนแล้ว แต่การพ่ายศึกมาของจู่เฉิงซวิ่น ทำให้คำวิจารณ์นี้ไม่มีน้ำหนักพอ
ดังนั้นเมืองหลวงจึงไม่ให้ค่าคำให้การจู่เฉิงซวิ่น ล้วนว่าคนผู้นี้ไม่ชำนาญการนำทัพ ปกติคงเอาแต่สนใจเรื่องการค้าหากำไร ทหารไม่อาจเรียกได้ว่าทหาร
ผู้ตรวจการเหลียวหนิงกล่าววาจาได้มีน้ำหนัก จากการรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ การวิจารณ์เขาต่อตระกูลหลี่ย่อมมีความน่าเชื่อถือ ว่าตระกูลหลี่รู้อับอายและคิดต่อสู้ ทุกคนประสานใจเป็นหนึ่ง ฝึกฝนทหารไม่ย่อหย่อน
แน่นอนประเด็นไม่อยู่ที่ตระกูลหลี่เหลียวซี ต้องการบอกแค่ว่าทหารตระกูลหลี่เหลียวซียังใช้การได้ ทหารยังชำนาญการรบได้อยู่ ประเด็นนี้อยู่ที่ต้องการกล่าวสรรเสริญผู้บัญชาการหลี่หรูซง เมืองเซวียนฝู่
หลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ควรค่าแก่การได้รับการกล่าวสรรเสริญจริง เช่นว่าตั้งแต่ต้นรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 เริ่มมีชัยใหญ่น้อย เข้าร่วมการรบล้วนนำหน้าออกศึก ทุกคนร่วมใจสละชีพ ยังมีอีกเรื่องนี้ กองกำลังหลวงกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธนำกำลังออกต่อสู้ หลี่หรูซงล้วนร่วมด้วย ตัดหัวมาได้ไม่น้อย และนับเป็นความชอบที่เห็นกัน และเพราะเขาโชคไม่เลว หลายครั้งที่ตระกูลหลี่แพ้มานั้นล้วนไม่มีเขาร่วมศึก
ขุนพลทหารเช่นนี้ คุณสมบัติเพียงพอ ความชอบก็เพียงพอ และหลี่หรูซงก็มีสายสัมพันธ์กับเครือกองกำลังหลวง หวังทงไม่เลว ทุกคนร่วมมือกันมาก เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
หลังผู้บัญชาการหลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่ได้รับเสนอเป็นแม่ทัพ เสียงคัดค้านในราชสำนักไม่มาก แม้แต่คนที่มีจุดยืนเป็นกลางในราชสำนักก็ยังไม่กล่าวอันใด
หลี่หรูซงยังถวายฎีกาฮ่องเต้ว่านลี่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ความมั่นคงชายแดนแผ่นดินหมิงกับเกาหลี เคลื่อนกำลังเป็นเรื่องต้องวางแผน การป้องกันต้องทำก่อน และยังส่งสายไปสืบข่าวในเกาหลีด้วยตนเอง เพื่อให้เข้าใจสภาพการณ์ได้มากยิ่งขึ้น
ความเห็นนี้หวังทงก็เคยออกความคิดมาก่อน ดังนั้นฮ่องเต้ว่านลี่จึงทรงคิดว่าหลี่หรูซงเหมาะสมจริง นับว่าเป็นขุนพลทหารที่มีความเชี่ยวชาญ
************
แย่งชิงส่วนแย่งชิง ในเรื่องสถานการณ์เกาหลี กรมทหารให้ความสำคัญเพียงพอ กองกำลังหู่เวยหน่วยของหานกังประจำเมืองหลวงถูกส่งไปตั้งค่ายที่เมืองหย่งผิง มีขบวนทัพม้ากองกำลังหู่เวยกองกำลังหลวงครึ่งหนึ่ง เมืองจี้โจวกับที่อื่นๆ ให้ส่งกำลังเก่งกล้ามาสี่พันตามไปด้วย
นี่เป็นการรับมือที่ระมัดระวังรอบคอบ หากสถานการณ์เหลียวหนิงมีการเปลี่ยนแปลงอันใด ทหารเก่งกล้าที่สุดของกองกำลังหลวงก็จะรับมือได้ทันทีที่รู้ข่าว
