องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1098 ผู้กล้ามีชัย
“ชาวแผ่นดินหมิงเหล่านี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน?”
“ข้าก็ว่าไม่ถูกต้องนัก ราวกับไม่คำนึงหน้าตาแล้ว?”
จู่เฉิงซวิ่นถูมือเตรียมพร้อม ขุนพลทหารเกาหลีสองคนที่ถูกผลักออกมาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ พวกเขามีทหารพันกว่าในมือ เดิมทีเป็นกองคุ้มกันพระราชาเกาหลีข้ามแม่น้ำยาลูมายังอี้โจว ครั้งนี้ต้องมาในฐานะผู้คุ้นเคยพื้นที่ในเกาหลี
ลีไอกับคิมอึนโซสองคนที่สามารถคุ้มกันพระราชาเกาหลีข้ามแม่น้ำมาได้ สถานะในเกาหลีย่อมไม่น้อย มีสายสัมพันธ์กับคนในแผ่นดินหมิงก็ย่อมไม่น้อย แผ่นดินหมิงกับเกาหลีสมาคมกัน เรื่องใต้โต๊ะรับสินบนในก็ย่อมมี ให้เกาหลีไปรับทุกข์ ตนเองคอยเก็บเกี่ยวประโยชน์ก็มี แต่อย่างน้อยก็ต้องคำนึงหน้าตาตนบ้าง วางท่าบ้าง คนเกาหลีจับจุดอ่อนนี้ได้ จึงได้อาศัยเรื่องนี้ได้เปรียบแผ่นดินหมิงไม่น้อย
แต่ทว่าครั้งนี้ติดตามหลี่หรูซงนำกำลังทัพใหญ่ออกศึก และคบหากับพวกหมิงที่อี้โจว กลับพบว่าหลายเรื่องไม่เหมือนก่อน มองจากการตั้งค่ายหลายๆ ด้านล้วนมองออกว่าแผ่นดินหมิงร่ำรวยและแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก คนเกาหลีจ้องมองพื้นที่อย่างแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซานอันอุดมตาเป็นมัน พวกเขาแน่นอนคิดว่าเป็นเพราะแผ่นดินหมิงแย่งผืนดินอุดมนั่นมาได้แน่นอน กล่าวว่ามีเงินก็ย่อมรักหน้าตายิ่งมาก แต่หลายเรื่องกลับยิ่งเปิดเผยไม่คำนึงหน้าตา ไม่สนใจเกียรติแม้แต่น้อย ขุนนางทหารเกาหลีสองคนเพิ่งถามขึ้น ก็เห็นทหารจู่เฉิงซวิ่นขี่ม้ามาหลายสิบคน
“ใต้เท้าทั้งสอง นายข้ากล่าวว่า อีกสักครู่ให้ใต้เท้าทั้งสองนำกำลังเกาหลีออกไปแนวหน้า ปะทะโจรวัวโค่ว!”
“อะไรนะ!?”
พอได้ยินเช่นนี้ ขุนพลทหารเกาหลีสองคนบนหลังม้าสบถไม่หยุด ให้พวกเขาออกรับศึกได้อย่างไรกัน ลีไอรีบออกหน้าเจรจา
“ผิดหรือเปล่า พวกข้ามาที่นี่เพื่อมานำทางเท่านั้น!”
“ผิดได้อย่างไร ใต้เท้าทั้งสองตอนอยู่แผ่นดินหมิงทุกครั้งไปร่ำไห้ขอออกศึก บอกจะรบเป็นตายกับโจรวัวโค่ว ครั้งนี้โจรวัวโค่วที่นำกำลังออกมาไม่เท่าไร เป็นโอกาสสร้างความชอบพอดี!”
นายกองที่มาแจ้งนั้นกล่าวได้น้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว แต่ดาบในฝักชักออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว คนข้างๆ ก็ยังน้าวธนูไว้แล้ว ความหมายชัดเจนแล้ว เจ้าอาจไม่ไป แต่ผลที่ไม่ไปคืออันใด เจ้าเองก็น่าเข้าใจ
“ขอบ…ขอบคุณท่านที่มอบโอกาสนี้ให้ พวกข้าจะรีบไปเตรียมตัว!”
