องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1099 ฮึดใจเดียว
“ไอ้ลูกหมา กล้าลงมือก่อน ได้เลย เดี๋ยวข้าขอความชอบกับนายให้เจ้า!”
หัวฮิซาโน ชิเกคัตสึถูกตัดฉับ ทหารม้าจู่เฉิงซวิ่นผู้หนึ่งไม่สนใจเลือดที่ไหลเป็นทาง รีบยัดเข้าใส่อานม้า
จู่เฉิงซวิ่นเองก็กำลังดีใจลิงโลด ศึกแรกมีชัย ตัดหัวขุนพลทหารศัตรูได้ ความดีความชอบไม่น้อย อย่างไรก็คงพอจะชดเชยความผิดได้ไม่น้อย
ทหารม้าพวกเขาหลายร้อยไล่ตามออกมา กำลังกล่าวอยู่นั้นก็ได้ยินทางสนามรบมีเสียงปืนใหญ่ดัง มีคนตะโกนสังหารดังตามมา พวกจู่เฉิงซวิ่นกำลังงง ทหารวิ่งมาถ่ายทอดคำสั่งดังว่า
“แม่ทัพจู่ ผู้บัญชาการใหญ่มีคำสั่งให้ท่านรีบบุกประตูทิศตะวันตก ทัพใหญ่เริ่มโจมตีแล้ว!”
ผู้บัญชาการใหญ่ที่ว่าคือหลี่หรูซง รองผู้บัญชาการย่อมเป็นหลี่หรูป๋อ หน่วยทหารเหล่านี้ล้วนเป็นทหารตระกูลหลี่ การเรียกอย่างไม่คำนึงทางการนักก็ย่อมไม่แปลก
จู่เฉิงซวิ่นองไม่กล้ารอช้า รีบกระตุกบังเหียน นำกำลังไปยังประตูตะวันตกเปิดศึก พอพวกเขาไปถึงประตูตะวันตก พบว่าประตูตะวันตกเริ่มรบกันดุเดือดแล้ว
ไม่เพียงแต่ทหารราบหลายพันเมื่อครู่ หลี่หรูซงเองก็เห็นชัดว่าทุ่มกำลังตนเข้าร่วมรบด้วย ปืนใหญ่ถูกเข็นออกมา ประตูตะวันตกเมืองเปียงยางเริ่มเป็นรูโหว่ ประตูใหญ่เช่นนั้นแค่ประตูไม้หนาที่ยึดด้วยท่อนเหล็ก ปืนใหญ่สี่กระบอกเล็ง ยิงไปได้สองที ไม่มีสิ่งของยันไว้ ก็ปริแตกเป็นช่องโหว่หลายช่อง
ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งกับปืนใหญ่กระสุนหกชั่งล้วนถูกเข็นมาด้านหน้า ปืนใหญ่ยิงลงมาจากสองข้างกำแพง โจรวัวโค่วทางนี้ไม่อาจรวมตัวกันต้านทานสถานการณ์ได้แล้ว
ในที่สุดประตูก็ไม่อาจทานแรงกระสุนปืนใหญ่หมิง ด้านในมีเสียงเปรี๊ยะดัง จากนั้นทั้งบานก็แตกล้มครืนลง ปริจากภายใน ไม่ก็ภายในที่เป็นกลอนนั้นขาด ประตูเปิด สามารถมองลอดช่องประตูเข้าไปเห็นศพเกลื่อนกลาด ประตูเป็นรูโหว่ เศษไม้กองระเกะระกะ คนที่คิดจะอุดประตูไว้ล้วนตายอยู่ใต้กองไม้
กองกำลังหมิงไหนเลยจะมีเวลามาสนใจ ขุนพลทหารตะโกนดังไล่ทหารไปด้านหน้า สถานการณ์ถึงตอนนี้ ไม่มีเวลามาสนใจว่าทหารผู้ใด มีเกราะก็ล้วนขึ้นหน้า ตัดหัวศัตรูไว้รับความชอบ เข้าเมืองได้ก่อนย่อมได้ความดีใหญ่ บุกเข้าไปเอาฤกษ์ก่อนดีกว่า
ทหารโจรวัวโค่วย่อมไม่ยอมให้กองกำลังหมิงบุกเข้าไปเช่นนี้ มองเห็นบรรดาซามูไรนำกำลังทหารราบบุก หน้าประตูตะวันตกมีสะพานแขวนยังไม่ได้ยกลง ทหารกองกำลังหมิงถมคูเมืองเต็มเป็นแนวยาวแล้วและบุกเข้าไป
ทหารม้าสู้ทหารราบ โจรวัวโค่วอาจมีบ้างที่ไม่ยอมศิโรราบ ตอนนี้สองฝ่ายปะทะกันดุเดือด เป็นทหารราบต่อทหารราบ