ผู้ว่าการมณฑลสวีกว่างกั๋วได้รับสิทธิจัดการยิ่งมาก ความจริงนั้นตอนนี้สวีกว่างกั๋วว่าเป็นผู้บัญชาการใหญ่เหลียวหนิงสามพื้นที่จะเหมาะสมกว่า เพื่อให้ทำงานสะดวก สวีกว่างกั๋วมีอำนาจสั่งการสามผู้บัญชาการ เพียงแต่คำสั่งต้องส่งไปรายงานเมืองหลวงตลอดเวลา นับว่าเป็นขั้นตอนการดำเนินงาน
ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วเคลื่อนกำลังทหารม้าสี่พันของผู้บัญชาการเหลียวตงหม่าหลินไปยังเหลียวหนาน ผู้บัญชาการเหลียวซีหลี่หรูป๋อก็นำกำลังเก่งกล้ามาสมทบแล้ว ผู้บัญชาการเหลียวหนานซุนโส่วเหลียนแน่นอนเคลื่อนกำลังมาทั้งหมด
นอกจากการจัดการเหล่านี้แล้ว ผู้ว่าการมณฑลสวีกว่างกั๋วยังดำเนินการเรียกกำลังพล หน่วยฝึกซ้อมชายแดนกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธถูกเรียกกำลังมาได้ราวสามพันกว่า รวมกับทหารของเขาเอง ก็ราวสี่พันกว่า ใช้เพื่อเป็นกำลังสำหรับกองกำลังฝ่ายขวาติ้งเหลียว
ราชสำนักผู้ใดเป็นแม่ทัพใหญ่ยังคงเป็นที่ถกเถียง ขุนนางล้วนรู้สึกไม่ดีนักกับการเป็นเพียงแค่บัณฑิตจวี่เหรินของสวีกว่างกั๋วแล้วได้มาเป็นผู้ว่าการมณฑล การร่วมถกเถียงกันครั้งนี้ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ไม่ดี
แต่ทว่าการเตรียมการต่างๆ ในเหลียวหนิง มีเรื่องหนึ่งที่ทุกคนไม่อาจไม่ยอมรับ สวีกว่างกั๋วเป็นขุนนางสามารถจริง เขามาถึงเหลียวหนิงได้ไม่ถึงสองปี ก็สะสมเสบียงและเงินทองได้มากมายเพียงนี้ ครั้งนี้ทัพใหญ่เคลื่อนกำลังล้วนใช้จากกองนี้ ลดความยุ่งยากไปได้มาก
*************
เวลาผ่านไปเร็วมาก ต้นเดือนเก้า ทัพใหญ่โจรวัวโค่วเข้าสู่เกาหลีแต่ไม่ได้ทำการอันใด ตอนกลางของเมืองพยองอัน ทหารเกาหลีที่ยังหลงเหลือถึงกับตีโต้คืนไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ทัพใหญ่อันใด ปราบทัพใหญ่โจรวัวโค่วไม่ได้มากนัก แต่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นมาเป็นคู่ต่อสู้กันได้อย่างน่าแปลกใจ
สายที่ส่งเข้าไปในเกาหลีก็ไม่ได้ผลอันใด คนเกาหลีเองเห็นสถานการณ์ไม่ได้วุ่นวายมากนัก ก็เริ่มเข้ามาแจ้งข่าวในพื้นที่เกาหลีแผ่นดินหมิง
ในที่สุดแผ่นดินหมิงก็รู้แล้วว่าเมืองเปียงยางมีทหารประเทศวัวเท่าไร แม่ทัพเป็นผู้ใด แม้ข่าวนี้อาจไม่แน่นอนนัก แต่ก็เชื่อได้กว่าข่าวก่อนหน้ามากนัก
ทัพใหญ่โจรวัวโค่วหนึ่งหน่วยกองกำลังอยู่ในเมืองเปียงยาง หัวหน้าทหารกองนี้ก็คือโคนิชิ ยูกินากะ กำลังราวไม่เกิน15,000 – 20,000 หัวหน้าทหารหลายคนตำแหน่งอะไรก็ทำเอางง แต่เทียบกันแล้ว ก็ราวกับผู้บัญชาการ ดีมาก โจรวัวโค่วถึงกับส่งผู้บัญชาการสิบกว่าคนมายังเกาหลี!