ลังเลพักหนึ่ง คิมอึนโซก็รับคำ ทหารจู่เฉิงซวิ่นก็จัดการได้ดีมาก ทหารทหารราบหลายพันทิ้งไว้กองหลัง เอาแต่ทหารม้า 300 ไป ไล่ไปยังหน้ากองกำลัง ตอนไล่ไปด้านหน้า จู่เฉิงซวิ่นพูดอย่างไม่สนใจอันใดควรไม่ควร
“ใต้เท้าเกาหลีทุกท่าน สนามรบไม่มีอันใด มีแต่วินัยทหาร หากก่อนออกศึกหนีหรือลังเลไม่บุก ดาบข้านี้ก็จะฟันทันที!”
ขุนนางชนชั้นสูงเกาหลีย่อมพูดภาษาจีนได้ วาจาจู่เฉิงซวิ่นพวกเขาแน่นอนฟังเข้าใจ คำรามจบแล้ว จู่เฉิงซวิ่นก็กระชากม้าวิ่งกลับไป กล่าวกับทหารคนสนิทว่า
“ปืนไฟโจรวัวโค่วร้ายกาจมาก ระลอกแรกย่อมมีบาดเจ็บล้มตาย รอให้พวกเกาหลีบุกมา ระยะห่าง 50-70 ก้าว พี่น้องเราก็ตั้งธนูน้าวยิงได้เลย ต้องยิงระลอกแรกไปก่อน ทำลายกองกำลังปืนใหญ่วัวโค่วนี่เสีย ที่เหลือก็ง่ายแล้ว”
“ท่านแม่ทัพ โจรวัวโค่วทวนยาวมากเพียงนั้น ถึงตอนนั้นตั้งแถวรับศึก!”
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เจ้าดูสภาพพวกเขา ตอนนี้ล้วนแตกพ่ายแล้ว พวกเขาไม่ใช่กองกำลังหู่เวย”
ประตูเมืองเปียงยางทางตะวันตกเปิดแล้วก็ปิด คนบนที่สูงด้านหน้าไม่น้อยล้วนจับตาดูอยู่ มีคนไปรายงานหลี่หรูซงว่า “โจรวัวโค่วไม่ได้มาออกันที่หน้าประตู”
กองรบสามคุโรดะ นากามาสะ คนของฮิซาโน ชิเกคัตสึมาตั้งแถวหน้าคูเมืองแล้ว เป็นการนำทัพตามแบบแผน เขามองไปยังทหารม้าฝ่ายตรงข้ามที่ไกลออกไป เพื่อรับรองได้ว่ากองกำลังแน่นหนาพอ ไม่ถูกบุกกระจาย ดีที่เป็นกองทรงเหลี่ยม ทหารม้าอยู่ด้านหน้า กองปืนใหญ่อยู่ด้านหลัง หลังออกไปอีกเป็นกองกำลังหลัก ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ รวมกำลังทหารม้า 200 กว่า เขาทิ้งไว้ข้างกาย 100 กว่าอยู่ทางปีกขวากองกำลัง
กองกำลังเริ่มจัดเสร็จ ฮิซาโน ชิเกคัตสึเริ่มเดินหน้าบุก ทหารจู่เฉิงซวิ่นบุกตะลุยกันเข้ามาทันที…
*************
กองกำลังหมิงกองนี้ใช้ทหารเมืองเหลียวโจวเป็นหลัก มีลักษณะพิเศษหนึ่ง ก็คือจำนวนทหารม้ามากเพียงพอ แม้เป็นจู่เฉิงซวิ่นที่พ่ายศึกไป แต่รวบรวมคืนมา ก็ได้ทหารม้านับพันออกรบได้
ทหารม้าจำนวนมากเรียงเป็นแถวหลายแถวบุกเข้าไป เสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นดิน ทำเอาคนตกใจมาก เสียงเช่นนี้ทำให้ทหารราบฮิซาโน ชิเกคัตสึเบื้องหน้าเริ่มไม่อาจอยู่ในระเบียบได้แล้ว ฮิซาโน ชิเกคัตสึสวมหมวกเกราะดำ ตะโกนดังว่า
“ถอยกลับมาสังหารทิ้ง กองรบหนึ่งดูไว้ พวกเราจะให้พวกเจ้าได้ดูความเกรียงไกรกองรบสามเรา บุก!”
