องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1089 คัดเลือกทหาร รวมกำลังพล
ราชโองการประกาศไปแล้ว ทุกคนในจวนเหลียวกั๋วกงรู้แล้ว ปฏิกิริยาแตกต่างกันไป ทหารติดตามล้วนดีใจตื่นเต้นยกใหญ่ สามารถออกศึกสนามรบได้แล้ว สร้างความดีความชอบสำหรับขุนนางบู๊ที่รักความก้าวหน้า เป็นการแสวงหาชั่วชีวิต ตอนทหารติดตามตื่นเต้นดีใจ นายอำเภอซั่งไห่หยางซือเฉินก็ส่งคนมาบอกทหารติดตามหวังทงให้ทำตัวสงบหน่อย อย่าได้ทำจนเป็นบรรยากาศน่ายินดีเช่นนี้
นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการใส่ใจความรู้สึกผู้อื่นใด แต่เป็นบรรดาสตรีในจวนเหลียวกั๋วกง หยางซือเฉินอยู่ข้างกายหวังทงมานาน สองฝ่ายล้วนคุ้นเคยมานาน บรรดาภรรยาไปมาหาสู่กันไม่น้อย
หยางซือเฉินรับรู้ผ่านทางบรรดาภรรยาว่าพวกภรรยาหวังทงคิดเช่นไร พวกนางไม่ยินดีกับการออกศึกหวังทงครั้งนี้ ตื่นตกใจหวาดกลัวเป็นเรื่องจริง
ข่าวทางการบางแหล่ง สตรีในจวนเหลียวกั๋วกงรู้ โจรวัวโค่วสองแสนทัพใหญ่บุกเกาหลี และยังร้ายกายอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องนี้พวกนางเองก็รู้
แหล่งข่าวจากหลายแหล่ง อย่างไรก็ล้วนรู้สึกว่าครั้งนี้ออกศึกเสี่ยงภัยเกินไป จะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร และตอนนี้ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว สามีตนต้องขึ้นเหนืออีกแล้ว หลายเดือนหรืออาจครึ่งปีที่ไม่อาจกลับมา ผู้ใดก็ยอมรับไม่ได้ หากตอนนี้ทหารติดตามอยู่ข้างนอกตื่นเต้นยิ้มแย้มอยากออกศึกมาก ก็ยิ่งราวกับราดน้ำมันบนกองไฟ
ไม่ต่างกับที่หยางซือเฉินคาดไว้มากนัก พอราชโองการมาถึง หวังทงส่งผู้แทนพระองค์ประกาศราชโองการกลับไปแล้ว เดินกลับเข้าจวน บรรดาภรรยาก็มาอยู่รวมกัน
หวังเซี่ยเดิมทีจูงมือหวังจงกับหวังหลันที่เริ่มเดินได้วิ่งเล่นในห้องก็ถูกหานเสียตำหนิเสียงดัง หวังเซี่ยถูกหานเสียเอาใจมาก ไม่ค่อยได้เจอน้ำเสียงเข้มงวดเช่นนี้ จึงตกใจร้องไห้ เป็นซ่งฉานฉานเข้ามาปลอบใจอ่อนโยน สั่งให้สาวใช้พาเด็กๆ ออกไป
หวังทงนั่งอยู่ในห้อง มองไปยังบรรดาภรรยาทุกคน รู้สึกบอกไม่ถูก ก่อนรับราชโองการก็ได้ข่าวแน่นอนมาแล้ว เดิมคิดว่าตนเองสามารถรับมือได้ปกติ คิดไม่ถึงว่าพอประกาศราชโองการ หวังทงเองรู้สึกว่าตนเองตื่นเต้น ขุนนางบู๊ย่อมไม่อาจห่างไกลสนามรบ ยามสันติสุข สำหรับพวกเขาแล้วช่างน่าเบื่อจริง
คิดถึงโลกก่อนของตนเอง แล้วคิดถึงโลกนี้ของตนเอง หวังทงได้แต่ทอดถอนใจ เขาตื่นเต้นยินดีเป็นเรื่องหนึ่ง แต่บรรดาภรรยาล้วนก้มหน้านิ่งนั่งอยู่ข้างๆ หลูรั่วเหมยกับจางหงอิงยังเอาแต่หลั่งน้ำตาไม่หยุด บรรยากาศทำให้หวังทงอึดอัดมาก
