องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1102 เสบียงไม่มีเหลือ
ทหารยังไม่เคลื่อนทัพ เสบียงต้องมารอก่อน ทหารออกศึกและม้าที่ขี่นั้นล้วนต้องการกินอาหารและหญ้า กองหลังขนเสบียงเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง
ครั้งนี้จำนวนกองกำลังหมิงมาถึงเปียงยางเกินสามหมื่น ม้าก็เกินหมื่น คนกิน ม้ากิน ยังมีกองยุทโธปกรณ์ต่างๆ อีก ที่ต้องใช้จำนวนแรงงานขนน่าตกใจ
ทุกครั้งที่ทัพใหญ่ออกศึก เรื่องขนเสบียงและอาวุธล้วนเป็นเรื่องน่าปวดหัวที่สุด ก่อนเข้าสู่เกาหลี ทุกคนในแผ่นดินหมิงล้วนคิดไว้ว่า ไม่ว่าเกาหลีขนาดเล็กเพียงใดก็เป็นประเทศ ทัพใหญ่ออกศึก เสบียงอันใดก็น่าจะพอมีอยู่ แก้ปัญหานี้ได้ แผ่นดินหมิงเราสละเลือดเนื้อเพื่อเกาหลีเจ้า เจ้าอย่างไรก็ไม่อาจนั่งนิ่งดูดาย จัดหาเสบียงก็เป็นเรื่องที่สมควร
แต่ทว่าพอถามขุนนางเกาหลี ปรากฏทำให้ทุกคนตกใจ เกาหลีไม่มีอันใดปิดบัง กล่าวตรงๆ ว่า หากทหารหนึ่งหมื่นเข้าสู่จังหวัดพยองอัน อาจอยู่ได้สักเดือน แต่หากยึดจังหวัดฮวังแฮกลับคืนมา ก็อาจได้อีกสามเดือน ในเขตแดนเกาหลีมีโจรวัวโค่วสองแสน แผ่นดินหมิงส่งทหารหนึ่งหมื่นมา ใช่ว่ามาตายเปล่าหรือ?
ตอนเจรจากันถึงตรงนี้ ขุนนางแผ่นดินหมิงทำอันใดไม่ได้ ได้แต่ลดความต้องการลงว่า หากแผ่นดินหมิงนำเงินมาเอง มาหาซื้อในพื้นที่ได้หรือไม่ คนเกาหลีแต่ไรก็ขี้เหนียว ไม่แน่อาจไม่อยากให้เสบียงมาเปล่าๆ แผ่นดินหมิงศึกนี้ไม่รบไม่ได้ เพราะแผ่นดินหมิงไม่อาจยอมรับให้ศัตรูมาอยู่ในเกาหลีเช่นนี้ได้
แต่คำตอบเกาหลีทำให้ยิ่งทำอันใดไม่ได้ เขตแดนเกาหลีเสบียงต่างๆ ล้วนตกในมือโจรวัวโค่วไปแล้ว แม้ทหารหมิงคิดจะซื้อ เกาหลีก็ไม่มีเสบียงขาย เกาหลีทางนั้นไร้หนทางแล้ว จึงได้แต่ทำตามระเบียบแผ่นดินหมิงในยามออกนอกด่าน ตนเองสะสมเสบียงกับหากองส่งเสบียงไปเอง
พูดถึงการขนส่งเสบียงนอกด่าน ความจริงนั้นเกาหลีมายังแผ่นดินหมิง ระยะทางไม่ได้ไกลกว่าไปเมืองกุยฮว่าเฉิงหรือต้าถงเท่าไร แต่ตอนหวังทงจากต้าถงไปเมืองกุยฮว่าเฉิงออกศึกครานั้น ได้รวบรวมกำลังขนเสบียงมาจากหลายช่องทางก่อนหน้า พ่อค้าซานซีก็ล้วนออกแรงในการนี้มาก เมืองต้าถงเองก็เป็นพื้นที่สำคัญชายแดน สะสมเสบียงไว้เพียงพอ ประเด็นก็คือ ตอนนั้นหวังทงนำเสบียงไปแค่สิบวัน ที่เหลือล้วนไปเตรียมเอาที่เมืองกุยฮว่าเฉิง ใช้เสบียงศัตรูมาเป็นของตนเอง เรื่องนี้มีความเสี่ยง แต่สุดท้ายก็ทำได้ดังใจหมาย