บรรดาซามูไรถือดาบและทวนไล่ทหารราบขึ้นหน้า ทหารราบขาอ่อน แต่พวกเขาผ่านสมรภูมิความเป็นความตายมาไม่น้อย ระเบียบการรบก็ยังพอรักษาไว้ได้อยู่
พื้นที่หน้าประตูตะวันตกเมืองเปียงยาง กองกำลังไม่ใหญ่มากปะทะกัน ไม่มียุทธวิธีหรือลูกไม้อันใดนัก จู่เฉิงซวิ่นเริ่มนำกำลังทหารม้า 300 ออกวิ่งวนรอบนอก เตรียมปรับตัวตามสถานการณ์ เห็นยุทธวิธีอีกฝ่ายแล้ว ก็ย่อมบุกเข้าไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
สองฝ่ายปะทะกันไม่อ้อมค้อม สถานะหน่วยกองบุกย่อมสามารถวิเคราะห์ได้แล้ว ซามูไรบัญชาการกองปืนใหญ่ตะโกนดัง กองปืนใหญ่เริ่มเรียงแถวแนวนอนทันที เริ่มบรรจุกระสุนจุดนวนไฟเตรียมยิง ทหารราบด้านหลังกระจายตัวออก พลทวนยาวก้าวขึ้นหน้า เรียงเว้นระยะห่าง ก็เพื่อหลังปืนใหญ่วัวโค่วยิง ก็เตรียมพร้อมบุก
การเคลื่อนไหวบนสนามรบเหล่านี้ล้วนเป็นแบบพื้นฐานอย่างมาก ไม่ได้ต้องให้ซามูไรเร่งไล่หรือตะโกนดังเท่าไร ก็สามารถจัดการได้เรียบร้อย กองกำลังถอยออกอย่างรู้งาน ฮิซาโน ชิเกคัตสึค่อยๆ ทำสติให้นิ่ง ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อมาถึงสนามรบแล้ว ก็ย่อมมีแต่ต้องต่อสู้แล้ว
อย่างรวดเร็ว ทหารม้ากองกำลังหมิงบุกมาตรงหน้าแล้ว ความจริงนั้นความเร็วนี้อยู่ในความควบคุมของจู่เฉิงซวิ่น อย่างน้อยทหารราบก็ยังตามติดทหารม้ามาได้ทัน ยังคงรักษาสภาวะที่พร้อมให้ความช่วยเหลือได้
“บุก!! บุก!! หน้าเจ้าหากไม่บุกก็ให้ลงโทษวินัยฟันไปเลย!!”
จู่เฉิงซวิ่นบนหลังม้าตะโกนดัง ทหารติดตามเบื้องหน้าล้วนตามตะโกนดัง วาจานี้ไม่ได้พูดกับคนของตน หากบอกกล่าวกับทหารม้าเกาหลีด้านหน้าพวกนั้น ทหารม้ากองกำลังหมิงล้วนฝีมือธนูดี น้าวธนูไว้แล้ว กองหลังยังกระชับดาบไว้ในมือ
จู่เฉิงซวิ่นกับทหารติดตามคำรามดังได้ผลดี ทหารม้าเกาหลีด้านหน้าสุดยิ่งเร่งความเร็ว มุ่งไปยังกองปืนใหญ่โจรวัวโค่ว
ชนวนจุดขึ้น เปลวไฟสามารถรักษาระยะเผาไหม้ได้ระยะหนึ่ง ในเวลานี้ ปืนไฟล้วนสามารถยิงได้ตลอดเวลา ทหารม้าเกาหลีด้านหน้าเห็นชัดว่าคิดจะหลบระยะยิงปืนใหญ่วัวโค่วของอีกฝ่าย
“มารดามันสิ ด้านหน้าคิดหนี ข้าจะลงโทษวินัยพวกเจ้า!”
ทางนั้นคำรามดัง ทหารม้าเกาหลีนายหนึ่งส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกคนด้านหลังใช้ทวนยาวแทงทะลุร่าง ศพพาดบนหลังม้า ม้าในขบวนทัพม้าในระยะกระชั้นชิดได้แต่ทะยานไปด้านหน้า
สังหารไปหนึ่ง ทุกคนที่เหลือก็รู้ความ ทหารม้าเกาหลีไม่กล้าพลการ ได้แต่บุกขึ้นหน้า ในสถานการณ์เคร่งเครียดเช่นนี้ ทหารปืนใหญ่วัวโค่วเริ่มไม่อาจนิ่งได้ มือพวกเขาล้วนเริ่มสั่น
“อ๊าก!!”