“พวกเจ้าทำไมเป็นแบบนี้ ข้าไม่ได้ไปออกศึกปีแรกเสียหน่อย ครั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่ากลับมาดีๆ หรอกหรือ อย่าร้องไห้ๆ ทำลูกๆ ตกใจหมดแล้ว”
ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ หวังทงเองไม่รู้กล่าวอันดี ได้แต่ยิ้มแห้งๆ กล่าวเช่นนี้ ยามนี้ซ่งฉานฉานแน่นอนไม่ยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นนี้ตนก็มีส่วนร่วม พูดไปเกรงว่าจะกลายเป็นศัตรูกับบรรดาภรรยาหวังทง นางแค่เขยิบเข้าไปใกล้หานเสียกระซิบ
หานเสียจึงได้เงยหน้าขึ้น กล่าวเบาๆ ว่า
“ท่านพี่ไปเกาหลีครานี้ต้องคิดถึงภรรยาที่บ้าน ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ต้องรักษาตัวเองให้ปลอดภัย”
กล่าวถึงสุดท้ายก็สะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป ขอบตาแดงก่ำ น้ำเสียงเริ่มสะอื้น สตรีในห้องล้วนถูกฉุดอารมณ์ไปด้วย เดิมทีสามคนยังแสดงท่าทีสงบ ตอนนี้ก็พลอยร้องไห้ไปด้วย
“ไอยา…พวกเจ้าก็ช่าง…พวกเจ้าก็ช่าง…”
สถานการณ์เช่นนี้ หวังทงคิดไม่ถึง พึมพำไปสองสามคำ ก่อนจะไม่รู้กล่าวอันใดดี
***************
ราชโองการในเมื่อประกาศแล้ว ไม่ว่าในจวนเหลียวกั๋วกงจะเสียใจอย่างไรหรือไม่ยินยอมอย่างไร หวังทงก็ต้องนำทัพออกศึก เขาเตรียมการอยู่เมืองซงเจียง ฎีกาต่างส่งไปยังเมืองหลวง
ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซงนำกำลังสี่พันไปยังเมืองเหลียวโจวแล้ว เตรียมออกศึกเกาหลี ในเมื่อให้หวังทงเป็นแม่ทัพใหญ่ ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซงนำกำลังไปกองนี้ก็เท่ากับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหวังทง นับว่านำทัพออกศึกนำเป็นกองหน้าก่อน
ทางหวังทงก็ไม่ต่างจากที่ทุกคนคาดเดา รวมกำลังกองกำลังหู่เวย แต่ไม่ได้มาหมด เดิมที่แบ่งไปประจำแต่ละหน่วยกำลัง ตอนนี้ล้วนขยายจากสามเป็นสี่หน่วย หวังทงขอให้แต่ละหน่วยส่งกำลังมาหนึ่งกอง ทหารใหม่ครึ่งเก่าครึ่ง ให้ใช้ระบบกองกำลังวังหลวงในพื้นที่นำกำลังมา
ก็หมายความว่า กองกำลังหลวงเดิมเจ็ดหน่วย ครั้งนี้ล้วนให้หัวหน้าทหารแต่ละหน่วยเดิมนำกำลังมา ทหารม้ากับกองปืนใหญ่แน่นอนตามมาด้วย แต่สำหรับทหารคนสนิทหวังทงแล้ว ความจริงนั้นทัพใหญ่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกับตอนยกทัพปราบตะวันออกเจี้ยนโจว
แต่ทว่าทัพใหญ่โจรวัวโค่วสองแสน หวังทงเองไม่อาจนำกำลังทหารหมื่นนายไปสู้ นอกจากกองกำลังหลวงเดิมแล้ว ยังขอให้นอกจากเมืองกานซู่กับเหลียวหนิง ทหารเมืองชายแดนอื่นให้นำกำลังเก่งกล้ามาพันห้า ในนี้ทางต้าถงยังเพิ่มทหารม้ามาอีกสามพัน ให้รองแม่ทัพหม่านำกำลัง เมืองจี้โจวให้นำทหารราบห้าพันมาเพิ่ม เมืองจี้โจวให้รองแม่ทัพหยางนำกำลัง นอกจากนี้ ยังขอราชสำนักอนุญาตให้สามารถรวมกำลังทัพใหญ่จากบรรดาผู้กล้านับรบได้อีก