ทหารราบสู้ทหารราบ ล้วนปะทะกันในเวลาระยะกระชั้นชิด หน้าประตูสนามรบแคบมาก พลปืนใหญ่วัวโค่วไม่อาจยิงได้แล้ว แต่กองกำลังหมิงยังยิงธนูได้
อย่างไรก็ยิงผ่านหัวไป ยิงได้คนหนึ่งก็ยิงคนหนึ่ง ทหารราบโจรวัวโค่วรับมือได้น่าสงสารยิ่ง ไม่อาจต้านทานธนูเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย ซามูไรพวกนั้นสวมเกราะไม้ไผ่กับเกราะหนังยังดี พวกเขาปกติถือดาบและทวนยาว ฝีมือดีกว่าทหารราบมากนัก
ทหารมีฝีมือปรากฏตัวต่อหน้าทหารตระกูลหลี่ก็ไม่อาจทำอันใดได้เท่าไร ทหารตระกูลหลี่เองก็ทุ่มเทเงินทองฝึกยุทธเพื่อออกรบในสนามรบ เทียบกับซามูไรโจรวัวโค่วเหล่านี้แล้ว ทหารในชุดเกราะและอาวุธของตระกูลหลี่ได้เปรียบกว่ายิ่งมาก
สองฝ่ายปะทะกัน หยุดชะงักเพียงเล็กน้อย กองกำลังหมิงก็เริ่มดันเข้ามาอีก กองหลังโจรวัวโค่วถูกธนูสังหารไม่หยุด กองหลังเริ่มเบาบางลงจนไม่อาจให้การสนับสนุนกองหน้าได้แล้ว กองหน้ากำลังเสียเปรียบ ค่อยๆ ถูกดันให้ถอยหลัง
ฮิซาโน ชิเกคัตสึแพ้นอกเมืองมา คนในเมืองล้วนเห็น ปืนใหญ่ยิงถล่มกำแพงเมืองทุกคนก็ได้เห็นอานุภาพ ความกล้าหาญที่มีหดหายลงแทบไม่เหลือ
ทหารโจรวัวโค่วเดิมคิดว่าตนออกรบมานาน ล้วนหลงตัวเองยิ่ง โดยเฉพาะได้มาเจอกับทหารม้าจู่เฉิงซวิ่นในเมืองเปียงยาง ได้ชัยชนะใหญ่แล้วก็ยิ่งเหิมเกริม ตอนเหนือเมืองเปียงยางอันเป็นฐานที่มั่นถูกกองกำลังหมิงทำลายราบ ไม่มีผู้ใดหนีกลับได้ คนรู้สภาพการณ์การต่อสู้ไม่มาก เมื่อครู่ที่ได้เห็นมา ทำให้ทหารโจรวัวโค่วหมดความมั่นใจ ที่แท้กองกำลังหมิงแข็งแกร่งเช่นนี้
ปืนใหญ่ราวอสุนีบาตฉีกฟ้าแยกแผ่นดินยิ่งทำให้โจรวัวโค่วหวาดกลัว ไร้ความกล้าหาญ ท่ามกลางความกลัว การรบไม่อาจยืดเยื้อต่อไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ไม่ต้องเสียแรงมาก ประตูตะวันตกถูกกองกำลังหมิงยึดครอง โจรวัวโค่วในเปียงยางยังมีความโชคดีหนึ่ง ก็คือ คูเมืองล้วนสร้างตามแบบแผ่นดินหมิง หลังประตูยังมีพื้นที่พักก่อนมีประตูอีกชั้น สามารถใช้ป้องกันตนเองได้ แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าก็คงไม่นาน หากอีกฝ่ายเข็นปืนใหญ่มา ย่อมต้านทานไว้ไม่อยู่
*****************
“ทะลายแต่ละประตู ครั้งนี้ไม่ใช่ทำลายโจรวัวโค่วให้ราบ แต่ต้องการเพื่อยึดเมืองนี้ รอประตูเมืองเปิดได้พอควรแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้านไม่อยู่ หนีกันออกไปเอง”
หลี่หรูซงกล่าวกับหลี่หรูป๋อเคร่งเครียด หลี่หรูป๋อพยักหน้าหันไปสั่งการต่อ แม้หลี่หรูป๋อสู้หลี่หรูซงไม่ได้ แต่อย่างไรก็เป็นลูกหลานทหาร ยังมีสถานะผู้บัญชาการมานาน เรื่องง่ายๆ เหล่านี้พอเข้าใจ