เมืองเหลียวโจวทางนี้ดูเหมือนใกล้ แต่ความจริงนั้นมีหลายอย่างไม่เหมือนกัน เรื่องแรก เหลียวหนานกับเกาหลีติดกัน เป็นพื้นที่รกร้างหนาวเย็นของเหลียวหนิง คนอาศัยอยู่น้อย ผู้บัญชาการเหลียวหนานยังต้องหาเสบียงมาจากเหลียวซีและเหลียวตง สองปีก่อนโรงบ้านนอกกำแพงเมืองเพาะปลูกส่งเสบียงเข้ามาไม่น้อย ถึงผ่อนสถานการณ์ขาดแคลนให้เบาลงได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ แถบอี้โจวทางตะวันออกเฉียงใต้เหลียวหนิงไม่มีที่ตั้งทัพใหญ่ ทัพใหญ่จากนี้ไปยังเกาหลี เสบียงที่ตามมาล้วนต้องมาจากเหลียวหนิงกับในด่านส่งมาแล้ว จากนั้นไปรวมกันที่อี้โจว ก่อนจะขนเข้าสู่เกาหลี
แรงคนและสัตว์ในการขนส่งนั้น คนกับม้าวัวเองก็ต้องกิน ระหว่างขนส่งก็ย่อมใช้เสบียงไม่น้อย การใช้แรงคนและแรงสัตว์จากในด่านมายังกับเหลียวซีเหลียวตงก่อนไปยังเหลียวหนาน การสิ้นเปลืองในการขนส่งเองก็เรียกได้ว่ามากมายมหาศาล ตอนนี้หวังทงนำกำลังทัพใหญ่กำลังเข้าสู่เหลียวหนิง การรองรับทหารเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ละแห่งก็ไม่ได้มีมาก ดังนั้นการขนเสบียงไปรวมกันที่อี้โจวจึงจำกัด
ทหารเหลียวหนิงหลี่หรูซงเปลืองเสบียงมาก แม้ว่าจำนวนทหารน้อยกว่ากำลังทัพใหญ่หวังทง แต่ก็สิ้นเปลืองน้อยกว่ากันไม่เท่าไร
ไม่กล่าวเรื่องอื่น การกินของม้านับหมื่นก็ทำให้คนต้องตกใจแล้ว ทหารหลี่หรูซงกับกองกำลังหลวงแตกต่างกัน พวกเขายังคงทำแบบเมื่อก่อน ปกติที่ไม่ค่อยดูแลทหารราบเท่าไร แต่พอถึงยามสงครามก็จะให้กินกันอิ่มเต็มที่ เสบียงอันใดก็ไม่ต้องพูดถึง ความสิ้นเปลืองเรียกได้ว่าเป็นจำนวนที่น่าตกใจไม่น้อย
จังหวัดพยองอันใหญ่แค่ราวมณฑลใหญ่แผ่นดินหมิง เส้นทางขนเสบียงมีจำกัด ไม่อาจจัดหาให้ไปสิ้นเปลืองได้มากกว่านี้แล้ว
ตอนนี้อี้โจวสะสมเสบียงรอทัพใหญ่เคร่งเครียดมาก การจัดหาให้กองหน้าไปนั้นก็เรียกได้ว่าลงแรงไปมาก แม้ว่าตอนนี้คนและม้าล้วนอิ่มหนำ เสบียงไม่ได้ถูกตัดขาด แต่ก็มีจำกัด หากเกินไปอีกนิดย่อมยุ่งยาก
เทียบกับพวกหลี่หรูป๋อที่ยังคงไม่ยี่หระในเรื่องนี้ หลี่หรูซงอยู่เมืองเซวียนฝู่มาหลายปี ได้เห็นได้ยินมามาก อุปนิสัยก็นิ่งสุขุมลงมาก เขานับว่าใส่ใจในเรื่องเสบียงอยู่ไม่น้อย ตลอดทางออกรบมานี้ เขาใส่ใจเรื่องเสบียงมาตลอด เสบียงจัดเตรียมมาพอทั้งกองทัพหรือไม่
ที่ทำให้หลี่หรูซงผิดหวังก็คือไม่ว่าจังหวัดพยองอันหรือเมืองเปียงยาง ล้วนไม่มีสะสมเสบียงมากนัก ไม่พอที่จะทำให้การรบกินเวลายาวนานต่อไปได้
ที่เรียกว่าลงใต้ไป 30 ลี้ เสบียงเกรงว่าคงส่งไปไม่ทัน ไม่ได้พูดเกินจริง สถานการณ์ตอนนี้ ระยะการขนเสบียงยิ่งยาว ก็ยิ่งสิ้นเปลืองมาก ตอนนี้เป็นขีดจำกัดที่ต้องรักษาไว้ หากเกินกว่านี้ ก็คงเกิดปัญหาแล้ว
“พี่ใหญ่ พี่คิดมากไปแล้ว เดี๋ยวเราบุกหน้าไปอีกร้อยลี้ จับตัวพวกเกาหลีมาถาม หาเสบียงเอาตามทางก็ได้!”