กองกำลังหลวงทั้งทหารราบ ม้า ปืน ปืนใหญ่ ราวหมื่นแปดพันกว่า เมืองชายแดนเติมทหารมาอีกราวสองหมื่น หากนับทหารสามพื้นที่เหลียวหนิง ก็เป็นทัพใหญ่แสนกว่าขึ้นไป เรียกได้ว่าเป็นการเคลื่อนกำลังแผ่นดินหมิงในหลายปีนี้ที่ใหญ่ที่สุด
แต่ทว่าหวังทงกล่าวชัดเจนในราชโองการแล้วว่า กองกำลังหลวงกับทหารกองกำลังอื่นที่ว่าเป็นทหารออกศึกได้ก็คงเหลียวหนิงสามพื้นที่มีกำลังทหารราวสองหมื่น ที่เหลือได้แต่ทำงานอื่นในกองทัพ ไม่ก็ติดตามดูแลกองทัพใหญ่ หากออกไปสังหารกันบนสนามรบจริง เกรงว่านำไปใช้ไม่ได้
ก็หมายความว่า ทัพใหญ่แสนกว่า สามารถออกศึกได้จริงก็ราวหกหมื่น ดังนั้นต้องรวมกำลังนักรบผู้กล้าจากหน่วยฝึกมาเสริมกำลังอีก
ที่หวังทงกล่าวมาล้วนเป็นความจริงที่ทุกคนรู้กันอยู่ ทุกคนล้วนไม่โต้แย้ง ที่มาพร้อมกับฎีกาหวังทง ยังมีจดหมายลับอื่นอีก จดหมายว่า เมืองชายแดนหลังปฏิรูป ขุนพลชายแดนเดิมส่วนใหญ่ยังเก็บทหารม้าตนไว้ ทหารราบกลับไม่ได้รับความสนใจ ทหารราบเก่งกล้าเหล่านี้ทิ้งไปก็น่าเสียดาย ไปร่อนเร่ที่ใดก็ย่อมเป็นภัย อาศัยโอกาสนี้ ให้พวกเขาผสมผสานเข้ากับกองกำลังหลวง วันหน้าให้อยู่ใต้บังคับกองกำลังหลวงแต่ละเมือง
นโยบายนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่กับมหาอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยล้วนเห็นชอบว่าดีเยี่ยม อย่างไรก็ไม่เสียเงินทองกับกำลังมาก สามารถประสานรวมตัวเข้ากับกำลังวังหลวงได้ นับว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว แน่นอนเป็นแผนดี
นอกจากทหารบกแล้ว หวังทงยังเสนอในฎีกาเป็นพิเศษว่า เกาหลีติดทะเล โจรวัวโค่วรุกรานเข้ามาทางท้องทะเล ดังนั้นต้องเคลื่อนกองกำลังทางน้ำมาด้วย
ครั้งนี้หวังทงเจาะจงชี้เลือกขุนพลโดยตรง เฉินหลินแห่งกองทัพเรือสำรองกวางตุ้งเป็นตัวเลือก ตัวเลือกนี้ทุกคนในราชสำนักไม่มีความเห็นค้าน เพราะเรื่องกองกำลังทางน้ำ เฉินหลินเป็นอันดับหนึ่งบนแผ่นดินหมิงตอนนี้ แต่ไรก็อยากจะเสนอตำแหน่งให้เฉินหลินได้ดูแลกองกำลังทางน้ำตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินหมิง
ราชสำนักให้ความสำคัญกับเฉินหลินมาก หนึ่งเป็นเพราะตอนนี้ท้องทะเลแผ่นดินหมิง การค้ากับการขนส่งนับวันยิ่งมาก ต้องการความปลอดภัยบนท้องทะเล อีกเรื่องเป็นเพราะหวังทงอยู่ตะวันออกเฉียงใต้ หวังทงมีกองเรือใหญ่ ดังนั้นจำเป็นต้องสมดุล แน่นอน เหตุผลหลังย่อมไม่อาจนำมากล่าวเปิดเผย
ทุกระดับย่อมเห็นชอบเรื่องเฉินหลิน เดิมทียังมีคนรอให้หวังทงเลือกทหารบกเสร็จ แล้วก็จะยื่นฎีกาว่าหวังทงหละหลวม จากนั้นตนก็จะเสนอเฉินหลินเป็นแม่ทัพกองกำลังทางน้ำ คิดไม่ถึงหวังทงคิดถึงเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