สั่งการเสร็จ ก็มองไปยังทหารม้ากับทหารราบตระกูลหลี่ที่ทุ่มเข้าสู่สนามรบ หลี่หรูซงจึงหันมากล่าวกับจู่เฉิงซวิ่น ประตูตะวันตกยึดได้แล้ว จู่เฉิงซวิ่นก็ถูกหลี่หรูซงเรียกตัวกลับ จู่เฉิงซวิ่นยามนี้สีหน้าเลอะฝุ่น แต่ทว่ายังมีกำลังดีใจฮึกเหิมมาก ทหารติดตามเขายกหัวฮิซาโน ชิเกคัตสึมา ท่าทางดีใจไม่แพ้กัน
หลี่หรูซงพยักหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้ม มองไปที่หัว สัพยอกว่า
“ทำไมใบหน้าบิดเบี้ยว เหมือนโดยยาพิษ”
“ใต้เท้าสายตาแหลมคม ดาบที่ข้าน้อยใช้อาบยาพิษ ที่ไว้ใช้ยิงเสือพวกนั้น ดังนั้นจึงมีสภาพเช่นนี้”
“ก็ฉลาดอยู่หลายส่วนนี่นะ รอเสร็จเรื่องครั้งนี้ พวกเจ้าก็ตามข้าไปเมืองเซวียนฝู่ละกัน ค่อยๆ ปฏิบัติหน้าที่ไป อำนาจวาสนาย่อมไม่เป็นรองที่นี่!”
ได้ยินวาจาหลี่หรูซง จู่เฉิงซวิ่นรีบคุกเข่าโขกศีรษะ เขารู้ว่าตนเองสู้เป็นสู้ตายถวายชีวิตตอนนี้ได้ผลตอบแทนแล้ว วันหน้าไม่แน่ว่าต้องอยู่เหลียวหนิงต่อไป ยังอาจไปเมืองเซวียนฝู่แสวงหาความสำเร็จได้ อย่างไรหลี่หรูซงอยู่เมืองเซวียนฝู่มีคนให้ใช้งานได้น้อยมาก จู่เฉิงซวิ่นเองก็นับว่าติดตามมานานหลายปี
หลี่หรูซงยิ้ม ปล่อยให้จู่เฉิงซวิ่นโขกศีรษะหลายที จากนั้นกล่าวว่า
“เจ้านำกำลังทหารไปหาหลี่หนิง ร่วมไปยังประตูตะวันออกรอซุ่มไว้ วันนี้ทัพเราสามารถเข้าเมืองมาได้ ในเมืองยังคงยุ่งยากอยู่สักหน่อย แต่ทว่าพรุ่งนี้ไปก็จะบีบให้โจรวัวโค่วออกจากเมืองได้ ถึงตอนนั้นก็เป็นเวลาสร้างความชอบพวกเจ้าแล้ว!”
ทหารม้าซุ่มโจมตีทัพใหญ่ศัตรู เป็นโอกาสสร้างความชอบจริง จู่เฉิงซวิ่นโขกศีรษะอย่างยินดีปรีดา ตนเองรีบวิ่งออกไป
*****************
เดิมคิดว่าทัพใหญ่มาถึงตีนกำแพงเมือง ปืนใหญ่ยิงเพื่อลองดูท่าที บุกตีกำแพงน่าวันที่สอง แต่พวกโจรวัวโค่วกองรบหนึ่งไม่คิดเลยว่ากองกำลังหมิงจะลงมือรวดเร็วเช่นนี้ ฮิซาโน ชิเกคัตสึที่ถูกส่งไปลองดูกำลังถูกสังหารตัดหัวทิ้งไปแล้ว กองกำลังหมิงก็ยังไม่หยุด ยังคงกรูกันมายังประตูเมือง โจมตีด่านป้องกันแรกแตก
ตอนที่ยังไม่เห็นกำลังการต่อสู้กองกำลังหมิง ทหารโจรวัวโค่วยังมั่นใจ ถึงกับยังอวดเก่ง พวกเขาคิดไม่ถึงตนเองจะต้องมาอาศัยกำแพงเมืองป้องกันตนเอง แน่นอนไม่ไปอุดรูโหว่หรือป้องกันบนกำแพงแล้ว หากกลับคิดจะตีฝ่าประตูเมืองออกไป เส้นทางถนนแต่ละสายก็ยังล้วนเรียกว่าคล่องตัว
ตอนแรกที่คิดว่าตนเก่ง ตอนรู้ว่าไม่ได้การแล้วก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ประตูเมืองเกาหลีทำจากไม้หนาและหุ้มเหล็ก ความจริงนั้นไม่นับว่าเป็นประตูแน่นหนามั่นคงเท่าไร หลี่หรูซงครั้งนี้นำกำลังกองกำลังหมิงมาพร้อมปืนใหญ่มากเพียงพอ ปืนใหญ่ถล่มประตูกำแพงเมือง จากนั้นทหารราบกับทหารม้าบุก