เห็นหลี่หรูป๋อไม่สนใจกล่าวเช่นนี้ หลี่หรูซงในที่สุดก็โมโห ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า
“บัดซบ โจรวัวโค่วสะสมเสบียงในเมืองได้เท่าไร จับพวกเกาหลีมาไม่ได้หมายความว่า เสบียงโจรวัวโค่วจะขนมาจากจังหวัดคยองกีได้หรือ? จังหวัดฮวังแฮมีเสบียงเท่าไรกัน ไม่มีเสบียงอาหารให้พี่น้องทหารเราเหล่านี้ เกรงว่าก็จะเริ่มวุ่นวายแล้ว ถึงตอนนั้นอยากร้องไห้ก็ล้วนร้องไห้ไม่ออกแล้ว!”
หลี่หรูป๋อยังคิดต่อปาก แต่มองเห็นตาถมึงทึงของหลี่หรูซง โมโหเต็มที่แล้ว ก็ยู่ปากบ่นเบาๆ ไม่กล้าออกเสียงอีก หลี่หรูซงหันไปกล่าวกับหลี่หรูเหมยว่า
“เรื่องขนหัวกลับไป เจ้าไปด้วยตนเองสักครา รายงานความชอบเป็นเรื่องรอง เรื่องเสบียงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาให้ดี เสบียงขาดสามวัน พวกเราในเปียงยางล้วนอยู่ไม่ได้แล้ว เจ้าเข้าใจไหม?”
หลี่หรูซงอยู่ๆ โมโหหนัก ทำให้หลี่หรูเหมยตกใจพอแล้ว ตอนนี้จึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
**************
เดือนหนึ่งปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซงนำทัพมีชัย ข่าวนี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าเอกสารรายงานทางการมากนัก
ทุกคนในเหลียวหนิงล้วนรู้แก่ใจ ตระกูลหลี่เหลียวซีทหารม้าเกือบพันนำออกศึกนี้หมด แต่ละแห่งม้าเร็วแจ้งข่าว นำข่าวชัยชนะใหญ่นี้ประกาศทั่วหล้า โดยเฉพาะเมืองหลวง มีขุนนางถวายฎีกา ว่าตระกูลหลี่นำชัยชนะใหญ่มาเช่นนี้ เป็นการเบิกฤกษ์ที่ดีมาก ไม่สู้ตามน้ำไปต่อ ให้ตระกูลหลี่เป็นแม่ทัพ อาศัยจังหวะกำลังมีชัยเช่นนี้บุกต่อ เป็นต้น การกล่าวเช่นนี้แน่นอนถูกแค่นเสียงฮึดูแคลน ตอนนี้ก็แค่ชนะในแถบจังหวัดพยองอันและแค่ขับไล่ศัตรูออกนอกเมือง โจรวัวโค่วเพียงแค่ถอย ไม่ใช่พ่ายแพ้ยับเยิน
สำหรับการขนหัวศัตรูมานั้น ทางนี้สามพันทางนั้นสามพัน รวมๆ ตัดมากได้เกือบหมื่น ความชอบนี้ไม่ธรรมดา คิดถึงตอนนั้นแม่ทัพใหญ่ชีปราบตะวันออกเฉียงใต้ สู้มาตั้งหลายปี ตัดหัวโจรวัวโค่วมาเท่าไรกัน ไม่ได้มากไปกว่านี่เท่าไร
แต่ความชอบไม่ธรรมดานี้ ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วกับองครักษ์เสื้อแพรประจำเหลียวหนิงล้วนกล่าวในรายงานกระจ่าง จำนวนเป็นที่ยอมรับ แต่ฎีการายงานมีประโยคหนึ่งว่า ‘ในนี้มีหัวราษฎรเกาหลี จำนวนไม่แน่ชัด’
สังหารราษฎรมารับความชอบในแผ่นดินหมิงไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่เมื่อมีประโยคนี้ ทุกคนก็เข้าใจ ชัยชนะนี้มีเติมน้ำมาผสม สำหรับน้ำที่ผสมเข้ามาเท่าไรนั้น ทุกคนไม่อาจวิเคราะห์ได้ แต่ในใจก็หักลบความชอบไปไม่น้อย