ตัวเลือกนี้ไม่เป็นที่โต้แย้ง หวังทงยังกล่าวถึงในฎีกาเฉพาะว่า ตอนนี้เฉินหลินนำกองกำลังทางน้ำกวางตุ้งได้โดดเด่นมาก สร้างเรือใหม่ไม่น้อย ดังนั้นครั้งนี้ต้องให้เฉินหลินนำกำลังกองกำลังทางน้ำจากวางตุ้งขึ้นเหนือมา ให้ไปพักที่เมืองไหลโจว ซานตงก่อน รอจังหวะมารวมกำลังออกศึก
ฎีกากล่าวไว้กระจ่าง โจรบนท้องทะเลส่วนใหญ่เป็นพวกเดียวกับโจรวัวโค่ว กองกำลังทางน้ำโจรวัวโค่วย่อมอิทธิพลอำนาจยิ่งใหญ่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะชนะแน่นอน ก็ควรรวมกำลังเรือชาวบ้านมาร่วมรบด้วย เรือชาวบ้านที่ว่า ทุกคนล้วนรู้หวังทง กล่าวถึงกองเรือใด ย่อมเป็นกองเรือเขาเอง ขุนพลแผ่นดินหมิงออกศึก นำกำลังส่วนตัวไปด้วย แต่ไรก็มีธรรมเนียมนี้อยู่ หวังทงยอมนำกองเรือตนเองไปด้วย เรื่องนี้ทุกคนล้วนไม่อาจจับผิดอันใดได้ ยังต้องสรรเสริญยกย่องว่า มีใจภักดีราชสำนัก
บกบกบนท้องทะเล ทหารราวแสนสามหมื่น หากนับชาวบ้านที่มาร่วมด้วย สองแสนจำนวนนี้ก็อาจจะถึง ทัพใหญ่จำนวนนี้น่าตกใจ จะจัดหาเบี้ยหวัดและเสบียงอย่างไร ตั้งค่ายอย่างไร กรมอากรจะปล่อยงบอย่างไร ก็ล้วนเป็นปัญหาใหญ่
ที่ทำให้ขุนนางใหญ่ราชสำนักละอายใจก็คือ หวังทงให้ทางออกในฎีกาไว้มาก เช่นว่า ให้เมืองชายแดนส่งกำลังกองกำลังหลวงกับทหารราบท้องที่มา ค่าเบี้ยหวัดและเสบียงล้วนไม่ต้องให้ท้องที่รับผิดชอบ เพราะตอนนี้เมืองชายแดน ทหารส่วนใหญ่ล้วนเปลี่ยนสถานะเป็นราษฎรแล้ว ราชสำนักจ่ายเบี้ยหวัดและเสบียงน้อยลงไปมากแล้ว แต่จำนวนน้อยนี้ก็ยังอยู่ในการคำนวณงบได้ ครั้งนี้ไม่ต้องให้เมืองชายแดนควักกระเป๋า ใกล้จะปีใหม่แล้ว กรมอากรก็เอาเบี้ยหวัดและเสบียงที่หักจากเมืองชายแดนมาให้การศึกนี้ก็พอ
สำหรับเสบียงรอบรับแต่ละแห่ง ล้วนให้ร้านค้าใหญ่ในพื้นที่รับหน้าที่ ราชสำนักจ่ายเงิน พวกเขารวบรวมเสบียงขนมาที่ตั้งค่าย มีการรองรับตลอดเส้นทาง พื้นที่ริมแม่น้ำยาลูก็ย่อมเป็นเช่นนี้เช่นกัน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เหลือ ใช้รายได้จากเมืองซงเจียงกับเทียนจินจ่ายไปเป็นรายการๆ ไป
เดิมทีค่าใช้จ่ายยกทัพ กรมอากรกับสำนักอาชาหลวงต่างก็โวยวายกันว่าเป็นรายจ่ายมากมายนั่นนี่ ท้องพระคลังคงได้กระเป๋าแห้ง ที่อื่นไม่มีเงินให้ใช้อีกแล้ว แต่ฎีกาหวังทงมาถึง คนกรมอากรกับสำนักอาชาหลวงคำนวณดู หากตามข้อเสนอหวังทง ถึงกับไม่ต้องใช้เงินท้องพระคลัง หวังทงไล่รายการออกมายังถึงกับมีเหลือ ทำให้หลายคนไร้วาจาจะตำหนิ
ขุนนางบู๊ชนชั้นสูง ถึงกับกล่าวถึงการบริหารการคลังได้ดีกว่าขุนนางบุ๋น คนทำงานด้านนี้เองยังได้แต่ไร้วาจากล่าว คนนอกมองมาก็ได้แต่รู้สึกน่าขัน มีคนเริ่มคิดอะไรได้