หลังประตูเมืองมีกำแพงอีกชั้นก็ไม่ได้ประโยชน์นัก ธนูกับปืนใหญ่วัวโค่วไม่อาจต้านทานปืนใหญ่ยิงถล่มได้ และสำหรับผังเมืองเปียงยางแล้ว สิ่งก่อสร้างหลายแห่งก็ไม่อาจเรียกได้ว่าได้มาตรฐาน ปืนใหญ่ระดมยิงไป กำแพงก็เริ่มทะลายทีละส่วน
ฟ้ามืดแล้ว การต่อสู้เข้าไปถึงในเมืองแล้ว โจรวัวโค่วอย่างไรในเมืองก็มีราว 20,000 และอยู่ที่นี่มาครึ่งปีได้ พอฟ้ามืด สถานการณ์นับว่าพอเอาอยู่ ปืนใหญ่ไม่อาจเข็นเข้ามาในตรอกซอกซอยเล็กได้ อาวุธแม้สังหารดุเดือด แต่อย่างไรก็ยังไม่ใช่ว่ามีแต่โจมตีฝ่ายเดียว กองกำลังหมิงเข้ามาเสริมยันไว้แล้ว
ฟ้ามืดแล้ว การต่อสู้กลางคืนมีความไม่แน่นอนหลายอย่างมากไป อันตรายก็มากกว่า นำทัพเน้นเรื่องความแน่นอนมั่นคง จึงมีคำสั่งหยุดโจมตีทันที ยึดพื้นที่กระชับไว้ให้ดีก่อน ตั้งเครื่องมือยุทโธปกรณ์ สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงถึงวันที่สาม ก็มั่นใจได้ว่าจะขับไล่โจรวัวโค่วออกจากเปียงยาง
โจรวัวโค่วเอาไม่อยู่จริงๆ ตามคาด กองกำลังหมิงบุกเข้าไปแล้ว แม้กองกำลังหมิงเข้าไปตั้งค่ายในเมืองแล้ว แต่กองกำลังโจรวัวโค่วก็ยังไม่ได้พ่ายหนีออกไปหมด ในเมืองนอกจากพื้นที่พิเศษแล้ว ที่เหลือยังคงมีการปะทะเล็กๆ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเงียบลงแล้ว
สองฝ่ายปะทะล้มตาย พอตกค่ำ ในเมืองก็มีถนนหลายสายติดกันร่วมเป็นพื้นที่ปลอดภัย
*****************
“ใต้เท้า คืนนี้จัดกองกำลังดาบซามูไรออกไปซุ่มโจมตีกองกำลังหมิงเถอะ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์พรุ่งนี้จะยิ่งแย่กว่านี้!”
ทางเหนือเมืองเปียงยางเดิมเป็นพื้นที่ทิวทัศน์ดี ตอนนี้เป็นศูนย์กลางกำลังโจรวัวโค่วกองรบหนึ่ง สถานการณ์ที่เดิมมั่นใจเต็มเปี่ยมกลับมาพังทลายในตอนนี้ แต่ละคนล้วนสีหน้าหม่นหมอง โคนิชิ ยูกินากะหัวหน้ากองรบหนึ่งไร้ความฮึกเหิมสิ้น ทุกคนแย่งกันออกความเห็น
“กองกำลังดาบซามูไรเป็นทหารเก่งกล้าหาญและภักดีที่สุดของเรา หากพวกเขาพ่ายศึก เกรงว่าทหารราบจำนวนมากก็จะหลบหนี การต่อสู้ตอนกลางวันพวกเราก็ล้วนได้เห็นแล้ว กองกำลังดาบซามูไรซุ่มโจมตีมีประโยชน์อันใด หรือว่าคนของเราชำนาญการโจมตีกลางคืนกัน?”
โคนิชิ ยูกินากะหน้าบึ้งปฏิเสธข้อเสนอ คนเบื้องหน้ามีคนเสียงดังขึ้นทันทีว่า
“เมื่อครู่มีคนรายงานว่า กองกำลังหมิงนำปืนใหญ่เข้าเมืองแล้ว หากพรุ่งนี้อยู่ในเมืองนี่ คงราวดินแดนแห่งความตาย…”
“ทุกหน่วยคืนนี้เตรียมพร้อม พรุ่งนี้ฝ่าวงล้อมออกไป!!”