ตระกูลหลี่เคลื่อนไหวในเมืองหลวง หลี่หรูเหมยกลับเคลื่อนไหวในอี้โจวเดิมคิดว่าการนำหัวมารายงานความชอบเป็นเรื่องดี อย่างน้อยทุกคนก็คงยิ้มแย้ม แต่คิดผิด ผู้ว่าการมณฑลสวีกว่างกั๋วกับผู้บัญชาการเหลียวหนาน ตอนนับหัวก็ยังดูไม่มีอันใดดี ตระกูลหลี่เองยังเป็นห่วงอีกฝ่ายจะคิดการอะไรกับหัวพวกนี้ แต่ก็เป็นห่วงเสียเปล่าแล้ว
หลี่หรูเหมยขอสวีกว่างกั๋วส่งเสบียงไปเปียงยางให้ทหารตระกูลหลี่เพิ่ม ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธ ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วตอบอย่างเข้าใจยิ่งว่า
“เหลียวกั๋วกงนำทัพใหญ่ใกล้มาถึง เสบียงอี้โจวยังไม่พอ ไหนเลยมีกำลังเหลือส่งไปเปียงยาง ขอผู้บัญชาการหลี่แห่งเมืองเซวียนฝู่รักษาเมืองเปียงยาง จังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยอง รอทัพใหญ่ไป”
ก่อนจากเปียงยางมา หลี่หรูซงกล่าวกับหลี่หรูเหมยเข้าใจแล้วว่า เสบียงไม่มาก็ไม่อาจขยายชัยชนะไปต่อ หลี่หรูเหมยเรื่องอื่นไม่รู้ แต่รู้ว่าการขยายผลการรบมีความหมายต่อตระกูลหลี่ แน่นอนไม่ยอมวางมือในเรื่องนี้
พูดโยกโย้ มีแต่รายละเอียด ถ่วงเวลา ผู้ใดก็ไม่เก่งไปกว่าขุนนางบุ๋น สวีกว่างกั๋วเป็นขุนนางที่ก้าวขึ้นมาจากท้องที่ทีละก้าว เวลาที่ผ่านมาเรียกว่าสั่งสมประสบการณ์ หลังเจรจาไปหลายครั้ง หลี่หรูเหมยก็ไม่ได้ฉลองปีใหม่ดีๆ ทุกวันได้แต่ไปขอร้อง ถกเถียงและวิวาทะ
ตระกูลหลี่เป็นขุนนางเป็น หลี่หรูเหมยใช่ว่าไม่เป็น เห็นเช่นนี้ แน่นอนเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่มาก ทุกคนในเหลียวหนิงผู้ใดไม่รู้ว่าสวีกว่างกั๋วละโมบมากที่สุด เป็นคนที่เห็นเงินแล้วตาโตมาก คิดไม่ถึงครั้งนี้ของขวัญไม่ได้ประโยชน์แม้แต่น้อย คนเฝ้าประตูล้วนได้รับคำสั่งมา เข้าไปมอบของขวัญยังไม่ได้
“ใต้เท้า หรือว่าไม่เห็นความชอบตระกูลหลี่เรา รอแต่เหลียวกั๋วกงมาเก็บความชอบนี้ไป?”
ไปมาหาสู่หลายครั้ง หลี่หรูเหมยเริ่มร้อนใจแล้ว จึงไม่ไว้หน้ากล่าวเช่นนี้ออกมา ในตาสวีกว่างกั๋วไม่อาจปล่อยให้มีเม็ดทราย จึงได้ตบโต๊ะดังในตอนนั้น
“ข้าจัดระเบียบทัพครานี้ คนเหลียวกั๋วกงยังต้องอยู่ใต้การจัดระเบียบข้า ทำเช่นไรไม่ใช่หน้าที่ใต้เท้าหลี่มากล่าว หากไม่เห็นว่าท่านเป็นคนตระกูลหลี่ ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าทูลโอรสสวรรค์หรือ?”
พอฉีกหน้ากันแล้ว สวีกว่างกั๋วก็ไม่ใจอ่อนอีก และไม่มีทางที่เกรงใจให้อีกแม้แต่น้อย กล่าวกันถึงขั้นนี้แล้ว หลี่หรูเหมยก็ได้แต่ขอโทษ แสดงท่าทีว่าตนหลุดวาจาไป
“ในเมื่อท่านคิดเช่นนี้ ข้าก็ขอนำท่านไปดูโกดังเสบียงเรา ว่าแท้จริงใช่ข้าหลอกท่านหรือไม่ จงใจขัดตระกูลหลี่ท่านหรือไม่”
สวีกว่างกั๋วเองก็ไม่ปิดบัง ในโกดัง มีเสบียงส่งเข้ามาไม่ขาด และขนไปเปียงยางไปขาด แต่ไม่มีเก็บสะสมจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพิ่มจำนวน หลี่หรูเหมยได้แต่อึ้งไร้วาจา ขออภัยไปอีกรอบ