เหตุใดที่หยุดรบได้คำตอบแล้ว เกาหลีแพ้เร็วเกินไป ทัพใหญ่โจรวัวโค่วรุกเร็วไป ผลปรากฏเข้ามาเปียงยางแล้วกองหลังยังตามมาไม่ทัน
เกาหลีเดิมก็ยากจนข้นแค้น เสบียงอาหารอันใดก็สะสมไว้ที่เมืองใหญ่กับเมืองทางใต้ไม่กี่เมือง ทัพใหญ่โจรวัวโค่วบุกเข้ามาอย่างเหิมเกริมอันธพาลยิ่ง สังหารปล้นชิง การทำการไม่เกรงกลัว เสบียงมากมายล้วนถูกเผาทำลายอย่างไม่ทันระวัง จากนั้นก็สังหารปล้นหมดเกลี้ยง ศพมากไป ถึงกับเกิดโรคระบาดตามมา
เมืองเปียงยางไปทางตะวันตกและทางเหนือล้วนไม่มีเมืองใหญ่ที่จะสะสมเสบียงไว้เพียงพอ ดังนั้นทัพใหญ่จึงได้แต่หยุดพักในเมืองเปียงยาง ล้วนกำลังขนย้ายศพ และยังออกปล้นเสบียงชาวบ้าน ถึงกับเร่งให้ชาวนาเกาหลีเพาะปลูก หวังว่าจะได้รับเสบียงมาเพิ่มได้บ้าง
ครั้งนั้นที่จู่เฉิงซวิ่นบุกเข้าไป ทหารม้าหลายพันถูกทัพใหญ่โจรวัวโค่วล้อมโจมตีในพื้นที่ที่ได้เปรียบ ถูกตีพ่ายยับเยินมา มีแต่แม่ทัพหนีออกมาได้ ทัพใหญ่โจรวัวโค่วได้เปรียบเช่นนี้ จำนวนคนและพื้นที่ล้วนได้เปรียบอย่างมาก แต่ก็ทำให้บาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าสามพัน
จำนวนคนบาดเจ็บล้มตายทำให้ขุนพลทหารโจรวัวโค่วอึ้งไป คิดไม่ถึงกองกำลังหมิงจะต่อสู้ได้ถึงระดับเพียงนี้ ทหารม้ากองกำลังหมิงยังเหมือนว่ามีชุดเกราะแบบพวกป่าเถื่อนทางใต้ นี่เป็นเรื่องที่ขุนพลทหารโจรวัวโค่วคิดไม่ถึง ที่ญี่ปุ่นเรียกว่าป่าเถื่อนทางใต้ก็คือพวกโปรตุเกสกับพวกคนสเปน เกราะพวกเขาเป็นที่นิยมในหมู่ไดเมียวประเทศวัว
การต่อสู้กับการเตรียมตัวของกองกำลังหมิงทำให้โจรวัวโค่วไม่กล้าเคลื่อนไหวพลการ โคนิชิ ยูกินากะเขียนจดหมายจากกรุงโซอุลกลับไป สำหรับทัพหมิงนั้น กล่าวว่าทุกอย่างรอทัพใหญ่มาถึงแล้วค่อยเดินหน้า ไม่เช่นนั้น หากเสี่ยงภัยไป เกรงว่าอาจทำให้กองกำลังหมิงผิดพลาดเหมือนครั้งก่อน
ตอนนี้เกาหลีที่ติดกับแผ่นดินหมิงเริ่มเคร่งเครียด ทัพใหญ่รวบรวมกำลังไม่หยุด แต่เพื่อเพียงแค่ป้องกัน ไม่กล้าเคลื่อนไหว
**************
ทหารแผ่นดินหมิงไม่ร้อนใจกับทัพใหญ่โจรวัวโค่ว ที่ร้อนใจย่อมเป็นพระราชาและขุนนางเกาหลี พวกเขานั่งกินนอนกินดูสถานการณ์ เงินทองที่ติดตัวมาก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย จู่เฉิงซวิ่นพ่ายที่เปียงยางมาแล้วก็ให้เหตุผลหลายประการ ทำให้พวกเกาหลีตอนนี้กำลังเคร่งเครียด
พวกเขาเองก็เข้าใจ หากไม่ให้คำอธิบายที่เหมาะสม เกรงว่าคงยุ่งยากใหญ่ ผลปรากฏปลายเดือนแปดผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วมาถึงอี้โจวด้วยตนเอง เพื่อรับคำอธิบายจากพระราชาซอนโจแห่งเกาหลี
ส่วนที่จู่เฉิงซวิ่นกล่าวถึงเหตุที่พ่ายศึก พระราชาซอนโจให้คำอธิบายเช่นนี้ เกาหลีคิดขอบัญชาการทหารหมิงเองนั้น เป็นเพราะขุนนางเกาหลีเร่งร้อนใจฟื้นคืนแผ่นดิน ลืมธรรมเนียม เรื่องการเสบียงไม่พร้อมนั้น ก็เพราะพื้นทีเกาหลีขัดสนยากแค้น เสบียงขาดแคลน ไม่อาจจัดการให้ได้ สำหรับทหารเกาหลีทหารหนีกระจาย บนสนามรบปะทะกับข้าศึกใหญ่ ถึงกับมีธนูเกาหลียิงใส่ทหารหมิง เรื่องนี้เกาหลีเกือบประเทศถูกโจรวัวโค่วยึดครอง มีคนไม่น้อยแปรพักตร์ไปใฝ่ศัตรู บางทีอาจมีคนทรยศแทรกซึมอยู่
คำอธิบายนี้ร่างเป็นฎีกาส่งไปแล้ว ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงมีดำรัสในฎีกาว่า ‘วันหน้าหากเป็นเรื่องการศึกเกาหลี เพื่อสะดวก ไม่จำเป็นต้องกบอกกล่าวเกาหลี