ในที่สุดมีคนทนความกดดันนี้ไม่ได้ คำรามดังออกมา ไม่เพียงเขาตะโกน คนมากมายก็ล้วนตะโกนดัง แต่เสียงนี้นอกจากพวกเขาเองแล้ว หรือแม้แต่พวกเขาเองก็อาจไม่ได้ยิน
ไม่รู้ว่าเมื่อไร ที่บัญชาการให้กองปืนใหญ่ยิง ปืนใหญ่วัวโค่วทะยอยยิง ควันคลุ้งไปทั่ว ทหารม้าด้านหน้าหลายคนตัวสั่น ร่วงจากหลังม้าทันที ตอนนี้สองฝ่ายระยะห่างใกล้กันยิ่ง ทหารปืนใหญ่วัวโค่วไม่ได้มีความกล้าบรรจุกระสุนปืนยิงต่อ
ปากจู่เฉิงซวิ่นคาบหวีดทองแดงไว้ พยายามเป่าดังอย่างสุดขีด สองมือกำธนูยาวน้าวสุดขีด คนข้างกายเขาล้วนเป็นเช่นกัน ทหารม้าเกาหลีด้านหน้ากำลังการยิงมาของปืนไฟโจรวัวโค่วไว้แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนเป็นทหารม้ากองกำลังหมิงยิงใส่อีกฝ่าย
เสียงธนูแหวกอากาศไป โจรวัวโค่วปืนใหญ่อีกฝ่ายไม่ได้ทันตั้งตัวถูกธนูยิงร่วง มีหมวกสานของบางคนไม่อาจต้านทานธนูยาวกองกำลังหมิงได้ แทงตายปักพื้นทันที
สถานการณ์เช่นนี้ ธนูเห็นชัดว่าได้เปรียบปืนไฟ พลธนูยาวสามารถน้าวธนูระลอกสองได้ในทันทีต่อเนื่อง แต่ปืนใหญ่วัวโค่วไม่อาจบรรจุกระสุนได้ทัน ระลอกสองยิงไป พลปืนใหญ่วัวโค่วบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย หลายคนแตกตื่นหลบหนี ซามูไรด้านหน้าทหารราบถูกยิง
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทหารม้าเกาหลีที่หวาดกลัวก็เริ่มมีความกล้า โบกดาบใหญ่ในมือบุก ปากก็คำรามภาษีเกาหลีไม่หยุด ไม่รู้ว่าอย่างไร
พอยิงธนูไปเสร็จ จู่เฉิงซวิ่นก็คว้าดาบยาวบนอานม้าออกมา ถ่มนกหวีดทิ้ง คำรามดังว่าบุก ไม่สนใจว่าฝ่ายตนล้มตายไปเท่าไร ความกล้าหาญของเขาทำให้ทหารข้างกายมองกันตาแดง่ำ แต่ละคนสู้ตายบุกเข้าไป ต้องมากันด้านหน้าให้ท่านแม่ทัพ ตอนปะทะโจรวัวโค่ว ฮิซาโน ชิเกคัตสึมองเห็นกองกำลังที่เหมือนกองกำลังพริบตาแตกกระเจิง เหมือนว่าโยนหินลงบนไม้จิ้มฟัน แม้กองไม้จิ้มฟันยังมีไม่น้อย มองแล้วยังมีความแหลมคมอยู่มาก แต่ถูกก้อนหินทับใส่ กระจัดกระจายสี่ทิศ ไม่อาจตีโต้หรือต้านทานได้อีก
ซามูไรถอย ทหารราบถอย ทหารม้าข้างกายฮิซาโน ชิเกคัตสึวิ่งไปยังด้านหนึ่งของกำแพงเมือง กองกำลังพริบตาแตกกระเจิง ดาบใหญ่จู่เฉิงซวิ่นกวัดแกว่ง สังหารโจรวัวโค่วที่หนีกระเจิงไปหลายคน พอเงยหน้ามองมาก็เห็นทหารม้าวิ่งหนี จึงควบม้าเข้าไปตวัดดาบใส่คำรามดังว่า
“ไล่ล่าหัวหน้าโจรวัวโค่ว ความชอบก็เป็นของเราแล้ว!”
โจรวัวโค่วที่ปีนกำแพงเฝ้าดูอยู่ สามารถมองเห็นทหารม้ากองกำลังหมิงยิ่งไล่ยิ่งใกล้เข้า ฮิซาโน ชิเกคัตสึถูกคนด้านหลังฟันหนึ่งดาบ ร่วงจากหลังม้า…